Share

บทที่ 5

Author: ซูเหอ
หลินก่วนปลอบพ่อกับแม่มาตลอดทางกลับบ้าน แสดงออกถึงความกตัญญูอย่างสุดความสามารถ

เพื่อเป็นการชดเชยให้พี่ แม่ฉันตั้งใจทำบะหมี่อายุยืนให้เธอหนึ่งชามโดยเฉพาะ

“ลูกสาวสุดที่รักของแม่ วันนี้ทำให้ลูกต้องได้รับความลำบากใจแล้ว”

“กินบะหมี่ชามนี้ซะนะ ต่อไปจะได้อายุยืนร้อยปี”

หลินก่วนอิงเข้าไปในอ้อมอกของแม่อย่างออดอ้อน บอกว่าชาตินี้ตนมีความสุขเหลือเกิน

“เฮ้อ ถ้าหากเล่อขุยอยู่ด้วย ก็คงดี”

ตอนที่หลินก่วนพูดถึงฉัน กัดริมฝีปากเอาไว้ ท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้

หลินเจ๋อผู้มีอารมณ์ฉุนเฉียวเบ้ปาก “ก๋วนก่วน เพราะเธอจิตใจดีแบบนี้ไง ถึงได้ถูกรังแกตลอด”

ฉันยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองพวกเขา รู้สึกน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง

คนในครอบครัวลำเอียงไปทางพี่สาว ค่อนข้างชัดเจนมากแล้ว แต่พี่รู้สึกว่ายังไม่เพียงพอ

ฉันรู้ว่า เป็นเพราะพี่จงเกลียดจงชังการมีอยู่ของฉัน

อันที่จริงตอนแรกเริ่ม แม่ของฉันไม่ได้ปฏิบัติกับฉันแย่ถึงขนาดนี้

ตอนวันเกิดของฉัน แม่ก็เคยทำบะหมี่อายุยืนให้ฉันหนึ่งถ้วยด้วยเหมือนกัน

ฉันดีใจจนเกือบจะกระโดดโลดเต้น

คำพูดขอบคุณยังไม่ทันได้พูดออกจากปาก หลินก่วนก็น้ำตาคลอ “เพียงแค่นึกถึงความลำบากที่แม่ได้รับตอนคลอดพวกหนู หนูก็รู้สึกแย่”

“หนูขอแค่ให้แม่ปลอดภัยก็พอ”

หลังจากที่พ่อของฉันได้ยิน ก็ถลึงตาค้อนฉันทีหนึ่ง “ฉลองวันเกิดอะไร แค่เห็นก็ขัดหูขัดตา ไสหัวกลับไปที่ห้องของแก”

บะหมี่ชามนั้น ถูกพ่อของฉันโยนลงถังขยะ ฉันยังไม่ได้กินเลยแม้แต่คำเดียว

ตอนนี้ลองมาคิดดู ไม่น่าแปลกใจที่ฉันจะตายเร็วขนาดนี้

หลินก่วนยังจงใจวิ่งมาหาฉันที่ห้อง คำที่พูดออกมากลับเหมือนใบมีดที่อาบยาพิษ

“อยากจะกินบะหมี่ที่แม่ของฉันทำอีก หน้าไม่อายจริง ๆ”

“แกมันตัวซวย ทำไมไม่ตายไปซะ”

ฉันโมโหจนผลักพี่สาวทีหนึ่ง หัวของเธอกระแทกเข้ากับประตูพอดี

คืนนั้น ฉันถูกพ่อนำตัวไปขังไว้ที่ห้องใต้ดินครั้งแรก แล้วทิ้งบ่อเกิดของหายนะไว้ให้ตัวฉัน

มืดเหลือเกิน ฉันตกใจจนหายใจไม่ออก ยิ่งไม่กล้าตะโกนเรียกแม่ ทำได้เพียงพยายามเคาะประตู

ฝันร้ายพวกนั้นก็ตามหลอกหลอนฉันมาตลอด เหมือนกับว่าได้ยินเสียงฉีกเสื้อผ้าดังอยู่ข้างหูฉัน

ฉันขดตัวเป็นก้อนกลมอย่างทรมาน ทำได้เพียงตะโกนเรียกคุณยาย ให้รีบมาช่วยเล่อขุยด้วย

ความหวาดกลัวทั้งหมดโจมตีฉัน

ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นแม่ที่กำลังกอดฉันอยู่ที่โรงพยาบาล

แต่เมื่อฉันเห็นว่าเป็นแม่ ก็ตกใจจนไปหลบอยู่ที่มุมห้องทันที

ปากเอาแต่ร้องตะโกนว่า “หนูไม่เอาแม่ ไม่เอาแม่”

แต่ฉันลืมไปว่า นี่เป็นครั้งแรกที่แม่เป็นฝ่ายกอดฉัน

มือของแม่ฉันชะงักอยู่กลางอากาศ สีหน้าเย็นชาทันที “เป็นคนอกตัญญูที่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ด้วย”

ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกลัวความมืด แม่ไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ หันหลังกลับแล้วเดินออกจากโรงพยาบาล

คืนวันนั้น ฉันเกือบถูกความเสียใจกลืนกิน

เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ก็ไม่สามารถบรรเทาความสิ้นหวังและกระสับกระส่ายของฉันลงได้

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม่ก็กลายเป็นแม่ที่รังเกียจฉันมากกว่าเดิม

หลังจากที่ฉันขึ้นมหาลัยฯ หลินก่วนอยากได้ห้องทำงานส่วนตัว

แม่ของฉันไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกให้คนมาโยนของของฉันทิ้ง ทำห้องนอนของฉันเป็นห้องหนังสือ

พวกเขาอยากจะขับไล่ฉันออกจากบ้านจนอดรนทนไม่ไหว

ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันตายแล้ว ไม่กลับไปอีกแล้ว

Related chapters

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 6

    วันต่อมา เพื่อโอ๋ให้หลินก่วนดีใจแล้ว เสิ่นเหยียนซิงได้เตรียมกุญแจบ้านใหม่ไว้ให้เธอเธอพาคนทั้งครอบครัวไปดูด้วยความดีใจและฉัน ตามอยู่ด้านหลังของพ่อกับแม่และหลินเจ๋อเมื่อถึงบ้านหลังใหม่ พ่อกับแม่ของฉันนั่งลงบนโซฟาด้วยความอ่อนล้าฉันได้ยินพวกเขาวิจารณ์ความผิดของฉันอีกครั้ง“เล่อขุยใช้ไม่ได้เกินไปแล้วจนถึงตอนนี้ยังไม่แม้แต่โทรกลับ”“ฉันล้มเหลวมากเกินไปแล้ว ที่มีลูกสาวแบบนี้”แม่ของฉันมองดูโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง มีเพียงสายโทรออกที่เรียงยาวเป็นพรืดเท่านั้น“จิตใจแกอำมหิตเหลือเกิน เป็นคนอกตัญญู ถ้ามีปัญญาต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาอีก” พ่อของฉันจับมือแม่เอาไว้ฉันเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อดูสีหน้าของพวกเขานอกจากความเกลียดชังแล้ว พวกเขาไม่ได้มีความเป็นห่วงฉันเลยแม้แต่นิดเดียวไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สนใจพ่อของฉันนวดคลึงหว่างคิ้ว เมื่อพูดถึงฉันขึ้นมาก็รู้สึกไม่เป็นสุขใจแม่ของฉันกำลังหลับตา เพียงแค่ถอนหายใจออกมาทีหนึ่งเท่านั้นตั้งแต่ฉันหายตัวไปจนป่านนี้ พวกเขาไม่มีใครสักคน ที่กลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไปฉันเช็ดน้ำตาที่บริเวณหางตา “แม่คะ หนูแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ แม่ถึงได้รังเกี

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 7

    ก่อนหน้าวันเกิดหนึ่งวัน ฉันพยายามทำงานที่มีอยู่ให้เสร็จแม่ของฉันโทรศัพท์มา ให้ฉันรีบกลับมา บอกว่าที่บ้านมีงานมงคลแต่ฉันอยากไปเยี่ยมหลุมศพของคุณยายในวันเกิดวันนี้มากกว่าคุณยายทิ้งพระพุทธรูปองค์เล็กเอาไว้ให้ฉัน ยังอยู่ที่ในบ้านทันทีที่ฉันมาถึงชั้นล่าง ก็เจอกับหลินก่วนกับเสิ่นเหยียนซิง“เล่อขุย พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของพวกเรา อยากฉลองด้วยกันไหม?”“อีกเรื่อง ฉันกับเหยียนซิง จะหมั้นกันวันนี้ เธอต้องมาให้ได้นะ”พี่แอบอิงอยู่ในอ้อมอกของเสิ่นเหยียนซิง ยิ้มอย่างงดงามฉันถึงได้รู้ว่าเป็นงานมงคลของพี่ ฉันเดินมุ่งหน้าตรงไปข้างหน้า โดยไม่ได้สนใจพี่“เล่อขุย เป็นเพราะเธอทนเห็นฉันมีความสุขไม่ได้ใช่ไหม?” พี่ดึงแขนของฉันเอาไว้ จับเอาไว้แน่นพี่ไม่ได้เชิญฉันด้วยใจจริง เพียงแค่อยากจะโอ้อวดเท่านั้น“ได้ ฉันอยากจะเห็นว่าพวกพี่มีความสุขกันมากขนาดไหน”ในขณะที่พี่ชักสีหน้า เดิมทีอยากจะแค่ยั่วโมโหพี่เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะต้องถึงแก่ชีวิตค้นหาทั่วทั้งบ้านแล้ว ก็หาพระพุทธรูปองค์นั้นไม่เจอ ฉันร้อนใจจนน้ำตาไหลออกมาเรื่องไม่ดี กำลังจะเกิดขึ้น“เล่อขุย กำลังตามหาพระพุทธรูปอยู่ใช่ไหม?” เหมือนว่าหลิน

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 8

    เมื่อตอนที่ฉันลอยขึ้นมา ยังเห็นคนนั้นนอนซบอยู่บนตัวของฉันคนที่อยู่ข้าง ๆ ยังหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันขึ้นมาอีกด้วย“ตายแล้ว ตายได้ยังไง?”“ไม่สนุกเลยว่ะ ซวยชิบหายเลย!”พวกเขาลนลานขึ้นมา นำศพของฉันยัดใส่ในกระสอบเป็นเพราะมืดเกินไป ฉันมองเห็นหน้าตาไม่ชัด รู้เพียงแค่ว่ามีกันสองคนแต่เสียงของพวกเขา ยังดังวนเวียนอยู่ในแก้วหูของฉันกระสอบเล็กแค่นั้น ยังถูกพวกเขาใช้เท้าถีบอยู่หลายที เพื่อพยายามยัดเข้าไปฉันวิ่งหนีไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว ทะลุออกไป ได้ยินเสียงหมาเห่าดังมาจากที่ห่างออกไปดุเหลือเกิน!ฉันหันหลังกลับไปอีกครั้ง ก็มาอยู่ที่งานหมั้นของหลินก่วนแสงไฟภายในโถงห้องจัดเลี้ยงสว่างไสว โคมไฟระย้าอันหรูหราสวยงาม จัดวางด้วยอาหารรสเลิศและไวน์ชั้นดีนานาชนิดคนในครอบครัวของฉันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยหรูมาร่วมงาน กำลังกล่าวอวยพร แต่เมื่อนึกถึงฉัน ถึงจะด่าออกมาสองสามคำมันแตกต่างกับห้องเล็ก ๆ อันดำมืด ก่อนหน้าที่ฉันจะตายห้องนั้นอย่างสิ้นเชิงตอนหลัง แม้แต่ศพอยู่ที่ไหน ฉันก็ยังไม่รู้ที่นั่นมืดเกินไป แม้ว่าฉันจะเป็นวิญญาณ ก็ยังไม่กล้าไปอยู่ดีถ้าหากคุณยายยังอยู่ คุณยายจะกอดฉันไว้ในอ

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 9

    เป็นเพราะถูกตัดสาย หลินเจ๋อจึงเอาแต่พูดว่าตัวซวยหลินก่วนปลอบพ่อกับแม่อย่างร้อนตัว“เล่อขุยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ยังจะล้อเล่นแบบนี้อีก”“พูดจาแบบนี้ในวันเกิดวันนี้ของพวกเรา อัปมงคลจริง ๆ”พ่อของฉันโมโหจนพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง “ถ้ามันตายจริง ๆ ก็ดีนะสิ”“เดรัจฉานนี่ อยู่ไปก็เป็นหายนะเปล่า ๆ”หลังจากที่ฉันถูกรับตัวมาจากคุณยาย กิจการของพ่อก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ออร์เดอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรัพย์สินก็เพิ่มขึ้นตามหลายเท่าตัวเขาเอาความโชคดีทั้งหมด ไปไว้ที่หลินก่วนภรรยาออกจากโรงพยาบาล ลูกสุขภาพแข็งแรง แม้แต่ดอกบ้านในบ้าน ก็งามสะพรั่งกว่าแต่ก่อนแต่เป็นเพราะพ่อรังเกียจฉัน คิดว่าฉันเพิ่มความซวยให้มากขึ้นฉันจดจำสายตาที่รังเกียจนั่น ตอนที่พ่อมองเห็นฉันได้เสมอพ่อบอกแม่ของฉันว่า ต่อไปให้เรียกฉันว่าเล่อขุย สำหรับสำมะโนครัว ก็ไม่ต้องย้ายมาเพื่อที่จะได้ไม่พลอยต้องพาตระกูลหลินเดือดร้อนไปด้วยฉันมีบ้านแล้ว แต่ก็เหมือนไม่มีพ่อสามารถจ่ายเงินก้อนโต เพื่อส่งหลินก่วนกับหลินเจ๋อเข้าโรงเรียนดี ๆ ได้ เพื่อให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาแต่ฉัน คู่ควรแค่กับการยืมชื่อคนอื่นเพื่อเข้าเรียน มีโรงเร

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 10

    ฉันเคยจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉันตายแล้ว จะเป็นยังไง?จะมีอารมณ์โศกเศร้าบ้างไหม?แต่แม่ของฉันวางสายโทรศัพท์อย่างนิ่งเฉย จัดการธุระของตัวเองต่อไปจนกระทั่งหลินเจ๋อที่กลับมาพร้อมกับความลนลาน “แม่ ผมได้รับสาย บอกว่าเล่อขุยตายแล้ว”“หลอกลวง นี่ก็คือวิธีการใหม่ของมัน” แม่ของฉันตอบกลับด้วยประโยคนี้ทันทีฉันแย่มากขนาดไหนกัน แม้แต่ตายแล้ว แม่ก็ยังไม่เชื่อ“เรื่องจริงครับ มันตายแล้วจริง ๆ”หลินเจ๋อจับมือของแม่เอาไว้ เพื่อให้แม่สงบลงสีหน้าของแม่ซีดขาวเล็กน้อย มือของแม่สั่นเทานิดหน่อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหฉัน หรือเป็นเพราะว่าได้รับความสะเทือนใจกันแน่พวกเขาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เดินไปถึงประตู ก็เจอกับหลินก่วน สีหน้าของพี่ยิ่งลุกลี้ลุกลน“หนูไปที่ห้องใต้ดินก่อน ไปเอาของอะไรบางอย่าง”แม่ของฉันจับมือที่ลุกลี้ลุกลนของพี่ “ไปที่นั่นทำไม?”หลินก่วนยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกลากตัวออกจากบ้านเมื่อสองวันก่อน เธอเคยวิ่งมาดูที่ประตูห้องชั้นใต้ดิน แม่กุญแจของประตูหลุดไปแล้ว เธอยังร้องเรียกฉันเบา ๆแต่อาจจะเป็นเพราะร้อนตัว เธอเลยเริ่มลุกลี้ลุกลนตอนที่มาถึงสถานีตำร

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 11

    ด้วยการนำทางของตำรวจ แม่ของฉันได้เห็นตัวคนร้ายแล้วในที่สุดฉันก็ได้เห็นหน้าของพวกมันชัด ๆ แล้ว หนึ่งในคนนั้นมีสีผิวดำ อีกคนหนึ่งไว้เคราเล็กน้อยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ“คืนนั้น พวกเราแค่อยากจะไปขโมยของนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้อยากจะฆ่าใคร”“ที่ห้องใต้ดิน เธอนอนอยู่บนพื้นตะโกนให้ช่วยชีวิต ให้พวกเราช่วยเธอ ในปากเอาแต่พึมพำว่าพระพุทธรูปอะไรสักอย่าง”“เดิมทีหาอะไรไม่เจอเลย ก็เลยข่มขืนเธอ”“อีกอย่าง พวกเราไม่ได้เจตนาจะฆ่าเธอ”ทั้งสองคนกุมหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พลาดรับสายโทรศัพท์ ในใจทนต่อความกดดันไม่ไหวเมื่อฉันได้ฟังพวกเขาปริปากพูด ความรู้สึกหวาดกลัวในคืนนั้นก็โจมตีอีกครั้ง“น้อง ต้องการคุณยายอะไร พี่ก็สามารถ...”“เด็กดี ไม่ต้องกลัว...”แม่ของฉันพิงประตู สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆเมื่อหันกลับไปมองหลินก่วน มือของพี่สั่นอย่างรุนแรง แม้กระทั่งการหายใจก็รุนแรงขึ้น“ก๋วนก่วน ตกใจเหรอ?” หลินเจ๋อเริ่มเป็นห่วงพี่“พี่ ฉันกลัวมากเลย”พี่ทนไม่ไหว พิงเข้าไปในอ้อมอกของหลินเจ๋อไม่กลัวได้ยังไงล่ะ?เป็นเพราะพี่เป็นคนผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดินด้วยต

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 12

    หลังจากที่พ่อของฉันกลับถึงบ้าน ถึงได้เชื่อว่าฉันตายไปแล้วจากนั้น ก็ขมวดคิ้วแล้วมองหลินก่วน “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว นี่เป็นดวงของเธอ”“ตายอย่างสกปรกขนาดนั้น พูดออกมาก็ยังรู้สึกขยะแขยง”“หลังจากนี้ไปเรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ห้ามใครพูดถึงอีก”ที่แท้ในใจของพ่อ ฉันไม่เป็นที่รักจริง ๆ ถึงขั้นยังน่ารังเกียจด้วยซ้ำโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นอีกครั้ง หลินก่วนกรี๊ดออกมา เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมากเป็นสายจากคุณป้าหวังเจ้าของบ้าน คุณป้ามาเยี่ยมฉัน ตั้งใจนำของกินบางอย่างมาให้ฉันนอกจากคุณยายของฉันแล้ว นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ห่วงใยฉันแม่ของฉันพาหลินเจ๋อไป ในไม่ช้าก็ตามหาที่ฉันอยู่ของฉันเจอ ที่นั่นกันดารเล็กน้อยบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านมีสิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ด้านในห้องมีโคมไฟตั้งโต๊ะสีสันสดใสมากมาย เพียงแค่เปิด ก็สว่างพร่างพราวเป็นอย่างยิ่ง“ตอนที่เล่อขุยมีชีวิตอยู่เป็นคนโรแมนติกมากนี่ แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง”“พยายามจะใช้ชีวิตเป็นให้เป็นเจ้าหญิง” หลินเจ๋อเบะปากแม่ของฉันมองค้อนพี่ทีหนึ่ง พี่ถึงได้หุบปาก“เป็นเพราะเธอกลัวความมืด กลัวฟ้าร้อง” คุณป้าหว

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 13

    หลังจากกลับมาถึงบ้าน เรื่องแรกที่แม่ของฉันทำ ก็คือรื้อห้องทำงานของหลินก่วนทิ้งนำโคมไฟทั้งหมดวางไว้ในนั้น“พ่อ พ่อดูแม่สิคะ นี่แม่เป็นอะไรไปเหรอคะ?”“ของของคนตายยังเอากลับมาอีก อัปมงคลมาก ๆ”หลินก่วนหลบอยู่ที่ประตู เอาแต่กอดแขนพ่อของฉันเอาไว้แน่น“มันตายไปแล้ว เก็บของพวกนี้ไว้ทำไม”“เก็บไว้ในบ้านก็เป็นอัปมงคล”พ่อของฉันโมโหจนเดินเข้าไป หยิบโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นมากำลังจะโยนลงบนพื้น“วางลง ใครก็ห้ามแตะ”แม่ของฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที ตะโกนเสียงดัง หลินเจ๋อตกใจจนรีบเข้ามาประคองแม่เอาไว้แม่แย่งโคมไฟตั้งโต๊ะจากในมือพ่อของฉัน แล้วกอดเอาไว้ในอ้อมอกแน่นเหมือนกับว่านั่นเป็นสิ่งของล้ำค่า“อีกเรื่อง เถ้ากระดูกของเล่อขุยฝังไว้ที่บ้านนอก พวกคุณจะกลับไปไหม?”“เธอจะได้พักอย่างสงบสุข”แม่ของฉันเหลือบตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา“กลับครับ กลับไปแน่นอนครับ” มีเพียงหลินเจ๋อที่พยักหน้าเห็นด้วยหลินก่วนที่ถูกจ้องเขม็ง พยักหน้าตอบรับด้วยความตกใจ“แค่คนตายคนเดียว มีค่าอะไรให้ระลึกถึง” พ่อของฉันโมโหจนกระแทกประตูแล้วเดินออกไปใช่แล้ว ฉันตายไปแล้ว มีอะไรให้น่าระลึกถึงแม่ของฉันงมงายเรื่องนี

Latest chapter

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 16

    ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างเล็กน้อย พ่อของฉันก็รีบไปที่บ้านนอกเขาอดทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแม่ของฉันทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยอย่างเงียบ ๆ “เรื่องนี้น่าอายเหลือเกิน ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นแล้ว”“กินข้าวเสร็จ พวกเราสี่คน ไปด้วยกันเถอะ!”หลินก่วนหยิบอาหารเช้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “แม่คะ ในที่สุดแม่ก็คิดได้แล้ว”หลินเจ๋อบอกให้แม่อย่ากังวลมากจนเกินไป เพียงแค่ย้ายหลุมศพเท่านั้น เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสีหน้าพ่อของฉัน ในที่สุดก็ไม่ได้วางมาดอีกต่อไปแต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อคืนวานนี้แม่พูดว่าจะชดใช้ความผิด?แม่อยากจะชดใช้ความผิดยังไง?“อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้ว หนูจะยกโทษให้แม่นะ ไม่มีทางหรอก”“แม่คะ แม่ได้ยินไหม?”ที่ตอบฉันกลับมามีเพียงเสียงออกจากบ้านเท่านั้น รวมทั้งเสียงเปิดประตูรถครั้งนี้ เธอเลือกนั่งที่ด้านข้างคนขับยังคงเป็นหลินเจ๋อที่เป็นคนขับรถตลอดทาง แม่เอาแต่นิ่งเงียบ เงียบเสียจนน่ากลัวเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ หลินเจ๋อเปิดเพลงคลอเบา ๆ หลินก่วนก็ร้องเพลงตามเบา ๆ“พวกคุณเจ็บปวดหัวใจบ้างไหม?”เมื่อใกล้จะถึงบริเวณมุมหัวโค้งทางบนทางภูเขา เสียงอันแผ่วเบาของแม่

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 15

    ฉันพยายามดิ้นรนทุกวัน อยากจะออกไปจากที่นี่หลังจากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่เป็นตัวของตัวเอง อารมณ์ของฉันก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆฉันลอยไปยังหัวเตียงของแม่ เอาแต่ถามแม่ทำไมทำไมหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีกฉันบอกแม่ว่า ฉันเกลียดแม่ ไม่มีทางยกโทษให้แม่ตลอดไปพูดไปพูดมา ฉันก็หยุดลง น้ำตาไหลพรากความเจ็บปวดในหัวใจ ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นมาอีกแล้วกลางดึก จู่ ๆ แม่ของฉันก็ฝันร้ายจนตกใจตื่น เธอมองตรงไปข้างหน้า ซึ่งก็คือทิศทางของฉันพ่อของฉันเปิดไฟ ถามแม่ว่าเป็นอะไรแม่เอาแต่ร้องไห้และพูดว่าขอโทษ“ก็แค่ชีวิตชั้นต่ำชีวิตหนึ่งเท่านั้น มันตายไปแล้ว ตายไปแล้ว” พ่อของฉันระเบิดอารมณ์ แล้วกระแทกลงจากเตียงอย่างรุนแรงแม่ของฉันจ้องมองพ่ออย่างไม่เชื่อ “เธอก็เป็นลูกสาวของคุณเหมือนกันนะ!”“มันไม่ใช่ มันไม่ได้แซ่หลิน ไม่เคยเป็น”ถูกต้อง ฉันไม่ได้แซ่หลิน จะเป็นลูกสาวของพ่อได้ยังไงคนที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยขนาดนี้ ยอมฟังคำพูดของคนอื่น แต่ไม่ยอมรับว่าฉันเป็นลูกสาวของเขาเช่นเดียวกัน“อีกเรื่อง ฉันถามอาจารย์ฮวงจุ้ยแล้ว บอกว่าหลุมศพของเธอ ไม่ส่งผลดีกับพวกเรา”“วิธีเดียวที่จะแ

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 14

    หลังจากแม่ของฉันฟังจบ ก็ยืนเซ่อไปทันทีในที่สุดแม่ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉันถึงกลัวความมืด ทำไมตอนอยู่ที่โรงพยาบาลถึงได้พูดคำพูดประโยคเดียวกันแม่ไม่แม้กระทั่งจะให้ฉันได้รับการรักษา ยังด่าว่าฉันเป็นคนอกตัญญูอีกอาหวังถามแม่ประโยคสุดท้าย “พวกเธอเอาแต่พูดว่าเล่อขุยเป็นตัวซวย ถ้าอย่างนั้นอยู่กับพวกเธอมาสิบกว่าปี แล้วใครได้รับความทุกข์ทรมาน?”“เธอทำให้ใครต้องซวยไหม?”แม่ของฉันร้องไห้และเอาแต่พูดขอโทษ นอกจากพูดคำนี้แล้ว แม่ก็ไม่ได้พูดคำอื่นแม่รู้สึกผิดต่อฉัน ยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณยายความรักที่สายเกินไปมันไร้ค่าเสียยิ่งกว่า ฉันไม่รับหลังจากกลับถึงบ้าน แม่ก็เป็นไข้หนัก นอนกอดรูปของฉันเอาไว้ทั้งวัน อยู่ในอาการหดหู่หลินก่วนก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุขเช่นกันหลังจากที่เสิ่นเหยียนซิงรู้ว่าฉันตาย เขาถามหลินก่วนว่า ทำไมถึงผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดิน“พวกคุณทุกคนกลั่นแกล้งฉัน เธอตายไปแล้ว ทำไมถึงต้องตำหนิฉันทุกอย่าง?”“ฉันรำคาญที่ต้องเห็นเธอ เธอไม่ควรกลับมา”เสิ่นเหยียนซิงเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ “ตอนนั้น ที่คุณพูดว่าเธอนิสัยไม่ดี ทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวงใช่ไหม?”หลินก่วนเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ที

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 13

    หลังจากกลับมาถึงบ้าน เรื่องแรกที่แม่ของฉันทำ ก็คือรื้อห้องทำงานของหลินก่วนทิ้งนำโคมไฟทั้งหมดวางไว้ในนั้น“พ่อ พ่อดูแม่สิคะ นี่แม่เป็นอะไรไปเหรอคะ?”“ของของคนตายยังเอากลับมาอีก อัปมงคลมาก ๆ”หลินก่วนหลบอยู่ที่ประตู เอาแต่กอดแขนพ่อของฉันเอาไว้แน่น“มันตายไปแล้ว เก็บของพวกนี้ไว้ทำไม”“เก็บไว้ในบ้านก็เป็นอัปมงคล”พ่อของฉันโมโหจนเดินเข้าไป หยิบโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นมากำลังจะโยนลงบนพื้น“วางลง ใครก็ห้ามแตะ”แม่ของฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที ตะโกนเสียงดัง หลินเจ๋อตกใจจนรีบเข้ามาประคองแม่เอาไว้แม่แย่งโคมไฟตั้งโต๊ะจากในมือพ่อของฉัน แล้วกอดเอาไว้ในอ้อมอกแน่นเหมือนกับว่านั่นเป็นสิ่งของล้ำค่า“อีกเรื่อง เถ้ากระดูกของเล่อขุยฝังไว้ที่บ้านนอก พวกคุณจะกลับไปไหม?”“เธอจะได้พักอย่างสงบสุข”แม่ของฉันเหลือบตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา“กลับครับ กลับไปแน่นอนครับ” มีเพียงหลินเจ๋อที่พยักหน้าเห็นด้วยหลินก่วนที่ถูกจ้องเขม็ง พยักหน้าตอบรับด้วยความตกใจ“แค่คนตายคนเดียว มีค่าอะไรให้ระลึกถึง” พ่อของฉันโมโหจนกระแทกประตูแล้วเดินออกไปใช่แล้ว ฉันตายไปแล้ว มีอะไรให้น่าระลึกถึงแม่ของฉันงมงายเรื่องนี

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 12

    หลังจากที่พ่อของฉันกลับถึงบ้าน ถึงได้เชื่อว่าฉันตายไปแล้วจากนั้น ก็ขมวดคิ้วแล้วมองหลินก่วน “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว นี่เป็นดวงของเธอ”“ตายอย่างสกปรกขนาดนั้น พูดออกมาก็ยังรู้สึกขยะแขยง”“หลังจากนี้ไปเรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ห้ามใครพูดถึงอีก”ที่แท้ในใจของพ่อ ฉันไม่เป็นที่รักจริง ๆ ถึงขั้นยังน่ารังเกียจด้วยซ้ำโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นอีกครั้ง หลินก่วนกรี๊ดออกมา เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมากเป็นสายจากคุณป้าหวังเจ้าของบ้าน คุณป้ามาเยี่ยมฉัน ตั้งใจนำของกินบางอย่างมาให้ฉันนอกจากคุณยายของฉันแล้ว นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ห่วงใยฉันแม่ของฉันพาหลินเจ๋อไป ในไม่ช้าก็ตามหาที่ฉันอยู่ของฉันเจอ ที่นั่นกันดารเล็กน้อยบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านมีสิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ด้านในห้องมีโคมไฟตั้งโต๊ะสีสันสดใสมากมาย เพียงแค่เปิด ก็สว่างพร่างพราวเป็นอย่างยิ่ง“ตอนที่เล่อขุยมีชีวิตอยู่เป็นคนโรแมนติกมากนี่ แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง”“พยายามจะใช้ชีวิตเป็นให้เป็นเจ้าหญิง” หลินเจ๋อเบะปากแม่ของฉันมองค้อนพี่ทีหนึ่ง พี่ถึงได้หุบปาก“เป็นเพราะเธอกลัวความมืด กลัวฟ้าร้อง” คุณป้าหว

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 11

    ด้วยการนำทางของตำรวจ แม่ของฉันได้เห็นตัวคนร้ายแล้วในที่สุดฉันก็ได้เห็นหน้าของพวกมันชัด ๆ แล้ว หนึ่งในคนนั้นมีสีผิวดำ อีกคนหนึ่งไว้เคราเล็กน้อยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ“คืนนั้น พวกเราแค่อยากจะไปขโมยของนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้อยากจะฆ่าใคร”“ที่ห้องใต้ดิน เธอนอนอยู่บนพื้นตะโกนให้ช่วยชีวิต ให้พวกเราช่วยเธอ ในปากเอาแต่พึมพำว่าพระพุทธรูปอะไรสักอย่าง”“เดิมทีหาอะไรไม่เจอเลย ก็เลยข่มขืนเธอ”“อีกอย่าง พวกเราไม่ได้เจตนาจะฆ่าเธอ”ทั้งสองคนกุมหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พลาดรับสายโทรศัพท์ ในใจทนต่อความกดดันไม่ไหวเมื่อฉันได้ฟังพวกเขาปริปากพูด ความรู้สึกหวาดกลัวในคืนนั้นก็โจมตีอีกครั้ง“น้อง ต้องการคุณยายอะไร พี่ก็สามารถ...”“เด็กดี ไม่ต้องกลัว...”แม่ของฉันพิงประตู สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆเมื่อหันกลับไปมองหลินก่วน มือของพี่สั่นอย่างรุนแรง แม้กระทั่งการหายใจก็รุนแรงขึ้น“ก๋วนก่วน ตกใจเหรอ?” หลินเจ๋อเริ่มเป็นห่วงพี่“พี่ ฉันกลัวมากเลย”พี่ทนไม่ไหว พิงเข้าไปในอ้อมอกของหลินเจ๋อไม่กลัวได้ยังไงล่ะ?เป็นเพราะพี่เป็นคนผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดินด้วยต

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 10

    ฉันเคยจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉันตายแล้ว จะเป็นยังไง?จะมีอารมณ์โศกเศร้าบ้างไหม?แต่แม่ของฉันวางสายโทรศัพท์อย่างนิ่งเฉย จัดการธุระของตัวเองต่อไปจนกระทั่งหลินเจ๋อที่กลับมาพร้อมกับความลนลาน “แม่ ผมได้รับสาย บอกว่าเล่อขุยตายแล้ว”“หลอกลวง นี่ก็คือวิธีการใหม่ของมัน” แม่ของฉันตอบกลับด้วยประโยคนี้ทันทีฉันแย่มากขนาดไหนกัน แม้แต่ตายแล้ว แม่ก็ยังไม่เชื่อ“เรื่องจริงครับ มันตายแล้วจริง ๆ”หลินเจ๋อจับมือของแม่เอาไว้ เพื่อให้แม่สงบลงสีหน้าของแม่ซีดขาวเล็กน้อย มือของแม่สั่นเทานิดหน่อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหฉัน หรือเป็นเพราะว่าได้รับความสะเทือนใจกันแน่พวกเขาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เดินไปถึงประตู ก็เจอกับหลินก่วน สีหน้าของพี่ยิ่งลุกลี้ลุกลน“หนูไปที่ห้องใต้ดินก่อน ไปเอาของอะไรบางอย่าง”แม่ของฉันจับมือที่ลุกลี้ลุกลนของพี่ “ไปที่นั่นทำไม?”หลินก่วนยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกลากตัวออกจากบ้านเมื่อสองวันก่อน เธอเคยวิ่งมาดูที่ประตูห้องชั้นใต้ดิน แม่กุญแจของประตูหลุดไปแล้ว เธอยังร้องเรียกฉันเบา ๆแต่อาจจะเป็นเพราะร้อนตัว เธอเลยเริ่มลุกลี้ลุกลนตอนที่มาถึงสถานีตำร

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 9

    เป็นเพราะถูกตัดสาย หลินเจ๋อจึงเอาแต่พูดว่าตัวซวยหลินก่วนปลอบพ่อกับแม่อย่างร้อนตัว“เล่อขุยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ยังจะล้อเล่นแบบนี้อีก”“พูดจาแบบนี้ในวันเกิดวันนี้ของพวกเรา อัปมงคลจริง ๆ”พ่อของฉันโมโหจนพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง “ถ้ามันตายจริง ๆ ก็ดีนะสิ”“เดรัจฉานนี่ อยู่ไปก็เป็นหายนะเปล่า ๆ”หลังจากที่ฉันถูกรับตัวมาจากคุณยาย กิจการของพ่อก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ออร์เดอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรัพย์สินก็เพิ่มขึ้นตามหลายเท่าตัวเขาเอาความโชคดีทั้งหมด ไปไว้ที่หลินก่วนภรรยาออกจากโรงพยาบาล ลูกสุขภาพแข็งแรง แม้แต่ดอกบ้านในบ้าน ก็งามสะพรั่งกว่าแต่ก่อนแต่เป็นเพราะพ่อรังเกียจฉัน คิดว่าฉันเพิ่มความซวยให้มากขึ้นฉันจดจำสายตาที่รังเกียจนั่น ตอนที่พ่อมองเห็นฉันได้เสมอพ่อบอกแม่ของฉันว่า ต่อไปให้เรียกฉันว่าเล่อขุย สำหรับสำมะโนครัว ก็ไม่ต้องย้ายมาเพื่อที่จะได้ไม่พลอยต้องพาตระกูลหลินเดือดร้อนไปด้วยฉันมีบ้านแล้ว แต่ก็เหมือนไม่มีพ่อสามารถจ่ายเงินก้อนโต เพื่อส่งหลินก่วนกับหลินเจ๋อเข้าโรงเรียนดี ๆ ได้ เพื่อให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาแต่ฉัน คู่ควรแค่กับการยืมชื่อคนอื่นเพื่อเข้าเรียน มีโรงเร

  • แฝดน้องผู้แสนอาภัพ   บทที่ 8

    เมื่อตอนที่ฉันลอยขึ้นมา ยังเห็นคนนั้นนอนซบอยู่บนตัวของฉันคนที่อยู่ข้าง ๆ ยังหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันขึ้นมาอีกด้วย“ตายแล้ว ตายได้ยังไง?”“ไม่สนุกเลยว่ะ ซวยชิบหายเลย!”พวกเขาลนลานขึ้นมา นำศพของฉันยัดใส่ในกระสอบเป็นเพราะมืดเกินไป ฉันมองเห็นหน้าตาไม่ชัด รู้เพียงแค่ว่ามีกันสองคนแต่เสียงของพวกเขา ยังดังวนเวียนอยู่ในแก้วหูของฉันกระสอบเล็กแค่นั้น ยังถูกพวกเขาใช้เท้าถีบอยู่หลายที เพื่อพยายามยัดเข้าไปฉันวิ่งหนีไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว ทะลุออกไป ได้ยินเสียงหมาเห่าดังมาจากที่ห่างออกไปดุเหลือเกิน!ฉันหันหลังกลับไปอีกครั้ง ก็มาอยู่ที่งานหมั้นของหลินก่วนแสงไฟภายในโถงห้องจัดเลี้ยงสว่างไสว โคมไฟระย้าอันหรูหราสวยงาม จัดวางด้วยอาหารรสเลิศและไวน์ชั้นดีนานาชนิดคนในครอบครัวของฉันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยหรูมาร่วมงาน กำลังกล่าวอวยพร แต่เมื่อนึกถึงฉัน ถึงจะด่าออกมาสองสามคำมันแตกต่างกับห้องเล็ก ๆ อันดำมืด ก่อนหน้าที่ฉันจะตายห้องนั้นอย่างสิ้นเชิงตอนหลัง แม้แต่ศพอยู่ที่ไหน ฉันก็ยังไม่รู้ที่นั่นมืดเกินไป แม้ว่าฉันจะเป็นวิญญาณ ก็ยังไม่กล้าไปอยู่ดีถ้าหากคุณยายยังอยู่ คุณยายจะกอดฉันไว้ในอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status