ผู้หญิงสองคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้หลินเฟยอารมณ์ดีขึ้นมาแต่หลินเฟยรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ "อาเล็ก พี่สะใภ้ครับ ขอบคุณพวกคุณมากนะที่ดีกับผมขนาดนี้""วันนี้ดึกแล้ว เราพักผ่อนกันเถอะ""พรุ่งนี้ผมต้องไปทำธุระในเมืองสักหน่อย"หลังจากพูดจบ หลินเฟยก็นอนอยู่บนเตียง โดยน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดนี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งถังรั่วเสวี่ยและพานเสี่ยวเหลียนได้เห็นหลินเฟยเศร้าขนาดนี้ จนทำให้พวกเธอหลับไม่ลงเลยทีเดียวผู้หญิงสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเธอนอนกอดหลินเฟยเอาไว้แน่น และอยู่ข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ"เสี่ยวเฟย อย่าคิดมากไปเลยนะ หลับให้สบายเถอะ รอให้เธอหายดีแล้ว คำพูดของอาเล็กยังเชื่อได้เสมอ"ถังรั่วเสวี่ยปลอบโยนเบาๆและแน่นอนว่า พานเสี่ยวเหลียนไม่สามารถพูดเรื่องดังกล่าวอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาได้แต่เธอจะใช้การปฏิบัติจริงเพื่อทำให้หลินเฟยมีความสุขแทน……ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วหลินเฟยรู้สึกดีขึ้นมาแล้ว และไม่ได้เศร้าโศกเหมือนเมื่อวานขนาดนั้นด้วย"อาเล็ก พี่สะใภ้เสี่ยวเหลียน วันนี้ผมจะไปทำธุระที่ในเมืองหน่อยนะครับ คลินิกจะไม่เปิด พวกคุณพักผ่อนเถอะนะครับ"หลินเฟยทักทายถังรั่วเส
ในไม่ช้า หลินเฟยก็ได้สลัดความคิดที่ลามกของตัวเองออกไปจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาและซูเฉี่ยนเสวี่ยเพิ่งจะพบกันแค่สองครั้งเท่านั้น หากเขาไม่มีความสามารถในการมองทะลุหยกดิบด้วยญาณทิพย์ได้อีกฝ่ายจะสามารถยกย่องเขาได้อย่างไร?ความคิดที่เธอสวมเสื้อผ้านุ่งน้อยห่มน้อยให้เขาเห็นนั้น จะต้องเป็นเพราะเขาหมกมุ่นเรื่องของผู้หญิงเกินไปอย่างแน่นอนหลินเฟยเตือนตัวเองเงียบๆ ในใจว่า ไม่ใช่ว่าเห็นผู้สาวที่หน้าตาสวยสักหน่อย เขาก็คิดที่จะนอนกับเธอแบบนั้นได้เว้นเสียแต่เขาจะหักห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่!ด้วยความคิดนี้ หลินเฟยจึงเปิดประตูและเดินเข้าไปในรถ"เอ๋……"การกระทำดังกล่าว ทำให้ซูเฉี่ยนเสวี่ยประหลาดใจเอาเสียมากๆเมื่อครู่นี้ผู้ชายคนนี้ยังจ้องมองเธออย่างเลิ่กลั่กอยู่เลย แต่แล้วจู่ๆ ทำไมตอนนี้ถึงได้เข้ามานั่งในรถอย่างสุภาพบุรุษแบบนี้ได้ล่ะ?หรือว่าเขาจะไม่ชอบในตัวเธอ?ซูเฉี่ยนเสวี่ยไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ไม่ว่ารูปร่างหรือหน้าตาของเธอ สามารถถือได้ว่าอยู่ในระดับแถวหน้าได้เลยทีเดียวในบางครั้งซูเฉี่ยนเสวี่ยก็จะมองกระจกขณะที่ตัวเองกำลังเปลือยเปล่า และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมตัวเองไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบเธอที่เ
“ฉันไม่ได้มาหานาย ฉันมาซื้อเสื้อผ้า”หลินเฟยมองดูเขาสวมชุดพนักงานของร้าน เดาได้ทันทีว่าเขาทำงานอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้คิดดูแล้วตอนนี้คงจะมีชีวิตได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก“เสื้อผ้าในนี้เอานายไปขายก็ยังไม่มีปัญญาซื้อเลย นายเนี่ยนะจะมาซื้อชุด?”เซี่ยหยวนเฮ่าสีหน้าท่าทางเหยียดหยาม จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอขมวดคิ้วพูดขึ้น“พูดความจริงมาเถอะ อยากจะมาขอยืมเงินจากฉันใช่ไหม?”“ฉันบอกนายให้นะว่าไม่ได้ ครอบครัวฉันช่วงนี้จะซื้อบ้านใหม่ ฉันยังขาดแคลนเงินอยู่ ไม่มีเงินให้นาย”“นายรีบออกไปเถอะ”“นายคิดมากไปแล้ว ฉันมาซื้อเสื้อผ้าจริง ๆ และฉันก็ไม่จำเป็นต้องมายืมเงินนาย”หลินเฟยหัวเราะเบา ๆ พูดกับพนักงานอีกคน จากนั้นชี้ไปที่เสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่งที่มูลค่าหกแสนห้าหมื่นบาทแล้วพูดขึ้น“รบกวนเอาเสื้อตัวนี้ลงมาให้ผมลองใส่หน่อย”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”นั่นเป็นพนักงานสาวคนหนึ่ง อายุยี่สิบต้น ๆ ท่าทางสวยสดงดงาม เมื่อได้ยินว่าหลินเฟยจะลองสวมเสื้อผ้าก็รีบเดินเข้ามาพูดอย่างสุภาพ“เดี๋ยวก่อน เสี่ยวซูเธอออกไปก่อน คนคนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เขาไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าด้วยซ้ำ มาสร้างความวุ่นวาย”“เธอเอาเส
อันที่จริงไม่ต้องให้พนักงานเหล่านี้ไปเรียกคน เสียงตะโกนเหมือนหมูถูกเชือดของเซี่ยหยวนเฮ่าก็ดึงดูดผู้จัดการของร้านมาแล้วเป็นชายวัยกลางคนที่อายุสี่สิบกว่า แค่โบกมือก็เรียกพนักงานทั้งหมดในร้านมา“เด็กชั่วที่ไหนกัน กล้ามาสร้างเรื่องในร้านของพวกเรา?”เห็นผู้จัดการพาคนมา เซี่ยหยวนเฮ่าหาที่พึ่งพาได้ทันที เขาตะโกนใส่หลินเฟย“รีบปล่อยฉัน!”“ไม่อย่างนั้นฉันจะให้แกรับผิดชอบเองทั้งหมด!”หลินเฟยไม่ได้สนใจเซี่ยหยวนเฮ่า แต่มองไปทางผู้จัดการร้านแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ฉันมาก่อความวุ่นวาย”“แต่พนักงานของร้านพวกคุณตั้งใจดูถูกผม แถมยังพูดคำหยาบด่าทอผม ผมถึงได้ลงไม้ลงมือ”“มีเรื่องแบบนี้จริงไหม?” ผู้จัดการร้านขมวดคิ้วแล้วจี้ถามไปทางเซี่ยหยวนเฮ่า“ไม่มี!”“ผู้จัดการคุณอย่าฟังเขาพูดจาซี้ซั้ว!”“เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าแล้วมาก่อความวุ่นวาย ผมถึงได้ไล่เขาออกไป!”เซี่ยหยวนเฮ่าพูดแก้ตัวเพื่อตัวเองทันที“ไอ้หนุ่ม ในเมื่อนายเป็นคนลงมือก่อน ไม่ว่านายจะมาซื้อเสื้อผ้าหรือไม่ ก็ขอโทษพนักงานของร้านเราก่อนเถอะ!”เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการร้านเลือกที่จะปกป้องเซี่ยหยวนเฮ่าประเด็นคือเขาทำงานที่ร้านหลา
“แกมันไอ้โง่ที่มีตาไม่มีแวว!”“บริษัทของพวกเราทำไมถึงได้รับสวะตาต่ำอย่างแกมานะ?”“รีบเก็บข้าวของไสหัวออกไปซะ!”“ผู้จัดการ ผมไปไม่ได้นะครับ ครอบครัวของผมยังรอผมซื้อบ้านใหม่อยู่นะ!”เซี่ยหยวนเฮ่าคราวนี้ประพฤติตัวดีอย่างมาก เขาหน้าแดงและพูดขอร้องทันที!“ล่วงเกินแขกวีไอพีของคุณซูนายยังอยากจะอยู่ทำงานต่อ? งั้นฉันก็ไม่ต้องทำงานแล้ว!”“ไป รีบไสหัวไปซะ!”ผู้จัดการตะโกนเสียงดัง“ผู้จัดการ งั้นอย่างน้อยคุณก็จ่ายเงินเดือนให้ผมได้ไหม?”เซี่ยหยวนเฮ่าหน้าม่อยคอตกพูดขอร้อง“จ่ายเงินเดือนกับผีสิ รีบไสหัวไปให้ไกลเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกคนลงมือแล้ว!”ผู้จัดการร้านลงมือถีบเซี่ยหยวนเฮ่าทันที!“เป็นเพราะแก แกคอยดูเถอะ!”เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เซี่ยหยวนเฮ่าทำได้แค่ถลึงตาใส่หลินเฟยอย่างแรง จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่เต็มใจ“ถ้าหากนายไม่ได้ตาต่ำดูถูกคนอื่น จะมีผลลัพธ์แบบนี้ไหม?”หลินเฟยยิ้มเยาะแล้วพูดขึ้น“คุณซู คุณดูสิครับว่าแบบนี้พึงพอใจไหมครับ?”ผู้จัดการร้านใบหน้ายิ้มแย้มถามซูเฉี่ยนเสวี่ย“ถ้าหากหลินเฟยพอใจฉันก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาย”ซูเฉี่ยนเสวี่ยพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย“เฮือก
ทางด้านหลินเฟยไม่ได้สังเกตเห็นว่าตัวเองถูกเซี่ยหยวนเฮ่าแอบสะกดรอยตามหลังจากที่เขากับซูเฉี่ยนเสวี่ยมาถึงห้องโถงใหญ่ของโชว์รูมเบนซ์ ทันใดนั้นก็มีเซลล์สาวผมยาวเดินเข้ามาต้อนรับ และพูดด้วยท่าทางที่ถือว่าเป็นมิตร“ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านอยากซื้อรถอะไรคะ?”เธออายุราว ๆ สามสิบต้น ๆ ผิวพรรณขาวผ่อง บนตัวมีกลิ่นหอม ให้ความประทับใจต่อผู้อื่นได้อย่างดี“พี่ซู รถที่ฉันจะซื้อ ทำไมถึงไม่อยู่ในร้าน?”หลินเฟยมองดูจนรอบแล้ว แต่ไม่เห็นรถเบนซ์มายบัคคันนั้น จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“ไม่ทราบว่าคุณต้องการรถอะไรคะ?”เซลล์สาวชื่อว่าหลี่เวย ถามหลินเฟยด้วยความใจเย็นอย่างมากจากสายตาของเธอสามารถมองออกได้ว่าชุดที่อยู่บนตัวหลินเฟยมีมูลค่าหลายแสนบาทเธอก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินง่าย ๆ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากเธอแสดงออกดีหน่อย ไม่แน่อาจจะขายรถที่มีมูลค่าสูงมากได้จริง ๆ“พวกเราต้องการเบนซ์มายบัค”หลินเฟยไม่รู้จักชื่อของรถ ซูเฉี่ยนเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างเป็นฝ่ายพูดขึ้น“เบนซ์มายบัค?!” หลี่เวยสะดุ้งเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด“ขอโทษนะคะ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ?”ในเมื่อเป็นเซลล์ของรถหรู หลี่เวยรู้กฎลับที่อยู่ในนี้!
หลินเฟยเข้าใจในทันที เมื่อครู่ดื่มน้ำหล่อลื่นมากไปหน่อยและไม่ได้เช็ดให้สะอาด เขารีบเลียปากแล้วพูดขึ้นว่า“อ่อ ผมกระหายน้ำอย่างมาก ปากก็เลยแห้งนิดหน่อยมั้ง”“ว้าย ขอโทษจริง ๆ นะคะ หรือว่าฉันไปรินน้ำให้คุณเดี๋ยวนี้?”หลี่เวยที่อยู่ด้านข้างจัดแจงเสื้อผ้าด้วยความประหม่าในทันทีใบหน้ากลับแสร้งพูดด้วยความรู้สึกผิด“ไม่ต้องแล้ว”“ขึ้นรถ พวกเราไปกินข้าวกัน”ซูเฉี่ยนเสวี่ยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรับกุญแจรถมาจากในมือหลี่เวย แล้วขับรถออกมาอย่างคล่องแคล่วเธอชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ประกันและเอกสารอะไร จัดการเรียบร้อยหมดแล้วชื่อเจ้าของรถ เขียนเป็นชื่อหลินเฟยแน่นอนอยู่แล้ว“ได้ครับพี่ซู”เมื่อครู่หลินเฟยกินน้ำหล่อลื่นไปนิดหน่อยแล้วรู้สึกหิวพอดี จากนั้นก็เปิดประตูรถแล้วขึ้นรถไปหลี่เวยเซลล์สาวเห็นหลินเฟยจะกลับไปโดยตรง เธอเปิดประตูแล้วตะโกนขึ้น“คุณชายท่านนี้ คุณจะขับรถไปโดยตรงเลยเหรอคะ?”“พวกเรายังสามารถเฉลิมฉลองให้คุณได้นะคะ!”“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น พวกเรายังมีธุระต้องจัดการ”ซูเฉี่ยนเสวี่ยพูดปฏิเสธโดยตรง“งั้นเอาแบบนี้นะคะคุณผู้ชาย ฉันเมมเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของคุณไว้ ต่อไปไม่ว่ารถมีป
ซูเฉี่ยนเสวี่ยจำได้ว่าเซี่ยหยวนเฮ่าก็คือคนที่กลั่นแกล้งหลินเฟยเมื่อครู่นี้ จึงตะโกนขึ้นมาทันที“พวกเรามีธุระกับหลานชายของฉัน ฉันเป็นป้าของเขา คุณซูต่อให้สถานะของคุณใหญ่แค่ไหน ก็คงเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวของพวกเราไม่ได้หรอกนะ?”หลินชุ่ยมือเท้าเอว พูดขึ้นด้วยท่าทางหาเรื่อง“คุณเป็นป้าของเขา?” ซูเฉี่ยนเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้เธอมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าหลินชุ่ยดูเหมือนป้าของหลินเฟยตรงไหน“มีเรื่องอะไรมาหาฉันเหรอ?” หลินเฟยพูดด้วยท่าทางเย็นชา“ฉันเป็นป้าของนาย นายเจอผู้อาวุโสแล้วเรียกป้าสักคำ?”“ตอนนี้พวกเราจะซื้อบ้านใหม่ ขาดเงินห้าล้านบาท ไม่สิ สิบล้านบาท นายรีบเอาเงินออกมา ให้พวกเราใช้แก้ขัดก่อน!”“รอให้พวกเรามีเงินค่อยใช่คืนให้นาย”หลินชุ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา“ไม่ให้ยืม” หลินเฟยพูดปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด“นายขับรถมูลค่าเป็นสิบล้านบาทแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินสักหน่อย นายมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ยืม?”เซี่ยหยวนเฮ่าพูดด้วยความอิจฉาตาร้อนอย่างมาก!มูลค่าของรถคันนี้เขารู้อยู่แล้ว ความอิจฉาริษยาในใจ เหมือนกับไฟกำลังเผาไหม้!เขาแทบอยากจะเข้าไปเปิดประตู ดึงหลินเฟยออกจากรถแล้วตัวเองเข้าไปนั่งในรถเอ
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได