และในเวลานี้ ประตูใหญ่ของสำนักงานสายตรวจก็ได้สงบลงได้เสียทีผู้คนที่มาจากตัวจังหวัด เหลือเพียงเจิ้งโหย่วเหลียงเท่านั้นที่ยังนอนหมดสติอยู่บนพื้นรวมไปถึงเลขาหลิวที่ได้ติดตามหลินเฟยมาอย่างเงียบๆโจวจื่อหลงให้ทีมคุ้มกันยกตัวของเจิ้งโหย่วเหลียงขึ้นและโยนไปที่กองขยะที่อยู่ใกล้ๆ อย่างกระตือรือร้นไม่นานหลังจากนั้น เจิ้งโหย่วเหลียงก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกไปตลอดถ้าอย่างนั้นการที่เขาได้ถอดถอนตำแหน่งผู้อำนวยการของโม่หลินออกนั้นก็คงจะเป็นโมฆะไปโดยปริยายแน่นอนว่า โม่หลินยังอยากที่จะเป็นผู้อำนวยการสายตรวจรับใช้ประชาชนต่อไป"คุณยังจะตามฉันอยู่อีกทำไม? กลับไปตัวจังหวัดของคุณเถอะ"เมื่อหลินเฟยเห็นว่าเลขาหลิวปฏิเสธที่จะออกไปเขาก็ขมวดคิ้วและพูดออกมาไม่นานมานี้ เขาได้เห็นว่าเลขาหลิวลงไม้ลงมือกับเหลิ่งชิงซงด้วยตาของตัวเองดังนั้น ท่าทางของหลินเฟยจึงเย็นชามาก"คือว่า...น้องหลิน คือแบบนี้นะ รัฐมนตรีอู๋กำลังจะมาที่นี่และเขาก็กำชับเอาไว้แล้ว"เลขาหลิวฝืนยิ้มออกมา และไม่กล้าจะชักช้าแต่อย่างใด"ก่อนที่เขาจะมาถึง เขาให้ผมตามติดคุณเป็นเงา ไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียวเลยครับ!""ผมสามารถตอบสนอง
หลังจากที่หลินเฟยพูดจบ เขาก็วางสายไป"น้องหลิน ในเมื่อคุณท่านหวางพักอยู่กับคุณ งั้นเราก็ไปเยี่ยมสักหน่อยจะได้หรือเปล่า"ในเวลานี้ เหลิ่งชิงซงก็ได้เสนอแนะออกมา"จริงด้วยน้องหลิน เราเลื่อมใสคุณท่านหวางมานานแล้ว สามารถพบเขาได้ ถือว่าเป็นบุญที่สั่งสมมาเลยนะ!"โม่หลินเดินเข้ามา และพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อคิดว่ามีโอกาสจะได้พบกับคุณท่านหวางพวกเขาทั้งสองรู้สึกภูมิใจที่มีเพื่อนอย่างหลินเฟยในขณะนี้"ไม่มีปัญหา ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี""เราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ" หลินเฟยยิ้มและพยักหน้า"ไปกันเถอะพี่หลิน" หวางเจิงแลบลิ้นออกมาอย่างทะเล้น"นี่วิ่งไปวิ่งมาครึ่งค่อนวันแล้ว ฉันหิวจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!""คุณเป็นเจ้าบ้าน จะต้องพาเราไปกินอาหารพื้นบ้านที่อร่อยที่สุดนะ!""ใช่แล้ว น้องหลิน ตอนนี้นายถือว่าเป็นเศรษฐีแล้วนะ ให้เราช่วยใช้เงิน จัดการนายให้หนักสักมื้อ นายคงไม่โกรธใช่ไหม?"โจวจื่อหลงก็พลอยล้อเล่นไปด้วย"ฮ่าฮ่า อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้ผมเลี้ยงเต็มที่!"หลินเฟยตอบตกลงอย่างใจป้ำทันที!……ขณะที่หลินเฟยและคนอื่นๆ กำลังจะกลับไปยังบ้านใหม่ที่เพิ่งซื้อมาห้องโถงใหญ่ของต
"เฮ้อ ลุงเต๋อหมิงของแกคงไม่โกหกฉันหรอกนะ"หลิวเหวินเซวียนส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างหนักๆ ออกมา"แค่นี้ก็ช่างมันเถอะ เพราะทุกอย่างมันก็คืออำนาจในเมือง""เมื่อเร็วๆ นี้ เรื่องที่ตระกูลซูได้ร่วมมือกับตระกูลเจียงในเมืองนั้น แกได้ยินมาบ้างหรือเปล่า?""ผมรู้ครับ แน่นอนผมต้องรู้อยู่แล้ว!""ตระกูลเจียงเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายแสนล้าน การที่ตระกูลซูสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ ถือว่าเป็นบุญที่สั่งสมมาหลายชาติเลยล่ะ!""หากจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลเจียงจะเห็นแก่ทรัพย์สินอันน้อยนิดของตระกูลซูแบบนั้น"จู่ๆ หลิวชาวก็ตอบสนองกลับมาได้และเขาก็ยิ่งถามอย่างประหลาดใจขึ้นมาว่า"คุณปู่ครับ ความหมายของคุณปู่ก็คือ หรือว่าการที่ตระกูลเจียงและร่วมมือกับตระกูลซูก็เป็นเพราะหลินเฟยด้วย?!""ใช่ ลุงหมิงเต๋อของแกบอกฉันแล้ว""ในการประชุมคัดเลือกหินที่ตระกูลเจียงจัดขึ้นในเมืองเมื่อไม่นานมานี้ หลินเฟยได้เป็นตัวแทนของตระกูลซูมาประลองกับปรมาจารย์หลี่เฉวียนเฟิงที่จางซื่อเฉวียนได้เชิญมาต่อหน้าทุกคน!""ผลก็คือ หลินเฟยชนะทั้งสามรอบ!""สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหินสามก้อนที่หลินเฟ
คุณท่านหวางเองก็รู้ดีเช่นกันหลังจากได้รับการฝังเข็มจากหลินเฟย ทั้งยังดื่มยาต้มที่หลินเฟยทำขึ้นลงไปอีกตอนนี้เขากลับมามีเรี่ยวมีแรง และเดินเหินได้สะดวกอีกครั้งมองดูแล้วราวกับไม่ใช่คนที่มีอายุเป็นร้อยๆ ปี ทั้งร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน“ฮึ ๆ ทำไม ฉันดูไม่เหมือนคนแก่รึไง? ”คุณท่านหวางค่อนข้างอารมณ์ดี หาได้ยากที่เขาจะพูดตลกสักครั้ง“เหมือน......ไม่ ท่านน่ะใช่ เพียงแต่ว่า ดูๆ ไปแล้วก็ยังคงอ่อนเยาว์อยู่ดี”“พอเทียบกับภาพถ่ายแล้วมันช่างแตกต่างกันมาก พวกเราไม่กล้ายืนยัน... ”เหลิ่งชิงซงและโม่หลินต่างก็มองหน้ากันไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ว่าคุณท่านหวางกลับไปหน้าเด็กได้ยังไงอย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาต่อมาของหวางเจิงนั้นกลับทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หลังจากที่เห็นหวางเจิงและคุณท่านหวางแล้วก็ตกใจจนต้องก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดูให้ละเอียด“คุณปู่ คุณปู่ดูเด็กลงมากจริงๆ ทักษะทางการแพทย์ของพี่หลินนี่น่าทึ่งเกินไปแล้ว! ”“อย่าว่าแต่ต่ออายุได้อีกเจ็ดแปดปีเลย หนูคิดว่าอยู่ต่ออีกเป็นสิบปีก็ไม่มีปัญหา! ”“นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว ทักษะทางการแพทย์ของอาจารย์ผม บ
อันที่จริง หลินเฟยไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้สักเท่าไหร่สุดท้าย ก็ยังเป็นเหลิ่งชิงซงที่คอยนำทางให้พวกเขาเดินทางมายังร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ให้กลิ่นอายของร้านอาหารที่ไม่เลวจากนั้นก็เลือกห้องอาหารส่วนตัวสุดหรูห้องหนึ่ง หลังจากที่อาหารถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะหมดแล้วบนโต๊ะอาหาร โม่หลินก็ได้เริ่มเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาก่อนเขาได้ถามคุณท่านหวางเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในช่วงสงครามจ้าวลู่ลู่และเหลิ่งหนิงซวง รวมถึงหลินเฟยสีหน้าของพวกเขาเองก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ฮึๆ ในเมื่อนายอยากฟัง งั้นฉันก็จะเล่าอะไรให้ฟังสักหน่อยก็แล้วกัน”“ในปีนั้น สมัยที่ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ฉันก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงวัวคนหนึ่ง...... ”สีหน้าของคุณท่านหวางดูเศร้าสร้อยตามสิ่งที่คุณท่านหวางเล่าภาพในหัวของทุกคนต่างก็ล่องลอยไปสู่ช่วงเวลาที่ชุลมุนวุ่นวายซึ่งเต็มไปด้วยกองเลือดและน้ำตาจากเด็กเลี้ยงวัวที่ไร้ชื่อไร้นาม สู่การเป็นวีรบุรุษผู้ก่อตั้งที่คนหลายพันคนนับถืออาจกล่าวได้ว่า คุณท่านหวางเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจก็ว่าได้ความเคารพของทุกคนที่มีต่อคุณท่านหวาง ตอนนี้ก็ได้ฟ
หวางเจิงกระซิบข้างหูของหลินเฟยด้วยความลำบากใจแต่ผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะสาวน้อยเหล่านี้ เกรงว่าคงจะมีความคิดแบบนี้กันทั้งนั้นถ้าปกติก็คงจะช่างมันไปแล้วหลังจากที่ได้เห็นภูเขาหยกอันงดงามของเหลิ่งหนิงซวงและจ้าวลู่ลู่แล้ว หวางเจิงก็อดรู้สึกน้อยใจกับของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้“หา ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกครับ แต่ว่า อายุของคุณยังน้อย ต่อไปจะต้องเติบโตขึ้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกครับ”พอได้ยินแบบนั้น หลินเฟยก็เหลือบมองหน้าอกของหวางเจิงโดยไม่รู้ตัวและพบว่า มีแค่เพียงดอกบัวคู่เล็กแหลมเท่านั้นจากนั้นก็ยิ้มปลอบใจเธอออกไป“อืม งั้นก็ได้ค่ะ” หวางเจิงถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจอันที่จริง หลินเฟยมีวิธีทำให้อกของหวางเจิงใหญ่ขึ้นอยู่แต่ว่า เธอเพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกเอง มันไม่จำเป็นเลยสักนิด ไม่แน่ว่าต่อไปไม่ก็วันมะรืนอาจจะใหญ่ตูมตามขึ้นมาก็ได้หลังจากดื่มเหล้าไปสามจอก ทานอาหารไปแล้วห้าอย่างในชั่วพริบตา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว“พี่เหล่าหวาง นี่มันก็ดึกมากแล้ว”“พี่เตรียมตัวจะไปพักกันที่ไหน ให้ผมไปส่งนะ”หลินเฟยยืนขึ้นและกล่าวออกไป“นั่นสิครับคุณท่านหวาง ไม่งั้นคุณก็มาค้างคืนที่บ้านผมก่อนสัก
“หลินเฟย ฉันว่าเราช่างมันเถอะนะ พรุ่งนี้ฉันเปิดเรียนแล้ว ขืนนายทรมานฉันอีกคืน ฉันคงเดินไม่ได้แน่เลย”“เมื่อคืนก่อนที่ถูกนายทำ ฉันยังไม่หายดีเลย”จ้าวลู่ลู่ยังไม่เข้าใจว่าหลินเฟยกำลังคิดอะไรอยู่จู่ๆ เขาก็ยอมถอยหลังให้หนึ่งก้าว“งั้นก็ไม่ต้องทั้งคืนก็ได้ แค่ครึ่งคืนก็พอ”“ไม่อย่างนั้น หลังจากที่พี่เริ่มเรียนแล้ว เวลาที่พวกเราจะได้เจอกันก็น้อยลง แล้วผมก็ต้องรออีกนานกว่าจะได้นอนกับพี่”หลินเฟยโอบจ้าวลู่ลู่แล้วเดินขึ้นรถ“ก็ได้ งั้นก็เอาตามที่นายว่า” พอจ้าวลู่ลู่ลองคิดดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผลหลังจากนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย“หลินเฟย อันที่จริง......ถ้านายทนไม่ไหวจริงๆ นายก็รอให้ฉันเลิกเรียน แล้วแอบมาหาฉันก็ได้นะ”“ขอแค่ฉันกลับไปถึงหอพักก่อนเวลาเที่ยงคืนก็ไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะปล่อยให้นายได้สนุกกับมัน”“ได้ครับ พี่ลู่ลู่” หลินเฟยตอบรับอย่างมีความสุข“งั้นพวกเราก็กลับบ้านไปนอนกันเถอะ! ”จากนั้นเขาก็ได้เหยียบคันเร่งรถก็แล่นออกไป และมุ่งหน้าตรงไปยังที่พักทันที......เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลินเฟยก็กลับไปยังบ้านที่เพิ่งซื้อมาใหม่“แม่คะ พวกแม่ยังไม่กล
“อ๋อ ผมเองก็คิดถึงคุณอาเล็กเหมือนกันครับ พรุ่งนี้เย็นผมก็กลับไปแล้วครับ”“สัญญาว่าจะไม่วิ่งเล่นไปเรื่อยแล้วครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณอาเล็กครับ”หลังจากที่หลินเฟยได้ยินสิ่งที่ถังรั่วเสวี่ยพูด เขากลับรู้สึกพอใจนิดหน่อยเขาลดเสียงลง แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเขากลัวว่าจ้าวลู่ลู่ที่กำลังอาบน้ำอยู่จะได้ยินเข้า“อืม...งั้น ทางด้านของลู่ลู่ เธอเคลียร์เรื่องของเสี่ยวเหลียนกับเธอชัดเจนแล้วรึยัง? ”ใบหน้าของถังรั่วเสวี่ยแดงขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องทันที“ผมเพิ่งซื้อบ้านใหม่ในเมือง ให้ลู่ลู่กับพวกของจ้าวฟู่กุ้ย... ”“ถ้าพวกเขาไม่กลับมาที่หมู่บ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”หลินเฟยอธิบายเรื่องราวให้เธอฟังสั้น ๆ“เด็กเจ้าเล่ห์ ฉลาดจังเลยนะ เอาล่ะ อาเล็กเองก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เธอก็รีบพักผ่อนเถอะ”“พอตอนที่เธอกลับมาในคืนพรุ่งนี้ อาเล็กมีของที่จะเซอร์ไพรส์ด้วย... ”คำพูดของถังรั่วเสวี่ยดูมีนัยอะไรบางอย่าง“เซอร์ไพรส์เหรอครับ? อาเล็กเตรียมอะไรเซอร์ไพรส์ผมเหรอครับ? ”หลินเฟยถามอย่างตื่นเต้น“รอเธอกลับมาก่อน เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ”“เอาล่ะ อาเล็กขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่พูดกับเธอ
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได