ตระกูลหลี่เริ่มชุลมุน!ท่านนายพลแห่งตระกูลหลี่กลับมาแล้ว!ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!หลี่เต๋อหลงรีบเดินออกจากสวนหลังบ้าน ตอนที่เดินไปถึงห้องรับแขก ก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเฉียบคมคนหนึ่ง เอามือไพล่หลัง ยืนอยู่กลางห้องรับแขก ทั้งตัวเต็มไปความน่าเกรงขามและรัศมีแห่งความดุร้าย!“เทียนเอ๋อร์!ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว ...”หลี่เต๋อหลงน้ำตาไหลรินหลี่จ้านเทียน เป็นลูกชายคนโตของหลี่เต๋อหลง และก็เป็นนายพลเพียงคนเดียวของตระกูลหลี่เช่นกัน!ในเขตสงครามตะวันตก เขามีสถานะสูง และดูแลเหล่าทหารร่วมสามหมื่นนาย!ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ ในอีกครึ่งปีหลังจากนี้ก็จะได้ดาวเพิ่มอีกดวง!เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหลี่ในเมืองหลวงของมณฑลจะกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างสมศักดิ์ศรี!หลี่จ้านเทียนหันกลับมา แล้วรีบพยุงหลี่เต๋อหลงนั่งลงบนเก้าอี้ไทชิอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็โยนเสื้อคลุม คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “เทียนเอ๋อร์ขอกราบคารวะคุณพ่อครับ”“ดีดีดี ลุกขึ้นเร็วลุกขึ้นเร็ว”หลี่เต๋อหลงกล่าวด้วยความตื่นเต้นหลี่จ้านเทียนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว นั่งลงข้างๆ แล้วถามด้วยใ
เธอวิ่งเข้ามา กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่จ้านเทียน และพูดอย่างออดอ้อนว่า: “พี่ใหญ่ คราวนี้ พี่จะต้องแก้แค้นแทนเซียงเหลียน จับตัวไอ้สารเลวคนนั้นมา แล้วให้น้องทรมานเขาด้วยตนเอง!”หลี่จ้านเทียนเหลือบมองหลี่เซียงเหลียนที่อยู่ในอ้อมแขน พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้!พี่ใหญ่รับปากน้องว่า จะต้องจับไอ้สารเลวคนนั้นแทนน้อง เพื่อที่จะให้น้องได้ระบายความโกรธออกมา!”หลี่เซียงเหลียนพยักหน้าอย่างแรงหลี่จ้านเทียนถามว่า: “อาการบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”“ดีขึ้นมาเยอะมาก โชคดีที่ปรมาจารย์เฉียวจากสำนักไป่เสวียน ให้ยารักษาบาดแผลกับน้องหนึ่งเม็ด อาการบาดเจ็บของน้องถึงได้หายเร็วมาก”หลี่เซียงเหลียนตอบกลับหลี่จ้านเทียนพยักหน้าปรมาจารย์เฉียวเพิ่งเดินเข้ามาจากประตู ด้วยท่าทางที่สง่าราวกับเซียน ยกมือทำความเคารพหลี่จ้านเทียนแล้วพูดว่า “คารวะท่านนายพลหลี่”หลี่จ้านเทียนก็ยกมือทำความเคารพกลับไปเช่นกันแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์เฉียวเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลของผม ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน อาการบาดเจ็บของน้องสามก็คงจะไม่หายเร็วขนาดนี้”“เฮ้อ นายพลหลี่เกรงใจเกินไปแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสำนักไป่เสวีย
ไม่นาน หลี่จ้านเทียน ก็นำยอดทหารยี่สิบถึงสามสิบนาย มาถึงชั้นล่างของปิงฉิ้นกรุ๊ปตอนที่รถจี๊ปทหารเหล่านั้นมาหยุดอยู่ที่ประตู ก็สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนในบริษัททันที!ทำไมรถทหาร ถึงได้มาจอดอยู่หน้าที่บริษัทของพวกเขา?พนักงานในบริษัทยังไม่ทันจะได้ตอบสนอง หลี่จ้านเทียนก็เปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถ สะบัดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัว แล้วสั่งการว่า:“ปิดล้อมปิงฉิ้นกรุ๊ป เอาไว้เดี๋ยวนี้!”“ครับ!”หลังจากที่ยอดทหารยี่สิบถึงสามสิบนายได้รับคำสั่ง ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปในปิงฉิ้นกรุ๊ป ราวกับว่าเป็นพยัคฆ์ร้าย แล้วรีบปิดล้อมบริษัทเอาไว้อย่างรวดเร็ว!ทุกทางเข้าออกทั้งหมด เต็มไปด้วยนายทหารที่มีอาวุธครบมือพร้อมกระสุนปืนจริง!จะเข้าก็ไม่อนุญาตให้เข้า จะออกก็ไม่อนุญาตให้ออกในเวลาไม่ถึงชั่วครู่ ผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของปิงฉิ้นกรุ๊ปทั้งหมด ก็ถูกนายทหารหลายคนควบคุมตัวอยู่ในห้องประชุมในขณะนี้ ภายในห้องประชุม หลี่จ้านเทียนหันหลังให้กับผู้บริหารระดับสูงของปิงฉิ้นกรุ๊ปสิบกว่าคนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มองดูตึกอาคารสูงใหญ่ที่อยู่ด้านนอก ผ่านหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานด้วยนัยน์ตาที่เย็นชาในขณะนั้น
ด้วยความที่หลี่เซียวลี่หวาดกลัว จึงพูดตะกุกตะกัก“ผมอยากจะถามคุณว่า ซูหว่านอยู่ที่ไหน?”หลี่จ้านเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเมื่อหลี่เซียวลี่ได้ยินดังนี้ ก็ตกใจกลัว สีหน้าซีดเซียว และตอบไปว่า:“ฉันฉันฉัน ฉันไม่รู้...”“อืม?”หลี่จ้านเทียนถลึงตาใส่ จนทำให้หลี่เซียวลี่ตกใจจนต้องรีบเปลี่ยนคำพูดว่า: “ฉันรู้ ฉันรู้ ประธานซูน่าจะไปหาเซียวเป่ยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลูกพี่ลูกน้องของเธอ ดูจากเวลาแล้ว ก็คงใกล้จะกลับมาที่บริษัทแล้ว...”ทันทีที่พูดจบที่ประตู ก็มีร่างที่สวยงามร่างหนึ่งเดินเข้ามานั่นก็คือซูหว่านตอนที่อยู่ชั้นล่าง เธอก็เห็นนายทหารเหล่านั้นยืนอยู่ที่ประตูหลังจากที่เธอบอกว่าตนเองเป็นซีอีโอของบริษัทนี้ ซูหว่านถึงได้ถูกปล่อยให้เข้ามา“ฉันคือซูหว่าน!”ซูหว่านเดินเข้ามา กวาดสายตามองดูผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น มองไปที่หลี่จ้านเทียน แล้วแสร้งทำเป็นสงบนิ่งว่า: “ไม่ทราบว่าท่านนายพลมาเยี่ยมบริษัทของพวกเราอย่างกะทันหันในครั้งนี้ มีจุดประสงค์อะไร?”ซูหว่านพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษารอยยิ้มเอาไว้พูดตามตรงว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีปฎิสัมพันธ์กับทห
พอหลี่จ้านเทียนออกคำสั่ง นายทหารสองคนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และพาตัวซูหว่านออกไปจากห้องประชุมจากนั้น หลี่จ้านเทียนและคนอื่นๆก็พาซูหว่านขึ้นรถจี๊ปทหาร และออกจากไปจากปิงฉิ้นกรุ๊ปทันทีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและผู้ถือหุ้นกลุ่มหนึ่ง ยืนอยู่ที่ประตู ด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นจนกระทั่งรถจี๊ปทหารหลายสิบคันจากไปเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาจึงกล้าเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก แล้วเอ่ยปากพูดว่า“แย่แล้วแย่แล้ว คราวนี้ประธานซูเสร็จแน่…”“ทำให้ตระกูลหลี่ในเมืองหลวงของมณฑลขุ่นเคืองใจ ปิงฉิ้นกรุ๊ปจะทำอย่างไร?”“เร็วเข้า!เรียกประชุมด่วน!”กลุ่มผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของบริษัท รีบกลับมาที่ห้องประชุม และเปิดประชุมอย่างเร่งด่วนหลังจากที่หลี่เซียวลี่ตอบสนองได้ ก็รีบควักโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรหาเซียวเป่ยเซียวเป่ยอยู่ในร้านขายของชำ กำลังทำหยกสองสามชิ้นอยู่ และกำลังจะทำหินแคล้วภัยสองสามก้อนทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลี่เซียวลี่ เซียวเป่ยก็ไม่อยากรับแต่ว่า โทรศัพท์มือถือยังคงดังต่อเนื่อง เซียวเป่ยจึงกดรับสายพอรับราย เสียงที่ฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธของหลี่เซี
“เอาล่ะ ฉันขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับนาย ฉันมีเรื่องให้นายทำ”เซียวเป่ยกล่าวอย่างเย็นชากวนเฟยหลงไม่พอใจ จึงกล่าวว่า:“เฮ้เฮ้เฮ้ ไอ้คนแซ่เซียว พูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง? ต้องเรียกฉันว่าผู้บังคับบัญชากวน! อีกอย่าง นายโทรศัพท์มาขอให้คนอื่นช่วยเหลือ ไม่ควรพูดอะไรดีๆก่อนหรือยังไง? นี่คือท่าทีที่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเหรอ?”เวลานี้ ภายในอาคารกระทรวงกลาโหมในห้องทำงานที่กว้างขวางสว่างไสวห้องหนึ่ง มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง อายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี กำลังนั่งไขว้ขา อยู่บนเก้าอี้ เขาสวมชุดทหารสีเขียวเข้มบนไหล่มีตราหัวมังกรอันหนึ่งอยู่ ท่าทางดูหยิ่งผยองมากโดยเฉพาะหน้าตา และนัยน์ตาที่เป็นประกายของเขา เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งสุดขีด!ด้านข้าง มีรองผู้บัญชาการสองคน ที่ติดดาวสามดวงอยู่บนไหล่ ยืนอยู่อย่างเงียบๆแต่นัยน์ตาที่มองกวนเฟยหลง เต็มไปด้วยความยกย่องชื่นชมและความอิจฉา!รู้ไหมว่า ชายหนุ่มที่โผงผางนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ คือหนึ่งในห้าผู้บัญชาการคนใหม่ของกระทรวงกลาโหมแห่งหลงกั๋ว!มีฉายานามว่า เทพมังกรบิน!อายุเพียงยี่สิบหกปี ก็มีกองทัพนับล้านอยู่ในมือแล้ว และไม่เคยพ่ายแพ้ในสงครามเลย สร้างคุ
เซียวเป่ยวางสายโทรศัพท์ แล้วรีบขับรถไปที่บ้านของตระกูลหลี่ในเมืองหลวงแห่งมณฑลทันทีในขณะเดียวกันภายในบ้านตระกูลซู มีการถกเถียงกันครั้งใหญ่“อะไรนะ? หว่านเอ๋อร์ถูกจับตัวไปแล้ว?”หลังจากที่หยางเหม่ยหลันได้ทราบข่าว ก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมวันมะรืนนี้ก็จะเป็นวันแต่งงานของลูกสาวตนกับฉินเฟิงแล้ว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?หลี่เซียวลี่กล่าวพร้อมร้องไห้ทั้งน้ำตาว่า:“คุณป้าคะ ทุกคนรีบช่วยคิดหาวิธีช่วยประธานซูออกมาสิค่ะ คนที่พาตัวประธานซูไปคือท่านนายพลของตระกูลหลี่หลี่จ้านเทียน”“อะไรนะ? ท่านนายพลตระกูลหลี่ในเมืองหลวงแห่งมณฑลหลี่จ้านเทียน?!”เมื่อท่านผู้เฒ่าหญิงซูได้ยินดังนี้ นัยน์ตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันทีจากนั้น เธอก็มีสีหน้าท่าทางราวกับว่าวันแห่งความพินาศใกล้เข้ามาถึงแล้ว และทรุดตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกล่าวว่า: “มันจบแล้ว ตระกูลซูของพวกเราจบลงแล้ว...ถ้าท่านนายพลของตระกูลหลี่ผู้นั้นลงมือ ตระกูลซูของพวกเรายังจะอยู่รอดได้อีกเหรอ?”หยางเหม่ยหลันตกใจกลัวจนหน้าซีด แล้วดุด่าว่า: “ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้สารเลวเซียวเป่ย! ถ้าเขาไม่ได้ทำให้พว
หลี่เซียงเหลียนรอเวลานี้มานานแล้ว!ราวกับว่าเวลาผ่านไปเป็นแรมปี!ทุกครั้งที่เธอนึกถึงความทรมานและความเจ็บปวดที่ตนเองต้องทนทุกข์ทรมานเพราะซูหว่าน เธอก็อยากจะฉีกซูหว่านและเซียวเป่ยออกเป็นชิ้นๆ!ซูหว่านเบือนหน้าหนี นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอบ้วนเลือดในปากอย่างแข็งกร้าว มองไปที่หลี่เซียงเหลียน และกล่าวเยาะเย้ยว่า: “คุณหนูหลี่ ถ้าฆ่าจะแกงฉันยังไง ก็ตามใจคุณเลย”เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวความตายของซูหว่าน หลี่เซียงเหลียนก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเธอกล่าวเยาะเย้ย เอามือประสานมือออก เดินรอบๆซูหว่านสองครั้ง จากนั้นก็โน้มตัวลง สบตากับเธอ และเยาะเย้ยอย่างดุร้ายว่า: “นังแซ่ซู แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกตายง่ายขนาดนี้เหรอ?”ขณะที่พูด หลี่เซียงเหลียนก็จับหน้าของซูหว่าน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “โอ้ แผลที่อยู่บนหน้า หายเร็วดีนี่ แกใช้ยาอะไร?”หลี่เซียงเหลียนพบว่า แผลบนหน้าของซูหว่าน เกือบจะหายดีแล้ว แม้แต่รอยแผลเป็นก็ไม่มีเมื่อนึกถึงแผลที่น่าสยดสยองบนร่างกายและใบหน้าของตนเอง หลี่เซียงเหลียนก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก“ฉันไม่บอก!”ซูหว่านพูดอย่างดื้อรั้นเพียะ!หลี่เซียงเหลียนตบเธอไป
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?