รุ่งเช้า แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาให้ห้องใต้หลังคาจนสว่างจ้า เด็กสาวนัยน์ตาเรียวยาวสีน้ำตาล ลืมตาขึ้นเพราะเสียงอึกทึกจากเสียงเครื่องดูดฝุ่นห้องข้างล่าง ซึ่งเป็นร้านอาหารของครอบครัว
แคโรไลน์งัวเงียปรือตาลุกพรวดขึ้นมาทันที
“เผลอหลับไปจนได้ นี่กี่โมงแล้วนะ”
แคโรไลน์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะแปดโมงแล้ว! ทำไมไม่มีใครปลุกเธอเลย แคโรไลน์ผุดลุกขึ้นนั่งและตระหนักว่าเมืองแม่มดที่เธอเดินทางท่องเที่ยวนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนของเธอ ใช่แล้ว เมื่อเย็นวานเธอเข้ามานอนในห้องใต้หลังคา และเผลอหลับไปพร้อมกับความฝันอันแสนประหลาดนั่นเอง
“เฮ้ย ! วันนี้มีเรียนประวัติศาสตร์คาบเช้ากับครูคนใหม่นี่หว่า วิชาโปรดของเราซะด้วย ไม่ได้การละ”
เธอกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจเมื่อตระหนักว่าเธอมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเตรียมตัวไปโรงเรียน
โดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แคโรไลน์พุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ ดึงชุดเครื่องแบบที่แขวนอย่างไม่เป็นระเบียบออกมา กระโดดไปรอบๆ สวมเสื้อผ้าของเธออย่างเงอะงะ พยายามติดกระดุมเสื้อของเธอในขณะที่กระโดดด้วยเท้าข้างหนึ่งเพื่อสวมถุงเท้า หัวใจของเธอเต้นแรงขณะที่เธอแปรงผมอย่างเร่งรีบ โดยไม่สนใจเกี่ยวกับผมที่พันกันยุ่งเหยิง
ด้วยความเร่งรีบ แคโรไลน์คว้ากระเป๋าเป้ของเธอและยัดหนังสือเข้าไปข้างใน โดยไม่ให้เวลาตัวเองสักครู่เพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าเธอได้จัดอะไรที่จำเป็นทั้งหมดใส่ลงในกระเป๋าสำหรับวันนี้ ครบหรือไม่ ขณะที่กำลังผูกเชือกรองเท้าอย่างเร่งรีบ เธอรีบวิ่งลงบันได ข้ามไปตามทาง
“อุ้ย โทษที ! ขอทางหน่อย ๆ ค่ะแม่ สวัสดีค่ะแม่ หนูต้องรีบไปแล้วนะคะ แล้วตอนเย็นเจอกันค่ะ”
แคโรไลน์โวยวายพร้อมกับพยายามเดินหลบเครื่องดูดฝุ่นที่แม่ของเธอกำลังใช้ถ่ายไปส่ายไปมาอย่างกับเครื่องตัดหญ้าเล็กๆ จนเงียบ สะดุดลง
แคทรีน่ารู้จักลูกสาวของเธอดี จึงไม่พูดอะไร ได้แต่ยื่นขนมปังปิ้งและแอปเปิ้ลให้เธอขณะที่เธอรีบเดินผ่านห้องครัวไป
เมื่อแคโรไลน์ก้าวออกไปข้างนอกบ้าน โลกก็ดูเหมือนจะพร่ามัวรอบตัวเธอ อากาศยามเช้าปะทะใบหน้าของเธอให้รู้สึกสดชื่น ขณะที่เธอวิ่งผ่านถนน เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องอยู่ในหูของเธอ ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงขึ้นบนท้องฟ้า ทอดเงาทอดยาวที่ดูเหมือนจะไล่ตามเธอขณะที่เธอแข่งกับเวลา
ในที่สุด แคโรไลน์ก็มาถึงโรงเรียนของเธอด้วยอาการหอบและเหงื่อแตก ขณะที่เสียงกริ่งดังขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของวัน . เธอหายใจเข้าลึก ๆ พยายามตั้งสติขณะที่เธอเดินผ่านประตู แม้จะรู้สึกลนลาน แต่เธอก็หาห้องเรียนและนั่งลงได้ในก่อนที่คุณครูเริ่มจะเข้ามาและเริ่มบทเรียนแรก
ไม่นานนักครูสอนประวัติศาสตร์อังกฤษคนใหม่มาเข้าห้องเรียน เขาชื่อ มิสเตอร์ออลันโด้ อาจารย์ที่มีความหลักแหลมและเป็นมิตร นักเรียนทั้งหมดลุกขึ้นจากเก้าอี้ของพวกเขาและจับตาเข้าดูที่ครูที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเรียน
"สวัสดีครับนักเรียนทุกคน"
"ชื่อของผมคือออลันโด้ และผมจะเป็นครูสอนพวกเธอทุกคนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่ผมและนักเรียนหลาย ๆ คนในห้องนี้สนใจและชื่นชอบเป็นพิเศษ เรามาดูกันว่าสิ่งที่เราจะเรียนรู้ในวันนี้จะเป็นความมหัศจรรย์ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนุกสำหรับทุกคนยังไง"
แคโรไลน์รับรู้ถึงการสนทนานี้ด้วยความตื่นเต้น
แคโรไลน์จ้องมองไปที่ออลันโด้ ด้วยความทึ่งและประทับใจ แต่เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเธอมักจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เยอะมากกว่าจะเรียนในห้องเรียน แคโรไลน์ตัดสินใจที่จะมองข้ามสิ่งที่เคยเรียนมาและทำความเข้าใจในเนื้อหาใหม่ที่ครูออลันโด้กำลังจะสอน
"นักเรียนทุกคน" ออลันโด้ เริ่มพูดอย่างชัดเจน ช้า ๆ
"วันนี้เราจะพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ ยุคสงครามดอกกุหลาบ"
แคโรไลน์รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เพราะเธอเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อน นักเรียนคนอื่น ๆ ก็ต่างกันไม่มาก
แต่ครูออลันโด้ กำลังจะพาพวกเขาไปสู่การสำรวจเหตุการณ์ในยุคสงครามดอกกุหลาบอย่างละเอียด
วิชาประวัติศาสตร์โดยเฉพาะยุคยุโรปกลางที่แสนจะมีเรื่องราวให้ค้นหาของแคโรไลน์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เธอรู้สึกว่าจินตนาการเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้เธอเข้าใจเนื้อหาที่คุณครูออลันโด้กำลังสอน นอกจากนี้อาจารย์ยังได้กล่าวถึงแม่มด แวมไพร์ และภูติผี ในเรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งกระตุ้นความอยากรู้ของแคโรไลน์ได้เป็นอย่างดี
ก่อนหมดชั่วโมงคุณครูออลันโด้แนะนำหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของสมครามดอกกุหลาบจากห้องสมุดซึ่งมีเพียงเล่มเดียว และไม่แน่ใจว่าจะถูกยืมไปหรือยัง ซึ่งนั่นทำให้แคโรไลน์หมายมั่นปั้นมือว่าเธอจะต้องหาหนังสือนี้ให้พบก่อนใคร ๆ และนำกลับไปอ่านให้จงได้
หลังเลิกเรียนตอนเย็นก่อนห้องสมุดของโรงเรียนจะปิดแคโรไลน์รีบวิ่งตัวปลิวพุ่งตรงไปที่ห้องสมุด ในใจภาวนาว่าขออย่าให้มีคนมายืมไปก่อนเลย หมวดหมู่หนังสือประวัติศาสตร์ อยู่ชั้นสี่ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมาใช้บริการชั้นนี้มากนัก จึงค่อนข้างเงียบสงัด แต่ก็เป็นการดีเพราะเธอจะได้มีเวลาใช้สมาธิค้นหาหนังสือ ขณะที่เธอกำลังใช้สายตาเพ่งอ่านชื่อหนังสือในชั้นอย่างใจจดจ่ออยู่นั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง อยู่ตรงปลายสุดของชั้น หล่อนจึงเดินเข้าไปหาเสียงนั้น
แคโรไลน์เห็นแมวดำที่กำลังซ่อนตัวอยู่อย่างมีปริมาณใกล้เคียงแม้ว่ามันจะอยู่ในแสงจันทร์ที่แทรกอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่ แม้ว่าจะเป็นแมวที่ดูธรรมดาๆ แต่มีความแปลกประหลาดและลึกลับอยู่ในสายตาของมัน
แคโรไลน์เดินเข้าห่างออกไปจากชั้นหนังสือและเดินเข้าใกล้แมวดำตัวนั้น มันเหมือนกับมีแรงดึงดูดอันแปลกประหลาดที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเมื่อเธอเคลื่อนตัวไปใกล้มันอีก เธอรู้สึกเหมือนมีความพิเศษที่อธิบายไม่ได้ซ่อนอยู่
หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นแมวดำรูปร่างเพรียวนั่งอยู่นั้น ดวงตาสีเขียวที่แหลมคมของมันดูเหมือนจะมีมนต์เสน่ห์ลึกลับ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้มันจนอยู่ในระยะประชิดตัว
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เด็กสาวจึงคุกเข่าลงและยื่นมือออก คิดว่าแมวจะรีบหนีไป แต่ทว่าน่าแปลก มันกลับขยับเข้ามาใกล้แทน เอาหัวถูกับนิ้วของเธอ ความสัมพันธ์ได้จุดประกายขึ้นระหว่างพวกเขา และในขณะนั้นเอง เธอรู้ว่าเธอต้องพาสิ่งมีชีวิตที่น่าหลงใหลตัวนี้กลับบ้าน
“ โอ้ววว! แมวดำน่ารักมากเลย! เจ้าตัวเล็กทำไมมาเล่นในห้องสมุดนี้ได้?”
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ได้มาทำร้ายเธอ ฉันแค่ถูกชะตากับเธอ และเข้าใจสถานการณ์ที่เธอเจออยู่ หลงทางมาใช่ไหมล่ะ”
แมวดำท่าทางผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคำพูดที่สุภาพและอ่อนโยนจากแคโรไลน์
“สวัสดีน้องแมว ฉันชื่อแคโรไลน์ เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม?
แมวดำร้อง เมี้ยว !!ราวกับเข้าใจและตอบรับการทักทายของแคโรไลน์ แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่แมวดำก็ไม่สนใจและเดินเข้าหาแคโรไลน์อย่างคุ้นเคย
แคโรไลน์รู้สึกว่ามีความพิเศษอยู่ในแมวดำนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอกลับไปหาอ่านหนังสือต่อ แต่แมวตัวนั้นกลับเข้ามาใช้ศีรษะถูขาของแคโรไลน์และส่งเสียงฟี้อย่างพอใจ
“ว่าไง เจ้าแมวน้อย อย่าเพิ่งซน ฉันกำลังยุ่งอยู่ นายนี่ดูเป็นมิตรจริงๆ แต่ฉันต้องโฟกัสกับการหาหนังสือของฉันก่อน”
แคโรไลน์พูดพลางหัวเราะเบา ๆ แมวร้องเหมียว ๆ ราวกับพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง มันเดินห่างออกจากชั้นหนังสือหันหน้าไปยังห้องริมสุดของชั้นสี่ พลางเอี้ยวตัวหันมามองเธอ แคโรไลน์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
“นั่นอะไรน่ะ? เธอต้องการให้ฉันติดตามเธอใช่ไหม”
หล่อนพูดไม่ทันขาดคำ แมวดำตัวนั้นก็เดินหันกลับออกไปอย่างตั้งใจ ทำเอาแคโรไลน์รีบผละตามแมวตัวนั้นราวกับมีอะไรดลใจ แคโรไลน์เดินตามแมวประหลาดอย่างระมัดระวังผ่านห้องต่าง ๆในห้องสมุด ลงบันได หลายต่อหลายชั้น จนกระทั่งออกมาจากอาตรอกแคบๆ เสียงของเมืองที่พลุกพล่านจางหายไปเมื่อเข้าสู่บรรยากาศลึกลับของเมืองเก่า ถนนเรียงรายไปด้วยร้านค้าแปลกตาและอาคารโบราณ
แคโรไลน์เอ่ยถามแมวน้อยด้วยความสงสัย
“นี่นายจะพาฉันไปไหน ลูกแมวน้อย”
แมวดำผู้มีดวงตาสีมรกต พาแคโรไลน์เดินลึกเข้าไปในเมืองเก่า บางครั้งก็มองย้อนกลับไปเพื่อให้แน่ใจว่าเธออยู่ กำลังติดตามมันหรือไม่ ที่สุดมันก็เลี้ยวเข้ามุมและแคโรไลน์พบว่าตัวเองอยู่ในจัตุรัสอันงดงามที่รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
“ว้าว !ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ที่นี่งดงามมาก ว่าแต่มันที่ไหนกัน”
แมวน้อยนำทางต่อไปจนกระทั่งเจอจัตุรัสและหยุดอยู่หน้าร้านกาแฟที่มีมีหน้าร้านเป็นรูปดอกกุหลาบสีม่วง และประดับด้วยดอกไม้สีม่วงทั่วร้าน สวยงามราวกับไม่ใช่ของจริง
แคโรไลน์หยุดยิ้มไม่ได้ เธอรู้สึกเอ็นดูเจ้าแมวน้อย
“นี่นายหิวด้วยเหรอ ก็ได้ ๆ มาดูกันว่าพวกเขามีอะไรให้นายกินบ้าง”
แคโรไลน์เข้าไปในร้านกาแฟ อุ้มแมวไว้ในอ้อมแขน บรรยากาศในร้านกาแฟดูอบอุ่นเป็นกันเองและเต็มไปด้วยผู้คนท้องถิ่นที่เพลิดเพลินกับน้ำชายามบ่าย
แคโรไลน์เดินไปที่เคาร์เตอร์และถามเจ้าของร้านอย่างสุภาพ
“ขอโทษนะคะ คุณมีอะไรจะให้เพื่อนตัวน้อยของฉันได้กินบ้างไหมคะ ตอนนี้เขาหิวแล้ว”
พนักงานหนุ่มหันมามองอย่างประหลาดใจ
“โอ้ว ! นี่คุณพาแมวมาในร้านกาแฟได้ยังไง ปกติเราไม่อนุญาติให้นำสัตว์เลี้ยงเข้า แต่ว่ายังไงก็เข้ามาแล้ว ขอดูว่าจะหาอะไรให้เขาได้”
เขาตอบอย่างใจดี เขาหันกลับเข้าไปในห้องครัวพร้อมกับนำจานรองนมเล็กๆ มาให้แมวผู้น้อยที่ดูจะดีใจอย่างที่สุดได้กิน
แคโรไลน์รีบขอบคุณพนักงานหนุ่มผู้ใจดีคนนั้น เธอหันไปสั่งช๊อกโกแลตร้อนสำหรับตัวเธอเองมาหนึ่งที่
ขณะที่แคโรไลน์เพลิดเพลินกับแมวที่กำลังเลียนมอย่างเอร็ดอร่อย ก็มีหญิงสูงอายุท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาหาพวกเขา
หญิงสูงอายุยิ้มมองพวกเขาและเอ่ยขึ้นมาว่า
“ฉันอดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าคุณกับแมวดำตัวนี้เข้ากันได้ดีแค่ไหน ว่าแต่ตอนนี้หนูหลงทางหรือเปล่าที่รัก”
แคโรไลน์พยักหน้า
“ใช่ค่ะ คุณป้า หนูตามแมวตัวนี้มาจากห้องสมุดโรงเรียนและก็มาที่เมืองเก่าที่สวยงามแห่งนี้ หนูไม่แน่ใจว่าจะหาทางกลับได้ยังไง”
ผู้หญิงสูงอายุปลอบใจสาวน้อย
“อย่ากังวลไป ที่รัก ฉันจะช่วยคุณหาทางกลับเอง แต่ก่อนอื่น เรามาดื่มชาด้วยกันก่อน”
แคโรไลน์และหญิงชรานั่งที่โต๊ะ จิบชาและแบ่งปันเรื่องราว แมวนอนอย่างสบายใจบนตักของแคโรไลน์
ผู้หญิงสูงอายุยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ทำให้เธอต้องชะงักหยุดฟัง
“หนูรู้ไหม บางครั้งการพบเจอที่ไม่คาดคิดอาจไม่ใช่ความบังเอิญ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แล้วโดยใครบางคน”
“คุณยายหมายความว่าการที่หนูมาที่นี่ได้ก็เพราะมีใครบางคนตั้งใจให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ แล้วเขาจะทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อหนูก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
“บางทีอาจเป็นเพราะในตัวหนูมีความพิเศษบางอย่างที่ใครคนนั้นไม่มี และต้องการให้หนูช่วยก็เป็นได้”
หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความจริงจังจนแคโรไลน์รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าหญิงชราคนนี้จะเป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางในเรื่องนี้แน่
อย่างแคโรไลน์นี่นะ จะมีพลังพิเศษ แล้วพวกเขาจะเอาตัวเธอไปทำอะไรกัน แล้วตอนนี้เธอจะทำยังไงดี แคโรไลน์รู้สึกทั้งกลัวและอยากรู้ในเวลาเดียวกัน.
เรื่องราวอันแสนประหลาดของ “แคโรไลน์” เด็กสาวนัยน์ตาเรียวยาวสีน้ำตาล อายุสิบสี่ปี เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันหยุดวันเสาร์ของสัปดาห์หนึ่ง เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เหนือเมืองเล็ก ๆ ส่องแสงสีทองไปทั่วเมืองที่หลับใหล กลิ่นหอมของเบคอน ไข่ และกาแฟอบอวลอยู่ในอากาศ ภายในร้านอาหารเก่าแก่ย่านใจกลางเมือง เด็กสาวชื่อแคโรไลน์กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยพ่อแม่กับงานตอนเช้าที่สุดแสนจะวุ่นวาย ซึ่งเธอคุ้นชินและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันยุ่งๆ อีกวันหนึ่ง แคโรไลน์หลงใหลในการทำอาหารมาโดยตลอดและใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟตั้งแต่เธอยังเด็ก แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่เธอก็ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการทำอาหารจนเรียกได้ว่าเธอสามารถทำทุกอย่างแทนพ่อกับแม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการซึบซับวิธีการทำอาหาร จากการใช้เวลาทำงานร่วมกับพ่อแม่ของเธอในร้านอาหารในทุกวัน “โอ้ว ฝุ่นจับอีกแล้ว เห็นทีต้องปัดฝุ่นเสียหน่อย”ขณะที่เธอเช็ดเคาน์เตอร์และขัดเครื่องเงิน แคโรไลน์อดไม่ได้ที่จะฝันกลางวันว่า สักวันหนึ่งการได้เปิดร้านอาหารของตัวเองจะเป็นอย่างไร เธอจินตนาการถึงการสร้างสรรค์อาหารที่รสเลิศ และสวยงาม ที่ทำให้ลูกค
รุ่งเช้า แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาให้ห้องใต้หลังคาจนสว่างจ้า เด็กสาวนัยน์ตาเรียวยาวสีน้ำตาล ลืมตาขึ้นเพราะเสียงอึกทึกจากเสียงเครื่องดูดฝุ่นห้องข้างล่าง ซึ่งเป็นร้านอาหารของครอบครัวแคโรไลน์งัวเงียปรือตาลุกพรวดขึ้นมาทันที“เผลอหลับไปจนได้ นี่กี่โมงแล้วนะ”แคโรไลน์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบจะแปดโมงแล้ว! ทำไมไม่มีใครปลุกเธอเลย แคโรไลน์ผุดลุกขึ้นนั่งและตระหนักว่าเมืองแม่มดที่เธอเดินทางท่องเที่ยวนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนของเธอ ใช่แล้ว เมื่อเย็นวานเธอเข้ามานอนในห้องใต้หลังคา และเผลอหลับไปพร้อมกับความฝันอันแสนประหลาดนั่นเอง “เฮ้ย ! วันนี้มีเรียนประวัติศาสตร์คาบเช้ากับครูคนใหม่นี่หว่า วิชาโปรดของเราซะด้วย ไม่ได้การละ” เธอกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจเมื่อตระหนักว่าเธอมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แคโรไลน์พุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ ดึงชุดเครื่องแบบที่แขวนอย่างไม่เป็นระเบียบออกมา กระโดดไปรอบๆ สวมเสื้อผ้าของเธออย่างเงอะงะ พยายามติดกระดุมเสื้อของเธอในขณะที่กระโดดด้วยเท้าข้างหนึ
เรื่องราวอันแสนประหลาดของ “แคโรไลน์” เด็กสาวนัยน์ตาเรียวยาวสีน้ำตาล อายุสิบสี่ปี เริ่มต้นขึ้นในเช้าวันหยุดวันเสาร์ของสัปดาห์หนึ่ง เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เหนือเมืองเล็ก ๆ ส่องแสงสีทองไปทั่วเมืองที่หลับใหล กลิ่นหอมของเบคอน ไข่ และกาแฟอบอวลอยู่ในอากาศ ภายในร้านอาหารเก่าแก่ย่านใจกลางเมือง เด็กสาวชื่อแคโรไลน์กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยพ่อแม่กับงานตอนเช้าที่สุดแสนจะวุ่นวาย ซึ่งเธอคุ้นชินและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันยุ่งๆ อีกวันหนึ่ง แคโรไลน์หลงใหลในการทำอาหารมาโดยตลอดและใฝ่ฝันที่จะเป็นเชฟตั้งแต่เธอยังเด็ก แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่เธอก็ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการทำอาหารจนเรียกได้ว่าเธอสามารถทำทุกอย่างแทนพ่อกับแม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการซึบซับวิธีการทำอาหาร จากการใช้เวลาทำงานร่วมกับพ่อแม่ของเธอในร้านอาหารในทุกวัน “โอ้ว ฝุ่นจับอีกแล้ว เห็นทีต้องปัดฝุ่นเสียหน่อย”ขณะที่เธอเช็ดเคาน์เตอร์และขัดเครื่องเงิน แคโรไลน์อดไม่ได้ที่จะฝันกลางวันว่า สักวันหนึ่งการได้เปิดร้านอาหารของตัวเองจะเป็นอย่างไร เธอจินตนาการถึงการสร้างสรรค์อาหารที่รสเลิศ และสวยงาม ที่ทำให้ลูกค