ด้วยการนำทางของตำรวจ แม่ของฉันได้เห็นตัวคนร้ายแล้วในที่สุดฉันก็ได้เห็นหน้าของพวกมันชัด ๆ แล้ว หนึ่งในคนนั้นมีสีผิวดำ อีกคนหนึ่งไว้เคราเล็กน้อยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ“คืนนั้น พวกเราแค่อยากจะไปขโมยของนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้อยากจะฆ่าใคร”“ที่ห้องใต้ดิน เธอนอนอยู่บนพื้นตะโกนให้ช่วยชีวิต ให้พวกเราช่วยเธอ ในปากเอาแต่พึมพำว่าพระพุทธรูปอะไรสักอย่าง”“เดิมทีหาอะไรไม่เจอเลย ก็เลยข่มขืนเธอ”“อีกอย่าง พวกเราไม่ได้เจตนาจะฆ่าเธอ”ทั้งสองคนกุมหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พลาดรับสายโทรศัพท์ ในใจทนต่อความกดดันไม่ไหวเมื่อฉันได้ฟังพวกเขาปริปากพูด ความรู้สึกหวาดกลัวในคืนนั้นก็โจมตีอีกครั้ง“น้อง ต้องการคุณยายอะไร พี่ก็สามารถ...”“เด็กดี ไม่ต้องกลัว...”แม่ของฉันพิงประตู สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆเมื่อหันกลับไปมองหลินก่วน มือของพี่สั่นอย่างรุนแรง แม้กระทั่งการหายใจก็รุนแรงขึ้น“ก๋วนก่วน ตกใจเหรอ?” หลินเจ๋อเริ่มเป็นห่วงพี่“พี่ ฉันกลัวมากเลย”พี่ทนไม่ไหว พิงเข้าไปในอ้อมอกของหลินเจ๋อไม่กลัวได้ยังไงล่ะ?เป็นเพราะพี่เป็นคนผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดินด้วยต
หลังจากที่พ่อของฉันกลับถึงบ้าน ถึงได้เชื่อว่าฉันตายไปแล้วจากนั้น ก็ขมวดคิ้วแล้วมองหลินก่วน “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว นี่เป็นดวงของเธอ”“ตายอย่างสกปรกขนาดนั้น พูดออกมาก็ยังรู้สึกขยะแขยง”“หลังจากนี้ไปเรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ห้ามใครพูดถึงอีก”ที่แท้ในใจของพ่อ ฉันไม่เป็นที่รักจริง ๆ ถึงขั้นยังน่ารังเกียจด้วยซ้ำโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นอีกครั้ง หลินก่วนกรี๊ดออกมา เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมากเป็นสายจากคุณป้าหวังเจ้าของบ้าน คุณป้ามาเยี่ยมฉัน ตั้งใจนำของกินบางอย่างมาให้ฉันนอกจากคุณยายของฉันแล้ว นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ห่วงใยฉันแม่ของฉันพาหลินเจ๋อไป ในไม่ช้าก็ตามหาที่ฉันอยู่ของฉันเจอ ที่นั่นกันดารเล็กน้อยบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านมีสิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ด้านในห้องมีโคมไฟตั้งโต๊ะสีสันสดใสมากมาย เพียงแค่เปิด ก็สว่างพร่างพราวเป็นอย่างยิ่ง“ตอนที่เล่อขุยมีชีวิตอยู่เป็นคนโรแมนติกมากนี่ แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง”“พยายามจะใช้ชีวิตเป็นให้เป็นเจ้าหญิง” หลินเจ๋อเบะปากแม่ของฉันมองค้อนพี่ทีหนึ่ง พี่ถึงได้หุบปาก“เป็นเพราะเธอกลัวความมืด กลัวฟ้าร้อง” คุณป้าหว
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เรื่องแรกที่แม่ของฉันทำ ก็คือรื้อห้องทำงานของหลินก่วนทิ้งนำโคมไฟทั้งหมดวางไว้ในนั้น“พ่อ พ่อดูแม่สิคะ นี่แม่เป็นอะไรไปเหรอคะ?”“ของของคนตายยังเอากลับมาอีก อัปมงคลมาก ๆ”หลินก่วนหลบอยู่ที่ประตู เอาแต่กอดแขนพ่อของฉันเอาไว้แน่น“มันตายไปแล้ว เก็บของพวกนี้ไว้ทำไม”“เก็บไว้ในบ้านก็เป็นอัปมงคล”พ่อของฉันโมโหจนเดินเข้าไป หยิบโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นมากำลังจะโยนลงบนพื้น“วางลง ใครก็ห้ามแตะ”แม่ของฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที ตะโกนเสียงดัง หลินเจ๋อตกใจจนรีบเข้ามาประคองแม่เอาไว้แม่แย่งโคมไฟตั้งโต๊ะจากในมือพ่อของฉัน แล้วกอดเอาไว้ในอ้อมอกแน่นเหมือนกับว่านั่นเป็นสิ่งของล้ำค่า“อีกเรื่อง เถ้ากระดูกของเล่อขุยฝังไว้ที่บ้านนอก พวกคุณจะกลับไปไหม?”“เธอจะได้พักอย่างสงบสุข”แม่ของฉันเหลือบตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา“กลับครับ กลับไปแน่นอนครับ” มีเพียงหลินเจ๋อที่พยักหน้าเห็นด้วยหลินก่วนที่ถูกจ้องเขม็ง พยักหน้าตอบรับด้วยความตกใจ“แค่คนตายคนเดียว มีค่าอะไรให้ระลึกถึง” พ่อของฉันโมโหจนกระแทกประตูแล้วเดินออกไปใช่แล้ว ฉันตายไปแล้ว มีอะไรให้น่าระลึกถึงแม่ของฉันงมงายเรื่องนี
หลังจากแม่ของฉันฟังจบ ก็ยืนเซ่อไปทันทีในที่สุดแม่ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉันถึงกลัวความมืด ทำไมตอนอยู่ที่โรงพยาบาลถึงได้พูดคำพูดประโยคเดียวกันแม่ไม่แม้กระทั่งจะให้ฉันได้รับการรักษา ยังด่าว่าฉันเป็นคนอกตัญญูอีกอาหวังถามแม่ประโยคสุดท้าย “พวกเธอเอาแต่พูดว่าเล่อขุยเป็นตัวซวย ถ้าอย่างนั้นอยู่กับพวกเธอมาสิบกว่าปี แล้วใครได้รับความทุกข์ทรมาน?”“เธอทำให้ใครต้องซวยไหม?”แม่ของฉันร้องไห้และเอาแต่พูดขอโทษ นอกจากพูดคำนี้แล้ว แม่ก็ไม่ได้พูดคำอื่นแม่รู้สึกผิดต่อฉัน ยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณยายความรักที่สายเกินไปมันไร้ค่าเสียยิ่งกว่า ฉันไม่รับหลังจากกลับถึงบ้าน แม่ก็เป็นไข้หนัก นอนกอดรูปของฉันเอาไว้ทั้งวัน อยู่ในอาการหดหู่หลินก่วนก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุขเช่นกันหลังจากที่เสิ่นเหยียนซิงรู้ว่าฉันตาย เขาถามหลินก่วนว่า ทำไมถึงผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดิน“พวกคุณทุกคนกลั่นแกล้งฉัน เธอตายไปแล้ว ทำไมถึงต้องตำหนิฉันทุกอย่าง?”“ฉันรำคาญที่ต้องเห็นเธอ เธอไม่ควรกลับมา”เสิ่นเหยียนซิงเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ “ตอนนั้น ที่คุณพูดว่าเธอนิสัยไม่ดี ทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวงใช่ไหม?”หลินก่วนเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ที
ฉันพยายามดิ้นรนทุกวัน อยากจะออกไปจากที่นี่หลังจากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่เป็นตัวของตัวเอง อารมณ์ของฉันก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆฉันลอยไปยังหัวเตียงของแม่ เอาแต่ถามแม่ทำไมทำไมหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีกฉันบอกแม่ว่า ฉันเกลียดแม่ ไม่มีทางยกโทษให้แม่ตลอดไปพูดไปพูดมา ฉันก็หยุดลง น้ำตาไหลพรากความเจ็บปวดในหัวใจ ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นมาอีกแล้วกลางดึก จู่ ๆ แม่ของฉันก็ฝันร้ายจนตกใจตื่น เธอมองตรงไปข้างหน้า ซึ่งก็คือทิศทางของฉันพ่อของฉันเปิดไฟ ถามแม่ว่าเป็นอะไรแม่เอาแต่ร้องไห้และพูดว่าขอโทษ“ก็แค่ชีวิตชั้นต่ำชีวิตหนึ่งเท่านั้น มันตายไปแล้ว ตายไปแล้ว” พ่อของฉันระเบิดอารมณ์ แล้วกระแทกลงจากเตียงอย่างรุนแรงแม่ของฉันจ้องมองพ่ออย่างไม่เชื่อ “เธอก็เป็นลูกสาวของคุณเหมือนกันนะ!”“มันไม่ใช่ มันไม่ได้แซ่หลิน ไม่เคยเป็น”ถูกต้อง ฉันไม่ได้แซ่หลิน จะเป็นลูกสาวของพ่อได้ยังไงคนที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยขนาดนี้ ยอมฟังคำพูดของคนอื่น แต่ไม่ยอมรับว่าฉันเป็นลูกสาวของเขาเช่นเดียวกัน“อีกเรื่อง ฉันถามอาจารย์ฮวงจุ้ยแล้ว บอกว่าหลุมศพของเธอ ไม่ส่งผลดีกับพวกเรา”“วิธีเดียวที่จะแ
ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างเล็กน้อย พ่อของฉันก็รีบไปที่บ้านนอกเขาอดทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแม่ของฉันทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยอย่างเงียบ ๆ “เรื่องนี้น่าอายเหลือเกิน ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นแล้ว”“กินข้าวเสร็จ พวกเราสี่คน ไปด้วยกันเถอะ!”หลินก่วนหยิบอาหารเช้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “แม่คะ ในที่สุดแม่ก็คิดได้แล้ว”หลินเจ๋อบอกให้แม่อย่ากังวลมากจนเกินไป เพียงแค่ย้ายหลุมศพเท่านั้น เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสีหน้าพ่อของฉัน ในที่สุดก็ไม่ได้วางมาดอีกต่อไปแต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อคืนวานนี้แม่พูดว่าจะชดใช้ความผิด?แม่อยากจะชดใช้ความผิดยังไง?“อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้ว หนูจะยกโทษให้แม่นะ ไม่มีทางหรอก”“แม่คะ แม่ได้ยินไหม?”ที่ตอบฉันกลับมามีเพียงเสียงออกจากบ้านเท่านั้น รวมทั้งเสียงเปิดประตูรถครั้งนี้ เธอเลือกนั่งที่ด้านข้างคนขับยังคงเป็นหลินเจ๋อที่เป็นคนขับรถตลอดทาง แม่เอาแต่นิ่งเงียบ เงียบเสียจนน่ากลัวเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ หลินเจ๋อเปิดเพลงคลอเบา ๆ หลินก่วนก็ร้องเพลงตามเบา ๆ“พวกคุณเจ็บปวดหัวใจบ้างไหม?”เมื่อใกล้จะถึงบริเวณมุมหัวโค้งทางบนทางภูเขา เสียงอันแผ่วเบาของแม่
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กน้อย คุณยายมักจะบอกกับฉันว่า บนโลกใบนี้มีเพียงแม่เท่านั้นที่ดีแต่ฉันคิดว่า คุณยายหลอกฉันมาตลอดเนื่องจากตอนแปดขวบ เป็นเวลานานมากกว่าที่แม่ของฉันจะยอมมารับฉันหลังจากกลับบ้าน ฉันเห็นเธอกำลังโอ๋หลินก่วน ซึ่งก็คือพี่สาวฝาแฝดของฉันฉันกับเธอมีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน เพียงแค่ฉันมีไฝที่บริเวณหางตาข้างซ้ายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเม็ด“แม่คะ เธอเป็นใครเหรอคะ?”“เธอคือเล่อขุย น้องสาวที่บ้านนอกของลูก”การซักถามที่ไม่พอใจและคำตอบที่เย็นชา ทำให้ในใจของฉันแอบไม่สบายใจบ้านนอกก็ได้กลายมาเป็นชื่อเรียกของฉัน ทำให้เกิดความห่างเหินขึ้นมาทันทีหลินเจ๋อผู้เป็นพี่ชายใช้สายตารังเกียจจ้องมองฉัน เหมือนกับว่าฉันเป็นผู้บุกรุกที่บุกเข้ามาที่บ้านของเขาในเวลานั้น ยิ่งทำให้ฉันอยากถามคุณยายว่า แม่มีดีตรงไหนกันแน่?และตอนนี้ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพวกเรา ถ้าพูดให้ถูกต้อง เป็นพิธีหมั้นหมายของพี่สาวแม่ของฉันต้อนรับแขกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือมาหลบอยู่ที่บริเวณบันได โทรศัพท์หาฉันครั้งแล้วครั้งเล่าตอนที่โทรถึงครั้งที่ห้า ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ถูกปิดเครื่องแม่ของฉันโมโหจนหลุดปากสบถด่า
เมื่อลอยมาถึงห้องแต่งตัว ในที่สุดฉันก็ได้เห็นหลินก่วนมีน้ำตาที่บริเวณหางตาของเธอ เบะปาก อิงอยู่ในอ้อมอกของเสิ่นเหยียนซิงการแต่งหน้าอันประณีต ทำให้เธอยิ่งดูน่าสงสาร“ฉันนี่มันโง่เหลือเกิน ฉลองวันเกิดดี ๆ ก็ดีอยู่แล้ว จะต้องเลือกหมั้นวันนี้”“เล่อขุยไม่มา เป็นเพราะว่ายังโมโหฉันอยู่ใช่ไหมคะ?”“ถึงยังไงเมื่อก่อนคุณก็เป็นแฟนของเธอ เธอรักคุณมากขนาดนั้น”เสิ่นเหยียนซิงลูบแผ่นหลังของเธอเบา ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดหลังจากได้ยินชื่อของฉัน ความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “คนอย่างเธอ เดิมทีก็ไม่ควรเกิดวันเดียวกันกับคุณอยู่แล้ว”“พอนึกถึงความรักของยายนั่นขึ้นมาก็ทำให้ผมขยะแขยง”“ส่วนการหมั้น ยิ่งไม่เกี่ยวอะไรกับยายนั่นเลย”ฉันยิ้มเยาะทันที ที่หลินก่วนเลือกหมั้นวันนี้ ไม่ใช่เพราะอยากให้ฉันลำบากใจหรอกเหรอ?“แต่เธอเป็นน้องสาวฉัน ฉันยิ่งอยากจะได้รับคำอวยพรจากเธอ”หลินก่วนพูดด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มหลังจากเสิ่นเหยียนซิงได้ฟัง ก็ประทับจูบลงบนหน้าผากของเธอ “หลินก่วน ความสุขของคุณ ให้เป็นหน้าที่ผมเอง”หัวใจของฉันเจ็บปวดขึ้นมาทันทีคำพูดประโยคนี้ เขาเคยพูดกับฉันมาก่อน แล้วก็จริงจังแบบน
ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างเล็กน้อย พ่อของฉันก็รีบไปที่บ้านนอกเขาอดทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแม่ของฉันทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยอย่างเงียบ ๆ “เรื่องนี้น่าอายเหลือเกิน ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นแล้ว”“กินข้าวเสร็จ พวกเราสี่คน ไปด้วยกันเถอะ!”หลินก่วนหยิบอาหารเช้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “แม่คะ ในที่สุดแม่ก็คิดได้แล้ว”หลินเจ๋อบอกให้แม่อย่ากังวลมากจนเกินไป เพียงแค่ย้ายหลุมศพเท่านั้น เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสีหน้าพ่อของฉัน ในที่สุดก็ไม่ได้วางมาดอีกต่อไปแต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อคืนวานนี้แม่พูดว่าจะชดใช้ความผิด?แม่อยากจะชดใช้ความผิดยังไง?“อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้ว หนูจะยกโทษให้แม่นะ ไม่มีทางหรอก”“แม่คะ แม่ได้ยินไหม?”ที่ตอบฉันกลับมามีเพียงเสียงออกจากบ้านเท่านั้น รวมทั้งเสียงเปิดประตูรถครั้งนี้ เธอเลือกนั่งที่ด้านข้างคนขับยังคงเป็นหลินเจ๋อที่เป็นคนขับรถตลอดทาง แม่เอาแต่นิ่งเงียบ เงียบเสียจนน่ากลัวเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ หลินเจ๋อเปิดเพลงคลอเบา ๆ หลินก่วนก็ร้องเพลงตามเบา ๆ“พวกคุณเจ็บปวดหัวใจบ้างไหม?”เมื่อใกล้จะถึงบริเวณมุมหัวโค้งทางบนทางภูเขา เสียงอันแผ่วเบาของแม่
ฉันพยายามดิ้นรนทุกวัน อยากจะออกไปจากที่นี่หลังจากกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน ไม่เป็นตัวของตัวเอง อารมณ์ของฉันก็ยิ่งฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆฉันลอยไปยังหัวเตียงของแม่ เอาแต่ถามแม่ทำไมทำไมหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้อีกฉันบอกแม่ว่า ฉันเกลียดแม่ ไม่มีทางยกโทษให้แม่ตลอดไปพูดไปพูดมา ฉันก็หยุดลง น้ำตาไหลพรากความเจ็บปวดในหัวใจ ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นมาอีกแล้วกลางดึก จู่ ๆ แม่ของฉันก็ฝันร้ายจนตกใจตื่น เธอมองตรงไปข้างหน้า ซึ่งก็คือทิศทางของฉันพ่อของฉันเปิดไฟ ถามแม่ว่าเป็นอะไรแม่เอาแต่ร้องไห้และพูดว่าขอโทษ“ก็แค่ชีวิตชั้นต่ำชีวิตหนึ่งเท่านั้น มันตายไปแล้ว ตายไปแล้ว” พ่อของฉันระเบิดอารมณ์ แล้วกระแทกลงจากเตียงอย่างรุนแรงแม่ของฉันจ้องมองพ่ออย่างไม่เชื่อ “เธอก็เป็นลูกสาวของคุณเหมือนกันนะ!”“มันไม่ใช่ มันไม่ได้แซ่หลิน ไม่เคยเป็น”ถูกต้อง ฉันไม่ได้แซ่หลิน จะเป็นลูกสาวของพ่อได้ยังไงคนที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยขนาดนี้ ยอมฟังคำพูดของคนอื่น แต่ไม่ยอมรับว่าฉันเป็นลูกสาวของเขาเช่นเดียวกัน“อีกเรื่อง ฉันถามอาจารย์ฮวงจุ้ยแล้ว บอกว่าหลุมศพของเธอ ไม่ส่งผลดีกับพวกเรา”“วิธีเดียวที่จะแ
หลังจากแม่ของฉันฟังจบ ก็ยืนเซ่อไปทันทีในที่สุดแม่ก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมฉันถึงกลัวความมืด ทำไมตอนอยู่ที่โรงพยาบาลถึงได้พูดคำพูดประโยคเดียวกันแม่ไม่แม้กระทั่งจะให้ฉันได้รับการรักษา ยังด่าว่าฉันเป็นคนอกตัญญูอีกอาหวังถามแม่ประโยคสุดท้าย “พวกเธอเอาแต่พูดว่าเล่อขุยเป็นตัวซวย ถ้าอย่างนั้นอยู่กับพวกเธอมาสิบกว่าปี แล้วใครได้รับความทุกข์ทรมาน?”“เธอทำให้ใครต้องซวยไหม?”แม่ของฉันร้องไห้และเอาแต่พูดขอโทษ นอกจากพูดคำนี้แล้ว แม่ก็ไม่ได้พูดคำอื่นแม่รู้สึกผิดต่อฉัน ยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณยายความรักที่สายเกินไปมันไร้ค่าเสียยิ่งกว่า ฉันไม่รับหลังจากกลับถึงบ้าน แม่ก็เป็นไข้หนัก นอนกอดรูปของฉันเอาไว้ทั้งวัน อยู่ในอาการหดหู่หลินก่วนก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุขเช่นกันหลังจากที่เสิ่นเหยียนซิงรู้ว่าฉันตาย เขาถามหลินก่วนว่า ทำไมถึงผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดิน“พวกคุณทุกคนกลั่นแกล้งฉัน เธอตายไปแล้ว ทำไมถึงต้องตำหนิฉันทุกอย่าง?”“ฉันรำคาญที่ต้องเห็นเธอ เธอไม่ควรกลับมา”เสิ่นเหยียนซิงเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ “ตอนนั้น ที่คุณพูดว่าเธอนิสัยไม่ดี ทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวงใช่ไหม?”หลินก่วนเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “ที
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เรื่องแรกที่แม่ของฉันทำ ก็คือรื้อห้องทำงานของหลินก่วนทิ้งนำโคมไฟทั้งหมดวางไว้ในนั้น“พ่อ พ่อดูแม่สิคะ นี่แม่เป็นอะไรไปเหรอคะ?”“ของของคนตายยังเอากลับมาอีก อัปมงคลมาก ๆ”หลินก่วนหลบอยู่ที่ประตู เอาแต่กอดแขนพ่อของฉันเอาไว้แน่น“มันตายไปแล้ว เก็บของพวกนี้ไว้ทำไม”“เก็บไว้ในบ้านก็เป็นอัปมงคล”พ่อของฉันโมโหจนเดินเข้าไป หยิบโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นมากำลังจะโยนลงบนพื้น“วางลง ใครก็ห้ามแตะ”แม่ของฉันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที ตะโกนเสียงดัง หลินเจ๋อตกใจจนรีบเข้ามาประคองแม่เอาไว้แม่แย่งโคมไฟตั้งโต๊ะจากในมือพ่อของฉัน แล้วกอดเอาไว้ในอ้อมอกแน่นเหมือนกับว่านั่นเป็นสิ่งของล้ำค่า“อีกเรื่อง เถ้ากระดูกของเล่อขุยฝังไว้ที่บ้านนอก พวกคุณจะกลับไปไหม?”“เธอจะได้พักอย่างสงบสุข”แม่ของฉันเหลือบตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา“กลับครับ กลับไปแน่นอนครับ” มีเพียงหลินเจ๋อที่พยักหน้าเห็นด้วยหลินก่วนที่ถูกจ้องเขม็ง พยักหน้าตอบรับด้วยความตกใจ“แค่คนตายคนเดียว มีค่าอะไรให้ระลึกถึง” พ่อของฉันโมโหจนกระแทกประตูแล้วเดินออกไปใช่แล้ว ฉันตายไปแล้ว มีอะไรให้น่าระลึกถึงแม่ของฉันงมงายเรื่องนี
หลังจากที่พ่อของฉันกลับถึงบ้าน ถึงได้เชื่อว่าฉันตายไปแล้วจากนั้น ก็ขมวดคิ้วแล้วมองหลินก่วน “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว นี่เป็นดวงของเธอ”“ตายอย่างสกปรกขนาดนั้น พูดออกมาก็ยังรู้สึกขยะแขยง”“หลังจากนี้ไปเรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ห้ามใครพูดถึงอีก”ที่แท้ในใจของพ่อ ฉันไม่เป็นที่รักจริง ๆ ถึงขั้นยังน่ารังเกียจด้วยซ้ำโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นอีกครั้ง หลินก่วนกรี๊ดออกมา เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมากเป็นสายจากคุณป้าหวังเจ้าของบ้าน คุณป้ามาเยี่ยมฉัน ตั้งใจนำของกินบางอย่างมาให้ฉันนอกจากคุณยายของฉันแล้ว นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ห่วงใยฉันแม่ของฉันพาหลินเจ๋อไป ในไม่ช้าก็ตามหาที่ฉันอยู่ของฉันเจอ ที่นั่นกันดารเล็กน้อยบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้านมีสิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ด้านในห้องมีโคมไฟตั้งโต๊ะสีสันสดใสมากมาย เพียงแค่เปิด ก็สว่างพร่างพราวเป็นอย่างยิ่ง“ตอนที่เล่อขุยมีชีวิตอยู่เป็นคนโรแมนติกมากนี่ แต่งตัวเป็นเจ้าหญิง”“พยายามจะใช้ชีวิตเป็นให้เป็นเจ้าหญิง” หลินเจ๋อเบะปากแม่ของฉันมองค้อนพี่ทีหนึ่ง พี่ถึงได้หุบปาก“เป็นเพราะเธอกลัวความมืด กลัวฟ้าร้อง” คุณป้าหว
ด้วยการนำทางของตำรวจ แม่ของฉันได้เห็นตัวคนร้ายแล้วในที่สุดฉันก็ได้เห็นหน้าของพวกมันชัด ๆ แล้ว หนึ่งในคนนั้นมีสีผิวดำ อีกคนหนึ่งไว้เคราเล็กน้อยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ“คืนนั้น พวกเราแค่อยากจะไปขโมยของนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้อยากจะฆ่าใคร”“ที่ห้องใต้ดิน เธอนอนอยู่บนพื้นตะโกนให้ช่วยชีวิต ให้พวกเราช่วยเธอ ในปากเอาแต่พึมพำว่าพระพุทธรูปอะไรสักอย่าง”“เดิมทีหาอะไรไม่เจอเลย ก็เลยข่มขืนเธอ”“อีกอย่าง พวกเราไม่ได้เจตนาจะฆ่าเธอ”ทั้งสองคนกุมหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พลาดรับสายโทรศัพท์ ในใจทนต่อความกดดันไม่ไหวเมื่อฉันได้ฟังพวกเขาปริปากพูด ความรู้สึกหวาดกลัวในคืนนั้นก็โจมตีอีกครั้ง“น้อง ต้องการคุณยายอะไร พี่ก็สามารถ...”“เด็กดี ไม่ต้องกลัว...”แม่ของฉันพิงประตู สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆเมื่อหันกลับไปมองหลินก่วน มือของพี่สั่นอย่างรุนแรง แม้กระทั่งการหายใจก็รุนแรงขึ้น“ก๋วนก่วน ตกใจเหรอ?” หลินเจ๋อเริ่มเป็นห่วงพี่“พี่ ฉันกลัวมากเลย”พี่ทนไม่ไหว พิงเข้าไปในอ้อมอกของหลินเจ๋อไม่กลัวได้ยังไงล่ะ?เป็นเพราะพี่เป็นคนผลักฉันเข้าไปในห้องใต้ดินด้วยต
ฉันเคยจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉันตายแล้ว จะเป็นยังไง?จะมีอารมณ์โศกเศร้าบ้างไหม?แต่แม่ของฉันวางสายโทรศัพท์อย่างนิ่งเฉย จัดการธุระของตัวเองต่อไปจนกระทั่งหลินเจ๋อที่กลับมาพร้อมกับความลนลาน “แม่ ผมได้รับสาย บอกว่าเล่อขุยตายแล้ว”“หลอกลวง นี่ก็คือวิธีการใหม่ของมัน” แม่ของฉันตอบกลับด้วยประโยคนี้ทันทีฉันแย่มากขนาดไหนกัน แม้แต่ตายแล้ว แม่ก็ยังไม่เชื่อ“เรื่องจริงครับ มันตายแล้วจริง ๆ”หลินเจ๋อจับมือของแม่เอาไว้ เพื่อให้แม่สงบลงสีหน้าของแม่ซีดขาวเล็กน้อย มือของแม่สั่นเทานิดหน่อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหฉัน หรือเป็นเพราะว่าได้รับความสะเทือนใจกันแน่พวกเขาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่เดินไปถึงประตู ก็เจอกับหลินก่วน สีหน้าของพี่ยิ่งลุกลี้ลุกลน“หนูไปที่ห้องใต้ดินก่อน ไปเอาของอะไรบางอย่าง”แม่ของฉันจับมือที่ลุกลี้ลุกลนของพี่ “ไปที่นั่นทำไม?”หลินก่วนยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกลากตัวออกจากบ้านเมื่อสองวันก่อน เธอเคยวิ่งมาดูที่ประตูห้องชั้นใต้ดิน แม่กุญแจของประตูหลุดไปแล้ว เธอยังร้องเรียกฉันเบา ๆแต่อาจจะเป็นเพราะร้อนตัว เธอเลยเริ่มลุกลี้ลุกลนตอนที่มาถึงสถานีตำร
เป็นเพราะถูกตัดสาย หลินเจ๋อจึงเอาแต่พูดว่าตัวซวยหลินก่วนปลอบพ่อกับแม่อย่างร้อนตัว“เล่อขุยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ยังจะล้อเล่นแบบนี้อีก”“พูดจาแบบนี้ในวันเกิดวันนี้ของพวกเรา อัปมงคลจริง ๆ”พ่อของฉันโมโหจนพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง “ถ้ามันตายจริง ๆ ก็ดีนะสิ”“เดรัจฉานนี่ อยู่ไปก็เป็นหายนะเปล่า ๆ”หลังจากที่ฉันถูกรับตัวมาจากคุณยาย กิจการของพ่อก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ออร์เดอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรัพย์สินก็เพิ่มขึ้นตามหลายเท่าตัวเขาเอาความโชคดีทั้งหมด ไปไว้ที่หลินก่วนภรรยาออกจากโรงพยาบาล ลูกสุขภาพแข็งแรง แม้แต่ดอกบ้านในบ้าน ก็งามสะพรั่งกว่าแต่ก่อนแต่เป็นเพราะพ่อรังเกียจฉัน คิดว่าฉันเพิ่มความซวยให้มากขึ้นฉันจดจำสายตาที่รังเกียจนั่น ตอนที่พ่อมองเห็นฉันได้เสมอพ่อบอกแม่ของฉันว่า ต่อไปให้เรียกฉันว่าเล่อขุย สำหรับสำมะโนครัว ก็ไม่ต้องย้ายมาเพื่อที่จะได้ไม่พลอยต้องพาตระกูลหลินเดือดร้อนไปด้วยฉันมีบ้านแล้ว แต่ก็เหมือนไม่มีพ่อสามารถจ่ายเงินก้อนโต เพื่อส่งหลินก่วนกับหลินเจ๋อเข้าโรงเรียนดี ๆ ได้ เพื่อให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาแต่ฉัน คู่ควรแค่กับการยืมชื่อคนอื่นเพื่อเข้าเรียน มีโรงเร
เมื่อตอนที่ฉันลอยขึ้นมา ยังเห็นคนนั้นนอนซบอยู่บนตัวของฉันคนที่อยู่ข้าง ๆ ยังหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันขึ้นมาอีกด้วย“ตายแล้ว ตายได้ยังไง?”“ไม่สนุกเลยว่ะ ซวยชิบหายเลย!”พวกเขาลนลานขึ้นมา นำศพของฉันยัดใส่ในกระสอบเป็นเพราะมืดเกินไป ฉันมองเห็นหน้าตาไม่ชัด รู้เพียงแค่ว่ามีกันสองคนแต่เสียงของพวกเขา ยังดังวนเวียนอยู่ในแก้วหูของฉันกระสอบเล็กแค่นั้น ยังถูกพวกเขาใช้เท้าถีบอยู่หลายที เพื่อพยายามยัดเข้าไปฉันวิ่งหนีไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัว ทะลุออกไป ได้ยินเสียงหมาเห่าดังมาจากที่ห่างออกไปดุเหลือเกิน!ฉันหันหลังกลับไปอีกครั้ง ก็มาอยู่ที่งานหมั้นของหลินก่วนแสงไฟภายในโถงห้องจัดเลี้ยงสว่างไสว โคมไฟระย้าอันหรูหราสวยงาม จัดวางด้วยอาหารรสเลิศและไวน์ชั้นดีนานาชนิดคนในครอบครัวของฉันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยหรูมาร่วมงาน กำลังกล่าวอวยพร แต่เมื่อนึกถึงฉัน ถึงจะด่าออกมาสองสามคำมันแตกต่างกับห้องเล็ก ๆ อันดำมืด ก่อนหน้าที่ฉันจะตายห้องนั้นอย่างสิ้นเชิงตอนหลัง แม้แต่ศพอยู่ที่ไหน ฉันก็ยังไม่รู้ที่นั่นมืดเกินไป แม้ว่าฉันจะเป็นวิญญาณ ก็ยังไม่กล้าไปอยู่ดีถ้าหากคุณยายยังอยู่ คุณยายจะกอดฉันไว้ในอ