"ปล่อยฉัน ปล่อยไอ้สารเลว"เธอทั้งเจ็บทั้งโกรธจนแทบบ้าที่กำลังเสียท่าให้กับเขา มือทั้งสองของเธอถูกเขาจับไปกดตรึงกับพนักโซฟาด้วยมือเพียงข้างเดียว เสื้อยืดคอย้วยถูกเขาใช้อีกมือฉีกกระชากจนมันขาดวิ่นบาดผิวเป็นทางยาวสร้างความเจ็บแสบให้เธอไม่น้อยแคว่ก!บราเซียสีเนื้อถูกดึงทึ้งจนขาดเป็นปราการถัดมา สองก้อนเนื้อใหญ่โตดีดเด้งตีปลายคางเกลี้ยงเกลาเธอยิ่งดิ้นหนักกว่าเดิม ส่วนเขายิ่งรุนแรงใบหน้าเรียวพลันเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อถูกริมฝีปากหนาเลื่อนลงดูดดุนยอดอกสลับใช้ฟันขบกัดแรง ๆ มือก็บีบขย้ำเนื้อนุ่มหยุ่นราวกับจะให้แหลกคามือเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า เนื้อตัวเริ่มสั่นระริกเจ้านายระบายความโกรธใส่ร่างบางไม่หยั่ง เขาขบกัดยอดอกสีหวานแรง ๆ อีกทีหนึ่งจนมีเลือดซิบออกมา ก่อนจะผละตัวออกสอดมือเข้าไปโอบรัดกระชับเอวคอดยกร่างบางจนสองเท้าลอยสูงจากพื้น ทรวงอกเต่งตึงอยู่ระดับใบหน้าคมคายพอดิบพอดี แล้วพาเธอก้าวเดินดุ่ม ๆ ไปที่เตียง"ปล่อยฉัน"เมษาดีดดิ้น พยายามเกาะมือหนาออกจากเอวคอดสุดกำลังหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ไร้ผลเมื่อมาถึงเตียงก็ถูกเข้าทุ้มลงด้วยความรุนแรงทำเอาเธอจุกในท้อง และร้าวแผ่นหลังไม่น้อย"อึก.." เธอ
"หมดฤทธิ์แล้วสินะ" เจ้านายจัดการแกะแพนตี้ที่มัดข้อมือเล็กออก แล้วผละตัวลุกยืนริมเตียงมองร่างบางที่นอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดสภาพด้วยความพอใจ ก่อนจะละสายตาออก เดินไปเปิดตู้หยิบกระเป๋าเงินที่อยู่ในกระเป๋าทำงาน แล้วเดินกลับมายืนข้างเตียงเหมือนเดิม เปิดกระเป๋าเงินหยิบแบงค์สีเทาจำนวนหนึ่งหมื่นออกมาโยนลงบนหน้าอกอวบอิ่มที่กำลังกระเพื่อมด้วยแรงหอบหายใจหนัก ๆ "อ๊ะ!"เงินปึกหนาตกลงกลางอกเมษาอย่างแรงทำเอาเธอถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ห่อไหล่อัตโนมัติพลางผงกหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเงินจึงรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งแม้จะรู้สึกปวดร้าวร่างกาย สายตาเหลือบมองปึกเงินที่ร่วงจากอกตกอยู่ข้างสะโพก แล้วช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายต่อด้วยความรู้สึกคับแค้นใจเธอพอเดาออกว่าเขาโยนเงินนี้ให้ทำไม.."หนึ่งน้ำ..หนึ่งหมื่นตามที่พูด" เจ้านายมอบสบสายตาคับแค้นใจแล้วเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ แววตาเจือไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามทำเมษาโกรธจนปากคอสั่น หยิบเงินขว้างใส่ร่างสูงอย่างแรง"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว!" ตุบ!เงินปึกใหญ่ลอยกระแทกหน้าท้องแกร่งเต็ม ๆ ก่อนจะร่วงลงข้างเท้าใหญ่ เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่ไม่พอใจในความอวดดีของหญิงสาวต่างหา
วันต่อมา..หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนส่งผลให้บรรยากาศเช้านี้ภายในห้องนอนอึมครึมกว่าทุกวันที่ผ่านมา เมษาตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด แต่เธอก็แสร้งหลับต่อเพราะยังไม่ต้องการประจันหน้ากับชายหนุ่มทว่ามีหรือเจ้านายจะรู้ไม่ทัน ปกติหญิงสาวตื่นก่อนเขาเสมอ เหตุการณ์เมื่อคืนคงทำให้เธอโกรธและเกลียดเขามาก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องแคร์และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการค่อย ๆ ทำดีกับเธอทำให้เธอหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น จากนั้นก็สลัดเธอทิ้งเขายืนมองร่างบางนิ่ง ๆ ไม่คิดจะเข้าไปวุ่นวาย หรือทำอะไรแม้รู้ว่าเธอแสร้งหลับ ก่อนจะละสายตาเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน@TNN GROUP ก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นดึงความสนในของเจ้านายที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานให้เงยขึ้นมอง ก่อนจะเปล่งเสียงตอบไป"เข้ามา"สิ้นเสียงอนุญาตประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงโปร่งของเลขาวัยกลางคน แต่ที่ทำให้เจ้านายแปลกใจคือข้าง ๆ เลขามีลียาหญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้นในวัยเด็กของเขายืนอยู่ด้วยสองคิ้วเข้มขมวดมุ่น สายตาจับจ้องร่างบางในชุดเดรสเกาะอกสีเทาอ่อนด้วยความสงสัย มันน่าแปลกที่จู่ ๆ เธอก็มาปรากฏตัว
หลังจากจัดแจงแผนทุกอย่างเสร็จเจ้านายกับนนท์ผู้ช่วยคนสนิทก็แยกย้ายไปรอแม่ของเมษาที่จุดของตัวเอง รอประมาณครึ่งชั่วโมงก็เห็นแม่เมษาเดินถือตะกร้าขนมออกมาจากซอยบ้านนนท์สตาท์รถเตรียมออกตัวทันที ก่อนจะขับรถไปอย่างช้า ๆ กะระยะให้พอประมาณครั้นใกล้ถึงที่แม่เมษาเดินอยู่ก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว"ว๊ายย!"จันที่กำลังเดินพลางก้มมองตะกร้าขนมถึงกับเบิกตากว้างร้องออกมาเสียงหลงวินาทีที่เงยหน้าขึ้นเห็นรถเก๋งคันสีดำพุ่งตรงมาที่เธอด้วยความเร็ว สัญชาตญาณทำให้เธอรีบดีดตัวหลบแต่ก็ยังช้ากว่าอยู่ดีทำให้กระจกรถชนเข้ากับสีข้างเต็ม ๆ ก่อนตัวเธอจะเสียหลักล้มลงกระแทกพื้น ข้อศอกค้ำยันกับถนนคอนกรีตจนเป็นแผลถลอก ข้อเท้าแพลงสร้างความเจ็บปวดให้เธอไม่น้อยนนท์มองผลงานของตัวเองผ่านกระจกด้วยความตกใจ แต่เขาก็จำใจต้องขับรถหนีไปแม้รู้สึกผิด และอยากจะช่วยเธอมากแค่ไหนก็ตามขณะเจ้านายที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ รีบรับช่วงต่อขับรถออกจากซอยตรงไปจอดลงที่แม่ของเมษาหกล้มอยู่ด้วยความเร็วเขาแสร้งทำสีหน้าตกใจให้สมจริงพร้อมเปิดประตูลงจากรถไปดูเธอ ถามไถ่พลางไล่สายตามองด้วยความเป็นห่วง "คุณน้าเป็นยังไงบ้างครับ"เห็นใบหน้าบิดเบ้ของห
เจ้านายชะล่อความเร็วรถลงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือขวาไปรับโทรศัพท์จากจันมากดเบอร์ของตัวเองพร้อมทำการบันทึกให้เสร็จสรรพ ปากก็เอ่ยแนะนำตัวไปเพราะนึกถึงได้ว่ายังไม่รู้ชื่อกันเลย"คุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ชื่อกันเลย..ผมเจ้านายนะครับ"ไม่ใช่สิต้องบอกว่าเขารู้จักชื่อเสียงเรียกนามของจันไปตลอดจนถึงประวัติส่วนตัวแล้วเพียงแต่ต้องแสดงให้แนบเนียนว่าไม่รู้จักเท่านั้นบันทึกเบอร์เสร็จก็ยื่นโทรศัพท์กลับให้จัน "น้าชื่อจันจ้ะ" จันรับโทรศัพท์มาเก็บไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมพลางบอกกล่าวชื่อให้เด็กหนุ่มรับรู้ทั้งสองพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ กระทั่งใกล้ถึงปากซอยเข้าหมู่บ้านเจ้านายจึงแสร้งทำเป็นถามถึงบ้านของจัน"คุณน้าอยู่หมู่บ้านนั่นใช่ไหมครับ""ใช่จ้ะ น้าพักอยู่บ้านหลังที่แปด" "อ่อครับ""ว่าแต่เจ้านายมาทำอะไรแถวนี้เหรอ หรืออยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกัน" พอพูดเรื่องนี้จันก็อดสงสัยไม่ได้จึงถามไถ่พลางมองเสี้ยวหน้าเด็กหนุ่มเชิงตั้งคำถาม"อ่อ ผมมาทำธุระแถวนี้นะครับเลยบังเอิญเจอคุณน้าพอดี" เจ้านายเลือกโกหกด้วยไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย และเห็นว่ามันไม่จำเป็นรถคันหรูจอดลงหน้าบ้านหลังที่แปดตามคำบอกจัน ก่อนเจ้านายจะเปิดประตูลงจา
เมษาอาสาออกมาส่งชายหนุ่มหน้าบ้านเพื่อหาโอกาสถามไถ่ถึงสิ่งที่สงสัย เธอร้อนใจจนต้องถามให้ได้เดี๋ยวนั่น"มีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ" เจ้านายรู้ทัน เมื่อเดินมาถึงรถก็หันกลับไปถามหญิงสาวทันที "ที่คุณเข้ามาช่วยแม่ฉันวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม คุณคิดจะทำอะไรกันแน่" เมื่ออีกคนเปิดโอกาสเธอก็ไม่รอช้าที่จะถาม สายตาช้อนขึ้นมองสบแววตาเรียบนิ่งพยายามคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ "ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะมองฉันในแง่ดีบ้างไม่รึไง" เจ้านายเอ่ยเสียงนิ่ง แววตาไม่สะท้อนความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็น"ฮึ.." คำพูดจากริมฝีปากหนาทำเมษาร้องฮึในลำคอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นยิ่งแปลกใจหนักกว่าเดิม ทำไมวันนี้คำพูดคำจาของเขาถึงฟังดูรื่นหูกว่าปกติผีเข้า สมองกระทบเทือน ทานยาผิด หรือกินอะไรผิดสำแดงเข้าไป"แล้วคุณได้พูดอะไรกับแม่ฉันรึเปล่า" เมื่อเขาไม่ยอมตอบคำถามแรกเธอจึงยิงคำถามต่อไป"คิดว่าไงล่ะ" คำตอบที่ได้รับยังคงออกแนวกวนประสาทเหมือนเดิม แม้น้ำเสียงจะฟังรื่นหูทำเมษาเริ่มอารมณ์ขุ่นเคือง "บอกให้ฉันถามตรง ๆ แต่คุณตอบไม่ตรงสักคำถาม" ต่อว่าไปด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้างพลางทำหน้าคว่ำใส่"ฉันก็บอกอยู่ว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่อง
เช้าวันต่อมาต่างคนก็ต่างตื่นนอน และทำอะไรตามปกติ ซึ่งบรรยากาศภายในห้องดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน“ฉันอนุญาตให้เธอไปหาแม่ได้นะ แล้วคืนนี้ก็นอนกับท่านได้เลย” เจ้านายบอกกล่าวขณะกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่หน้ากระจกคำพูดจากปากชายหนุ่มทำเมษาที่กำลังจะลุกไปอาบน้ำยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจสุดขีด มองไปที่ร่างสูงด้วยแววตาทอประกาย “จริงนะ?”“ฉันพูดคำไหนคำนั้น” เจ้านายเงยหน้าขึ้นตอบ ทว่าเขาก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้ม และแววตาทอประกายราวกับลูกแมวน้อยของเธอที่มองมา มันมีเสน่ห์ชวนมองจนไม่อาจละสายตาราวกับโดนต้องมนต์..ไม่รู้ว่าเขาเผลอมองหน้าเธอนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกทีก็ต้องที่เสียงเธอดังทบโสตประสาท“คุณเป็นอะไรไหม?” เมษาเห็นว่าเขายืนนิ่งมองมาที่เธอตาไม่กระพริบนานแล้วจึงถามไถ่“เปล่า” เขาปฏิเสธ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ “รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จจะได้ออกไปพร้อมกัน”ทำเมษานึกแปลกใจเป็นครั้งที่สองของเช้านี้แล้ว ทำไมวันนี้ชายหนุ่มถึงใจดีแปลก ๆ นอกจากจะอนุญาตให้เธอไปนอนค้างกับแม่แล้วยังใจดีให้เธอไปด้วยอีกเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือเขาคิดจะทำอะไรกันแน่บอกตามตรงว่าเธอไม่ไว้ใจเอาเสียเลย กลัวว่าภาย
ได้ยินบทสนาของทั้งสองคนแล้วเมษาก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จนต้องแอบเบะปาก ไม่รู้ชายหนุ่มไปทำอีท่าไหนแม่ของเธอถึงได้ดูชอบเขาเหลือเกิน ยิ้มหน้าบานเชียวเธอแค่คิดในใจแต่ไม่พูดออกไปครั้นวางสายจากเด็กหนุ่มจันก็ลุกเดินเข้าไปในครัว เมษามองตามหลังแม่พร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนพยักเพยิดหน้าให้น้องสาวดูคนเป็นแม่มายด์ระบายยิ้มให้พี่สาวอย่างรู้ทันความคิด ก่อนจะขออาสาไปช่วยในครัวด้วยคน "มายด์ไปช่วยนะคะ""ได้สิ" เมษายิ้มหวานให้น้องสาวพร้อมกับลุกขึ้นยืนอ้าแขนซ้ายออก มายด์ลุกเดินเข้าไปให้พี่สาวโอบกอดไหล่อย่างรู้งาน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในครัวช่วยกันทำอาหารเวลาเที่ยงตรงของวันเจ้านายก็มาถึงบ้านเมษา เขาไม่ลืมจะถือของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยตามมารยาท เขานั่งอยู่ในรถสักพักไม่เข้าไปทันทีรอจนสิบสองโมงกว่า ๆ จึงค่อยเปิดประตูลงจากรถเดินไปกดกริ่งหน้ารั้วรอไม่ถึงสองนาทีก็เห็นน้องสาวเมษาเดินกึ่งวิ่งออกมา"สวัสดีค่ะคุณเจ้านาย" มายด์ยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม ก่อนจะเปิดประตูรั้ว"สวัสดีครับ" เจ้านายรับไหว้เด็กสาวด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแล้วเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน "แม่กับพี่สาวไม่อยู่เหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่เมื่อเดินเ
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ
แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาสามเดือนเต็มแล้วที่เจ้านายตามง้อเมษา และเหมือนความพยายามของเขาจะออกผลบ้างแล้วเพราะเธอดูอ่อนลง ยอมรับอะไร ๆ ที่เขาคอยทำให้บ้างแม้จะไม่ทุกอย่างก็ตามเจ้านายมารอรับหญิงสาวเหมือนเช่นทุกวัน ที่แตกต่างไปคงเป็นกุหลาบสีแดงช่อโตที่วางบนเบาะข้างคนขับ เขาขับรถผ่านร้านดอกไม้แล้วนึกถึงเธอจึงตั้งใจซื้อมาให้ ได้แต่หวังว่าเธอจะชอบ และไม่โยนทิ้งถังขยะเขานั่งรอในรถจนเห็นเธอเดินมาจึงเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับรอ"เชิญครับคุณผู้หญิง" เธอเดินมาถึงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานพลางโน้มตัวผายมือเชื้อเชิญขึ้นรถ"ขอบคุณ" เมษาเอ่ยตามมารยาท ในวินาทีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนเบาะเธอก็ต้องชะงักสองคิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนยิ้มแฉ่งเชิงตั้งคำถาม"ชอบไหมครับ พี่เห็นมันสวยดีเลยนึกถึงน้องเมย์" เจ้านายบอกกล่าวพลางมองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าแสนสวย "พี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะครับ"เมษาไม่ได้พูดอะไรอีก ยื่นมือไปหยิบช่อดอกไม้มาถือไว้แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะวางช่อดอกไม้บนตักเจ้านายเห็นแบบนั้นก็ใจชื่นหน่อยเพราะแอบลุ้นอย่างหนักว่าเธอจะรับไหม หรือร
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว สองคิ้วสวยพลันขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อปรือตาขึ้นพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตหนำซ้ำเธอยังกอดเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าชิดใกล้กับแผงอกแกร่งที่หลบซ่อนภายใต้เสื้อยืดสีดำจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย และได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา เธอเผลอสูดดมเข้าปอดพรืดใหญ่ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างเพียงนิด มือยกขึ้นสัมผัสบนแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ นานแล้วสินะที่เธอไม่ได้มอง และได้อยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโคตรคิดถึงและโหยหาเขาเลย แต่ก็ทำได้แค่อดทนอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้แม้เขาทำเธอเจ็บ แต่เธอก็ยังรู้สึกดีเวลาที่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มความรักความอบอุ่นที่ขาดหายจากผู้เป็นพ่อให้กับเธอภายนอกเธอแสดงออกไปเหมือนยังโกรธเขาอยู่ ทว่าจริง ๆ หัวใจของเธอมันอ่อนไหวไปแล้วเพียงแค่พยายามฝืนตัวเองไว้เท่านั้นเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคมคายไม่วาง เนิ่นนานหลายนาทีก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งใช้โอกาสที่คนตัวโตหลับซึมซับความอบอุ่นที่โหย
@ร้านอาหารครึ่งชั่วโมงต่อมาเมษาก็ต้องมานั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งแทนที่จะได้กลับบ้านก็เพราะคนหน้ามึนอย่างชายหนุ่มพามาน่ะสิทั้งที่เธอบอกแล้วว่าไม่หิวไม่อยากกิน แต่เขาก็ไม่ฟังพามาจนได้เธอนั่งกอดอกมองอาหารมากกว่าห้าอย่างด้วยแววตาขุ่นเคือง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมนูโปรดเธอทั้งนั้นถามว่าใครสั่งก็คนที่พามานั่นแหละ คิดว่าแค่จำเมนูอาหารทุกอย่างที่เธอชอบทานได้จะทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือบอกเลยไม่มีทาง"พี่สั่งของโปรดน้องเมย์ทั้งนั้นเลยนะครับ ทานสิ" เจ้านายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งทำหน้าคว่ำ มือกอดอก สายตามองมาอย่างไม่พอใจราวกับเด็กน้อย"ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว อยากกินก็กินไปคนเดียวสิ" เมษาตอบเสียงขุ่นพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย"ไม่หิวจริง ๆ เหรอครับ ของโปรดน้องทั้งนั้นเลยนะ" ไม่ว่าเปล่าเจ้านายยังยกจานปูผัดผงกะหรี่ไปใกล้ใบหน้าเรียวยั่วความอยากของเธอด้วยกลิ่นหอม ๆกลิ่นหอมของผงกะหรี่ลอยอบอวลแตะจมูกทำเมษาลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จากที่หิวอยู่แล้วก็ยิ่งหิวเข้าไปอีก ทว่าเธอยังคงเก็บอาการได้ดี"ก็บอกว่าไม่หิวไง" หันกลับมามองคนตัวโตตาขวา