พอได้ยินเซียวเป่ยยอมรับแล้ว หยางเหม่ยหลันกับซูเทียนห้าวก็มองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“เอาล่ะ ในเมื่อแกยอมรับแล้ว ถ้าอย่างนั้นแกก็เอาร้านนี้คืนให้พวกเรา แกคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม?” หยางเหม่ยหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยซูเทียนห้าวก็กล่าวเสริมว่า: “ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม เซียวเป่ย ร้านแห่งนี้ นับจากนี้เป็นต้นไป ก็จะเป็นของพวกเราแล้ว นายสามารถย้ายออกไปได้แล้ว”หลังจากได้ยินดังนี้ สีหน้าของเซียวเป่ยก็เปลี่ยนไปเป็นแย่ขึ้นกว่าเดิมชัดเจนแล้วว่า สองแม่ลูกคู่นี้มาที่นี่ แสดงพฤติกรรมที่แปลกประหลาด แถมยังมาดูถูกเหยียดหยามและข่มขู่ ที่แท้ไม่ใช่เพราะจะมาคุยเรื่องการหย่าของตนเองและซูหว่าน แต่มาเพื่อจุดประสงค์นี้นี่เอง!ร้าน?เซียวเป่ยหัวเราะเยาะตนเอง มองดูท่าทางของสองแม่ลูกในตอนนี้ รู้สึกน่าขันมากตนเองหย่ากับซูหว่าน โดยไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยใดๆเหลือแค่ร้านแห่งนี้เท่านั้นตอนนี้ แม่ลูกคู่นี้ นึกไม่ถึงว่าจะวิ่งแจ้นมาที่นี่ เพื่ออยากจะได้ร้านแห่งนี้เป็นของตนเอง?ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ!เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยของเซียวเป่ย สีหน้าของหยางเหม่ยหลันและซูเทียนห้าว ก
ซูเทียนห้าวกล่าวด่าทออย่างดุร้าย ไม่เพียงแค่ไม่ปล่อยมือ แต่กลับคว้าคอเสื้อของเขาแรงยิ่งขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ในวินาทีถัดมา เขาก็ยกมือขึ้น หมายจะชกไปที่หน้าของเซียวเป่ย!หมัดที่ปล่อยออกไปนี้ หวังจะทำให้เซียวเป่ยสลบคาที่!หยางเหม่ยหลันเห็นแล้ว ก็ไม่ห้ามปรามอะไร แค่มองดูอย่างเย็นชาในสายตาของเธอ เซียวเป่ยเป็นคนเลวอย่างเต็มประดา ลูกชายของตนเองสั่งสอนเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว!อย่าว่าแต่ต่อยแค่หมัดเดียวเลย แม้ว่าจะต่อยตีจนบาดเจ็บ ก็ไม่เป็นไรอย่างไรเสียก็เป็นแค่เศษสวะคนหนึ่งแต่ทว่า ภาพเหตุการณ์ต่อมา ทำให้หยางเหม่ยหลันตกใจเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยกมือขึ้น คว้าข้อมือของซูเทียนห้าวเอาไว้ซูเทียนห้าวตกใจ ตะโกนด้วยความโกรธว่า: “แกกล้าสู้กลับเหรอ?”พูดจบ เขาก็ออกแรง แต่หมัดกลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถพุ่งไปข้างหน้าได้แม้แต่เพียงนิดเดียว!แม่งเอ๊ย!ไอ้เซียวเป่ยคนนี้ แรงเยอะชะมัดเลย!“ในเมื่อนายไม่ฟังคำแนะนำของฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”เซียวเป่ยกล่าวอย่างเย็นชา สีหน้าเปลี่ยนไป กุมข้อมือของซูเทียนห้าวเอาไว้ ใช้แรงเล็กน้อย วินาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงดังกรอบ ซูเทียนห้าวก
ซูเทียนห้าวพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “แม่ครับ ผมรู้”ไม่นานหลังจากนั้น ที่ปิงฉิ้นกรุ๊ป ซูหว่านกำลังจัดการเอกสารอยู่ในออฟฟิศ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหยางเหม่ยหลัน“อะไรนะ? มือของเสี่ยวห้าวหักเหรอ?”หลังจากที่ซูหว่านได้ยินข่าวนี้ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก!โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินออกมาจากปากของหยางเหม่ยหลันว่า เซียวเป่ยเป็นคนทำ ก็ตระหนกตกใจมากขึ้นไปอีก!“หนูรู้แล้ว อีกสักพักหนูจะไปหานะคะ” ซูหว่านกล่าวอย่างวิตกกังวลสำหรับซูเทียนห้าวน้องชายคนนี้ ซูหว่านรู้จักเป็นอย่างดี เขาเป็นคนที่ไร้ความสามารถ วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่กินกับนอน และก็เป็นเพลย์บอยคนหนึ่งบางครั้ง มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ และเป็นคนที่ยโสโอหังมากสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่และคุณปู่ตามใจจนเสียนิสัยแต่ก็ช่วยไม่ได้ ซูหว่านมีน้องชายแค่เพียงคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ตามใจ คุณปู่ก็คอยให้ท้าย แม้ว่าเธอจะอบรมสั่งสอนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลในใจของซูหว่าน ขอแค่น้องชายคนนี้ไม่ไปก่อปัญหาข้างนอก จะใช้จ่ายเงินอะไร ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ทว่า ตอนนี้พอได้ยินจากหยางเหม่ยหลันว่า มือของซูเทียนห้าวหัก และคนที่ทำมันหัก ก็คือเซียวเป่ย...ซูหว่านถ
ยังกล้ามาตอบโต้อีก!“คนสารเลว!คนสารเลว! เดิมฉันคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ หรืออย่างน้อย ก็ไม่ใช่คนชั่วช้าอะไร! ก็แค่หย่ากับเขาไม่ใช่เหรอ ยังผ่านไปได้ไม่นานเลย เขาก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน!”“เขามีสิทธิ์อะไรมาตีน้องชายฉัน? มีสิทธิ์อะไร!”ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะด่าทอ แล้วระงับความโกรธเอาไว้ในใจในทางกลับกัน หลี่เซียวลี่ก็ถือโอกาสกล่าวยุยงว่า “ในความคิดของฉัน คงจะเป็นเพราะคุณหนูตระกูลกู้คนนั้นทำให้เขามีความกล้ามากยิ่งขึ้น ตอนนี้ เซียวเป่ย อดีตสามีของคุณ เกาะติดต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลกู้ได้แล้ว”เมื่อได้ยินดังนี้ ซูหว่านก็โกรธมากขึ้น และกัดฟัน“เอาล่ะ ฉันจะไปโรงพยาบาลก่อน” ซูหว่านกล่าว“ฉันจะไปกับคุณด้วย”ไม่นาน ทั้งสองคนก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาล“แม่คะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” พอซูหว่านเข้าไปในห้องคนไข้ ก็สอบถามด้วยความโกรธทันทีเมื่อหยางเหม่ยหลันเห็นซูหว่านมา ก็รีบร้องไห้อย่างเสียอกเสียใจพร้อมกล่าวว่า: “หว่านเอ๋อร์ ในที่สุดลูกก็มาแล้ว! ลูกดูสิ ลูกดูเลย ไอ้เซียวเป่ยนั่น ลงมือโหดเหี้ยมแค่ไหน ถึงได้ทุบตีน้องชายของลูกจนกลายแบบนี้! มือไม้หักหมดแล้ว!”ท่าทางที่ร้องไห้เช่นนี้ คนที่ไม่รู้ว่า อาจจะค
เซียวเป่ยกำลังอยู่ในร้านเล็กๆ ขณะนี้จู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์จากซูหว่าน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผมเป็นคนตีเอง”เซียวเป่ยยอมรับอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่มีเจตนาที่จะปิดบังซ่อนเร้นอะไรเมื่อได้ยินดังนี้ ซูหว่านก็โกรธทันที!“เซียวเป่ย คนสารเลว! คุณมีสิทธิ์อะไรมาตีน้องชายฉัน? คุณรู้ไหม? คุณทำมือของเขาหัก! แม้ว่าจะเป็นศัตรู ก็ไม่ควรทำกันถึงขั้นนี้? คุณเกลียดเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“แม้ว่าฉันจะหย่ากับคุณ คุณก็ไม่ถึงขั้นต้องตอบโต้ครอบครัวของฉันแบบนี้?”“เซียวเป่ย ในที่สุดฉันก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคุณแล้ว! คุณช่างเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าจริงๆ! การหย่ากับคนคลั่งความรุนแรงอย่างคุณ ถือเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิตของฉันจริงๆ!”หลังจากที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สีหน้าของเซียวเป่ยก็เปลี่ยนไป และขมวดคิ้วลึกยิ่งกว่าเดิมเขาไม่ได้อธิบาย ไม่ได้โต้แย้ง มีแต่ความรู้สึกผิดหวัง และความจนใจความสัมพันธ์สามปี ไม่มีความไว้ใจกันเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอะไร พอได้เอ่ยปากก็ตำหนิและต่อว่าตนเองหลังจากหายใจเข้ายาวๆ เซียวเป่ยหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะแฝงการเยาะเย้ยตนเองเล็
สองคำนี้ ดังก้องในห้องคนไข้เมื่อซูเทียนห้าวที่อยู่บนเตียง และหยางเหม่ยหลันที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ไม่อาจซ่อนสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบานใจเอาไว้ได้ในร้านเล็กๆ พอเซียวเป่ยได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปนานสักพักหนึ่ง เขาถึงเอ่ยปากพูดว่า: “ผมเข้าใจแล้ว อีกสักพักผมจะย้ายออกไป”พูดจบ เซียวเป่ยก็วางสายโทรศัพท์ทางด้านนี้ ซูหว่านเองก็ตกตะลึงเป็นเวลานานเช่นกัน เธอยืนอยู่กับที่ ผ่านไปได้สักพักหนึ่งถึงได้คลายโทรศัพท์ที่อยู่ในมือออกไม่รู้ว่าทำไม ในขณะนั้น จู่ๆก้นบึ้งหัวใจของเธอก็รู้สึกว่างเปล่าเหมือนกับว่า สิ่งที่เธอเฝ้ารอคอย ตลอดเวลาที่ผ่านมา จู่ๆก็ได้หายวับไปความรู้สึกนี้ ทำให้ซูหว่านรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากดูเหมือนว่าตนเองได้ทำลายสิ่งที่สำคัญต่อตนเองมากๆไปด้วยน้ำมือของตนเองในขณะนั้น ซูหว่านก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วสิ่งที่ตนพูดไปเป็นเพราะว่ากำลังโกรธหากเซียวเป่ยออกจากร้านเล็กๆไป ต่อไปเธอกับเซียวเป่ยจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้วร้านเล็กๆ เป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเธอกับเซียวเป่ยหากฟางเส้นสุดท้ายนี้ขาด เธอก็คงจะหาเซียวเป่ยไม่เจออีกต่อไป
“หว่านเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงได้ร้องไห้?”ฉินเฟิงวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ และถามด้วยความห่วงใยซูหว่านเงยหน้าขึ้น ปาดน้ำตา มองไปที่ฉินเฟิง แล้วกล่าวกลบเกลื่อนว่า “ทรายเข้าตา คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”ซูหว่านรีบลุกขึ้นฉินเฟิงตอบกลับว่า “ผมกำลังจะเดินทางไปทําธุรกิจต่างเมืองพอดี ได้ยินคุณป้าบอกว่า เกือบเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ เลยรีบกลับมาดูหน่อย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร” ซูหว่านส่ายหัว แล้วเผยรอยยิ้มออกมาฉินเฟิงจึงถอนหายใจออกมา เหลือบมองร้านเล็กๆที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงปิด ?คุณมาหาเซียวเป่ยเหรอ?”ซูหว่านฝืนยิ้ม แล้วพูดว่า “มีธุระกับเขานิดหน่อย”“เรื่องอะไร ผมสามารถช่วยได้ไหม?” ฉินเฟิงถามซูหว่านส่ายหัวว่า “ไม่ต้อง ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำที่บริษัท ขอตัวกลับไปก่อน”“โอเค ได้ครับ”ฉินเฟิงกล่าวพร้อมพยักหน้าเมื่อเห็นว่าซูหว่านกําลังจะขึ้นรถแล้วจากไป ฉินเฟิงก็กล่าวถามอีกว่า “ใช่แล้ว ซูหว่าน คืนนี้ก็จะมีการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนรอบคัดเลือกระดับเขตเมืองแล้ว ทีมรายการแพทย์ดีเด่นแห่งหัวเซี่ยจะถ่ายทอดสดด้วยนะ คุณเตรียมการไปถึงไหนแล้ว? พอดีผมรู้จักกับร
เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และพูดว่า “ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของสนามแข่งขัน? ผมคิดว่าไม่จำเป็น ขึ้นเวทีไปแล้วตั้งใจสกัดยาตามใบสั่งยาให้ดีก็พอแล้ว”“ไม่ได้ไม่ได้ อีกสักพักฉันจะไปรับคุณนะ เชื่อฉันไม่ผิดแน่” กู้โย่เสวี่ยพูดอย่างแข็งกร้าวเซียวเป่ยไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร จึงทำได้แค่ตอบว่า: “ งั้นก็ได้”หลังจากวางสายแล้ว เซียวเป่ยก็ส่งที่อยู่ไปให้กู้โย่เสวี่ยในตอนนี้ชายชราผู้แปลกประหลาดพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยว่า: “โอ้ ไอ้หนู วาสนาดีมากเลย คุณหนูของตระกูลกู้คนนั้นเหรอ?”เซียวเป่ยจ้องมองชายชราผู้แปลกประหลาด พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ใช่”“ดีเลย ผู้หญิงคนนั้นไม่เลวจริงๆ ดวงชะตาของเธอสมพงศ์กับคุณ แถมยังมีจิตวิญญาณเป็นพลังอินมาตั้งแต่กำเนิด สามารถยับยั้งพิษไฟในร่างกายของคุณเอาไว้ได้พอดี” ชายชราผู้แปลกประหลาดยิ้มเซียวเป่ยขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “คุณรู้ได้อย่างไร?”“ฮ่าฮ่าฮ่า มีเรื่องอะไรในโลกนี้ ที่ตำหนักมังกรฟ้าไม่รู้? สาวน้อยตระกูลกู้คนนั้น ไม่เลวเลย เพียงแต่ว่าคุณจะทนทุกข์หน่อย จู่ๆก็ตกหลุมรักผู้หญิงถึงสองคน”ชายชราผู้แปลกประหลาดกล่าวตักเตือนสีหน้าของเซียวเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นไม่นาน
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?