Beranda / โรแมนติก / แดนอารยะ / ตอนที่11 ระวังปากระวังคำ

Share

ตอนที่11 ระวังปากระวังคำ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-17 00:45:02

          ขบวนรถแล่นช้าๆ ไปตามทางภูเขาซึ่งทั้งแคบและลื่นเพราะเป็นหินปนกรวด อีกทั้งตลอดเส้นทางยังเปียกชื้นเนื่องจากน้ำละลายจากหิมะบนภูเขา รถจึงแล่นด้วยความเร็วไม่เกินยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทัศนียภาพสองข้างทางสวยงามตามธรรมชาติ ด้านหนึ่งเป็นขุนเขา ส่วนอีกด้านเป็นทุ่งนาสลับทุ่งหญ้า ดอกหญ้าสีม่วง สีเหลือง สีคราม และสีขาวบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่งสุดลูกหูลูกตา ฝูงจามรีและฝูงแกะยืนและเล็มใบหญ้า

          รถแล่นผ่านทุ่งหญ้า ถัดไปเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน หุบเหว โตรกธารที่ไหลรวมกันเป็นสระกว้าง มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง หาดทรายริมสระกว้างบ้างแคบบ้าง ถัดจากหาดทรายมีหญ้าขึ้นปกคลุมเป็นแห่งๆ แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่พอจะให้ร่มเงา

          ยิ่งสายแดดยิ่งร้อนแรงจนผู้โดยสารหลายคนในรถต้องรีบคว้าแว่นกันแดดมาสวมรวมทั้งเณรคัง ธีราหันไปเห็นเข้าก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้

          วิษณุมองตามแล้วพูดจาเหน็บแนมทันที “ฮึ! อย่างกับบ้านนอกเข้ากรุง”

          “พี่ณุ จะพูดจะจาอะไรระวังปากระวังคำหน่อยได้ไหม?” หญิงสาวกระซิบเบาๆ พอได้ยินกันสองคน เพราะวิษณุนั่งอยู่ข้างๆเธอ

          ทว่าวิษณุกลับตอบกลับ “ก็พี่ไม่ชอบขี้หน้าพวกพระพวกเณรนี่ เป็นพระเป็นเณรน่าจะอยู่วัด สวดมนต์ภาวนา นี่อะไรกลับวิ่งตะลอนๆ ตามเขามาหวังค้นหาสมบัติ”

          เอ่ยถึงท้ายประโยควิษณุหยุดพูดกึก อยากกัดลิ้นตัวเองที่พูดโพล่งออกไป เหลียวมองคนในรถเพื่อจับสังเกตสีหน้าของแต่ละคน โดยเฉพาะจามิลก็เห็นพระหนุ่มยังมีทีท่าสงบ

          ทว่ารินเซนกลับแสดงสีหน้าฉงนก่อนเอ่ยถาม “สมบัติอะไรคะ?”

          หลิงซึ่งนั่งคู่กับรินเซนอยู่บนเก้าอี้แถวที่สองแสร้งยิ้มแล้วชิงตอบ “อ๋อ คุณวิษณุเค้ารักงานศิลปะ รักวัตถุโบราณน่ะ กันเดนซึ่งว่ากันว่าเป็นนครในตำนานก็คงจะมีของพวกนี้เยอะแยะ”

          “อ้อ” รินเซนพยักหน้ารับรู้แล้วถามต่อ “คุณธีราก็รักพวกวัตถุโบราณเหมือนกันหรือคะ?”

          “ไม่จ้ะ ฉันไม่สนใจข้าวของอะไรพรรค์นั้น ที่ฉันสนใจก็คือข่าวคราวของคุณพ่อฉัน” ธีราตอบตามตรง

          “แต่คุณวิษณุยังเข้าใจไขว้เขวเกี่ยวกับกันเดน” รินเซนเอ่ยต่อ “กันเดนสำหรับพระสงฆ์คีรีมันแล้วมีคุณค่าและความหมายมากกว่าวัตถุโบราณเป็นไหนๆ”

          “หมายความว่าอะไร?” วิษณุถามไปอย่างนั้นเอง

          “ผู้ที่จะไปถึงกันเดนต้องประกอบด้วยบุญวาสนา พระสงฆ์ที่ไปถึงกันเดนได้จะต้องเป็นผู้สำเร็จ” รินเซนตอบ

          “ผู้สำเร็จน่าจะหมายถึงผู้ที่ตัดกิเลสทางโลกได้แล้ว ตัดรัก โลภ โกรธ หลง จนหมดสิ้น แต่ฉันไม่เห็นใครคนใดในขบวนของพวกเราเข้าข่ายสักนิด” วิษณุไม่วายพูดประชด

          รินเซนนิ่งอึ้ง

          คังหันไปถามจามิลที่นั่งอยู่เก้าอี้แถวหลังสุดคู่กับตนด้วยภาษาคีรีมัน “ศิษย์พี่ เขาพูดอะไรกันครับ?”

          ทว่าจามิลกลับนิ่งเฉย

          คังจึงหันไปถามเป้าหมายใหม่ “นี่ รินเซน เขาพูดอะไรกันน่ะ?”

          รินเซนอึดอัดใจที่โต้ตอบไม่ได้ จึงเล่าทุกอย่างให้เณรน้อยฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

          คังพูดโพล่งขึ้น “ผมนี่แหละจะเป็นผู้สำเร็จ”

          “เจ้าโล้นเล็ก มันพูดเอะอะอะไร?” วิษณุถามขึ้นลอยๆ

          ธีราได้ยินคำเรียกขานเณรน้อยจากปากญาติผู้พี่ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ ครั้นจะเอ่ยปากห้ามปราม หลิงก็รีบพูดขัดขึ้นอย่างพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ “เณรว่าตนเองจะเป็นผู้สำเร็จ”

          วิษณุหัวเราะร่วน แสดงออกอย่างชัดเจนว่าหัวเราะเยาะอีกฝ่ายว่าพูดจาเหลวไหล หลิงพลอยผสมโรงหัวเราะร่วนไปด้วยอีกคน

          “เขาหัวเราะอะไรกัน?” คังถามรินเซน

          “เขาหัวเราะที่เณรพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ก็เรื่องเณรจะเป็นผู้สำเร็จน่ะ” รินเซนอธิบายอย่างอึดอัดใจ

          “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” คังเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ผมว่าผมจะเป็นผู้สำเร็จเมื่อไปถึงกันเดน ไม่ใช่ว่าผมเป็นผู้สำเร็จแล้ว”

          รินเซนแปลข้อความที่เณรน้อยพูดเป็นภาษาไทย

          วิษณุยักไหล่พลางถาม “แล้วมันต่างกันตรงไหน?”

          รินเซนแปลเป็นภาษาคีรีมันให้เณรน้อยฟัง

          “ต่างกันมากมายมหาศาล” เณรคังพูดด้วยทีท่าราวกับเป็นผู้ใหญ่ผู้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้เด็กฟัง “ผู้สำเร็จแล้วไม่จำเป็นต้องแสวงหากันเดน ทุกที่ทางล้วนเป็นกันเดนสำหรับผู้สำเร็จแล้ว ส่วนพระสงฆ์และเณรที่ยังไม่สำเร็จแต่จะแสวงหาความสำเร็จต่างหากจึงออกแสวงหากันเดน”

          รินเซนรีบแปลคำต่อคำ

          วิษณุกลับมีทีท่าไม่สนใจจึงไม่ใคร่ครวญถ้อยคำของอีกฝ่ายด้วยดูถูกว่าเป็นคำพูดของเด็ก จึงหัวเราะเยาะแล้วถามหยั่งเชิง “งั้นเณรก็คงรู้สิว่ากันเดนเป็นยังไง?”

          หลิงอยากพูดแหย่เณรคังจึงเป็นคนแปลคำถามเอง

          “กันเดนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งมีแสงทิพย์ส่องสว่างตลอดเวลา ผู้ใดเข้าไปถึงกันเดนได้และได้รับแสงทิพย์ แสงทิพย์จะชำระล้างจิตใจให้ละจากกิเลสตัณหาทั้งปวง ทำให้คนๆ นั้นสำเร็จ แต่ถ้าเป็นคนที่มีกิเลสตัณหาหนาหนักจนเกินจะชำระ คนๆ นั้นก็จะหากันเดนไม่พบ” เณรคังเอ่ยราวกับเป็นพระเถระผู้ใหญ่

          รินเซนนึกหมั่นไส้วิษณุจึงแปลทุกถ้อยกระทงความอย่างไม่ตกหล่น

          “หมายความว่าคณะเดียวกัน แต่ก็ยังมีคนไปถึงและไปไม่ถึงอย่างนั้นเหรอเณร?” วิษณุถามกลั้วเสียงหัวเราะ

          หลิงพลอยหัวเราะขบขันพลางแปลเป็นภาษาคีรีมัน

          “ใช่แล้ว คนจิตใจดีงามเท่านั้นที่จะเข้าสู่กันเดนได้ คนจิตใจไม่ดีจะหาทางเข้ากันเดนไม่พบ” เณรน้อยตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ

          รินเซนแปลเป็นภาษาไทยทันที

     กลายเป็นว่าหลิงแปลคำพูดของวิษณุเป็นภาษาคีรีมัน ส่วนรินเซนแปลคำพูดของเณรคังเป็นภาษาไทย

          “นั่นน่ะมันแค่ตำนาน” วิษณุพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แต่คนสมัยใหม่ทำให้ตำนานร้องไห้มานักต่อนักแล้ว สุสานฟาโรห์มีคำสาปคนโบราณผนึกเอาไว้นับพันๆ ปีก็ถูกคนสมัยใหม่ขุดกระจุยไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว”

          หลิงแปลเป็นภาษาคีรีมัน

          เณรคังมีสีหน้างุนงงพลางถามรินเซน “ฟาโรห์คือใคร?”

          รินเซนไม่รู้จักเช่นกันจึงเอ่ยถามธีรา “คุณธีราคะ ฟาโรห์คือใคร? อยู่ที่ไหน?”

          วิษณุได้ยินก็เลยหัวเราะดังลั่น ไม่ออมเสียง

          ธีราเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยของลูกพี่ลูกน้องก่อนตอบรินเซน “ฟาโรห์เป็นพระราชาของประเทศอียิปต์ในสมัยโบราณ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกไกลโพ้น ไม่ต้องไปสนใจหรอก”

          “ธีราพูดผิดแล้ว” วิษณุพูดขัด “เณรคัง รินเซน กับคนที่มีหูตาคับแคบควรสนใจโลกภายนอกบ้างถึงจะถูก ไม่ใช่รู้อะไรแคบๆ แค่วัดแค่คีรีมันแล้วหลงเข้าใจว่าตนเองทรงภูมิรู้มากมาย”

          ธีรารู้ทันทีว่าวิษณุพูดจาเหน็บแนมจามิล

          “พี่ณุ พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปกันเดน คนรู้จักอียิปต์ดีไม่มีทางช่วยพวกเราได้หรอกนะ ที่พวกเราต้องการคือคนที่รู้จักคีรีมันและรู้จักกันเดนดีต่างหาก” ธีราพูดน้ำเสียงจริงจัง

          วิษณุรู้สึกเสียหน้าที่ถูกขัดคอจึงเอ่ยอย่างพาลๆ “อ้อ ลืมไปว่าพระรูปนี้รู้จักกันเดนดี”

          จามิลจึงเอ่ยปากบ้าง “ผมไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าผมรู้จักกันเดนดี กันเดนเป็นนครในตำนาน เล่าขานกันต่อๆมาว่าผู้คนทุกคนในกันเดนล้วนเป็นคนมีศีลธรรมและบำเพ็ญภาวนาจนสำเร็จทำให้เกิดแสงทิพย์ส่องสว่างไปทั่วนคร นครกันเดนจึงเคลื่อนย้ายจากดินแดนธรรมดาเข้าสู่แดนอารยะที่ซึ่งผู้ไปถึงต้องเป็นผู้มีศีลธรรม มีบุญวาสนา และเมื่อคนธรรมดาสามารถเข้าสู่กันเดนแสงทิพย์จะอาบร่างคนๆ นั้นและแทรกซึมเข้าสู่จิตใจทำให้กลายเป็นผู้สำเร็จ”

          พระหนุ่มหยุดพูดเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ

  “ท่านอาจารย์ทำนายว่าเณรคังเป็นผู้มีวาสนาจะไปถึงกันเดน ผมจึงอนุญาตให้ติดสอยห้อยตามไปด้วยเพื่อจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเณรเองและต่อการเดินทาง”

          “ตลกน่า เด็กตัวกะเปี๊ยกจะเป็นประโยชน์อะไรได้ คำทำนายอะไรนั่นก็ดูไม่น่าเชื่อถือ” วิษณุพูดขัดขึ้น

          “ผมไม่แปลกใจที่คุณไม่เชื่อ” จามิลกล่าวเสียงเรียบ “คนเราเปรียบได้กับบัวสี่เหล่า ความศรัทธาต้องเกิดจากใจ เหมือนภาษิตที่ว่า ดอกไม้บานเองโดยธรรมชาติจะส่งกลิ่นหอม แต่ถ้าคนไปพยายามแกะให้บานกลับจะส่งกลิ่นเหม็นเขียว”

          “นี่แกหลอกด่าฉันเรอะ?” วิษณุโวยวายลั่น

          “พี่ณุ คุณจามิลเปรียบเทียบสุภาษิตให้ฟังเท่านั้น พี่ณุอย่าพูดโวยวายได้ไหม?” ธีราพูดเสียงแข็ง

          วิษณุจำใจสงบปากสงบคำ แต่ภายในใจกลับแค้นเคืองราวไฟสุม

          ขบวนรถวิ่งโขยกเขยกไปตามถนนที่แสนทุรกันดาร จะแวะพักก็เฉพาะช่วงกินอาหารตามหมู่บ้านรายทางและพักนอนตอนกลางคืน จนกระทั่งเข้าเย็นวันที่สี่

          “พวกเราจะพักค้างคืนที่นี่เป็นหมู่บ้านสุดท้ายแล้วครับ ต่อจากนี้ไปพวกเราต้องเดินเท้าเอา” จามิลเอ่ยบอกทุกคน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • แดนอารยะ   ตอนที่12 อุ่นใจเมื่อมีอาวุธอยู่ในมือ

    หลังจากสุดเส้นทางที่รถยนต์จะแล่นถึง ผู้โดยสารทุกคนก็ต้องเดินเท้าต่อ แม้ธีรา วิษณุ และหลิงจะไม่ได้แบกสัมภาระอะไร แต่เนื้อตัวก็หนาหนักด้วยเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น จามิลแบกสัมภาระของตนเองพร้อมกับถือไม้เท้าพระธรรมเดินนำหน้าขบวน ตามติดด้วยเณรคังซึ่งแบกสัมภาระพะรุงพะรังไม่แพ้กัน นักบวชต่างวัยครองผ้าขนสัตว์ทับบนจีวรอีกชั้นหนึ่ง ธีราเห็นแล้วก็อดรู้สึกเหน็บหนาวแทนไม่ได้ วิษณุถืออาวุธปืนยาวติดมือและพกปืนสั้นเหน็บเอว แม้อาวุธสองสิ่งนี้จะทำให้หนักกว่าปกติหลายเท่าแต่เขากลับอุ่นใจเมื่อมีอาวุธร้ายอยู่ในมือ ธีราเดินตามเป็นอันดับสี่ ตามหลังวิษณุ หญิงสาวมองขุนเขาสูงชันสลับซับซ้อนที่ดูราวไม่มีวันสิ้นสุด แต่ละยอดเขาแซมสีขาวของน้ำแข็งและหิมะเห็นแล้วอดรู้สึกอ่อนใจไม่ได้ เพราะใต้รองเท้าของเธอเหยียบถูกน้ำแข็งบางๆ ที่ทำให้เส้นทางโรยด้วยกรวดหินค่อนข้างลื่น รินเซนและหลิงแบกเป้บรรจุของใช้กระจุกกระจิกส่วนตัวอยู่บนหลัง เดินตามธีรามาติดๆ ต่างชิงกันหวังเดินประกบธีรา เป็นศึกย่อยๆ ที่ไม่มีใครสนใจ บรรดาลูกหาบต่างแบกสัมภาระห่อใหญ่อยู่บนหลัง แม้จะสวมเสื้อผ้าหลายชั้นแต่ดูท

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-17
  • แดนอารยะ   ตอนที่13 ลังเลใจ

    เบื้องหน้าเป็นหุบเหวลึก ส่วนซ้ายขวาเป็นขุนเขาสูงชัน ธีรามองหนทางข้างหน้าแล้วหันมามองจามิล พระหนุ่มผู้นำทางซึ่งบัดนี้ยืนอยู่ข้างเธอ “เรามาถูกทางแน่หรือคะ?” หญิงสาวถามอย่างลังเลใจ “ครับ” จามิลรับคำหนักแน่น “ตามแผนที่ชี้ตรงลงไปในหุบเขา แล้วยังต้องเดินตรงไปอีกราวยี่สิบกิโลเมตร” ธีราเม้มริมฝีปากก่อนจะสารภาพเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “ฉันกลัวความสูง” “อ้อ” จามิลพยักหน้าด้วยแววตาเข้าใจระคนเห็นใจ “ตอนปีนขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หันไปมองข้างหลังก็พอว่า แต่ต้องปีนลงหน้าผาสูงชันแบบนี้ ฉัน…เอ่อ…” หญิงสาวอธิบายไม่ถูก “ไม่ต้องกลัวครับ” จามิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวผมจะหาทางพาคุณลงไปข้างล่างเอง คุณเพียงแค่หลับตาเท่านั้นก็พอ” “ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงเลย” หญิงสาวพูดอย่างจนปัญญา “คุณอย่าคิดมากสิครับ” จามิลยังไม่ทันพูดปลอบ วิษณุเดินเข้ามาพลางถามแทรก “มีอะไรหรือน้องธีรา?” “คือ…” ธีราตั้งใจจะตอบว่าเธอเป็นโรคกลัวความสูง แต่จามิลกลับพูดขัดขึ้นเสียก่อนว่า “พวกเราจะต้องไต่หน้าผานี้ลงไปด้านล่าง เลยหารือกันว่าจ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-17
  • แดนอารยะ   ตอนที่14 หงุดหงิด

    ระยะทางที่เดินในหุบเหวซึ่งขนาบข้างด้วยหน้าผาสองฟากยาวราวยี่สิบกิโลเมตร สิ้นสุดลงตรงหน้าผาชันที่ขวางหน้า ธีราหันมาสบตาจามิลเป็นเชิงถาม พวกเรามากันถูกทางหรือเปล่า? วิษณุพูดโพล่งทันที “นี่พามาผิดทางแน่ๆ” “ผมเทียบแผนที่แล้ว ทางนี้ถูกต้อง พวกเรายังต้องเดินหน้าต่อไปอีก” จามิลยืนยัน วิษณุชี้หน้าผาตรงหน้าพลางพูดเยาะเย้ย “เชอะ ตรงไป เห็นทีต้องขุดหน้าผากันแล้ว” แทนที่จะโกรธ จามิลกลับพูดว่า “คุณพูดจามีเหตุผล” พลางเดินสำรวจหน้าผาตรงหน้า คังเห็นศิษย์พี่สำรวจหน้าผาก็ทำตามบ้าง นักบวชต่างวัยเดินลูบๆ ตบๆ ตามผนังผา ครู่หนึ่งเณรน้อยก็ส่งเสียงเอะอะ “ไอ้เด็กเปรตมันว่าอะไรของมัน?” วิษณุเอ่ยไม่ดังนัก เจตนาจะถามหลิง ธีราได้ยินเข้าก็อดพูดตำหนิไม่ได้ “พี่ณุ ทำไมชอบพูดจาหยาบคายอย่างนี้” “เหอะน่า ยังไงมันก็ฟังไม่รู้เรื่อง” วิษณุพูดอย่างขอไปที “แต่ยังไงก็ไม่สมควรพูด” ธีรายังยืนยันความคิดเดิม วิษณุเลยพาลหงุดหงิด “เออๆ” “เณรว่าเขาพบทางเข้าแล้ว” หลิงพูดแทรก ทั้งหมดจึงหันไปมองเณรน้อย ก็เห็

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-17
  • แดนอารยะ   ตอนที่15 หึงล่ะสิ

    จามิลถือคบไฟนำทางธีราเข้าไปในถ้ำเป็นคู่แรก วิษณุมองตามด้วยสายตาไม่ประสงค์ดีพร้อมกับสบถลั่น “ห่าเอ๊ย! เดี๋ยวขึ้นเขา เดี๋ยวลงเหว เดี๋ยวลุยหิมะ เดี๋ยวมุดถ้ำ เมื่อไรจะถึงสักทีวะ” ก่อนจะหยิบไฟฉายคาดหน้าผากมาสวมเพื่อส่องทาง หลิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำตามบ้างพลางกระซิบ “หึงล่ะสิ?” “ผมไม่ชอบที่มันทำตัวใกล้ชิดธีรามากเกินไป” วิษณุพูดจาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นั่นแหละความรู้สึกที่เรียกว่าหึง” หลิงพูดพลางแกล้งยั่ว “พระคีรีมันไม่เหมือนพระเมืองจีนที่บวชแล้วบวชเลยไม่ค่อยสึก และก็ไม่เหมือนพระทิเบตบางนิกายที่มีภรรยาทั้งๆ ที่เป็นพระได้ แต่พระคีรีมันสึกออกไปครองเรือนมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก” “คุณมาบอกผมทำไม?” วิษณุถามน้ำเสียงหงุดหงิด “เตือนให้คุณระวังเอาไว้ ดีไม่ดีแม่น้องสาวแสนสวยของคุณจะถูกพระคีรีมันฉกเอาไปครอง” หลิงพูดกึ่งประชดกึ่งแหย่ วิษณุสีหน้าบึ้งตึงก่อนพูดเสียงแข็ง “รอให้ไปถึงกันเดนก่อนเถอะ” มือขยับแตะปืนพกข้างเอวพลางกระซิบลอดไรฟัน “จะส่งมันไปสวรรค์” “คุณมองตาของผมนะ” จามิลกล่าวเสียงทุ้มลึก ธีรารู้สึกว่าเสียงนั้นซอกซอนเข

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-17
  • แดนอารยะ   ตอนที่16 ไม่ต้องกลัว

    “ยืนอยู่กับที่ ใครอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น” เสียงจามิลดังกึกก้องเรียกสติของคนอีกหลายคนที่กำลังหวาดกลัวให้กลับคืนมา กรี๊ดดดดด! เสียงเหมือนคนกรีดร้องดังโหยหวน สะท้อนอึงอลจากไกลมาใกล้อย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกลัว เสียงลม” ฉับพลัน พึ่บบบบบ! กระแสลมกระโชกโหมมาจากอุโมงค์อย่างแรง ทำให้คบไฟที่จามิลและลูกหาบถืออยู่ดับลงทันที เสียงเอะอะของพวกลูกหาบดังขึ้นอีกครา หลายคนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่จำแนกทิศทาง “บอกให้อยู่กับที่!” จามิลตวาดลั่น เห็นความเคลื่อนไหวรางๆ จากแสงไฟฉายคาดหน้าผากของวิษณุและหลิง ทั้งสองหนุ่มสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว “เจ้าเขาเจ้าถ้ำกำลังโกรธพวกเราแน่ๆ ที่รุกล้ำเข้ามา” หลงเอ่ยเสียงสั่น “เหลวไหล” จามิลพูดตัดบทเสียงห้วน ทำให้หลงไม่กล้าพูดอะไรต่อ “จุดคบไฟ” พระหนุ่มสั่ง คบไฟในมือลูกหาบที่เหลือและในมือจามิลถูกจุดขึ้นอีกครั้ง จามิลนับลูกหาบที่เหลือแล้วกล่าวเป็นภาษาคีรีมัน “ตอนนี้ลูกหาบเหลืออยู่เจ็ดคน พวกที่วิ่งหนีทิ้งสัมภาระเอาไว้ เส้นทางวกวนของที่

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-17
  • แดนอารยะ   ตอนที่17

    ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่อกจามิล แต่แทนที่จะทะลุทะลวงเนื้อผ้าหรือเนื้อคน กลับกระดอนกลับเพราะปะทะเกราะพลังปราณ เปรี๊ยะ! ลูกกระสุนกระดอนไปถูกเพดานถ้ำ ฝุ่นหินร่วงพรูลงมาบริเวณที่ลูกกระสุนฝังตัวและระเบิดออก ทุกคนยกเว้นพระหนุ่มล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง ทั่วทั้งถ้ำเงียบกริบ “ปืนของคุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก” จามิลเอ่ยทำลายความเงียบ “กูไม่เชื่อ!” วิษณุที่หายตะลึง ตะโกนก้องพร้อมกับเหนี่ยวไกอีกสองนัดซ้อน ปัง! ปัง! “อย่า!” ธีราที่เพิ่งได้สติรีบร้องห้าม กระสุนทั้งสองนัดไม่ต่างอะไรจากนัดแรก กระดอนขึ้นเจาะเพดานถ้ำอีกครั้ง วิษณุอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนร้องคราง “ไม่น่าเชื่อ” “หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่ณุ” ธีราตวาดลั่น ทันใด… “ฮิๆๆๆ ซุบซิบๆๆ” เหมือนเสียงผู้หญิงหัวเราะแหลมเย็น ตามด้วยเสียงคนกระซิบกระซาบดังก้อง “หลงแหละทุกคน หยิบไฟฉายออกมาใช้ เดี๋ยวลมจะมาอีกระลอก” จามิลสั่งเป็นภาษาคีรีมันก่อนจะหันมาพูดกับธีราเป็นภาษาไทย “พวกเราต้องใช้ไฟฉายแทนคบไฟแล้วละครับ เพราะกระแสลมจะพัดคบไฟดับ” ธีรารีบปล

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-22
  • แดนอารยะ   บทที่ 18 คงต้องเป็นอย่างนั้น

    จามิลส่องไฟฉายในมือกราดไปทั่วเพื่อมองหาเณรน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าร้อนใจ “จริงด้วย เณรคังหายไป ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องลูกหาบจนลืมนึกถึง” “แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?” ธีราถามอย่างกังวลใจไม่น้อย “ขอผมเดินสำรวจดูหน่อยว่าเณรน่าจะเดินหลงไปเส้นทางไหน” จามิลเอ่ยหลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง “อ้อ นี่จะตามหาเณรหรือ? ทีลูกหาบมึง…เอ๊ย…คุณจามิลไม่เห็นสนใจจะตามหาบ้างเลย” วิษณุพูดประชด “พอทีเถอะน่าพี่ณุ” ธีราพูดปราม “ฉันเห็นด้วยกับคุณจามิล เณรคังยังเด็กอยู่ ยังไงพวกเราก็สมควรต้องตามหา” จามิลมองหญิงสาวอย่างนึกขอบคุณ แต่ไม่เอ่ยอะไร เขาเดินสำรวจเส้นทางแยกห้าแพร่งนั้นอย่างละเอียดก็เห็นปากทางแยกแห่งหนึ่ง ที่แง่งหินมีเศษผ้าจีวรติดอยู่ พระหนุ่มก้มลงหยิบเศษผ้าจีวรจากแง่งหิน ในขณะที่ธีราและรินเซนเดินเข้ามาสมทบ “คังคงวิ่งหนีเตลิดไปทางนี้” พระหนุ่มพูดพลางชูสิ่งของในมือให้สองสาวดู “งั้นเราออกตามหาเณรคังก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาค้นหากันเดน” ธีราเสนอแนะ “คงต้องเป็นอย่างนั้น” จามิลรับคำ ทว่าลูกห

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-22
  • แดนอารยะ   ตอนที่19 โวยวาย

    สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสิ่งที่ธีราคาดไม่ถึงมาก่อน ลำธารลาวาเดือดปุดๆ ไหลขวางอยู่ในร่องเหวลึกตรงหน้า ควันและกลิ่นกำมะถันฉุนคละคลุ้ง บางครั้งบางคราวก็ปะทุเปลวไฟขึ้นเป็นระยะๆ แสงสว่างจากลาวาและเปลวไฟส่องให้เห็นผนังหินตะปุ่มตะป่ำทั้งสองฟากของหุบเหวลาวา ทุกคนในคณะเดินทางยกเว้นจามิลต่างสำลักควัน ส่งเสียงไอค็อกแค็กน้ำหูน้ำตาเล็ดเพราะแสบเคืองตา “โว้ย! แสบจมูกแสบตาเป็นบ้า นี่คุณ รีบๆ หาทางพาพวกเราออกไปให้พ้นจากนรกตรงนี้เร็วๆ เข้า” วิษณุส่งเสียงโวยวาย แม้ธีราจะไม่ชอบใจคำพูดของญาติผู้พี่นัก แต่จุดประสงค์ของเธอก็เป็นทำนองเดียวกัน จึงไม่ออกปากว่ากล่าวแต่อย่างไร ด้วยไม่อยากสูดควันและกลิ่นฉุนกึกเข้าปอดโดยไม่จำเป็น “พวกเราเดินเลียบไปทางขวามือ ตรงนั้นดูเหมือนจะมีทางข้าม” พระหนุ่มบอกเสียงเรียบแล้วเดินนำไป ธีราเดินตามไปติดๆ ตามด้วยวิษณุ หลิง รินเซน และคณะลูกหาบ ทางข้ามที่จามิลว่ามีลักษณะเป็นแท่งหินล้มพาดหน้าผาทั้งสองฟาก พระหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือธีราแล้วออกแรงดึงเธอให้ไต่แท่งหินตามเขาไป แค่เห็นระดับความสูงของแท่งหินหญิงสาวมืออ่อนเท้าอ่อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-22

Bab terbaru

  • แดนอารยะ   ตอนที่30 อย่า!

    นางพญางูอาโลจนานึกถึงวัยเด็กของตนเอง... ณ ดินแดนรอยต่อระหว่างพิภพนาคากับดินแดนอสรพิษ มีน้ำตกสาดสายน้ำสีขาวสะอาดจากหินผาเบื้องบนลงสู่สระน้ำสะอาดใสราวกระจก มองเห็นกรวดหินรูปทรงกลมทรงรีหลากสีสันใต้ท้องน้ำ ริมสระมีดอกไม้หลายสีหลากชนิดขึ้นอยู่เต็ม เด็กชายหญิงสองคนนั่งเคียงคู่กันบนก้อนหินใหญ่ริมฝั่งน้ำ ต่างชี้ชวนกันดูก้อนหินกลมๆ ใต้ท้องน้ำ “ข้าชอบก้อนสีชมพู” “ได้สิอาโลจนา เดี๋ยวข้าจะเก็บให้เอง” เอ่ยจบเด็กชายกระโดดลงน้ำดำลงไปเก็บหินสีชมพูก้อนที่คิดว่าสวยที่สุด พอโผล่ศีรษะขึ้นเหนือน้ำก็ชูก้อนหินขึ้น “ก้อนนี้ใช่ไหมอาโลจนา?” เด็กหญิงส่ายหน้าช้าๆ พลางยิ้มหวาน “อ้าว” เด็กชายมีสีหน้าผิดหวัง ตั้งท่าจะขว้างก้อนหินในมือทิ้ง “อย่า!” เด็กหญิงร้องห้าม “ทำไมรึ?” เด็กชายถามพลางเลิกคิ้วที่มีปลายตวัดเป็นกระหนกอย่างเผ่าพันธุ์นาค “ข้าไม่ได้หมายถึงก้อนหินก้อนใดก้อนหนึ่ง ข้าชอบหินทุกก้อนที่เป็นสีชมพู เพราะมันมีสีเหมือนชื่อของเจ้าต่างหาก” นาคราชชมพูได้ฟังก็ยิ้มออก กระโจนขึ้นจากน้ำมานั่งเคียงข้างเด็กหญิงอีกครา โดยม

  • แดนอารยะ   ตอนที่29 ขึ้นอยู่กับความพอใจ

    “ท่านน่าจะมีเหตุผลมากกว่านี้นะคะ” ธีราพูดขัดขึ้น “นั่นขึ้นอยู่กับความพอใจของข้า” นางพญางูอาโลจนาเอ่ยน้ำเสียงเยาะหยัน “ท่านจะเอาความผิดหวังของตัวเองพาลใส่คนอื่นอย่างนั้นหรือคะ?” ธีราถามเหมือนรู้ความลับอะไรบางอย่างของอีกฝ่าย นางพญางูหันขวับมามองเธอจนเส้นผมสะบัดพลิ้ว “เจ้ารู้อะไร?” “ท่านผิดหวังในตัวพญานาคราชชมพู” เอ่ยจบหญิงสาวชาวไทยภาวนาขอให้ตนเดาถูกด้วยเถิด ดูเหมือนคำภาวนาจะสัมฤทธิผล สีหน้านางพญางูแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ “ใครบอกเจ้า?” “ไม่ต้องมีใครบอกหรอกค่ะ เพียงเห็นสีหน้าและท่าทางที่ต่างฝ่ายต่างพูดถึงกัน ก็พอดูออกว่าต่างมีใจให้กัน” ธีราตอบพลางยิ้มเล็กน้อย นางพญางูสะบัดหน้าพรืดพลางกระชากเสียงถาม “เขานะรึมีใจให้ข้า?” “จริงแท้แน่นอน” หญิงสาวรับคำแข็งขัน “ถ้ามีใจให้ข้าจริง ทำไมเขาต้องเกรงกฎเกณฑ์ประเพณีจนทอดทิ้งข้าล่ะ?” นางพญางูนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนพูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พวกผู้ชายไม่มีดีสักคน” แล้วหันขวับมาชี้หน้าจามิล “เจ้าก็เช่นกัน อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสึกเพื่อหญิงที่เจ้ารัก”

  • แดนอารยะ   ตอนที่28 ใครหัวเราะนะ?

    “คุณรออยู่ตรงนี้ ผมจะลองเข้าไปดูก่อน” จามิลเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ได้ ถ้าไอหมอกนี่เป็นไอพิษล่ะ?” ธีราไม่เห็นด้วย “ยิ่งเกรงว่าเป็นไอพิษพวกเรายิ่งไม่ควรเข้าไปพร้อมกัน” พระหนุ่มให้เหตุผล หญิงสาวไม่มีข้อโต้แย้ง ทว่า… “ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี” “แต่ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้นี่ครับ” พระหนุ่มเอ่ย “คิกๆๆ” เสียงหัวเราะดังแว่วจากด้านในของคูหาถ้ำที่กางกั้นด้วยไอหมอก “ใครหัวเราะนะ?” ธีราถามขึ้นลอยๆ “ท่านเป็นใครครับ?” จามิลถามอย่างสุภาพ “ข้าคืออาโลจนายังไงล่ะ!” เสียงตอบกลับสดใสไพเราะดังแว่ว “ท่านหัวเราะด้วยเรื่องอะไรคะ?” ธีราถามบ้าง “ข้าขำพวกเจ้านะสิ กล้ามาหาข้าแต่ไม่กล้าฝ่าไอหมอกพิษเข้ามา แล้วจะมีประโยชน์อันใด?” นางตอบ พระหนุ่มหันมาสบตาหญิงสาวก่อนตอบนางพญางู “ท่านอนุญาตให้พวกผมเข้าพบแล้ว ทำไมต้องสร้างสถานการณ์ยากลำบากให้แก่พวกผมด้วยละครับ?” นางเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนย้อนถาม “พวกเจ้ามีเขี้ยวพญานาคราชมิใช่หรือ?” “พวกผมมีเขี้ยวพญานาคราชก็จริง แต่พวกผมไม่กล้าเสี่ยงกับพิษนางพญ

  • แดนอารยะ   ตอนที่27 ควันพิษ

    จามิลรีบดึงต้นแขนธีราให้หลบไปด้านข้าง พิษงูที่พ่นใส่จึงเฉียดกายหญิงสาวไปอย่างฉิวเฉียด ฟู่! พื้นหินในถ้ำถูกกัดกร่อน ควันพิษคลุ้งขึ้นเป็นเส้นสาย “ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆพูด ค่อยๆจากัน อย่าใช้แต่อารมณ์สิครับ” พระหนุ่มพยายามพูดจาไกล่เกลี่ย นางงูสาวชี้มายังธีราพลางว่า “นางมนุษย์เสียมารยาทต่อพวกข้าก่อน” “รีบขอโทษนางสิครับ” จามิลหันมาพูดกับหญิงสาว ธีราชี้อกตัวเองพลางย้อนถาม “ฉันนะเหรอ?” พระหนุ่มพยักหน้าแสดงสีหน้าขอร้อง หญิงสาวคิดในใจ ขอโทษก็ขอโทษ “ฉันขอโทษนะคะ เมื่อครู่ฉันแค่ล้อเล่น พวกคุณอย่าคิดจริงจังเลยนะคะ” สีหน้านางงูสาวดูท่าจะไม่ยอมรับคำขอโทษง่ายๆ นางงูตัวอื่นๆ พากันเลื้อยขึ้นจากน้ำตามมาสมทบ “ฆ่ามันเลยดีกว่า” นางงูที่เลื้อยมาทีหลังพูดยุยง “ใช่ๆๆ” หลายเสียงสนับสนุน ธีรามีสีหน้าซีดเผือด ตัวเดียวยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วนี่ดาหน้ากันมาหลายสิบตัว หญิงสาวพานนึกถึงภาพนางงูพ่นพิษพร้อมๆ กัน พิษงูคงครอบคลุมเนื้อที่ภายในถ้ำทั้งหมด ไม่เหลือที่ให้เธอกับจามิลหลบพ้นเป็นแน่ “ใจเย็น

  • แดนอารยะ   ตอนที่26

    จามิลและธีราชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นน้ำตกกีดขวางตรงหน้า ยะมะชี้ไปที่น้ำตกพลางเอ่ย “หลังน้ำตกเป็นเส้นทางไปสู่แดนอสรพิษ เจ้าทั้งสองไปต่อเถอะ ข้าขอนำทางแค่นี้” พูดจบยะมะก็หันหลังเดินกลับทันที ทิ้งคนทั้งสองให้สบตากัน “ผมไปคนเดียวน่าจะดีกว่า” จามิลยังคงยืนกรานความคิดเดิม “จะให้ฉันรออยู่ที่นี่เหรอคะ?” หญิงสาวถาม “ครับ” เขารับคำ “ไม่” หญิงสาวรีบตอบปฏิเสธ “ร้อยไม่ พันไม่” “ทำไมคุณถึงดื้ออย่างนี้?” พระหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ไม่รู้ล่ะ คุณไปไหนฉันไปด้วย” หญิงสาวยังดื้อแพ่ง “ผมจะไม่ขัดใจคุณเลยถ้าที่นั่นเป็นสถานที่เที่ยวเล่น แต่ที่ๆ พวกเราจะไปกันมันอันตรายมาก” จามิลเอ่ย “การไปกันเดนก็อันตราย” หญิงสาวโต้ พระหนุ่มไม่มีข้อโต้แย้ง ในที่สุดก็ต้องจำใจพยักหน้า “ก็ได้ แต่คุณต้องระมัดระวังตัวให้มาก” “ค่ะ” หญิงสาวรีบรับคำ ทั้งสองมองม่านน้ำตกตรงหน้าอย่างชั่งใจ พระหนุ่มตัดสินใจเอื้อมมือมาจับมือธีราไว้ บีบกระชับอย่างให้กำลังใจ “พร้อมหรือยังครับ?” “ค่ะ ฉันพร้อมแล้ว” หญิงสาวตอบทั้งๆที่ใจยังเต้

  • แดนอารยะ   ตอนที่25 กังวล

    ธีราหน้าซีดเผือด หันมาสบตาจามิลอย่างกังวล แต่พระหนุ่มยังคงวางตัวนิ่งเฉยไม่แสดงทีท่ากระวนกระวายใจแต่อย่างไร “ขอบคุณที่เตือน แต่พวกเราตั้งใจจะไปกันเดนให้ได้” จามิลพูดกับพญานาคราช “หนทางไม่ใช่ไปได้โดยง่าย” พญานาคราชเอ่ย ธีราลอบถอนหายใจ เมื่อครู่เธอเข้าใจผิดคิดว่าพญานาคราชจะทำร้ายเธอและคณะ แท้จริงเขาเพียงไม่เห็นด้วยกับการเดินทางไปยังกันเดนของเธอและคณะเท่านั้น “ผมทราบครับ แต่พวกเราไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่” จามิลพูดน้ำเสียงหนักแน่น “และผมต้องขอโทษแทนทุกคนด้วยที่มารบกวนการบำเพ็ญเพียรของท่านในถ้ำนั้น” “ช่างเถอะ เรากำลังออกจากฌานพอดี” พญานาคราชตอบอย่างไม่ถือสาหาความ “แล้วคนที่มาพร้อมพวกเราละคะ?” ธีราเอ่ยถาม “เจ้าอยากพบคนพวกนั้นไหม?” พญานาคราชหันมาถามหญิงสาว “อยากค่ะ” หญิงสาวรับคำ “ก็ได้ เราจะให้นำคนพวกนั้นมาพบเจ้าเดี๋ยวนี้” พญานาคราชพูดพลางหันไปออกคำสั่งชายประหลาด “ยะมะ เจ้าไปนำพวกนั้นมา” “พ่ะย่ะค่ะ” ยะมะน้อมคำนับรับคำแล้วเดินผละจากไปอย่างว่องไว หลังจากยะมะออกไปแล้ว ธีราก็พนมม

  • แดนอารยะ   ตอนที่ 24 เนื้อตัวสั่นเทา

    “ท่านต้องการอะไร?” จามิลเบี่ยงตัวเข้าขวางเบื้องหน้าธีราพลางเอ่ยถามชายประหลาดผู้นั้น ชายผู้นั้นไม่ตอบเพียงเดินวนและมองชายหนุ่มหญิงสาวอย่างพินิจพิจารณาหนึ่งรอบแล้วออกคำสั่ง “ตามข้ามา” ก่อนจะเดินลงน้ำผลุบหายไปต่อหน้าต่อตา จามิลจะก้าวตาม ธีรารีบรั้งแขนของเขาไว้ “นั่นคนหรืออะไรคะ?” พระหนุ่มจึงชะงักฝีเท้าหันกลับมาตอบ “คงจะเป็นชนเผ่านาคา” “คุณจะตามเขาไปจริงๆ เหรอคะ?” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจ จามิลค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางเอ่ย “พวกเราอยู่ในถิ่นของเขา อะไรที่ดูไม่น่ามีพิษมีภัยก็ควรทำตามที่เขาสั่งไปก่อน” ทั้งสองหยุดสนทนาเมื่อเห็นชายประหลาดผู้นั้นโผล่เหนือน้ำพลางพูดเร่งรัด “อย่าชักช้า ตามข้ามาเดี๋ยวนี้” แล้วผลุบกลับลงไปใหม่ จามิลจูงมือธีราพลางว่า “พวกเราไปกันเถอะ ผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัว” เขาเอ่ยเน้นท้ายประโยคเพราะสัมผัสรับรู้ว่ามือของหญิงสาวสั่นระริก ธีราเดินตามพระหนุ่มลงน้ำ พอดำลงไปจึงรู้ว่าใต้น้ำมีอุโมงค์ที่ผนังส่องแสงสว่างระยิบระยับ อุโมงค์ทอดตัวไม่ยาวนัก เพียงอึดใจก็โผล่มาที่คูหาถ้ำแห่งหนึ่ง ชายปร

  • แดนอารยะ   ตอนที่23 งูยักษ์

    คูหาถ้ำตรงหน้าไม่ได้มืดมิดเพราะมีแสงสว่างส่องเล็ดลอดจากเพดานถ้ำลงมา แสงสว่างส่องกระทบผนังถ้ำจนดูเหมือนครอบด้วยแก้วใสอีกชั้นหนึ่ง เกิดการหักเหและสะท้อนไปมาของแสงมากมายนับพันนับหมื่นลำแสง ทั้งถ้ำสว่างไสว ส่วนพื้นถ้ำเป็นน้ำ แต่เป็นน้ำที่แข็งตัวราวกระจกใส สิ่งที่ทำให้ทุกคนยืนตะลึงจนตัวแข็งทื่อก็คือบนพื้นน้ำราวกระจกใสปรากฏงูยักษ์ตัวหนึ่ง เกล็ดเขียวราวมรกต ดวงตาสีแดงดังทับทิม มีหงอน เคราครีบหลัง และครีบหางสีแดงสดใส “นาค” จามิลกระซิบบอกธีราเสียงแผ่ว ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดอ่านทำอะไร วิษณุกลับสาดกระสุนปืนใส่งูยักษ์หรือนาคตัวนั้นชนิดไม่ยั้ง ปัง! ปัง! ปัง! งูยักษ์แผ่พังพานมหึมาเหมือนโกรธ แม้ลูกกระสุนจะไม่ระคายผิวมันปลาบก็ตามที ก่อนจะหุบพังพานพุ่งตัวขึ้นสู่เบื้องบนอากาศแล้ววกกลับ หมุนควงสว่านพุ่งสู่พื้นน้ำ ตูมมมมม! พื้นน้ำแตกกระจาย น้ำใสราวกระจกเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำธรรมดา พร้อมกันนั้นที่เห็นเหมือนแก้วใสครอบผนังถ้ำก็แปรเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำไหลลงมาอย่างเร็วและแรง กระแสน้ำพัดพาทุกคนไหลลงไปรวมกันยังพื้นน้ำกลางถ้ำ ที่ขณะนี้กลายเป

  • แดนอารยะ   ตอนที่22 แสร้งทำดี

    “แย่แล้ว!” ธีราอุทานลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เธอมัวแต่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทิ้งกระติกน้ำที่ไม่ได้หมุนเกลียวปิดฝาให้สนิทไว้กับพื้น หญิงสาวกราดไฟฉายเพื่อมองหากระติกน้ำก็เห็นล้มกลิ้งอยู่กับพื้น ฝาเผยอเปิด น้ำนองพื้น เธอรีบคว้ากระติกน้ำขึ้น น้ำหนักเบามือทำให้รู้ว่าน้ำหกหมด ธีราหันไปสบตาจามิลด้วยสายตาขอลุแก่โทษ เธอน่าจะถนอมน้ำดื่มที่เขามีน้ำใจหยิบยื่นให้ให้ดีกว่านี้ พระหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเป็นนัยว่าไม่เป็นไร ก่อนหันไปคว้าสัมภาระขึ้นหลังและโบกมือให้สัญญาณเดินทางต่อ ธีรารีบหยิบสัมภาระส่วนตัวขึ้นแบกแล้วเดินตามเงียบๆ “อุ๊ย!” รินเซนอุทานเบาๆ หล่อนลืมตัวใช้มือข้างที่บาดเจ็บคว้าสัมภาระ “ผมช่วย” ต้าขันอาสา ชิงคว้าสัมภาระของรินเซนขึ้นหลังรวมกับสัมภาระที่ตัวเองแบกอยู่จนดูพะรุงพะรังน่าขัน รินเซนค้อนควักก่อนเร่งฝีเท้าตามติดธีรา ต้าเดินตามรินเซน ตามติดด้วยหลิง วิษณุ และหลง “ซวยฉิบ เดินทางโดยไม่มีแผนที่ อีกกี่ชาติจะไปถึงกันเดนวะ” วิษณุบ่นกระปอดกระแปดไม่เลิกรา หลิงรีบดึงแขนเสื้อวิษณุเพื่อให้เขาเดินช้าลง พอทอดระยะห

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status