ระยะทางที่เดินในหุบเหวซึ่งขนาบข้างด้วยหน้าผาสองฟากยาวราวยี่สิบกิโลเมตร สิ้นสุดลงตรงหน้าผาชันที่ขวางหน้า ธีราหันมาสบตาจามิลเป็นเชิงถาม พวกเรามากันถูกทางหรือเปล่า? วิษณุพูดโพล่งทันที “นี่พามาผิดทางแน่ๆ” “ผมเทียบแผนที่แล้ว ทางนี้ถูกต้อง พวกเรายังต้องเดินหน้าต่อไปอีก” จามิลยืนยัน วิษณุชี้หน้าผาตรงหน้าพลางพูดเยาะเย้ย “เชอะ ตรงไป เห็นทีต้องขุดหน้าผากันแล้ว” แทนที่จะโกรธ จามิลกลับพูดว่า “คุณพูดจามีเหตุผล” พลางเดินสำรวจหน้าผาตรงหน้า คังเห็นศิษย์พี่สำรวจหน้าผาก็ทำตามบ้าง นักบวชต่างวัยเดินลูบๆ ตบๆ ตามผนังผา ครู่หนึ่งเณรน้อยก็ส่งเสียงเอะอะ “ไอ้เด็กเปรตมันว่าอะไรของมัน?” วิษณุเอ่ยไม่ดังนัก เจตนาจะถามหลิง ธีราได้ยินเข้าก็อดพูดตำหนิไม่ได้ “พี่ณุ ทำไมชอบพูดจาหยาบคายอย่างนี้” “เหอะน่า ยังไงมันก็ฟังไม่รู้เรื่อง” วิษณุพูดอย่างขอไปที “แต่ยังไงก็ไม่สมควรพูด” ธีรายังยืนยันความคิดเดิม วิษณุเลยพาลหงุดหงิด “เออๆ” “เณรว่าเขาพบทางเข้าแล้ว” หลิงพูดแทรก ทั้งหมดจึงหันไปมองเณรน้อย ก็เห็
จามิลถือคบไฟนำทางธีราเข้าไปในถ้ำเป็นคู่แรก วิษณุมองตามด้วยสายตาไม่ประสงค์ดีพร้อมกับสบถลั่น “ห่าเอ๊ย! เดี๋ยวขึ้นเขา เดี๋ยวลงเหว เดี๋ยวลุยหิมะ เดี๋ยวมุดถ้ำ เมื่อไรจะถึงสักทีวะ” ก่อนจะหยิบไฟฉายคาดหน้าผากมาสวมเพื่อส่องทาง หลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำตามบ้างพลางกระซิบ “หึงล่ะสิ?” “ผมไม่ชอบที่มันทำตัวใกล้ชิดธีรามากเกินไป” วิษณุพูดจาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นั่นแหละความรู้สึกที่เรียกว่าหึง” หลิงพูดพลางแกล้งยั่ว “พระคีรีมันไม่เหมือนพระเมืองจีนที่บวชแล้วบวชเลยไม่ค่อยสึก และก็ไม่เหมือนพระทิเบตบางนิกายที่มีภรรยาทั้งๆ ที่เป็นพระได้ แต่พระคีรีมันสึกออกไปครองเรือนมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก” “คุณมาบอกผมทำไม?” วิษณุถามน้ำเสียงหงุดหงิด “เตือนให้คุณระวังเอาไว้ ดีไม่ดีแม่น้องสาวแสนสวยของคุณจะถูกพระคีรีมันฉกเอาไปครอง” หลิงพูดกึ่งประชดกึ่งแหย่ วิษณุสีหน้าบึ้งตึงก่อนพูดเสียงแข็ง “รอให้ไปถึงกันเดนก่อนเถอะ” มือขยับแตะปืนพกข้างเอวพลางกระซิบลอดไรฟัน “จะส่งมันไปสวรรค์” “คุณมองตาของผมนะ” จามิลกล่าวเสียงทุ้มลึก ธีรารู้สึกว่าเสียงนั้นซอกซอนเข
“ยืนอยู่กับที่ ใครอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น” เสียงจามิลดังกึกก้องเรียกสติของคนอีกหลายคนที่กำลังหวาดกลัวให้กลับคืนมา กรี๊ดดดดด! เสียงเหมือนคนกรีดร้องดังโหยหวน สะท้อนอึงอลจากไกลมาใกล้อย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกลัว เสียงลม” ฉับพลัน พึ่บบบบบ! กระแสลมกระโชกโหมมาจากอุโมงค์อย่างแรง ทำให้คบไฟที่จามิลและลูกหาบถืออยู่ดับลงทันที เสียงเอะอะของพวกลูกหาบดังขึ้นอีกครา หลายคนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่จำแนกทิศทาง “บอกให้อยู่กับที่!” จามิลตวาดลั่น เห็นความเคลื่อนไหวรางๆ จากแสงไฟฉายคาดหน้าผากของวิษณุและหลิง ทั้งสองหนุ่มสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว “เจ้าเขาเจ้าถ้ำกำลังโกรธพวกเราแน่ๆ ที่รุกล้ำเข้ามา” หลงเอ่ยเสียงสั่น “เหลวไหล” จามิลพูดตัดบทเสียงห้วน ทำให้หลงไม่กล้าพูดอะไรต่อ “จุดคบไฟ” พระหนุ่มสั่ง คบไฟในมือลูกหาบที่เหลือและในมือจามิลถูกจุดขึ้นอีกครั้ง จามิลนับลูกหาบที่เหลือแล้วกล่าวเป็นภาษาคีรีมัน “ตอนนี้ลูกหาบเหลืออยู่เจ็ดคน พวกที่วิ่งหนีทิ้งสัมภาระเอาไว้ เส้นทางวกวนของที่
ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่อกจามิล แต่แทนที่จะทะลุทะลวงเนื้อผ้าหรือเนื้อคน กลับกระดอนกลับเพราะปะทะเกราะพลังปราณ เปรี๊ยะ! ลูกกระสุนกระดอนไปถูกเพดานถ้ำ ฝุ่นหินร่วงพรูลงมาบริเวณที่ลูกกระสุนฝังตัวและระเบิดออก ทุกคนยกเว้นพระหนุ่มล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ “ปืนของคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” จามิลเอ่ยทำลายความเงียบ “กูไม่เชื่อ!” วิษณุที่หายตะลึง ตะโกนก้องพร้อมกับเหนี่ยวไกอีกสองนัดซ้อน ปัง! ปัง! “อย่า!” ธีราที่เพิ่งได้สติรีบร้องห้าม กระสุนทั้งสองนัดไม่ต่างอะไรจากนัดแรก กระดอนขึ้นเจาะเพดานถ้ำอีกครั้ง วิษณุอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนร้องคราง “ไม่น่าเชื่อ” “หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ณุ” ธีราตวาดลั่น ทันใด… “ฮิๆๆๆ ซุบซิบๆๆ” เหมือนเสียงผู้หญิงหัวเราะแหลมเย็น ตามด้วยเสียงคนกระซิบกระซาบดังก้อง “หลงแหละทุกคน หยิบไฟฉายออกมาใช้ เดี๋ยวลมจะมาอีกระลอก” จามิลสั่งเป็นภาษาคีรีมันก่อนจะหันมาพูดกับธีราเป็นภาษาไทย “พวกเราต้องใช้ไฟฉายแทนคบไฟแล้วละครับ เพราะกระแสลมจะพัดคบไฟดับ” ธีรารีบปล
จามิลส่องไฟฉายในมือกราดไปทั่วเพื่อมองหาเณรน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าร้อนใจ “จริงด้วย เณรคังหายไป ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องลูกหาบจนลืมนึกถึง” “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” ธีราถามอย่างกังวลใจไม่น้อย “ขอผมเดินสำรวจดูหน่อยว่าเณรน่าจะเดินหลงไปเส้นทางไหน” จามิลเอ่ยหลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง “อ้อ นี่จะตามหาเณรหรือ? ทีลูกหาบมึง…เอ๊ย…คุณจามิลไม่เห็นสนใจจะตามหาบ้างเลย” วิษณุพูดประชด “พอทีเถอะน่าพี่ณุ” ธีราพูดปราม “ฉันเห็นด้วยกับคุณจามิล เณรคังยังเด็กอยู่ ยังไงพวกเราก็สมควรต้องตามหา” จามิลมองหญิงสาวอย่างนึกขอบคุณ แต่ไม่เอ่ยอะไร เขาเดินสำรวจเส้นทางแยกห้าแพร่งนั้นอย่างละเอียดก็เห็นปากทางแยกแห่งหนึ่ง ที่แง่งหินมีเศษผ้าจีวรติดอยู่ พระหนุ่มก้มลงหยิบเศษผ้าจีวรจากแง่งหิน ในขณะที่ธีราและรินเซนเดินเข้ามาสมทบ “คังคงวิ่งหนีเตลิดไปทางนี้” พระหนุ่มพูดพลางชูสิ่งของในมือให้สองสาวดู “งั้นเราออกตามหาเณรคังก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาค้นหากันเดน” ธีราเสนอแนะ “คงต้องเป็นอย่างนั้น” จามิลรับคำ ทว่าลูกห
สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ธีราคาดไม่ถึงมาก่อน ลำธารลาวาเดือดปุดๆ ไหลขวางอยู่ในร่องเหวลึกตรงหน้า ควันและกลิ่นกำมะถันฉุนคละคลุ้ง บางครั้งบางคราวก็ปะทุเปลวไฟขึ้นเป็นระยะๆ แสงสว่างจากลาวาและเปลวไฟส่องให้เห็นผนังหินตะปุ่มตะป่ำทั้งสองฟากของหุบเหวลาวา ทุกคนในคณะเดินทางยกเว้นจามิลต่างสำลักควัน ส่งเสียงไอค็อกแค็กน้ำหูน้ำตาเล็ดเพราะแสบเคืองตา “โว้ย! แสบจมูกแสบตาเป็นบ้า นี่คุณ รีบๆ หาทางพาพวกเราออกไปให้พ้นจากนรกตรงนี้เร็วๆ เข้า” วิษณุส่งเสียงโวยวาย แม้ธีราจะไม่ชอบใจคำพูดของญาติผู้พี่นัก แต่จุดประสงค์ของเธอก็เป็นทำนองเดียวกัน จึงไม่ออกปากว่ากล่าวแต่อย่างไร ด้วยไม่อยากสูดควันและกลิ่นฉุนกึกเข้าปอดโดยไม่จำเป็น “พวกเราเดินเลียบไปทางขวามือ ตรงนั้นดูเหมือนจะมีทางข้าม” พระหนุ่มบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำไป ธีราเดินตามไปติดๆ ตามด้วยวิษณุ หลิง รินเซน และคณะลูกหาบ ทางข้ามที่จามิลว่ามีลักษณะเป็นแท่งหินล้มพาดหน้าผาทั้งสองฟาก พระหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือธีราแล้วออกแรงดึงเธอให้ไต่แท่งหินตามเขาไป แค่เห็นระดับความสูงของแท่งหินหญิงสาวมืออ่อนเท้าอ่อ
แผนที่แผ่นนั้นวางหราบนพื้นต่อหน้าทุกคน ไฟฉายสามดวงส่องตรงลงบนแผนที่ก็เห็นเส้นทางคดเคี้ยวและตัวอักษรยึกยือซึ่งเป็นภาษาคีรีมัน พิจารณาแผนที่ครู่หนึ่ง หลิง รินเซน หลง และต้า ต่างมีสีหน้าผิดหวัง “หมายความว่ายังไง?” หลิงเอ่ยถามจามิล “มีอะไรผิดปกติรึหลิง?” วิษณุถาม “แผนที่นี้ชี้เส้นทางมาแค่ถ้ำที่มีอุโมงค์ทางแยกห้าแพร่งเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ไม่มีเส้นทางแสดงไว้เลย” หลิงตอบเสียงสั่น วิษณุกระชากคอเสื้อจามิลพลางตะคอกถาม “มึงเอาแผนที่ปลอมมาหลอกกูเหรอ?” พระหนุ่มกำข้อมือวิษณุแล้วออกแรงบีบ พลันมือวิษณุก็อ่อนแรง“ผมไม่ได้หลอกคุณหรือหลอกใคร” จามิลตอบเสียงเข้ม พลางคลายมือจากข้อมือของวิษณุ ญาติผู้พี่ของธีราไม่กล้าหุนหันพลันแล่นอีก และพยายามระงับโทสะ “ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วแผนที่ที่คุณอาธีระส่งมาให้น้องธีราล่ะ?” “ไม่มีแผนที่ที่ว่านั่น” ธีราตอบเสียงเบา รู้สึกผิดหวังไม่น้อยไปกว่าคนอื่น “หมายความว่าไงที่ว่าไม่มีแผนที่ที่ว่า?” วิษณุกับหลิงถามแทบจะพร้อมกัน “ฉันได้รับจดหมายจากคุณพ่อก็จริง แต่ท่านไม่ได้ส่งแผนที่มาให้ ท่านเ
หลิงมีฝีมือในการต่อสู้เหนือกว่าวิษณุมาก ทำให้จามิลไม่อาจสยบหล่อนได้ในเวลาอันรวดเร็ว วิษณุคิดอยากเข้าไปช่วยหลิงกลุ้มรุมกินโต๊ะพระหนุ่ม แต่การต่อสู้ของทั้งสองรวดเร็วเสียจนเขาดูไม่ทันจึงไม่มีจังหวะเข้าไปร่วมวง ส่วนต้ารีบปลดสัมภาระลงจากหลังค้นหายาใส่แผลและผ้าพันแผลอย่างรีบเร่ง พอหาเจอก็รีบห้ามเลือดให้รินเซนทันที “เจ็บมากไหมครับ?” ต้าถามเบาๆ อย่างห่วงใย ทว่ารินเซนไม่สนใจฟัง มัวแต่ใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ระหว่างจามิลกับหลิง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกร้องลั่น “โอ๊ะ! โหย” เพราะเจ็บแสบบริเวณบาดแผลจึงหันมามอง เห็นต้าใช้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบริเวณบาดแผล หล่อนสะบัดมือพลางค้อนควัก “อดทนหน่อยนะครับ แผลจะได้หายเร็วๆ” ต้าพูดปลอบ ยังคงกุมข้อมืออีกฝ่ายแน่นไม่ยอมปล่อย ขณะรินเซนยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดี หางตาก็เห็นการต่อสู้เปลี่ยนไป หลิงพลาดท่าถูกจามิลกางมือขวาขยุ้มบนไหล่ขวาและกดลงจนหล่อนต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพราะต้านแรงไม่ไหว วิษณุชักปืนสั้นหวังจะช่วยคู่ขาสาวอีกแรง แต่ธีราที่จับตามองเขาตลอดเวลาชักปืนสั้นยิงลงพื้นสกัด
ธีราหน้าซีดเผือด หันมาสบตาจามิลอย่างกังวล แต่พระหนุ่มยังคงวางตัวนิ่งเฉยไม่แสดงทีท่ากระวนกระวายใจแต่อย่างไร “ขอบคุณที่เตือน แต่พวกเราตั้งใจจะไปกันเดนให้ได้” จามิลพูดกับพญานาคราช “หนทางไม่ใช่ไปได้โดยง่าย” พญานาคราชเอ่ย ธีราลอบถอนหายใจ เมื่อครู่เธอเข้าใจผิดคิดว่าพญานาคราชจะทำร้ายเธอและคณะ แท้จริงเขาเพียงไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปยังกันเดนของเธอและคณะเท่านั้น “ผมทราบครับ แต่พวกเราไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่” จามิลพูดน้ำเสียงหนักแน่น “และผมต้องขอโทษแทนทุกคนด้วยที่มารบกวนการบำเพ็ญเพียรของท่านในถ้ำนั้น” “ช่างเถอะ เรากำลังออกจากฌานพอดี” พญานาคราชตอบอย่างไม่ถือสาหาความ “แล้วคนที่มาพร้อมพวกเราละคะ?” ธีราเอ่ยถาม “เจ้าอยากพบคนพวกนั้นไหม?” พญานาคราชหันมาถามหญิงสาว “อยากค่ะ” หญิงสาวรับคำ “ก็ได้ เราจะให้นำคนพวกนั้นมาพบเจ้าเดี๋ยวนี้” พญานาคราชพูดพลางหันไปออกคำสั่งชายประหลาด “ยะมะ เจ้าไปนำพวกนั้นมา” “พ่ะย่ะค่ะ” ยะมะน้อมคำนับรับคำแล้วเดินผละจากไปอย่างว่องไว หลังจากยะมะออกไปแล้ว ธีราก็พนมม
“ท่านต้องการอะไร?” จามิลเบี่ยงตัวเข้าขวางเบื้องหน้าธีราพลางเอ่ยถามชายประหลาดผู้นั้น ชายผู้นั้นไม่ตอบเพียงเดินวนและมองชายหนุ่มหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณาหนึ่งรอบแล้วออกคำสั่ง “ตามข้ามา” ก่อนจะเดินลงน้ำผลุบหายไปต่อหน้าต่อตา จามิลจะก้าวตาม ธีรารีบรั้งแขนของเขาไว้ “นั่นคนหรืออะไรคะ?” พระหนุ่มจึงชะงักฝีเท้าหันกลับมาตอบ “คงจะเป็นชนเผ่านาคา” “คุณจะตามเขาไปจริงๆ เหรอคะ?” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจ จามิลค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ย “พวกเราอยู่ในถิ่นของเขา อะไรที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยก็ควรทำตามที่เขาสั่งไปก่อน” ทั้งสองหยุดสนทนาเมื่อเห็นชายประหลาดผู้นั้นโผล่เหนือน้ำพลางพูดเร่งรัด “อย่าชักช้า ตามข้ามาเดี๋ยวนี้” แล้วผลุบกลับลงไปใหม่ จามิลจูงมือธีราพลางว่า “พวกเราไปกันเถอะ ผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัว” เขาเอ่ยเน้นท้ายประโยคเพราะสัมผัสรับรู้ว่ามือของหญิงสาวสั่นระริก ธีราเดินตามพระหนุ่มลงน้ำ พอดำลงไปจึงรู้ว่าใต้น้ำมีอุโมงค์ที่ผนังส่องแสงสว่างระยิบระยับ อุโมงค์ทอดตัวไม่ยาวนัก เพียงอึดใจก็โผล่มาที่คูหาถ้ำแห่งหนึ่ง ชายปร
คูหาถ้ำตรงหน้าไม่ได้มืดมิดเพราะมีแสงสว่างส่องเล็ดลอดจากเพดานถ้ำลงมา แสงสว่างส่องกระทบผนังถ้ำจนดูเหมือนครอบด้วยแก้วใสอีกชั้นหนึ่ง เกิดการหักเหและสะท้อนไปมาของแสงมากมายนับพันนับหมื่นลำแสง ทั้งถ้ำสว่างไสว ส่วนพื้นถ้ำเป็นน้ำ แต่เป็นน้ำที่แข็งตัวราวกระจกใส สิ่งที่ทำให้ทุกคนยืนตะลึงจนตัวแข็งทื่อก็คือบนพื้นน้ำราวกระจกใสปรากฏงูยักษ์ตัวหนึ่ง เกล็ดเขียวราวมรกต ดวงตาสีแดงดังทับทิม มีหงอน เคราครีบหลัง และครีบหางสีแดงสดใส “นาค” จามิลกระซิบบอกธีราเสียงแผ่ว ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดอ่านทำอะไร วิษณุกลับสาดกระสุนปืนใส่งูยักษ์หรือนาคตัวนั้นชนิดไม่ยั้ง ปัง! ปัง! ปัง! งูยักษ์แผ่พังพานมหึมาเหมือนโกรธ แม้ลูกกระสุนจะไม่ระคายผิวมันปลาบก็ตามที ก่อนจะหุบพังพานพุ่งตัวขึ้นสู่เบื้องบนอากาศแล้ววกกลับ หมุนควงสว่านพุ่งสู่พื้นน้ำ ตูมมมมม! พื้นน้ำแตกกระจาย น้ำใสราวกระจกเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำธรรมดา พร้อมกันนั้นที่เห็นเหมือนแก้วใสครอบผนังถ้ำก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำไหลลงมาอย่างเร็วและแรง กระแสน้ำพัดพาทุกคนไหลลงไปรวมกันยังพื้นน้ำกลางถ้ำ ที่ขณะนี้กลายเป
“แย่แล้ว!” ธีราอุทานลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เธอมัวแต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทิ้งกระติกน้ำที่ไม่ได้หมุนเกลียวปิดฝาให้สนิทไว้กับพื้น หญิงสาวกราดไฟฉายเพื่อมองหากระติกน้ำก็เห็นล้มกลิ้งอยู่กับพื้น ฝาเผยอเปิด น้ำนองพื้น เธอรีบคว้ากระติกน้ำขึ้น น้ำหนักเบามือทำให้รู้ว่าน้ำหกหมด ธีราหันไปสบตาจามิลด้วยสายตาขอลุแก่โทษ เธอน่าจะถนอมน้ำดื่มที่เขามีน้ำใจหยิบยื่นให้ให้ดีกว่านี้ พระหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเป็นนัยว่าไม่เป็นไร ก่อนหันไปคว้าสัมภาระขึ้นหลังและโบกมือให้สัญญาณเดินทางต่อ ธีรารีบหยิบสัมภาระส่วนตัวขึ้นแบกแล้วเดินตามเงียบๆ “อุ๊ย!” รินเซนอุทานเบาๆ หล่อนลืมตัวใช้มือข้างที่บาดเจ็บคว้าสัมภาระ “ผมช่วย” ต้าขันอาสา ชิงคว้าสัมภาระของรินเซนขึ้นหลังรวมกับสัมภาระที่ตัวเองแบกอยู่จนดูพะรุงพะรังน่าขัน รินเซนค้อนควักก่อนเร่งฝีเท้าตามติดธีรา ต้าเดินตามรินเซน ตามติดด้วยหลิง วิษณุ และหลง “ซวยฉิบ เดินทางโดยไม่มีแผนที่ อีกกี่ชาติจะไปถึงกันเดนวะ” วิษณุบ่นกระปอดกระแปดไม่เลิกรา หลิงรีบดึงแขนเสื้อวิษณุเพื่อให้เขาเดินช้าลง พอทอดระยะห
หลิงมีฝีมือในการต่อสู้เหนือกว่าวิษณุมาก ทำให้จามิลไม่อาจสยบหล่อนได้ในเวลาอันรวดเร็ว วิษณุคิดอยากเข้าไปช่วยหลิงกลุ้มรุมกินโต๊ะพระหนุ่ม แต่การต่อสู้ของทั้งสองรวดเร็วเสียจนเขาดูไม่ทันจึงไม่มีจังหวะเข้าไปร่วมวง ส่วนต้ารีบปลดสัมภาระลงจากหลังค้นหายาใส่แผลและผ้าพันแผลอย่างรีบเร่ง พอหาเจอก็รีบห้ามเลือดให้รินเซนทันที “เจ็บมากไหมครับ?” ต้าถามเบาๆ อย่างห่วงใย ทว่ารินเซนไม่สนใจฟัง มัวแต่ใจจดใจจ่อกับการต่อสู้ระหว่างจามิลกับหลิง แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกร้องลั่น “โอ๊ะ! โหย” เพราะเจ็บแสบบริเวณบาดแผลจึงหันมามอง เห็นต้าใช้สำลีชุ่มแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดบริเวณบาดแผล หล่อนสะบัดมือพลางค้อนควัก “อดทนหน่อยนะครับ แผลจะได้หายเร็วๆ” ต้าพูดปลอบ ยังคงกุมข้อมืออีกฝ่ายแน่นไม่ยอมปล่อย ขณะรินเซนยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดี หางตาก็เห็นการต่อสู้เปลี่ยนไป หลิงพลาดท่าถูกจามิลกางมือขวาขยุ้มบนไหล่ขวาและกดลงจนหล่อนต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพราะต้านแรงไม่ไหว วิษณุชักปืนสั้นหวังจะช่วยคู่ขาสาวอีกแรง แต่ธีราที่จับตามองเขาตลอดเวลาชักปืนสั้นยิงลงพื้นสกัด
แผนที่แผ่นนั้นวางหราบนพื้นต่อหน้าทุกคน ไฟฉายสามดวงส่องตรงลงบนแผนที่ก็เห็นเส้นทางคดเคี้ยวและตัวอักษรยึกยือซึ่งเป็นภาษาคีรีมัน พิจารณาแผนที่ครู่หนึ่ง หลิง รินเซน หลง และต้า ต่างมีสีหน้าผิดหวัง “หมายความว่ายังไง?” หลิงเอ่ยถามจามิล “มีอะไรผิดปกติรึหลิง?” วิษณุถาม “แผนที่นี้ชี้เส้นทางมาแค่ถ้ำที่มีอุโมงค์ทางแยกห้าแพร่งเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ไม่มีเส้นทางแสดงไว้เลย” หลิงตอบเสียงสั่น วิษณุกระชากคอเสื้อจามิลพลางตะคอกถาม “มึงเอาแผนที่ปลอมมาหลอกกูเหรอ?” พระหนุ่มกำข้อมือวิษณุแล้วออกแรงบีบ พลันมือวิษณุก็อ่อนแรง“ผมไม่ได้หลอกคุณหรือหลอกใคร” จามิลตอบเสียงเข้ม พลางคลายมือจากข้อมือของวิษณุ ญาติผู้พี่ของธีราไม่กล้าหุนหันพลันแล่นอีก และพยายามระงับโทสะ “ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วแผนที่ที่คุณอาธีระส่งมาให้น้องธีราล่ะ?” “ไม่มีแผนที่ที่ว่านั่น” ธีราตอบเสียงเบา รู้สึกผิดหวังไม่น้อยไปกว่าคนอื่น “หมายความว่าไงที่ว่าไม่มีแผนที่ที่ว่า?” วิษณุกับหลิงถามแทบจะพร้อมกัน “ฉันได้รับจดหมายจากคุณพ่อก็จริง แต่ท่านไม่ได้ส่งแผนที่มาให้ ท่านเ
สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ธีราคาดไม่ถึงมาก่อน ลำธารลาวาเดือดปุดๆ ไหลขวางอยู่ในร่องเหวลึกตรงหน้า ควันและกลิ่นกำมะถันฉุนคละคลุ้ง บางครั้งบางคราวก็ปะทุเปลวไฟขึ้นเป็นระยะๆ แสงสว่างจากลาวาและเปลวไฟส่องให้เห็นผนังหินตะปุ่มตะป่ำทั้งสองฟากของหุบเหวลาวา ทุกคนในคณะเดินทางยกเว้นจามิลต่างสำลักควัน ส่งเสียงไอค็อกแค็กน้ำหูน้ำตาเล็ดเพราะแสบเคืองตา “โว้ย! แสบจมูกแสบตาเป็นบ้า นี่คุณ รีบๆ หาทางพาพวกเราออกไปให้พ้นจากนรกตรงนี้เร็วๆ เข้า” วิษณุส่งเสียงโวยวาย แม้ธีราจะไม่ชอบใจคำพูดของญาติผู้พี่นัก แต่จุดประสงค์ของเธอก็เป็นทำนองเดียวกัน จึงไม่ออกปากว่ากล่าวแต่อย่างไร ด้วยไม่อยากสูดควันและกลิ่นฉุนกึกเข้าปอดโดยไม่จำเป็น “พวกเราเดินเลียบไปทางขวามือ ตรงนั้นดูเหมือนจะมีทางข้าม” พระหนุ่มบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำไป ธีราเดินตามไปติดๆ ตามด้วยวิษณุ หลิง รินเซน และคณะลูกหาบ ทางข้ามที่จามิลว่ามีลักษณะเป็นแท่งหินล้มพาดหน้าผาทั้งสองฟาก พระหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือธีราแล้วออกแรงดึงเธอให้ไต่แท่งหินตามเขาไป แค่เห็นระดับความสูงของแท่งหินหญิงสาวมืออ่อนเท้าอ่อ
จามิลส่องไฟฉายในมือกราดไปทั่วเพื่อมองหาเณรน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าร้อนใจ “จริงด้วย เณรคังหายไป ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องลูกหาบจนลืมนึกถึง” “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” ธีราถามอย่างกังวลใจไม่น้อย “ขอผมเดินสำรวจดูหน่อยว่าเณรน่าจะเดินหลงไปเส้นทางไหน” จามิลเอ่ยหลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง “อ้อ นี่จะตามหาเณรหรือ? ทีลูกหาบมึง…เอ๊ย…คุณจามิลไม่เห็นสนใจจะตามหาบ้างเลย” วิษณุพูดประชด “พอทีเถอะน่าพี่ณุ” ธีราพูดปราม “ฉันเห็นด้วยกับคุณจามิล เณรคังยังเด็กอยู่ ยังไงพวกเราก็สมควรต้องตามหา” จามิลมองหญิงสาวอย่างนึกขอบคุณ แต่ไม่เอ่ยอะไร เขาเดินสำรวจเส้นทางแยกห้าแพร่งนั้นอย่างละเอียดก็เห็นปากทางแยกแห่งหนึ่ง ที่แง่งหินมีเศษผ้าจีวรติดอยู่ พระหนุ่มก้มลงหยิบเศษผ้าจีวรจากแง่งหิน ในขณะที่ธีราและรินเซนเดินเข้ามาสมทบ “คังคงวิ่งหนีเตลิดไปทางนี้” พระหนุ่มพูดพลางชูสิ่งของในมือให้สองสาวดู “งั้นเราออกตามหาเณรคังก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาค้นหากันเดน” ธีราเสนอแนะ “คงต้องเป็นอย่างนั้น” จามิลรับคำ ทว่าลูกห
ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่อกจามิล แต่แทนที่จะทะลุทะลวงเนื้อผ้าหรือเนื้อคน กลับกระดอนกลับเพราะปะทะเกราะพลังปราณ เปรี๊ยะ! ลูกกระสุนกระดอนไปถูกเพดานถ้ำ ฝุ่นหินร่วงพรูลงมาบริเวณที่ลูกกระสุนฝังตัวและระเบิดออก ทุกคนยกเว้นพระหนุ่มล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ “ปืนของคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” จามิลเอ่ยทำลายความเงียบ “กูไม่เชื่อ!” วิษณุที่หายตะลึง ตะโกนก้องพร้อมกับเหนี่ยวไกอีกสองนัดซ้อน ปัง! ปัง! “อย่า!” ธีราที่เพิ่งได้สติรีบร้องห้าม กระสุนทั้งสองนัดไม่ต่างอะไรจากนัดแรก กระดอนขึ้นเจาะเพดานถ้ำอีกครั้ง วิษณุอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนร้องคราง “ไม่น่าเชื่อ” “หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ณุ” ธีราตวาดลั่น ทันใด… “ฮิๆๆๆ ซุบซิบๆๆ” เหมือนเสียงผู้หญิงหัวเราะแหลมเย็น ตามด้วยเสียงคนกระซิบกระซาบดังก้อง “หลงแหละทุกคน หยิบไฟฉายออกมาใช้ เดี๋ยวลมจะมาอีกระลอก” จามิลสั่งเป็นภาษาคีรีมันก่อนจะหันมาพูดกับธีราเป็นภาษาไทย “พวกเราต้องใช้ไฟฉายแทนคบไฟแล้วละครับ เพราะกระแสลมจะพัดคบไฟดับ” ธีรารีบปล