เช้าวันต่อมาต่างคนก็ต่างตื่นนอน และทำอะไรตามปกติ ซึ่งบรรยากาศภายในห้องดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อวาน“ฉันอนุญาตให้เธอไปหาแม่ได้นะ แล้วคืนนี้ก็นอนกับท่านได้เลย” เจ้านายบอกกล่าวขณะกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่หน้ากระจกคำพูดจากปากชายหนุ่มทำเมษาที่กำลังจะลุกไปอาบน้ำยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจสุดขีด มองไปที่ร่างสูงด้วยแววตาทอประกาย “จริงนะ?”“ฉันพูดคำไหนคำนั้น” เจ้านายเงยหน้าขึ้นตอบ ทว่าเขาก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้ม และแววตาทอประกายราวกับลูกแมวน้อยของเธอที่มองมา มันมีเสน่ห์ชวนมองจนไม่อาจละสายตาราวกับโดนต้องมนต์..ไม่รู้ว่าเขาเผลอมองหน้าเธอนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกทีก็ต้องที่เสียงเธอดังทบโสตประสาท“คุณเป็นอะไรไหม?” เมษาเห็นว่าเขายืนนิ่งมองมาที่เธอตาไม่กระพริบนานแล้วจึงถามไถ่“เปล่า” เขาปฏิเสธ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ “รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จจะได้ออกไปพร้อมกัน”ทำเมษานึกแปลกใจเป็นครั้งที่สองของเช้านี้แล้ว ทำไมวันนี้ชายหนุ่มถึงใจดีแปลก ๆ นอกจากจะอนุญาตให้เธอไปนอนค้างกับแม่แล้วยังใจดีให้เธอไปด้วยอีกเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือเขาคิดจะทำอะไรกันแน่บอกตามตรงว่าเธอไม่ไว้ใจเอาเสียเลย กลัวว่าภาย
ได้ยินบทสนาของทั้งสองคนแล้วเมษาก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จนต้องแอบเบะปาก ไม่รู้ชายหนุ่มไปทำอีท่าไหนแม่ของเธอถึงได้ดูชอบเขาเหลือเกิน ยิ้มหน้าบานเชียวเธอแค่คิดในใจแต่ไม่พูดออกไปครั้นวางสายจากเด็กหนุ่มจันก็ลุกเดินเข้าไปในครัว เมษามองตามหลังแม่พร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนพยักเพยิดหน้าให้น้องสาวดูคนเป็นแม่มายด์ระบายยิ้มให้พี่สาวอย่างรู้ทันความคิด ก่อนจะขออาสาไปช่วยในครัวด้วยคน "มายด์ไปช่วยนะคะ""ได้สิ" เมษายิ้มหวานให้น้องสาวพร้อมกับลุกขึ้นยืนอ้าแขนซ้ายออก มายด์ลุกเดินเข้าไปให้พี่สาวโอบกอดไหล่อย่างรู้งาน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในครัวช่วยกันทำอาหารเวลาเที่ยงตรงของวันเจ้านายก็มาถึงบ้านเมษา เขาไม่ลืมจะถือของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยตามมารยาท เขานั่งอยู่ในรถสักพักไม่เข้าไปทันทีรอจนสิบสองโมงกว่า ๆ จึงค่อยเปิดประตูลงจากรถเดินไปกดกริ่งหน้ารั้วรอไม่ถึงสองนาทีก็เห็นน้องสาวเมษาเดินกึ่งวิ่งออกมา"สวัสดีค่ะคุณเจ้านาย" มายด์ยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม ก่อนจะเปิดประตูรั้ว"สวัสดีครับ" เจ้านายรับไหว้เด็กสาวด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแล้วเดินตามเธอเข้าไปในบ้าน "แม่กับพี่สาวไม่อยู่เหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่เมื่อเดินเ
เมษากลับมายังบ้านวณิชกาญจนโชติในช่วงเย็น ๆ ของอีกวันเธอพลันชะงักเท้าเล็กน้อยในตอนที่กำลังเดินเข้าบ้านแล้วเห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับสาริกา และชายหนุ่มอยู่ในห้องโถงท่าทางการพูดคุยของทั้งสามดูสนิทสนมกันมากโดยเฉพาะสาริกาที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเธอเป็นใครกัน?“กลับมาแล้วเหรอครับที่รัก”ขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดเสียงทุ้มก็ดังทบโสตประสาททำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยสองคิ้วสวยขมวดมุ่นกับประโยคที่หลุดจากปากชายหนุ่ม จู่ ๆ เขาก็เรียกเธอว่าที่รักพร้อมลุกเดินเข้ามาโอบเอวเธอ ก่อนจะกดจูบศีรษะเบา ๆ ด้วยท่าทางรักใคร่ ซึ่งเธอรู้ว่าเขาแสดงดวงตากลมช้อนขึ้นมองใบหน้าคมคายเชิงขอคำอธิบาย ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรถึงได้แสดงละครแบบนี้ทั้งที่มีคนอื่นอยู่ด้วย“เล่นตามน้ำ” เจ้านายกดเสียงพูดเบา ๆ ก่อนจะเดินโอบเอวหญิงสาวพาไปนั่งที่โซฟา แล้วเอ่ยแนะนำเธอให้ลียาได้รู้จัก“นี่เมษาเมียพี่ครับน้องลียา”สิ้นคำแนะนำจากเจ้านายสีหน้าของลียาก็แสดงถึงความขุ่นเคืองอย่างชัดเจนนี่ชายหนุ่มที่เธอหมายตามีเจ้าของแล้วเหรอ แต่ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม“สวัสดีค่ะคุณเมษา ยินดีที่ได้รู้จ
เมษาที่นอนหลับไหลอยู่บนโซฟารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึกเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาวุ่นวายอยู่แถว ๆ ซอกคอ ร่างกายก็หนัก ๆ คล้ายกับโดนอะไรทับอยู่ใบหน้าเรียวขมวดมุ่นส่ายหนีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังซุกไซ้บริเวณซอกคอทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่ "อื้อ.."ริมฝีปากอิ่มเผยอส่งเสียงร้องครวญครางออกมาด้วยความรู้สึกรำคาญ สองมือน้อย ๆ ก็ยกขึ้นปัดสะเปะสะปะมั่วไปหมดหวังไล่สิ่งที่กำลังรบกวนเวลานอนให้ออกไป ขณะที่ร่างกายก็ดิ้นขลุกขลักหนีความหนัก และอึดอัดที่ทาบทับตัวอยู่ ทว่าเหมือนยิ่งไล่ยิ่งถูกรบกวนหนักขึ้น"หื้อ..." สุดท้ายเปลือกตาบางก็ค่อย ๆ ปรือขึ้นท่ามกลางความมืด ก่อนดวงตาที่ฉ่ำปรือจากอาการงัวเงียจะเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองมีเงาตะคุ่ม ๆ กำลังทำมิดีมิร้ายกับร่างกายเธออยู่ เธอรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเจ้านายเพราะได้กินน้ำหอมประจำตัว ที่สำคัญคงไม่มีใครสามารถเข้ามาในห้องนี้ได้นอกจากเขา"คะ...คุณเจ้านาย" เธอร้องเรียกเขาเสียงแผ่วเบาพลางยกมือขึ้นดันไหล่กว้างหวังผลักออก แต่ทว่าดูเหมือนตอนนี้เขาจะเมาเพราะได้กินแอลกอฮอล์เคล้าด้วยกลิ่นบุหรี่จากร่างแข็งแกร่งชวนให้เธอเวียนหัวไม่น้อ
"อึก..." เมษาอดเขินอายไม่ได้เมื่อสติเริ่มกลับมา และมองเห็นท่อนลำใหญ่ผงกหัวหงึกหงัก เธอเลี่ยงสายตามองต้นขากำยำ สำรวจร่างกายแข็งแกร่งของชายหนุ่มด้วยใบหน้าร้อนฉ่ามันน่าอายที่สุด เธอเผลอไผลไปกับเขาได้ยังไงกัน ทว่าไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น สองขาเรียวที่พาดอยู่บนพนักพิงก็ถูกจับแนบชิดเอวสอบ ก่อนร่างสูงโน้มตัวลงกอดรัดร่างเธอ บรรจงจูบซับแผ่นอกจรดปลายคาง“ฉันขอใส่เข้าไปในตัวเธอนะ” เขากระซิบอ้อนวอนข้างหูเสียงกระเส่า ไม่รอให้เธออนุญาตก็จับท่อนเอ็นจ่อที่ร่องรูแฉะ ค่อย ๆ กดส่วนหัวแหวกกลีบเนื้อฉ่ำเข้าไปชิมรสรักในกาย แต่เข้าเพียงแค่ส่วนหัวเขาก็แทบเสร็จ ช่องทางร้อนเต้นตุบบีบรัดจนอยากจะกระแทกสวนกลับเข้าไปทั้งลำในคราวเดียว ทว่าส่วนล่างของหญิงสาวที่อ้าอมท่อนเนื้อเอาไว้มันบวมเต่งเขาจึงอดใจเอาไว้ ก่อนกดริมฝีปากจูบหน้าผากมนประโลมปลอบให้เธอผ่อนคลาย ขณะเดียวกันก็กดท่อนเนื้อสีเข้มเข้าไปเชื่องช้า“อ๊ะ..เจ็บ” เมษาร้องบอกหน้านิ่ว จิกเล็บบนบ่าแกร่งแน่นมันเจ็บเมื่อเขาดันเข้ามา แต่เมื่อแท่งร้อนแทรกอยู่ในตัวเธอเต็มทั้งลำกลับทำให้เธอเสียวซ่านจนขนลุกซู่“ฉันขยับแล้วนะ” เขาถามทั้งที่ใจไม่ต้องการคำตอบขณะขยับบั้น
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามากระทบสองร่างหนุ่มสาวที่นอนกอดกายกันอยู่บนโซฟาให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา"ซี๊ดดด.." วินาทีแรกที่ลืมตาตื่นเจ้านายถึงกับต้องร้องครางในลำคอเพราะรู้สึกชาไปครึ่งตัว และปวดเมื่อยร่างกายไปหมดโดยเฉพาะแขนที่ถูกศีรษะเล็กทุยหนุนอยู่ "อื้อ.." ซึ่งไม่ต่างจากเมษาสักนิดที่ถูกความเมื่อยขบเล่นงานไปทั้งตัวเพราะทั้งสองต้องนอนอยู่ท่าเดียวตลอดคืนไม่ได้ขยับตัวเลยเธอช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายเล็กน้อย ก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งไม่ลืมจะจับผ้าห่มขึ้นมาปกปิดหน้าอกด้วย โดยมีร่างสูงลุกนั่งตาม"เธอนอนไปได้ยังไงเมษา โคตรเมื่อย.." เจ้านายเอ่ยพลางหันมองหน้าร่างบางข้าง ๆ ด้วยความฉงนไม่รู้ว่าตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเธอนอนบนโซฟาคับแคบนี้ไปได้ยังไงกัน เขานอนแค่คืนเดียวยังปวดเหนื่อยร่างกายขนาดนี้เมษาแอบกลอกตาอย่างนึกหมั่นไส้กับคำถามของชายหนุ่ม ถามมาได้ไม่ใช่เพราะเขาหรือไงกันที่เป็นคนไล่เธอมานอนโซฟาโดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับใคร เฉพาะกับผู้หญิงอย่างเธอ"ก็มันจำเป็น ฉันมีตัวเลือกที่ไหนล่ะ" อดพูดค่อนแคะไปไม่ได้พลางปรายตามองสีหน้าของคนข้าง ๆ ว่าเขาจะโกรธไหม เขากลับนิ่
บรืนน~รถคันหรูที่มีเจ้านายเป็นคนขับเคลื่อนตัวมาจอดยังหน้าบ้านพักของเมษาในเวลาสิบโมงยี่สิบนาทีเป๊ะ"คุณรอแป๊บนะคะ ฉันจะเข้าไปตามน้อง" ทันทีที่รถจอดลงเมษาก็บอกกล่าวชายหนุ่มไปด้วยความเกรงใจ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนตามลงไปด้วย"มายด์เตรียมตัวเสร็จรึยังจะได้ไปหาหมอกันเลย" เข้ามาถึงในบ้านก็รีบถามไถ่น้องสาวที่นั่งอยู่บนโซฟากับผู้เป็นแม่"สะ.." "ไม่ต้องรีบหรอกครับ" มายด์ไม่ทันจะได้ตอบเจ้านายที่เดินตามเข้ามาก็เอ่ยขึ้น พร้อมกับยกมือไหว้จันไปด้วย "สวัสดีครับคุณน้า""อ้าว! เจ้านายมาด้วยเหรอจ๊ะ" จันรับไหว้เด็กหนุ่มด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มระคนฉงนเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะมากับบุตรสาวด้วย"ครับ" เจ้านายยิ้มรับ "เห็นเมษาบอกว่าคุณน้าไม่ค่อยสบาย เป็นยังไงบ้างแล้วครับ""น้ารู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อยนะจ้ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก" "ผมว่าไปหาหมอดีกว่าครับจะได้รู้ว่าเป็นอะไร" เจ้านายแสดงความเป็นห่วงเป็นใยด้วยรู้สึกเคารพจันเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง แม้ท่านจะเป็นแม่ของผู้หญิงที่เขาแค้นและถึงทีแรกเขาจะเข้าหาจันเพราะหญิงสาว ทว่าพอได้รู้จักได้ไปมาหาสู่บ่อย ๆ ก็ทำให้เขา
กิจกรรมที่ทางร้านอาหารให้คู่รักแต่ละคู่ทำในวันนี้มีหลายอย่างด้วยกัน เกมแรกคืออุ้มไข่วิธีคือให้คู่รักเอาหน้าผากชนกันโดยให้ไข่ไก่อยู่ตรงกลางทำยังไงก็ได้ให้พาไปถึงเส้นชัยโดยไม่หล่น"พร้อมไหม" เจ้านายถามไถ่ร่างบางที่ยืนตรงหน้าครั้นพนักงานประกาศ เมื่อเธอพยักหน้ารับเขาก็เอาไข่ไก่วางบนหน้าผากมนแล้วใช้หน้าผากตัวเองดันไว้เพื่อไม่ให้ไข่หล่น ท่านี้ทำให้ใบหน้าของทั้งสองใกล้ชิดจนปลายจมูกชนกัน สองสายตามองสบประสานอยู่ใกล้กันเพียงนิดแบบที่ทำเอาเมษาหายใจติดขัด หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน พวงแก้มทั้งสองร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารินรดผิวหน้ากันและกันยิ่งทำให้ขนกายพานลุกซู่ สายตาของเขาที่จ้องมองมาก็ดูลุ่มลึก มุมปากหยักเผยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มออกมา อ่า..ให้ตายสิอยู่แบบนี้นาน ๆ เธอต้องขาดใจตายแน่ ๆ ชายหนุ่มในเวลานี้ดูแพรวพราวเสียเหลือเกินทำใจสาวน้อยแบบเธอสั่นไหวอย่างช่วยไม่ได้ "เขินเหรอ" เห็นพวงแก้มแดงปลั่งของหญิงสาวเจ้านายอดไม่ได้จะพูดแซวพร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาเหมือนว่าเอ็นดูเธอมาก ๆ ทั้งที่ความจริงมันเป็นแค่การแสดง"ไม่ได้เขินสักหน่อย แค่ร้อน" สิ้นเสียงแซวเมษาก็ยกมือทั้งสองขึ้น
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ
แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาสามเดือนเต็มแล้วที่เจ้านายตามง้อเมษา และเหมือนความพยายามของเขาจะออกผลบ้างแล้วเพราะเธอดูอ่อนลง ยอมรับอะไร ๆ ที่เขาคอยทำให้บ้างแม้จะไม่ทุกอย่างก็ตามเจ้านายมารอรับหญิงสาวเหมือนเช่นทุกวัน ที่แตกต่างไปคงเป็นกุหลาบสีแดงช่อโตที่วางบนเบาะข้างคนขับ เขาขับรถผ่านร้านดอกไม้แล้วนึกถึงเธอจึงตั้งใจซื้อมาให้ ได้แต่หวังว่าเธอจะชอบ และไม่โยนทิ้งถังขยะเขานั่งรอในรถจนเห็นเธอเดินมาจึงเปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับรอ"เชิญครับคุณผู้หญิง" เธอเดินมาถึงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานพลางโน้มตัวผายมือเชื้อเชิญขึ้นรถ"ขอบคุณ" เมษาเอ่ยตามมารยาท ในวินาทีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนเบาะเธอก็ต้องชะงักสองคิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนยิ้มแฉ่งเชิงตั้งคำถาม"ชอบไหมครับ พี่เห็นมันสวยดีเลยนึกถึงน้องเมย์" เจ้านายบอกกล่าวพลางมองช่อดอกไม้สลับกับใบหน้าแสนสวย "พี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะครับ"เมษาไม่ได้พูดอะไรอีก ยื่นมือไปหยิบช่อดอกไม้มาถือไว้แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะวางช่อดอกไม้บนตักเจ้านายเห็นแบบนั้นก็ใจชื่นหน่อยเพราะแอบลุ้นอย่างหนักว่าเธอจะรับไหม หรือร
เมษารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาหลังจากนอนหลับเต็มอิ่มแล้ว สองคิ้วสวยพลันขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อปรือตาขึ้นพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตหนำซ้ำเธอยังกอดเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าชิดใกล้กับแผงอกแกร่งที่หลบซ่อนภายใต้เสื้อยืดสีดำจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่าย และได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขา เธอเผลอสูดดมเข้าปอดพรืดใหญ่ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่อยู่ห่างเพียงนิด มือยกขึ้นสัมผัสบนแก้มเกลี้ยงเกลาเบา ๆ นานแล้วสินะที่เธอไม่ได้มอง และได้อยู่ใกล้ ๆ เขาแบบนี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้จริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอโคตรคิดถึงและโหยหาเขาเลย แต่ก็ทำได้แค่อดทนอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้แม้เขาทำเธอเจ็บ แต่เธอก็ยังรู้สึกดีเวลาที่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มความรักความอบอุ่นที่ขาดหายจากผู้เป็นพ่อให้กับเธอภายนอกเธอแสดงออกไปเหมือนยังโกรธเขาอยู่ ทว่าจริง ๆ หัวใจของเธอมันอ่อนไหวไปแล้วเพียงแค่พยายามฝืนตัวเองไว้เท่านั้นเธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ สายตายังคงจับจ้องใบหน้าคมคายไม่วาง เนิ่นนานหลายนาทีก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งใช้โอกาสที่คนตัวโตหลับซึมซับความอบอุ่นที่โหย
@ร้านอาหารครึ่งชั่วโมงต่อมาเมษาก็ต้องมานั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งแทนที่จะได้กลับบ้านก็เพราะคนหน้ามึนอย่างชายหนุ่มพามาน่ะสิทั้งที่เธอบอกแล้วว่าไม่หิวไม่อยากกิน แต่เขาก็ไม่ฟังพามาจนได้เธอนั่งกอดอกมองอาหารมากกว่าห้าอย่างด้วยแววตาขุ่นเคือง ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมนูโปรดเธอทั้งนั้นถามว่าใครสั่งก็คนที่พามานั่นแหละ คิดว่าแค่จำเมนูอาหารทุกอย่างที่เธอชอบทานได้จะทำให้เธอใจอ่อนงั้นหรือบอกเลยไม่มีทาง"พี่สั่งของโปรดน้องเมย์ทั้งนั้นเลยนะครับ ทานสิ" เจ้านายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งทำหน้าคว่ำ มือกอดอก สายตามองมาอย่างไม่พอใจราวกับเด็กน้อย"ก็บอกแล้วไงว่าไม่หิว อยากกินก็กินไปคนเดียวสิ" เมษาตอบเสียงขุ่นพลางสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้าย"ไม่หิวจริง ๆ เหรอครับ ของโปรดน้องทั้งนั้นเลยนะ" ไม่ว่าเปล่าเจ้านายยังยกจานปูผัดผงกะหรี่ไปใกล้ใบหน้าเรียวยั่วความอยากของเธอด้วยกลิ่นหอม ๆกลิ่นหอมของผงกะหรี่ลอยอบอวลแตะจมูกทำเมษาลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก จากที่หิวอยู่แล้วก็ยิ่งหิวเข้าไปอีก ทว่าเธอยังคงเก็บอาการได้ดี"ก็บอกว่าไม่หิวไง" หันกลับมามองคนตัวโตตาขวา