“ลูกชายของคุณลวนลามซูหว่าน และคิดที่จะข่มขืนเธอ ในสายตาของคุณ กลับคิดว่าภรรยาเก่าของผมคิดจะอ่อยเขาอย่างนั้นเหรอ?”เซียวเป่ยถามกลับด้วยสีหน้าที่เย็นชาหลี่เซียงเหลียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า: “ภรรยาเก่าของแกเป็นต้นตอของปัญหา หน้าตาก็เหมือนนังจิ้งจอก ถ้าเธอไม่ได้อ่อยลูกชายของฉัน ลูกชายของฉันจะชอบคนอย่างเธองั้นเหรอ?”“ฉันขี้เกียจพูดพร่ำทำเพลงกับแกแล้ว วันนี้ แกกล้าบุกมาถึงที่นี่เอง แกต้องตายสถานเดียว”“ถ้าอยากตายสบายๆหน่อย ก็ให้รีบคุกเข่าลงซะ!”เซียวเป่ยยิ้ม สีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเยือกเย็น!“แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิด!”“ในเมื่อตระกูลหลี่ไม่ได้สั่งสอนอย่างเข้มงวด และมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะสั่งสอนคุณแทนท่านผู้เฒ่าหลี่เอง”เซียวเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ความโกรธเกรี้ยวภายในใจ สะสมมาจนถึงขีดสุด“ไอ้สารเลว!แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? ถึงได้กล้ามาสั่งสอนฉันแทนพ่อของฉัน?”เมื่อหลี่เซียงเหลียนได้ยินดังนี้ ก็โมโหมาก จึงด่าทอด้วยน้ำเสียงแหลมคม สีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ!พูดจบเสียงดังเพียะ!เซียวเป่ยที่อยู่ท่ามกลางสา
พลั่กพลั่กพลั่ก…บอดี้การ์ดเหล่านี้ เหมือนเกี๊ยวที่หล่นลงหม้อ ต่างก็พากันล้มลงกับพื้นทั้งหมด พวกเขากุมขาและเท้าที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเอาไว้ แล้วร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดกลุ่มนี้ทั้งหมดได้ล้มลงกับพื้นในชั่วพริบตาเดียว หลี่เซียงเหลียนก็ตกตะลึง พร้อมเกิดอาการหวาดกลัวสุดขีด จนทำให้ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรงในเวลานี้ เซียวเป่ยก็พับเก็บร่ม แล้วเดินไปหาหลี่เซียงเหลียนทีละก้าวหลี่เซียงเหลียนหวาดกลัวสุดขีด ก้าวถอยหลังสุดชีวิต ในเวลาเดียวกันเธอก็ด่าทอด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายว่า: “ไอ้สารเลว! ไอ้ป่าเถื่อนเลวทราม! แกกล้าตบฉันเหรอ? ฉันหลี่เซียงเหลียนมีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยถูกคนตบตีมาก่อน ฉันคือคุณหนูตระกูลหลี่ในเมืองหลวงของมณฑล คุณพ่อของฉันคือหลี่เต๋อหลงแห่งตระกูลหลี่เชียวนะ!”“ตอนนี้ แม้ว่าแกจะคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยแกไป!”“ฉันจะให้แกตาย! และฉันจะให้เมียเก่าของแกตายด้วย!”หลี่เซียงเหลียนเกรี้ยวโกรธมาก โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนคำรามออกมาจนสุดปอดแต่ทว่า สิ่งที่ตอบสนองเธอก็คือการตบอีกครั้งจากเซียวเป่ย ทำให้เธอล้
“จองหอง!”เฉินเหลยเกรี้ยวโกรธมาก จึงคำรามออกมา พลังลมปราณก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายหลิวเฉวียนที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนเอามือไพล่หลัง ยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบนิ่ง และมองเซียวเป่ยที่อยู่ตรงข้ามอย่างเงียบๆ“ไอ้หนู ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบคุกเข่าลงแล้วคำนับพี่เฉินซะ มิฉะนั้น ถ้าพี่เฉินลงมือ แกก็จะไม่มีทางรอดแล้ว”หลิวเฉวียนกล่าวเยาะเย้ยอย่างภาคภูมิใจเฉินเหลยคือใคร?ในบรรดาสามสิบหกสำนัก สำนักเทียนกังมีชื่อเสียงมากที่สุด!ขนาดต่อสู้กับลูกศิษย์สิบแปดคนจากเก้าสำนักก็ยังไม่พ่ายแพ้เลย!เป็นหนึ่งในห้าลูกศิษย์ที่โดดเด่นของเจ้าสำนักเทียนกัง!และเป็นที่รู้จักในนาม ห้าวีรบุรุษแห่งสำนักเทียนกังแค่จัดการกับคนมุทะลุกระจอกๆคนหนึ่งของเมืองเจียงจง มันคงจะง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปาก?อีกอย่าง ในรายการจัดอันดับความแข็งแกร่งในโลกแห่งวิทยายุทธ์ เฉินเหลยอยู่ในอันดับที่สามสิบสองเชียวนะ!ในโลกแห่งวิทยายุทธ์ แบ่งระดับความแข็งแกร่งออกเป็นสามระดับคือ ระดับฟ้า ระดับดิน และระดับมนุษย์ระดับมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ก็คือนักวิทยายุทธ์ที่เพิ่งจะเข้าสำนักเหล่านั้นระดับดินและระดับฟ้า ถึงจะเป็นการจัดอันดับที่แท้จริง
“ดี!”หลี่เซียงเหลียนหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วตะโกน: “อาจารย์เฉิน อย่าทำให้ไอ้เด็กนั่นถึงตายเลยนะ ฉันจะทรมานเขา!”และในขณะนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมัดเทียนกังของเฉินเหลย เซียวเป่ยยังคงมีสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งและไร้ซึ่งความหวาดกลัว ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “สี่ปีกว่าแล้ว สำนักเทียนกังของพวกคุณไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อยเลยเหรอ”“สี่ปีก่อน ผมเคยบอกเจ้าสำนักของพวกคุณว่า หมัดเทียนกังนี้แม้ว่าจะร้ายกาจสุดขีด แต่ก็มีข้อบกพร่องก็คือตอนที่ปล่อยหมัด พลังจะมุ่งไปที่จุดเดียว ทำให้ทั้งตัวเต็มไปด้วยช่องโหว่”ทันทีที่พูดจบ เซียวเป่ยก็ใช้ท่วงท่าก้าวเจ็ดดาว หลบหมัดนี้ของเฉินเหลยได้อย่างง่ายดายหมัดนี้ เฉียดปลายจมูกของเซียวเป่ยไป ลมแรงที่ติดมาด้วยนั้น ทำให้ใบหน้ารู้สึกเจ็บเฉินเหลยก็ตกใจเช่นกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะสามารถหลบหมัดนี้ของตนเองได้อย่างง่ายดายเดี๋ยวก่อน!ท่วงท่าก้าวเจ็ดดาว!เมื่อกี้เขาใช้ท่วงท่าก้าวเจ็ดดาวเหรอ? ทันใดนั้น เฉินเหลยก็นึกอะไรในใจออก สีหน้าท่าทางบนใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นตื่นตระหนกและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งท่วงท่าของสำนักแพทย์สวรรค์!นี่คือท่วงท่าของสำนักแพทย์สวรรค์!
เซียวเป่ยมองไปที่หลี่เซียงเหลียนอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยสายตาที่เย็นชาว่า: “ผมเป็นอดีตสามีของซูหว่าน”ประโยคง่ายๆเพียงแค่ประโยคเดียว ก็ได้แสดงถึงท่าทีของเซียวเป่ยแล้วใช่แล้ว เขาเป็นอดีตสามีของซูหว่าน มาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาทวงความยุติธรรมให้กับซูหว่านเมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เซียงเหลียนก็หวาดกลัวสุดขีด!เธอรู้สึกถึงรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวจากบนตัวของเซียวเป่ย และรัศมีนั้น ทำให้เธอกลัวมากจนไม่กล้าทำอะไรโดยพลการ“อาจารย์เฉิน คุณรีบลุกขึ้นเร็ว รีบลุกขึ้นเร็ว!”หลี่เซียงเหลียนตะโกนเสียงดัง แต่เฉินเหลยที่นอนอยู่บนพื้น ซี่โครงหักไปหลายสิบซี่ จึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่รู้ตัวตนของเซียวเป่ยแล้ว เฉินเหลยก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นนั่นคือเจ้าสำนักน้อยของสำนักแพทย์สวรรค์เชียวนะตำนานการต่อสู้กับเจ้าสำนักสามสิบหกสำนักเล็กสิบแปดสำนักกลางและเก้าสำนักใหญ่โดยที่ไม่พ่ายแพ้เลยเมื่อเห็นเฉินเหลยกลัวจนหัวหด ในที่สุดหลี่เซียงเหลียนก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ จึงรีบตะโกนใส่เซียวเป่ยที่กำลังเดินมาที่ตนเองว่า: “แกอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา!”“ผมเคยบอกไปแล้วว่า ถ้าวันนี้ คุ
“อีกอย่าง อย่าพยายามที่จะหาคนมาเอาเข็มเงินออก เพราะบนโลกใบนี้ ยังไม่มีใครสามารถเอามันออกได้”“ถ้าไม่ระวังแม้แต่เพียงนิดเดียว คุณก็จะต้องตาย”พูดจบ เซียวเป่ยก็ก้าวเท้าเดินออกจากบ้านพักไปในบ้านพัก ก็ได้ยินเสียงคำรามอันแหบแห้งของหลี่เซียงเหลียนดังออกมาทันทีหลังจากนั้น บอดี้การ์ดของตระกูลหลี่กลุ่มนี้ ก็ได้พาตัวหลี่เซียงเหลียนออกจากบ้านพัก แล้วตรงไปที่โรงพยาบาลอย่างบ้าคลั่งในขณะเดียวกัน ทางด้านตระกูลหลี่ในเมืองหลวงของมณฑล ก็ได้รับข่าวจากเมืองเจียงจงเช่นกันในคฤหาสน์ของตระกูลหลี่หลี่เต๋อหลงท่านผู้เฒ่าของตระกูลหลี่ กำลังพูดคุยกับชายชราที่มีท่าทางที่สง่างามราวเทพเซียนท่านหนึ่งอยู่“ปรมาจารย์เฉียว คุณช่วยดูให้หน่อยว่าผมจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี?” หลี่เต๋อหลงไอสองสามครั้ง และถามด้วยความเคารพเป็นอย่างมากปรมาจารย์เฉียวที่มีผมขาวเต็มศีรษะ มือถือแส้และลูกปัดเอาไว้ในมือ ลูบเคราเบาๆ แล้วหยิบกล่องผ้าด้ายทองอันหนึ่งออกจากในอ้อมแขน ยื่นให้หลี่เต๋อหลงแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหลี่ นี่คือยาอายุวัฒนะที่เจ้าสำนัก สำนักไป่เสวียนเพิ่งจะสกัดออกมา สามารถช่วยให้ผู้อาวุโสหลี่กลับไปมีหน้าตาที่อ่อนเยาว์แ
กู้โย่เสวี่ยร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านพักอย่างต่อเนื่องตระกูลหลี่ในเมืองหลวง ไม่ใช่ตระกูลที่จะทำให้ขุ่นเคืองใจได้!หลี่เต๋อหลงท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลี่ เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจแห่งยุคเชียวนะ!ตระกูลหลี่ในเมืองหลวง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ที่ควบคุมเศรษฐกิจหนึ่งในสี่ของเมืองหลวงแห่งมณฑลสิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ ท่านผู้เฒ่าตระกูลหลี่มีลูกชายสองคนและมีลูกสาวเพียงคนเดียวลูกชายคนโตเป็นถึงนายพลของเขตทหารหลงกั๋ว มีสถานะสูงส่ง และมีกองกำลังทหารนับห้าหมื่นนาย!ลูกชายคนรอง เป็นเลขาธิการของแวดวงทางการเมืองในเมืองหลวง และมีอิทธิพลในเมืองหลวงเป็นอย่างมากส่วนลูกสาวคนที่สาม ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก เธอเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ท่านผู้เฒ่าตระกูลหลี่รักที่สุดคิดไม่ถึงว่าเซียวเป่ยจะทุบตีหลี่เซียงเหลียนจนปางตายจริงๆ...เพราะอะไร?กู้โย่เสวี่ยถามอย่างเร่งรีบ: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สาวใช้คนนั้นก็รีบตอบว่า: “คุณหนู ฉันเพิ่งได้ยินมาว่า คุณหนูหลี่คนนี้ให้คนมาจับตัวซูหว่าน อดีตภรรยาของเซียวเป่ยคนนั้น ออกไปจากบริษัท”“ต่อมา ฉันได้ยินมาว่า ซูหว่านถูกคนทุบตีปางตายที่โ
ลูกน้องสองคน ก็รีบขวางประตู เพื่อขวางทางกู้โย่เสวี่ยเอาไว้“แม่คะ! แม่ทำอะไรเนี่ย?” กู้โย่เสวี่ยร้อนใจ แล้วหันหน้าไปจ้องซุนอี๋ซุนอี๋เอามือกอดอก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “วันนี้ ไม่ว่าจะยังไง ลูกก็จะไม่สามารถออกจากบ้านพักหลังนี้ได้”เมื่อกู้โย่เสวี่ยได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง บุคลิกก็เย็นชาขึ้นมาทันที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “แม่คะ ไม่ว่าแม่จะพูดอะไร หนูจะต้องออกไปช่วยเซียวเป่ย!”“หนูทนดูเขาตกอยู่ในอันตรายโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้!”พูดจบ กู้โย่เสวี่ยก็เดินไปที่ประตูอีกครั้งแต่ว่า ลูกน้องทั้งสองคนก็ยื่นมือออกมา แล้วขวางทางของกู้โย่เสวี่ยเอาไว้“ไสหัวไปซะ!”กู้โย่เสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เผยรัศมีออร่าของซีอีโอหญิงออกมาลูกน้องทั้งสองคนก็ไม่ขยับ“เพียะเพียะ!”กู้โย่เสวี่ยยกมือขึ้น ตบไปสองครั้ง แล้วพูดด้วยความโกรธว่า: “ไสหัวไป!”ลูกน้องทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหลีกทางให้ด้วยความหวาดกลัวหลังจากนั้น กู้โย่เสวี่ยก็เดินออกไปจากบ้านพักแต่ทว่า ซุนอี๋ที่อยู่ข้างหลังก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึมลง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “อาต้าอาเอ้อ! ถ้าเธอเดินออกจากบ้านพักไป พวกนายสอง
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?