พอถึงเวลาหลังเที่ยงคืน หลังจากการร่วมรักอันดุเดือดจบลงหลินเฟยก็อุ้มร่างที่ทั้งอ่อนแรงและดวงตาที่พร่ามัวของจ้าวลู่ลู่เข้าไปในห้องน้ำจากนั้นก็อาบน้ำใหม่อีกรอบทำความสะอาดร่องรอยที่หลงเหลือหลังจากที่ผ่านศึกมาแล้วอุ้มเธอกลับไปยังห้องนอนจ้าวลู่ลู่ง่วงนอนมากจนลืมตาแทบไม่ขึ้นหลินเฟยไม่ได้ทรมานเธอต่อเขากอดร่างอันนุ่มนวลของเธอไว้แน่น และเตรียมพร้อมที่จะพักผ่อนด้วยกันและในขณะเดียวกันนี้เองก็มีเสียงของฝีเท้าเล็กๆ ดังขึ้นด้านนอกของประตู“รีบไปเปิดประตูซะ เบาเสียงหน่อยล่ะ อย่าทำให้เสี่ยวเฟยกับลู่ลู่ได้ยินเข้าล่ะ”ที่แท้ก็เป็นจางอวี้หลานที่กำลังกังวลว่าเรื่องของตัวเองกับจ้าวฟู่กุ้ยจะถูกจับได้พอคิดไปคิดมาจ้าวฟู่กุ้ยราวกับคนที่เพิ่งจะถูกกระชากวิญญาณออกไปแอบกลับมาจากโรงพยาบาล“ที่รัก ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆ นะ”จ้าวฟู่กุ้ยจับเอวของตัวเองไว้ หลังจากที่ดิ้นรนมาตลอดทางเขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่อ่อนล้าและเต็มไปด้วยเหงื่อ“คุณก็ให้เสี่ยวเฟยช่วยผมดูหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ ได้ไหม...... ”“ไม่ได้ เรื่องแบบนี้ จะให้หลินเฟยรู้ได้ยังไง? ”จางอวี้หลานปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล“อดทนอีกสักหน
“จะเดินแต่ละทีก็ลำบาก!”จ้าวฟู่กุ้ยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อทันที จนแทบจะร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น!เขารีบดึงหลินเฟยเข้าไปในห้องนอนจากนั้นก็รีบปิดประตูด้วยหลังมือของเขา“ตาแก่คนนี้นี่ คงจะไม่ถือโอกาสให้หลินเฟยรักษาให้หรอกนะ? ”จู่ๆ ใบหน้าของจางอวี้หลานก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา!แต่เธอก็ไม่กล้าเดินเข้าไปในห้องได้แต่เอามือทาบกับประตูเพื่อแอบฟังเท่านั้น“เสี่ยวเฟย... ”“นายช่วยดูหน่อยสิ พอจะช่วยรักษาลุงฟู่กุ้ยได้บ้างไหม? ”“วันนี้เพิ่งจะไปโรงพยาบาลมา หมอบอกว่าอีกปีครึ่งถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี ก็จะไม่สามารถฟื้นตัวได้อีกเลย... ”“ตอนนี้แม่แต่จะฉี่ ลุงฟู่กุ้ยก็ยังมีปัญหาเลย! ”ภายในห้องจ้าวฟู่กุ้ยพูดพลางน้ำตาอาบแก้ม“ไม่เป็นไรนะครับ ลุงฟู่กุ้ย ผมจะช่วยฝังเข็มให้ก่อน”“จากนั้นก็จะให้ใบสั่งยาแก่อีกที ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็จะกลับมาเป็นปกติครับ”หลินเฟยอดไม่ได้ที่จะพูดพลางหัวเราะออกมา“เช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย เสี่ยวเฟย นายคือผู้มีพระคุณของลุงฟู่กุ้ยจริงๆ! ”“รีบฝังเข็มให้ลุงเถอะ! ”จ้าวฟู่กุ้ยตื่นเต้นมาก จนพูดออกไปโดยที่ไม่มีการยับยั้งใดๆหลังจากพูดจบ เขาก็ถามออกไปอย่างกระตือร
ประมาณสิบนาทีต่อมา หลินเฟยก็ฝังเข็มให้กับจ้าวฟู่กุ้ยจนเสร็จ“เสี่ยวเฟย ยังดีที่นายพอจะมีวิธีรักษาอยู่! ”“หมอในโรงพยาบาลอะไรพวกนั้นน่ะ สู้นายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย! ”ทันใดนั้นจ้าวฟู่กุ้ยก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดมันไม่รุนแรงอีกต่อไปเขายืนขึ้นเพื่อขยับตัวไปมาสองสามครั้งกระทั่งเทียบกับตอนที่พลังเต็มเปี่ยม ก็แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยด้วยซ้ำ“ฮึๆ ทำไมถึงได้เห็นผลได้รวดเร็วขนาดนี้กันนะ”“ทางที่ดีก็ควรใช้ยาต้มควบคู่กับพักผ่อนอีกสักสัปดาห์ จากนั้นลุงก็ใช้ยาชูกำลังดื่มควบคู่กันไปได้เลยครับ ตัวยาจะไม่ขัดแย้งกัน”“เวลาออกกำลังกายก็ควรระมัดระวังด้วย แล้วต้องเป็นช่วงเช้า ตั้งแต่ตีห้าถึงหกโมงครึ่งเท่านั้น เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี! ”จากนั้นหลินเฟยก็ได้ยื่นใบสั่งยาเพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้แก่เขาไปรวมถึงใบสั่งยาชูกำลังที่จ้าวฟู่กุ้ยต้องการด้วยเช่นกันเขาเขียนลงบนกระดาษ และมอบให้กับจ้าวฟู่กุ้ย“วะฮ่าๆ ได้ๆ! ”“ไม่ต้องกังวลนะ เสี่ยวเฟย ลุงจะทำตามคำแนะนำของนายอย่างแน่นอน! ”“เรื่องเมื่อคืนนี้ลำบากนายแล้วนะ ไม่งั้นลุงฟู่กุ้ยขอลงไปใต้ตึกดูหน่อยละกัน ดูว่ามีร้านไหนเปิดอยู่บ้าง ลุงจะไปซื้อ
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าเขามีแฟนแล้วหรือยังนะ อยากเข้าไปขอช่องทางติดต่อเอาไว้จัง!”พอได้ยินบทสนทนาของนักเรียนหญิงพวกนี้ รวมถึงสายตาที่พร้อมจะจู่โจมตลอดเวลาเหล่านั้นจ้าวลู่ลู่ที่กำลังลงจากรถ ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในวิกฤตขั้นรุนแรงทุกวันนี้หลินเฟยก็หล่อขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขับรถหรูอีก สำหรับนักเรียนหญิงพวกนั้นแล้ว ช่างเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจซะเหลือเกิน!“หลินเฟย ไม่ใช่ว่านายจะต้องไปร่วมงานวันเกิดของคุณเหลิ่งหรอกเหรอ? ”“ฉันให้พ่อกับแม่ไปรายงานตัวเป็นเพื่อนฉันก็พอแล้ว”“ตอนนี้นายก็รีบๆ ไปได้แล้ว”จ้าวลู่ลู่กลัวจริงๆ ว่าจะมีนักเรียนหญิงคนไหนเดินเข้ามาถามช่องทางการติดต่อของหลินเฟยก่อนที่เธอจะทนไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจรีบไล่หลินเฟยให้ไปจากตรงนั้นก่อน“เอางั้นก็ได้ งั้นผมไปก่อนนะครับพี่ลู่ลู่ มีเรื่องอะไรก็โทรหาผมได้เลย”หลินเฟยจะไม่เข้าใจความหมายของจ้าวลู่ลู่ได้อย่างไรเขาเองก็คิดว่าหน้าโรงเรียนคนเยอะแล้วก็เสียงดังเกินไปอยู่พอดีเขาเลยไม่มัวพิรี้พิไรอยู่ต่อทันทีที่ขึ้นรถ เขาก็ขับออกจากประตูโรงเรียนในทันที“พ่อคะ แม่คะ พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะค่ะ! ”หลังจากมองดูหลินเ
ผู้พูดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดสิบปี มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ทั้งยังมีรูปร่างกำยำเขาไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในทันทีแต่เขากลับคอยติดตามซูเฉี่ยนเสวี่ยอยู่ข้างหลังแทน และจับตาดูหลินเฟยกับซูเฉี่ยนเสวี่ยกอดกัน เขามีดวงตาที่เฉียบคมแทบรอไม่ไหวที่จะหักข้อมือของหลินเฟยทิ้งซะและตัวตนของเขาเองก็ค่อนข้างน่าทึ่งชื่อของเขาคือฉู่เทียนเฉียวเขาเป็นลูกบุญธรรมที่ลุงของซูเฉี่ยนเสวี่ยรับเลี้ยงเอาไว้เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบแปด และเข้ารับตำแหน่งเป็นเวลา 10 ปี ปัจจุบันเขาเป็นถึงนายพลที่มีลายสี่แถบ(การอ้างอิงข้อมูลไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง ผู้อ่านที่รักทุกท่าน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!)ด้วยวัยแค่นี้ แต่กลับมีแต้มต่อมากขนาดนี้ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะโดดเด่นกว่าผู้อื่นแล้วตัวเขาช่างเหมาะสมกับชื่อนี้จริงๆในตอนที่ซูเฉี่ยนเสวี่ยยังเด็ก เดิมเธอก็มีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งอยู่แล้วฉู่เทียนเฉียวเห็นแค่ครั้งเดียว ก็ตราตรึงไม่รู้ลืมคราวนี้ หลังจากที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลที่มีสี่แถบ ก็ถือได้ว่าเป็นการกลับบ้านอย่างสมเกียรติของเขาวันนี้เขาเองก็เพิ่งมาถึงในเมือ
ขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็หยิบสมุดประจำตัวสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วเปิดมันขึ้นมายื่นใส่หน้าของหลินเฟย“พล.ต.เขตทหารตะวันตกเฉียงใต้ ว้าว... ”หลินเฟยอ่านออกเสียงเนื้อหาข้างต้น“เหอะ รู้จักกลัวแล้วสินะ? ถ้ากลัวแล้วก็รีบไสหัวไปไกลๆ ซะ! ”ในที่สุดฉู่เทียนเฉียวก็รู้สึกว่าตัวเองได้หน้ากลับคืนมาบ้างแล้ว เขาจึงได้พูดออกไปอย่างภาคภูมิใจ“ทำผมต้องกลัวคุณด้วย? ”“ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมายซะหน่อย แต่ผมกลับคิดว่า พล.ต.อย่างคุณค่อนข้างไร้ความสามารถไปหน่อยนะ แถมสมองก็ไม่ค่อยดีอีก”“นี่คุณคงจะไม่ได้ใช้เส้นเพื่อเลื่อนขั้นหรอกใช่ไหมเนี่ย? ”หลินเฟยจ้องมองไปทางเขา และถามด้วยความสงสัย“แกรนหาที่ตายนักนะ... ”“แค่ความผิดที่แกทำให้พล.ต.อย่างฉันต้องอับอาย ก็เพียงพอที่จะส่งคนมาจับกุมแก และให้บทเรียนกับแกแล้ว! ”ฉู่เทียนเฉียวคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะกล้าทำให้เขาอับอายโดยไม่กลัวตายขนาดนี้ขณะที่กำลังจะเรียกคนมาอยู่นั่นเองซูเฉี่ยนเสวี่ยก็เดินออกมาข้างหน้า เลิกคิ้วขึ้น แล้วดุด่าทันที“พอได้แล้ว หลินเฟยเองก็ไม่ได้ไปทำให้พี่ขุ่นเคืองซะหน่อย แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรจะให้คนมาจับเขา? ”“เสี่ยวเสวี่ย มันทำ
หลินเฟยและซูเฉี่ยนเสวี่ยได้เริ่มเดินดูร้านค้าใหม่ตั้งแต่แรกอีกรอบจากนั้นก็พากันเลือกของขวัญให้กับเหลิ่งหนิงซวงได้สามสี่ชิ้นแล้วก็ตั้งใจเลือกเครื่องประดับที่ไม่เลวสองสามชิ้นให้กับซูเฉี่ยนเสวี่ยอีกด้วยเพราะงั้นซูเฉี่ยนเสวี่ยถึงได้ยอมยกโทษให้กับหลินเฟยเขาก็ไม่ต้องมารับผิดต่อบาปที่น่า ‘สะเทือนใจ’ ที่เคยทำไว้อีกต่อไป“พี่ซู พี่ไปที่เภสัชกรรมหนานผิงเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม แล้วเราค่อยไปที่งานเลี้ยงวันเกิดของคุณเหลิ่งกัน”หลังจากซื้อของขวัญเสร็จ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเคยรับปากกับหวางเจิงเอาไว้วันนี้ต้องเอายาเสริมความงามไปให้เธอด้วยจากนั้นหลินเฟยก็พาซูเฉี่ยนเสวี่ยไปที่เภสัชกรรมหนานผิง“ไปก็ได้”“แต่ว่านะ นายบอกพี่ซูมาตามตรงนะ”“นี่นายวางแผนที่จะใช้ยาเสริมความงามเพื่อเอาใจน้องสาวตัวน้อยที่น่ารักคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม? ”ระหว่างทาง ซูเฉี่ยนเสวี่ยก็นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้อย่างเรียบร้อยดวงตาที่สวยงามก็หรี่ลง เธอถามออกไปพร้อมกับหลอกตามองหลินเฟยขึ้นลง“พี่ซูครับ พี่คิดมากเกินไปแล้ว”“ผมจะใช้มันเพื่อล่อลวงผู้หญิงได้ยังไง”“เธอก็เป็นแค่เพื่อนที่ผมเพิ่
“โธ่...ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ พี่ซู พี่อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นเด็ดขาดนะครับ”ทันใดนั้น ในใจหลินเฟยก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา“จริงๆ แล้วผมชอบพี่ซูมากนะ ก็แค่...อันที่จริงนี่ก็นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กลับไปหาคุณอาเล็ก”“ไม่งั้นเอางี้ไหมครับ ผมจะไปที่บ้านของพี่ก่อน จากนั้น ผมก็ค่อยกลับบ้าน? ”“จริงๆ น่ะเหรอ? แน่นอนว่าได้สิ จะให้พี่ซูกลับไปนอนค้างที่หมู่บ้านสักคืนเป็นเพื่อนเธอก็ได้นะ”เพราะประโยคนั้นถึงได้ทำให้แววตาของซูเฉี่ยนเสวี่ยเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง“จะได้เจอกับคุณอาเล็กของเธอด้วยพอดีไง”“จะว่าไป เรารู้จักกันมาก็นานมากแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เคยเจอคุณอาเล็กของนายเลยสักครั้ง”“ผมว่าเรื่องนี้ช่างมันก่อนเถอะครับ รอให้วิลล่าสร้างเสร็จก่อน แล้วผมจะพาพี่ซูไปนะครับ”“ตอนนี้ไม่มีที่ให้พักหรอกครับ” หลินเฟยพยายามอธิบายสิ่งที่สำคัญคือ เขาเองก็กลัวว่าถังรั่วเสวี่ยจะโกรธที่เห็นเขาพาผู้หญิงกลับบ้านอีกแล้ว“ก็ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้”ซูเฉี่ยนเสวี่ยเองก็ไม่ได้บังคับเขา“คืนนี้นายก็ไปที่บ้านของพี่ซูก่อน แล้วค่อยกลับไปที่ชนบท”“ครับ พี่ซู ฉันจะเร่งเครื่องแล้วนะครับ พี่ก็นั่งดีๆ ล่ะ”แล้วหลินเฟยก็รู้สึ
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได