ในคืนหนึ่งขณะที่น้ำตาลกำลังนอนหลับ เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะน้ำหนักที่กดทับอยู่ตรงเอวมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด และก็ได้พบว่าภวินทร์นอนอยู่ข้างๆ เธอพร้อมกับกำลังกอดเธออยู่ด้วย "อือ...ปล่อยฉันอึดอัด!" "ร้อนหรือเปล่าเธอเหงื่อออกเต็มเลยนะ เดี๋ยวฉันเปิดแอร์ให้""ออกไปนอนห่างๆ ฉันได้ไหมมันอึดอัด!" ที่จริงแล้วเพราะเขานอนอยู่ข้างๆ ต่างหากเธอถึงได้รู้สึกอึดอัดรู้สึกร้อน มันก็แค่ความรู้สึกที่ไม่อยากให้คนอย่างเขาอยู่ใกล้ต่างหาก "ฉันเห็นเธอนอนสั่นๆ ก็เลยคิดว่าเธอนอนผวาเข้ามากอดเธอไว้ก็เท่านั้น" "....." น้ำตาลไม่ได้ตอบอะไรไอ้เรื่องนอนผวาคงจะเป็นเรื่องจริงเพราะหลายวันมานี้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ไม่ได้บอกไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครแม้แต่คนเดียว "พอฉันกอดเธอแล้วเธอก็สงบลงจนเธอตื่นเนี่ยแหละ" "ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น คราวหน้าก็อย่าทำอะไรตามใจตัวเองอีกล่ะฉันไม่ชอบ" "....." เพื่อไม่ให้เธอต้องรำคาญและไม่ต้องถูกเธอไล่ออกไปนอนข้างนอกหรือข้างล่างเขาจึงจำเป็นต้องนอนเงียบๆ ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับเธอ และก็ไม่ขัดใจเธอ เช้าวันต่อมา...ภวินทร์ตื่นแต่เช้าตามเวลาปกติของเขา ทว่าคนข้างๆ ยังคงนอนหลับสบายอ
เวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังไม่ได้ดีขึ้น ยังคงมีการพูดประชดประชันกันอยู่เหมือนเดิม และส่วนมากก็จะเป็นน้ำตาลที่จะคอยพูดประชดประชันเวลาได้เจอหน้ากับภวินทร์ เพราะฉะนั้นการที่ไม่ต้องเจอหน้าเขาเลยมันดีที่สุด สิ่งที่เธอคิดอยู่ตลอดคือ ในสายตาของเขาเธอมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าคนนึงที่เขาเอาไว้ใช้งานเรื่องบนเตียงถึงในตอนนี้เธอจะท้องลูกของเขาแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าเขามองเธอผิดแปลกไปเป็นอย่างอื่นเลย ต่อให้จะถูกเขาพามาดูแลดีขนาดไหน แต่แล้วยังไงล่ะ เขาดูแลเธอดีก็เพราะลูกในท้องต่างหาก หากเธอไม่ได้ท้องตอนนี้เขาก็กำลังดำเนินการเรื่องแก้แค้นต่ออยู่ก็ได้ เธออยู่ที่นี่จากวันเลื่อนเป็นอาทิตย์จากอาทิตย์ก็เลื่อนไปเป็นเดือน มันก็มีบ้างบางครั้งที่เธอรู้สึกอึดอัดและอยากออกไปจากที่นี่แต่มันก็มีความรู้สึกวูบนึงที่เธอรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่ต้องไปเผชิญกับโลกภายนอกที่มันโหดร้ายไม่ต้องไปเจอกับคำพูดของใครที่มันทำให้เธอต้องเจ็บอีก แต่เธอก็ไม่ได้มีสิทธิ์เลือกอะไรเพราะทุกอย่างเขาเป็นคนกำหนดเองแม้กระทั่งทางเดินชีวิตของเธอ จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะกำหนดให้เธอเป็นไปในทางใด "
เวลาต่อมา “เป็นยังไงบ้างไอ้หมอ” ขณะที่หมอกำลังตรวจร่างกายของน้ำตาล ภวินทร์ก็เอาแต่ถามเพราะอยากรู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถามจนอีกสองคนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกรำคาญ “เดี๋ยวดิวะ มันต้องตรวจตามขั้นตอนดิ” คุณหมอตอบผ่านๆ เพราะตอบแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว “คุณหมอคะ ไล่เขาออกไปทีค่ะ พูดมากน่ารำคาญจริงๆ คนอะไรพูดเหมือนเกิดมาไม่เคยพูด"“…..” คุณหมอที่กำลังยืนตรวจอยู่ก็ถึงกับอดขำไม่ได้ เพราะตั้งแต่รู้จักกับภวินทร์มาก็รู้ดีว่าไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเขาเลยสักคน แต่กับเธอกลับกล้าที่จะทำในสิ่งที่ใครต่อใครไม่กล้าทำ นั่นก็คือกล้าพูดแบบนี้กับเขา “ไอ้หมอ...ขำหาพระบิดามึงเหรอ?!"“นี่คุณถ้าจะอยู่ก็เงียบๆ ได้ไหม พูดมากอยู่ได้น่ารำคาญ” น้ำตาลหันไปตะคอกใส่เขาเพราะรำคาญ เพราะทุกคนต่างก็กำลังใช้สมาธิอยู่ โดยเฉพาะคุณหมอที่ต้องใช้สติสมาธิในการตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่คำพูดที่ร่ำไรจากคนข้างๆ มันทำให้ทั้งคุณหมอและน้ำตาลรู้สึกรำคาญไม่ต่างกัน “ก็คนมันอยากรู้ไง ฉันตื่นเต้นนะที่จะได้รู้ว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอะ”“เดี๋ยวก็ได้รู้นะไอ้วิน แต่มึงต้องรอเพราะทุกอย่างมันก็เป็นไปตามขั้นตอน ไม่ใช่ตรวจ
น้ำตาล Talk พอคุณหมอกลับไปฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งดูคุณวินเขาดูสมุดบันทึกการตรวจครรภ์เพราะในนั้นมีภาพอัลตร้าซาวด์ก่อนหน้านี้ด้วย เขาดูตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ฉันเป็นแม่อุ้มท้องเองยังไม่ตื่นเต้นขนาดนั้นเลย “มานั่งตรงนี้มา" เขาตบที่ตักของเขา เหมือนกำลังบอกว่าให้ฉันไปนั่งลงตรงนั้น“ไม่ล่ะ ฉันจะกลับไปห้อง” ฉันปฏิเสธเขาพร้อมกับลุกขึ้นหันเตรียมที่จะเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวขาออกจู่ๆ ก็มีแรงดึงมหาศาลดึงฉันไป "อ๊ะ?!""บอกให้มานั่งลงตรงนี้ก่อนไงจะรีบไปไหนไม่ได้มีงานอะไรต้องทำสักหน่อย" "ที่ฉันรีบไปเพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าคนอย่างคุณต่างหาก!" ".....""ปล่อยฉันสิ!""อยู่นิ่งๆ จะดิ้นทำไมเดี๋ยวก็ตกลงไปเอาหรอก" "ถ้างั้นก็ปล่อยฉันสิ""ไม่ปล่อย และก็อย่าดิ้นด้วยฉันเตือนเธอแล้วนะถ้าเธอยังไม่ฟังดิ้นตกลงไปลูกเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะตีเธอ!" "เหอะ!" ฉันแค่นหัวเราะมองหน้าเขาอยู่นิดนึงก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากลงจากตรงนี้หรอกนะแต่เขาดันกอดเอวฉันเอาไว้แน่นเลย ถ้าดิ้นไม่แรงก็คงไม่หลุดหรอก แต่ก็อย่างว่าถ้าฉันทำอะไรรุนแรงแล้วเกิดอุบัติเหตุจนต้องเสียลูกขึ้นมาฉันคงเสียใจไปทั้งชีวิต
พอไม่รู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนน้ำตาลก็เลยเข้าไปอยู่ในห้องทำงานของภวินทร์ถึงจะรู้ดีว่าตัวเองไม่ชอบหน้าเขาและไม่อยากเห็นหน้าเขาพยายามไล่เขาออกไปทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากันหรือในตอนที่เขาเข้าใกล้เธอ แต่เพราะการได้เข้าใกล้เขามันอาจจะทำให้เขารู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดกับเธอเวลาที่เธอทำอะไรไม่ดีกับเขาโดยเฉพาะก่อกวนทำให้เขาต้องเสียงาน "ตกลงเธอเป็นอะไรของเธอกันแน่ ตอนแรกก็ไล่ฉันออกมาเพราะไม่อยากเห็นหน้าบอกว่ารำคาญฉันแต่พอฉันออกมาแล้วเธอก็ตามออกมาด้วย" "อย่าพูดมากได้ไหมน่ารำคาญ!" เธอที่พูดขัดขึ้นมาก็ทำเอาเขาถึงกับเงียบไปเลยไม่กล้าพูดหรือแม้จะถามเรื่องที่ตัวเองพูดเอาไว้ เขาก็แค่อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงได้ตามมาอยู่กับเขาที่ห้องทำงาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเองก็พยายามไล่เขาออกมาจากห้องเพราะไม่อยากเห็นหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเขาเองก็รู้สึกดีที่เธอมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาแบบนี้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก "น้ำส้มกับขนมมาส่งแล้วค่ะ" แม่บ้านเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเอาน้ำส้มและขนมที่น้ำตาลสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้มาวางลงตรงหน้าของเธอ "ฉันขอกาแฟแก้วนึงนะ" ภวินทร์บอกกับแม่บ้านที่เอาของว่างมาส่ง "ได้ค่ะรอสักครู่นะคะ" "อืม..." น้ำตา
น้ำตาลเดินออกมาที่หน้าบ้าน ปกติเธอจะไม่ค่อยออกมาตรงนี้สักเท่าไร เพราะมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้ายามกันอยู่เต็มไปหมด เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบความพลุกพล่าน ไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะๆ ส่วนมากจะอยู่ตามหลังบ้านหรือข้างบ้านมากกว่า อย่างน้อยพวกบอดี้การ์ดพวกนี้ก็ไม่ได้ตามวุ่นวายเธอไปซะทุกที่ แต่ที่เธอออกมาเพราะมีแผนการบางอย่าง ในเมื่อเธอทำให้เขาโมโหไม่ได้เธอก็จะใช้มารยาของตัวเองทำให้คนอย่างเขาหึงขึ้นมา ถ้าภวินทร์เดินออกมาเห็นว่าเธอกำลังพูดคุยสนทนาอยู่กับเหล่าลูกน้องของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขไม่เหมือนกับใบหน้าที่อยู่กับเขา เขาจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนมากแน่ อย่างน้อยก็คงจะทำให้เขาเดือดปุดๆ ลมออกหูเลยก็ว่าได้ "คุณรมิตาต้องการอะไรครับ?" หนึ่งในบอดี้การ์ดเอ่ยพูดขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ในบริเวณเดียวกันหันมามองเธอ แต่ทุกคนกลับยืนนิ่งมือทั้งสองข้างไขว้กันอยู่ทางด้านหน้าราวกับว่านี่คือการทำความเคารพเธออย่างนึง "ทำตัวตามสบายกันเถอะค่ะไม่ต้องพิธีรีตองอะไรหรอก" "คุณรมิตาต้องการอะไรครับ นายอยู่ด้านในนะครับยังไม่ได้ออกมา" "ฉันรู้ฉันไม่ได้ออกมาหาเขาสักหน่อย" เพราะเธอเพิ่งจะออกมาจากห้องที่เขาอยู่ เลยรู้ว
แกร๊ก! "เฮือก! อึก?!" น้ำตาลสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะมีเสียงคนไขตัวกุญแจของกระจกระเบียงออก จะว่าเป็นโจรก็คงไม่ใช่เพราะมีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงขนาดนั้น จะมีใครแอบเข้ามาก็คงยากนอกเสียจากจะเป็นคนในบ้าน น้ำตาลรีบลุกออกไปยืนหลบอยู่ตรงมุมด้วยขาที่สั่นเทา และปล่อยให้คนที่พยายามจะเปิดกระจกเข้ามาทำอยู่อย่างนั้น จะวิ่งออกไปหน้าประตูตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ฟึบ~ เสียงเลื่อนเปิดกระจกระเบียงดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวเดินเข้ามาด้านในอย่างช้าๆ ภายใต้เงามืดน้ำตาลที่ยืนหลบอยู่ตรงมุมมองเห็นคนที่เข้ามาเป็นเพียงเงาสีดำสูงใหญ่ เธอไม่แม้แต่จะกล้าส่งเสียงอะไรออกไปไม่รู้ว่าสิ่งที่เข้ามานั้นเป็นคนหรือว่าผีกันแน่ "น้ำตาล..." "???" เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เธอหยุดชะงักและขมวดคิ้วในพร้อมกัน เพราะน้ำเสียงนั้นมันคุ้นหูจนไม่ต้องเดาอีกเลยว่าคนที่เข้ามาเป็นใครจะเป็นผีหรือว่าเป็นโจร แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาในยามวิกาลดึกดื่นแบบนี้ พรึบ! "เฮ้ย!" เธอเปิดไฟเพราะสวิตช์ไฟมันอยู่ข้างๆ ตัวพอดี และกระโจนเข้าไปหาเขาพร้อมกับแจกันในมือหวังจะฟาดให้หัวแตก โทษฐานที่กล้าทำให้เธอตกใจ แต่ด้วยสัญชาตญาณของเขารู้ตั้งแต่แรกแล้
ภวินทร์พาน้ำตาลออกจากบ้านที่เป็นเพ้นท์เฮ้าส์เพราะบ้านที่เขาสร้างและยกให้น้ำตาลเสร็จเรียบร้อยดีทุกอย่างแล้ว จึงพาเธอออกมาไม่อยากให้เธอต้องอึดอัดเวลาที่อยู่ที่นั่น ยิ่งท้องใหญ่ท้องแก่ใกล้คลอดมากขึ้นเขาก็ไม่อยากทำให้เธอต้องเก็บกดเพราะถูกเขาห้ามไม่ให้ออกไปไหน “สวยไหม?"“บ้านของฉันงั้นเหรอ?” น้ำตาลพูดพึมพำกับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าจะมีบ้านเป็นของตัวเองถึงอย่างนั้นเธอก็เคยคิดว่าจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ไม่คิดอีกเลยว่าจะมีบ้านอีกเลย พอมาวันนี้ภวินทร์ได้สร้างบ้านให้กับเธอ แม้จะไม่ได้ใหญ่ดั่งพระราชวังแต่ก็อยู่ได้สบายสำหรับคนอย่างเธอ มีที่สำหรับจอดรถ มีสวนหลังบ้าน มีสวนหย่อมเล็กๆ ระหว่างบ้านดูเหมือนเขาจะสร้างไว้สำหรับต้อนรับเด็กน้อยที่กำลังจะเกิดมาด้วย “เข้าไปดูด้านในกันสิ"“….."“เป็นอะไรไป?” เขาถามเพราะเป็นเธอยืนนิ่งจนอดที่จะถามไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังดูมีความสุขอยู่เลยที่ได้เห็นบ้านหลังนี้ "คุณเกลียดฉันเกลียดครอบครัวของฉันไม่ใช่เหรอแล้วทำไมต้องมาทำดีด้วยล่ะ?" เธอถามเสียงแผ่ว เพราะไม่เข้าใจกับการกระทำของเขาเลย เขาทำแบบนี้เพื่ออะไรต้องการอะไร เขาเป็นคนบอกเองว่า
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั
น้ำตาล Talk เช้าวันต่อมา เมื่อวานฉันขอให้เขาบอกคนของเขาออกไปจากมหาวิทยาลัย และมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนเขาขอทำรอยที่อยู่ตรงคอของฉัน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีเจ้าของแล้ว เขาต้องการแสดงความเป็นเจ้าของกับฉันนั่นเอง ตอนแรกฉันก็ไม่อยากจะยอมหรอกเพราะต่อให้ฉันจะอายุบรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่ที่ฉันไปเรียนมันก็สถานศึกษานี่นา ทำแบบนี้ไปมันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรด้วยสิ แต่จะไปห้ามคนอย่างเขาได้ยังไง ฉันโดนทำรอยตรงคอมานี่แหละ แต่ยังดีที่เขาไม่ได้ทำรอยใหญ่เป็นจุดสังเกตให้ใครมองเห็นง่ายๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมารับเข้าใจไหม""ถ้าคุณมีประชุมเดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองก็ได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะพาลูกกลับบ้านก่อน""ไม่ได้ ฉันจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน""....." "ถ้าใครมาจีบเธออีก บอกฉันนะฉันจะจัดการเอง" "คุณนี่ก็นะ ทำรอยบนคอของฉันมาซะขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีก" "ไม่รู้ล่ะ""....." ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ สั่งห้ามนู่นห้ามนี่อย่างกับว่าไม่รู้จักคนอย่างฉันอย่างนั้นแหละ ฉันเดินเข้าไปเรียนตามปกติและก็ทักทายเพื่อนสนิทคนนึงที่อายุน้อยกว่าฉัน ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ฉันไม่เข้าหาใคร จากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันทำให้ฉั
ตกเย็นของวันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกสาวภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดและมีคนเดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือภวินทร์ แต่สีหน้าของเขามันดูแปลกไป เขามองเธอแบบแปลกๆ ราวกับว่าเธอไปทำอะไรผิดมา "มองอะไรของคุณ?" เธอถามอย่างงงๆ"....." เขาไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเธอ นั่นจึงทำให้เธอรู้ว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน แต่เธอไม่รู้เนี่ยสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทะเลาะกันนี่นาและเธอก็ไปเรียนตามปกติ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอพาลูกกลับมาก่อนเพราะเขามีประชุมในช่วงเย็นเลยไม่อยากให้ลูกอยู่รอเขา "นี่คุณ! ตกลงเป็นอะไรของคุณเนี่ย?"".....""ถามก็ตอบสิ ถ้าไม่พูดอีกทีนะฉันจะไล่ออกไปนอนห้องข้างนอกเลย" "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันจะไปอาบน้ำอากาศมันร้อน" "....." เธอมองอย่างงงๆ เพราะการกระทำของเขามันแปลกไป เขาไม่ใช่คนที่จะประเมินเฉยใส่เธอแบบนี้ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแปลกไปอย่างแน่นอน ผ่านไปสักพัก ตึง! "อ๊ะ?!" น้ำตาลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกอย่างแรงทำให้อีกฝั่งของประตูไปกระทบเข้ากับผนังของห้องเสียงดังทำให้เธอสะดุ
เวลาต่อมา น้ำตาลยังคงใช้ชีวิตดำเนินในแบบของเธออยู่แบบนั้น ตอนเช้าตื่นมาก็ไปเรียน เลิกเรียนกลับมาก็ดูแลลูกต่อ เพราะชีวิตของเธอมันมีแค่นี้จริงๆ "นี่เธอเป็นลูกคนรวยใช่ไหมฉันเห็นรถหรูๆ มารับทุกวันเลย" "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ" เธอตอบ ตอนนี้เธอก็ไม่ใช่ลูกคนรวยอะไรแล้ว ก็แค่ได้แต่งงานกับผู้ชายมีเงินก็เท่านั้น "ยังไงเนี่ยฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดเลย" "ฉันเคยเป็นลูกคนรวยอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ พ่อของฉันเขาตายแล้ว ธุรกิจก็ล้มละลาย ส่วนแม่ก็ไปทำงานอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชรา" "เอ่อ...นี่ฉันถามอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่หรอกฉันไม่ได้คิดมากกับเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเองก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ" น้ำตาลเธอไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เธอคิดด้วยซ้ำว่ามันสาสมแล้วกับเรื่องที่พ่อของเธอเคยทำ อย่างน้อยพ่อของเธอก็ได้ชดใช้คืนให้กับพ่อแม่ของภวินทร์แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ก็ตาม"อืม...ตอนกลางวันออกไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยกันไหม" "อื้ม ก็ได้" พอพักกลางวันน้ำตาลกับเพื่อนก็ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน เพราะเธอยังมีเรียนภาคบ่า