แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านมาหน้าต่างเข้ามากระทบสองร่างหนุ่มสาวที่นอนกอดกายกันอยู่บนเตียงให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่เมษาค่อย ๆ ปรือตาขึ้นพร้อมกับปิดปากห้าววอด จากนั้นก็เลื่อนมือขึ้นขยี้เปลือกตาต่อไล่อาการตาพร่าเบลอ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายของคนที่เธอนอนกอดกาย และซุกอกอยู่ทั้งคืน รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดพรายขึ้นประดับริมฝีปากอิ่ม พวงแก้มนวลแดงระเรื่อเมื่อภาพเหตุการณ์แสนร้อนแรงฉายขึ้นในสมองเมื่อคืนเธอกับชายหนุ่มมีค่ำคืนอันร้อนแรงด้วยกันแม้เธอพยายามหักห้ามใจพยายามฝืนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทานความต้องการของร่างกาย และการปลุกเร้าจากอีกคนได้ต้องยอมสยบกลายเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ ของเขาทุกครั้ง เผลอ ๆ เธออาจจะกลายเป็นคนติดเซ็กซ์ด้วยแล้วซ้ำไปเพราะเพียงถูกชายหนุ่มปลุกเร้าหน่อยก็จุดติดได้ง่าย มือเรียวเคลื่อนไปแตะรอยดูดสีแดงบนอกแกร่งลากนิ้วไปจนถึงรอยกัดบนซอกคอเบา ๆ เมื่อคืนเธออารมณ์พุ่งทะยานจนเผลอฝากรอยเอาไว้ ไม่รู้ว่าอีกคนตื่นมาจะโดนดุหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ใช่ย่อยฝากรอยไว้ทั่วร่างกายเธอเหมือนกัน"ฮืม.." เธอพลันรีบดึงมือกลับเมื่อได้ยินเสียงคำรามในลำคอแกร่ง รีบปิดตาแสร้งทำเ
@TNN GOUBทั้งสองมาถึงบริษัทในเวลาเก้าโมงครึ่งพอดีหลังจากทำกิจกรรมบนเตียงกันจนอิ่มหนำสำราญเมษาเหมื่อยขบไปทั้งตัวเพราะโดนจัดหนักทั้งกลางคืน และตอนเช้าไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันเธอทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะนอนฟุบหน้าบนแขนตัวเองด้วยความรู้สึกง่วงโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมกริบมองอยู่เจ้านายนั่งมองร่างบางที่นอนฟุบหน้ากับโต๊ะด้วยแววตาเรียบนิ่ง และไม่คิดจะเอ่ยอะไรแม้เป็นเวลางานปล่อยให้เธอนอนไปเพราะไม่ได้มีงานอะไรให้ทำอยู่แล้วในสมองครุ่นคิดไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะมีใจให้เขาบ้างหรือยังเพราะเขาลงทุนลงแรงกับเธอไปพอสมควรแล้ว อยากจะเห็นผลลัพธ์นั้นไว ๆ อีกอย่างเขาก็เริ่มเบื่อเต็มทนกับการที่ต้องแสร้งทำดีกับเธอทั้งที่ในใจโกรธแค้นอยากจะขย้ำเธอให้แหลกคามือวันละหลาย ๆ รอบเขานั่งมองร่างบางอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที ก่อนจะดึงสายตากลับมาสนใจเอกสารบนโต๊ะต่อ กระทั่งนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกเดินไปหาร่างบางที่ยังนอนฟุบหน้าอยู่"เมษาตื่น" เปล่งเสียงเรียกพลางใช้มือเขย่าไหล่มนเบา ๆ ทำให้คนที่กำลังหลับไหลรู้สึกตัวตื่น"คะ" เธอผงกหน้าขึ้นขานรบทั้งที่ตายังไม่เปิดด้วยซ้ำ ก่อนจะใช้มือขยี้เปลือกตาไล่อ
"ยังไม่ได้เป็นแฟนกันครับ ผมกำลังจีบเธออยู่ต่างหาก" เธออึ้ง และอึ้งจากที่ทำตัวไม่ถูกอยู่แล้วยิ่งไปกันใหญ่ ขณะที่พนักงานในร้านต่างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอิจฉาอ่า...ให้ตายสิยากหายไปจากตรงนี้ เธอพยายามข่มความรู้สึกมากมายเอาไว้ แล้วยื่นมือไปรับกล่องสร้อยคอจากพนักงานมาถือไว้ น้อมศีรษะให้เป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นก็รีบเดินก้มหน้าออกจากร้าน ไม่แม้แต่จะมองหน้าชายหนุ่มด้วยรู้สึกเขอะเขินและทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นเธอตั้งรับไม่ทันจริง ๆ และไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงโดนคนที่เคยโกรธแค้นกันบอกว่าจีบใครจะไม่ตกใจ หากเธอกับเขาเริ่มต้นด้วยเรื่องดี ๆ ก็คงไม่แปลกอะไร"เมษา" เจ้านายรีบสาวเท้าเดินตามร่างบางพลางเปล่งเสียง แต่แทนที่เธอจะหยุดกลับสาวเท้าเดินเร็วขึ้น หากให้เดาคงเขินจนไม่กล้ามองหน้าเขาสินะ"หึ" เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างนึกขัน ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินให้ทันเธอ"โกรธเหรอที่ฉันพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น" แสร้งถามไปเมื่อเดินมาเคียงข้างเธอแล้ว"ฉันไม่ได้โกรธค่ะ แค่ตกใจ" เมษาเอ่ยพลางเบนหน้าไปทางอื่น "อีกอย่างคุณไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นนะคะ""แล้วใครบอกว่าฉันพูดเล่น" สองเท้าเล็กพลันหยุดดัง
ช่วงค่ำของอีกวันเจ้านายกับเมษาก็เตรียมตัวไปงานวันเกิดของแม่ลียา ซึ่งเมษาไม่ได้อยากไปสักนิดด้วยรู้สึกว่าเจ้าของงานอย่างลียากับครอบครัวคงไม่อยากต้อนรับเธอเท่าไร ไหนจะสาริกาที่แอบมาพูดจาเสียดสี และสั่งห้ามไม่ให้เธอไปอีก แต่ที่เธอต้องไปก็เพราะถูกชายหนุ่มบังคับยังไงล่ะ"คุณฉันไม่ไปไม่ได้เหรอคะ" เธอลองพูดขอชายหนุ่มอีกครั้งเพื่อเขายอมใจอ่อน"ไม่ได้ ฉันอยากพาเธอไปเปิดตัวให้ทุกคนได้รู้จัก" เจ้านายปฏิเสธแทบไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเธอที่นั่งแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ยืนซ้อนแผ่นหลังบาง แล้วใช้มือทั้งสองค้ำยันขอบโต๊ะทำให้ตอนนี้ร่างบางคล้ายกับโดนเขากักขังไว้ด้วยวงแขน ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงกระซิบชิดกกหูเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นถ้ามีฉันอยู่"คำพูดจากริมฝีปากหนาทำเมษารู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เอี้ยวหน้าขึ้นมองสบสายตาร่างสูงที่ยืนกักขังเธอไว้ในวงแขนด้วยแววตาอ่อนโยน สองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้ง เนิ่นนานหลายนาทีเมษาจึงหันหน้ามองกระจกดั่งเดิมโดยไม่พูดอะไร สายตามองใบหน้าคมคายที่ลอยอยู่ข้างกกหูผ่านกระจกนั่นจึงทำให้เธอสบกับสายตาลุ่มลึกอี
@บ้านลียา"พร้อมไหม?"เจ้านายหันไปถามไถ่ร่างบางที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ หลังจากรถเคลื่อนตัวมาจอดลงยังบ้านลียาได้สักครู่แล้ว"ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแหละค่ะ" เมษามองหน้าตอบร่างสูงด้วยน้ำเสียงแกล้มประชดไม่ใช่เพราะเราหรือไงกันที่เธอต้องมา ทีแบบนี้ทำเป็นมาถามเธอว่าเขาในใจ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเจ้านายลงตามแล้วเดินอ้อมมายืนเคียงข้าง อ้าแขนออกเล็กน้อย เมษาสอดแขนเข้าไปควงท่อนแขนแกร่งอย่างรู้งานจากนั้นก็พากันเดินควงแขนเข้าไปในงานงานของแม่ลียาถูกจัดบริเวณสระน้ำของบ้าน แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันมาไม่ขาดสาย ทุกคนล้วนเป็นผู้ดีมีฐานะทั้งนั้น"ไหนว่างานเล็ก ๆ คะ ฉันว่าใหญ่เอาการ" เมษาหันไปบ่นพึมพำกับร่างสูงข้าง ๆ ในตอนที่เดินมาถึงงานแล้วเห็นแขกเหรื่อยืน และนั่งที่โต๊ะเต็มไปหมดบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างครึกครื้น"ไม่รู้สิ" เจ้านายไหวไหล่เขาเองก็คิดไม่ต่างจากเธอนั่นแหละ สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณหาเจ้าของงาน เมื่อเห็นจึงควงหญิงสาวเดินไปหา"แม่ลียาอยู่ตรงนั้น เอาของขวัญไปให้ท่านกันเถอะ""ค่ะ" ทั้งสองพากันเดินเข้าไปหาลียา วาว และมินยองที่กำลังรับแขกอยู่อีกฝั่งของสระ "สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า น้องลียา"
"ดื่มน้ำส้มมันจะไปสดชื่นอะไรครับ" นทีเอ่ยเมื่อเห็นเมษาเอาแต่ดื่มน้ำส้มพร้อมกับรินไวน์ใส่แก้วแล้วเลื่อนไปตรงหน้าเธอ "ดื่มไวน์ดีกว่าครับ""ฉันแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ" เมษาโกหกเพื่อตัดปัญหา ไม่อย่างนั้นหนุ่มแปลกหน้าคนนี้คงคะยั้นคะยอให้เธอดื่มไม่เลิกแน่ ๆ "อ่อ..โทษทีครับพี่ไม่รู้" นทีแสร้งทำท่าทีตกใจพลางเอ่ยขอโทษราวกับรู้สึกผิดทั้งที่ในใจไม่สบอารมณ์ เขาตั้งใจให้หญิงสาวดื่มไว้นเพื่อมอมเธอตามแผนที่ลียาได้วางไว้ เขากับเพื่อนชายอีกคนถูกลียาจ้างให้มาจัดการกับหญิงสาวโดยการมอมให้เธอเมา แล้วพาไปปู่ยี่ปู้ยี่ปู้ยำ แต่เธอดันแพ้แอลกอฮอล์เขาคงต้องหาวิธีอื่นเพราะยังไงก็รับเงินค่าจ้างจำนวนห้าแสนมาแล้ว เขาหันไปมองสบสายตาเพื่อนชายชั่วครู่ ก่อนจะหันไปชวนหญิงสาวคุยต่อ เมษาไม่ได้อยากคุยด้วยสักนิดจะลุกออกไปเลยก็ดูเสียมารยาทเกินไป แต่ยิ่งนั่งคุยไปนาน ๆ ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น เธอได้แต่ภาวนาให้ชายหนุ่มกลับมาไว ๆ บอกตามตรงว่าเธอไม่ไว้ใจสองหนุ่มที่เข้ามาหาเท่าไรเธอเอาแต่นั่งมองทางภาวนาในใจให้ชายหนุ่มกลับมาไว ๆ แต่จนแล้วจนเล่าก็ไร้เงาจนเธอเริ่มทนไม่ไหวจึงหันไปบอกกล่าวกับหนุ่มทั้งสอง "ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"ค
"เมษาเธอเป็นยังไงบ้าง" พอได้ยินเสียงหญิงสาวเจ้านายก็รีบตะโกนถามไถ่ทันที ต่อให้เขาจะโกรธแค้นแต่ก็ไม่ได้อยากให้เธอโดนคนอื่นทำร้ายนอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น นับว่าโชคดีที่เขาเอะใจเมื่อเดินกลับมาที่โซฟาแล้วไม่เห็นใครเลยสักคนจึงเกิดความสงสัยจนต้องเดินไปดูที่ห้องน้ำตามที่เธอบอกในไลน์ พอไปถึงหน้าห้องน้ำก็พบกระเป๋าสะพายเมษาตกอยู่ รู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเธอแน่ ๆ เพราะหนุ่มสองคนที่เธอบอกก็หายไปด้วยเขาเดินสำรวจไปทั่วก่อนจะพบว่าประตูหลังเปิดอยู่จึงคิดว่าบางทีเธออาจถูกจับตัวออกทางด้านหลังเพราะถ้าออกทางด้านหน้าคงมีคนเห็นแล้ว คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบวิ่งมาดูที่รั้วประตูหลัง แล้วก็พบหนุ่มแปลกหน้าสองคนกำลังจับหญิงสาวยัดในรถจริง ๆ"ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ" เขาได้ยินเสียงหญิงสาวตอบกลับก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย รีบเดินตรงดิ่งไปหาชายทั้งสอง "ปล่อยตัวผู้หญิงเดี๋ยวนี้""มึงอย่าเสือกไม่เข้าเรื่อง" นทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมพลางเดินเข้าหาเจ้านายเช่นกัน โดยมีรัฐเดินตามหลังมาติด ๆ "ไม่เสือกไม่ได้เพราะพวกมึงจับเมียกูมา ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้" นอกจากเจ้านายจะไม่กลัวแล้วยังกดเสียงอย่างดุดัน สรรพนามแทนต
ผ่านไปราว ๆ ชั่วโมงกว่า ๆ เจ้านายกับเมษาก็มาถึงโรงพยาบาล ชายหนุ่มถูกนำตัวเขาห้องฉุกเฉินเพื่อทำแผลโดยมีเมษาคอยประคองไม่ห่างแม้เขาจะไม่เป็นอะไรมากยังเดินได้คล่องปรือก็ตาม"ซี้ดดด.." "เจ็บมากเหรอคะ" เธอถามไถ่ด้วยความห่วงใยเมื่อร่างสูงที่นั่งบนเตียงมีพยาบาลกำลังทำแผลให้สูดปาก ใบหน้าขมวดมุ่นคล้ายกับเจ็บ มือเคลื่อนไปลูบแผ่นหลังกว้างเบา ๆ ปลอบประโลม "อดทนหน่อยนะคะ""ปลอบฉันเป็นเด็กเลยนะ" จากที่หน้าขมวดเพราะเจ็บแผลเจ้านายก็หลุดยิ้มออกมากับการกระทำของหญิงสาวที่ทำราวกับเขาเป็นเด็กน้อย ดวงตาคมกริบมองสบแววตาที่ฉายไปด้วยความห่วงใยของเธอ เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เขาได้เห็นว่าเธออ่อนโยน และใส่ใจขนาดไหนเรียกได้ว่าหากอุ้ม และโอ๋เขาได้เธอคงทำไปแล้วและทุกคำพูดทุกการกระทำที่เธอแสดงออกมามันก็ดูใสซื่อบริสุทธิ์ไร้การแสแสร้งใด ๆ เขาสัมผัสได้"แฟนน่ารักจังเลยนะคะ" พยาบาลที่กำลังทำแผลให้ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ นึกเอ็นดูในการกระทำและคำพูดของเมษาที่ดูบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อย หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู"มะ.." "ใช่ครับ..เธอน่ารักมาก" เจ้านายไม่ปล่อยให้หญิงสาวปฏิเสธรีบพูดแทรกขึ้นพลางส่งยิ้มให้พยาบาลสาว แล้วหันมองหน้าเธอด
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ
แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาสามเดือนเต็มแล้วที่เจ้านายตามง้อเมษา และเหมือนความพยายามของเขาจะออกผลบ้างแล้วเพราะเธอดูอ่อนลง ยอมรับอะไร ๆ ที่เขาคอยทำให้บ้างแม้จะไม่ทุกอย่างก็ตามเจ้านายมารอรับหญิงสาวเหมือนเช่นทุกวัน ที่แตกต่างไปคงเป็นกุหลาบสีแดงช่อโตที่วางบนเบาะข้างคนขับ เขาขับรถผ่านร้านดอกไม้แล้วนึกถึงเธอจึงตั้งใจซื้อมาให้ ได้แต่หวังว่าเธอจะชอบ และไม่โยนทิ้งถังขยะเขานั่งรอในรถจนเห็นเธอเดินมาจึงเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับรอ"เชิญครับคุณผู้หญิง" เธอเดินมาถึงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานพลางโน้มตัวผายมือเชื้อเชิญขึ้นรถ"ขอบคุณ" เมษาเอ่ยตามมารยาท ในวินาทีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนเบาะเธอก็ต้องชะงักสองคิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนยิ้มแฉ่งเชิงตั้งคำถาม"ชอบไหมครับ พี่เห็นมันสวยดีเลยนึกถึงน้องเมย์" เจ้านายบอกกล่าวพลางมองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าแสนสวย "พี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะครับ"เมษาไม่ได้พูดอะไรอีก ยื่นมือไปหยิบช่อดอกไม้มาถือไว้แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะวางช่อดอกไม้บนตักเจ้านายเห็นแบบนั้นก็ใจชื่นหน่อยเพราะแอบลุ้นอย่างหนักว่าเธอจะรับไหม หรือร
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว สองคิ้วสวยพลันขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อปรือตาขึ้นพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตหนำซ้ำเธอยังกอดเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าชิดใกล้กับแผงอกแกร่งที่หลบซ่อนภายใต้เสื้อยืดสีดำจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย และได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา เธอเผลอสูดดมเข้าปอดพรืดใหญ่ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างเพียงนิด มือยกขึ้นสัมผัสบนแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ นานแล้วสินะที่เธอไม่ได้มอง และได้อยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโคตรคิดถึงและโหยหาเขาเลย แต่ก็ทำได้แค่อดทนอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้แม้เขาทำเธอเจ็บ แต่เธอก็ยังรู้สึกดีเวลาที่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มความรักความอบอุ่นที่ขาดหายจากผู้เป็นพ่อให้กับเธอภายนอกเธอแสดงออกไปเหมือนยังโกรธเขาอยู่ ทว่าจริง ๆ หัวใจของเธอมันอ่อนไหวไปแล้วเพียงแค่พยายามฝืนตัวเองไว้เท่านั้นเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคมคายไม่วาง เนิ่นนานหลายนาทีก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งใช้โอกาสที่คนตัวโตหลับซึมซับความอบอุ่นที่โหย
@ร้านอาหารครึ่งชั่วโมงต่อมาเมษาก็ต้องมานั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งแทนที่จะได้กลับบ้านก็เพราะคนหน้ามึนอย่างชายหนุ่มพามาน่ะสิทั้งที่เธอบอกแล้วว่าไม่หิวไม่อยากกิน แต่เขาก็ไม่ฟังพามาจนได้เธอนั่งกอดอกมองอาหารมากกว่าห้าอย่างด้วยแววตาขุ่นเคือง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมนูโปรดเธอทั้งนั้นถามว่าใครสั่งก็คนที่พามานั่นแหละ คิดว่าแค่จำเมนูอาหารทุกอย่างที่เธอชอบทานได้จะทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือบอกเลยไม่มีทาง"พี่สั่งของโปรดน้องเมย์ทั้งนั้นเลยนะครับ ทานสิ" เจ้านายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งทำหน้าคว่ำ มือกอดอก สายตามองมาอย่างไม่พอใจราวกับเด็กน้อย"ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว อยากกินก็กินไปคนเดียวสิ" เมษาตอบเสียงขุ่นพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย"ไม่หิวจริง ๆ เหรอครับ ของโปรดน้องทั้งนั้นเลยนะ" ไม่ว่าเปล่าเจ้านายยังยกจานปูผัดผงกะหรี่ไปใกล้ใบหน้าเรียวยั่วความอยากของเธอด้วยกลิ่นหอม ๆกลิ่นหอมของผงกะหรี่ลอยอบอวลแตะจมูกทำเมษาลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จากที่หิวอยู่แล้วก็ยิ่งหิวเข้าไปอีก ทว่าเธอยังคงเก็บอาการได้ดี"ก็บอกว่าไม่หิวไง" หันกลับมามองคนตัวโตตาขวา