[16/2]@ลานจอดรถ“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี๊ยะ! เฮียทำแบบนี้ทำไม!? ….เฮียไหมเฮียเฟย”หลังจากที่ทั้งสามคนออกมาจากนอกร้านได้แล้ว ผิงก็เริ่มตั้งคำถามขึ้นมาก่อนทันที เพราะตอนนี้เธอยังงงกับสิ่งที่ฉีพูดออกมาก่อนหน้านี้ผิงหันไปมองชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนสลับกัน ด้วยความสับสน ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าใครที่กำลังพูดความจริงอยู่ เมื่อครู่นี้เฮียฉีบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเฮียเฟย ในขณะที่ก่อนหน้านี้เฮียเฟยแสดงออกราวกับว่าเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ผิงเริ่มงงไปหมด“ซี๊ดดด!! โอ๊ย! ไอ้บ้าฉีมึงเป็นเหี้ยอะไร!?”“เหอะ...” ฉีไม่ยักรู้เลยว่าอดีตเพื่อนสนิทของเขาตอนนี้กลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าพูดความจริงไปแล้ว ไหนว่าเก่งมากไง เก่งจริงทำไมยังไม่พูดความจริงต่อหน้าผิงอีก อยากมีเรื่องกับเขาแล้วทำไมต้องลากผิงเข้ามาเกี่ยวตั้งแต่ต้นด้วย“อึกก...”“เจ็บไหมเฮียเฟย?”ขณะที่เฟยพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ทั้งยังกุมใบหน้าตนเองอยู่ด้วยความเจ็บที่โดนอีกคนทำร้าย ผิงเห็นแบบนั้นเลยก้าวเข้ามาพยุงช่วยอีกแรง ก่อนที่เธอจะหันไปมองค้อนทางฉี“...ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย!? ชอบใช้ความรุนแรงนักหรอ? เค้าไปทำอะไรให้เฮีย? แล้วเรื่องที่
[16/3]“เหอะ ....กูก็แค่อยู่กับผิงในงานวันเกิดของผิง เออใช่! กูผิด แต่กูก็ส่งข้อความมายกเลิกนัดกับฟ้าแล้วไง มึงไม่คิดว่าฟ้าจะผิดบ้างหรอวะที่ไม่ยอมกลับบ้าน”“อะไรนะ? เจ้ฟ้า? งานวันเกิดของผิง?” หญิงสาวยังยืนสงสัยกับสิ่งที่ชายหนุ่มรุ่นพี่พยามจะอธิบายอยู่“ใช่... ตอนนั้น เป็นงานวันเกิดของผิงไง ที่เราทะเลาะกัน เฮียแค่อยากถือโอกาสวันนั้นเพื่อง้อผิง และเฮียก็ลืมไปว่านัดกับฟ้าใสเอาไว้ก่อน แต่เฮียยอมรับสะเพร่าเอง ....ฟ้านั่งรอเฮียต่อที่ลานนั่งเล่นหลังโรงเรียน จนดึกดื่น แล้วก็...”“แล้วก็โดนรุมทำร้ายไงผิง น้องสาวเฮียโดนทำร้ายจนเกือบจะถึงพวกแม่งข่มขืนไง!! ฮ่าๆๆ นี่ผิงคงไม่รู้สินะว่าไอ้เหี้ยฉีเนี่ย แม่งหลอกใช้ฟ้า มันรู้ว่าฟ้าชอบมันรักมันมานานแล้ว แต่แม่งก็ยังจะกั๊กไง!”เหอะ ...ใครอยากจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้าง มันไม่หรอก ฉีรู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้ไอ้เฟยมันก็ยังจะโกรธและโทษเขาอยู่แล้ว ฟ้าใสเจ็บปวดอันนี้เขาเข้าใจไอ้เฟยมันอยากแก้แค้นเขาอันนี้ก็เข้าใจได้ แล้วทำไมมันต้องเอาผิงเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วย มันไม่สงสารน้องบ้างหรืออย่างไร เขาเองยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่เผลอเชื่อในแผนการของมันจนเผลอทำร้ายคน
[17/1] ฉียืนมองคนตัวเล็กที่นั่งสะอื้นอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ผิงนั่งไห้อยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับสายตาที่เธอมองมาอย่างตัดพ้อ ทำเอาก้อนเนื้อในอกของเขากระตุกวูบอย่างแรง เขารู้ว่าเขาทำผิดต่อผิงมาก มากเกินกว่าที่ไม่คิดว่าเธอจะให้อภัยเขาได้ แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็พาผิงมาถึงที่นี่แล้ว จะมัวแต่ยืนนิ่งต่อไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องเลย หากไม่เคลียร์กันให้จบ หมั่บ! “....” เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ร่างสูงก็เดินไปนั่งลงข้างๆ กับที่คนตัวเล็กนั่งสะอื้นอยู่ จากนั้นมือหนาก็เอื้อมขึ้นไปแตะแผ่นหลังบางนั้นเอาไว้ พอได้สัมผัสยิ่งรับรู้ถึงแรงสะอื้นของคนตัวเล็กได้อย่างชัดเจน “ฮึกก...” ผิงหันไปมองคนข้างๆ เล็กน้อย ก่อนที่จะขยับตัวหนีให้ห่างจากเขา ตอนนี้ความหนักอึ้งของเรื่องราวทั้งหมดมันถาโถมเข้ามาจนผิงไม่อาจจะรับมันไหวแล้ว เฮียเฟยเองก็เป็นพี่ชายที่เธอรักและนับถือไม่คิดว่าจะทำกันได้ลงคอ ส่วนคนข้างๆ ของเธอตอนนี้ เขาได้ทำลายความรักที่เธอมีให้แหลกสลยายไม่มีชิ้นดีแล้ว เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าคลิปนั่นไม่ใช่เธอ รู้ก่อนหรือหลังจากที่ทำเรื่องบัดซบลงไปแล้ว ผิงไม่รู้... แล้วไหนจะเรื่องคลิปที่เขาใช้ขู่เธออีก ตอนนี้ผิงไม่ส
[17/2]ผลัก!ฟุ่บ!!“ผิง!? … ผิงเป็นอะไร!?”“อื้ออ!!”ขณะที่กำลังยืนอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตอยู่นั้น ร่างบางได้รีบใช้มือผลักอกแกร่งให้ถอยออกห่างตนเองด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี ก่อนที่จะได้ล้มตัวนั่งลงที่พื้นพรมหน้าทีวี คล้อยหลังจากที่ตนเองเป็นอิสระแล้วส่วนฉีเมื่อเห็นร่างบางลงไปนั่งกุมขมับตัวเองบนพื้นแล้วก็เกิดอาการตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ผิงเป็นอะไรอยู่เขาไม่อาจทราบสาเหตุ เลยได้แต่พยายามจะเข้าไปพยุงเธอให้ลุกขึ้น ทว่ากลับโดนมือเรียวบางปัดออกเสียก่อนแปะ!“ออกไปให้ห่างผิง อึกก!” ว่าพลางใช้มืออีกข้างกุมขมับตนเองเอาไว้แน่น ทั้งๆ ที่สีหน้าของเธอเริ่มไม่สู้ดีแล้ว“ผิงเป็นอะไร? ไหวไหม?” ฉีเองก็ยังพยายามเข้าไปสัมผัสผิงให้ได้ ด้วยความหวั่นกลัวว่าคนตัวเล็กจะเป็นอะไรขึ้นมา“ฮึกก... อื้อออ! ผิงปวดหัว ฮือออ~” ตอนนี้ในหัวของเธอมันหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนลามมาถึงบริเวณดวงตาคู่สวย เธอต้องการยา อย่างน้อยแค่ได้ทานยาและพักผ่อนสักนิดก็ยังดี“อื้ออ~ หยิบยาให้ผิงหน่อย”“ยา? อยู่ตรงไหน?” ฉีถามขึ้นทั้งยังลนลานกลัวว่าคนตัวเล็กของเขาจะเป็นอะไรไป“มันอยู่ในกระเป๋า”ผิงชี้นิ้วไปทางกระเป๋าที่เธอสะพายมา ตอนน
[17/3]“ผิง ....ผิงงง?”ฉีกำลังเขย่าตัวของร่างบางให้ตื่นขึ้น ก่อนหน้านี้เขากำลังจูบกับเธออยู่แท้ๆ ทว่ายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยอีกคนก็ชิงหลับไปก่อนแล้ว เสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอจากร่างบางบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคงจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้แต่ส่ายหน้าให้ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างบางให้เพื่อคลายหนาว ก่อนที่จะลุกขึ้นหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับความเก้อเขินต่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้08.00 น.แสงแดดที่เล็ดรอดผ่านมาทางหน้าต่างกระจกที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณเตียงนอน มันกระทบเข้ากับเปลือกตาของร่างบางนั้นพอดี ทำเอาคนที่นอนหลับสนิทอย่างผิงต้องตื่นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้“อื้อออ” ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า เพื่อปรับโฟกัสแสงที่มันดันตกกระทบตา จากนั้นก็กวาดสายตามองรอบๆ ตัวเอง ก่อนจะพบว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องนอนของเธอ ข้าวของทุกอย่างในห้องนี้ไม่ใช่ของเธอเลยสักนิด “เฮีย...” เมื่อหันหน้าไปมองอีกฝั่งหนึ่งผิงก็เห็นคนตัวโตนอนอยู่ข้างๆ เธอเสียแล้ว พลันคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เธอจำได้ว่าเขาเป็นคนพามาที่นี่ แล้วหลังจากนั้นเธอก็ปวดหัวมาก กระทั่งตอนที่เขาอุ้มเธอมายังเตียง
[18/1] วันนี้ทั้งวันผิงเลยต้องขลุกตัวอยู่กับฉีที่คอนโดของเขา ชายหนุ่มทั้งยึดโทรศัพท์ของเธอเอาไว้ติดตัวตลอด และไม่ยอมไปส่งง่ายๆ ผิงทำใจยอมแพ้เลิกต่อต้านอีกฝ่ายเพราะเหนื่อยต่อปากต่อคำเกินทน ดังนั้นบทสรุปก็เลยต้องมานั่งดูหนังที่หน้าทีวีเป็นเพื่อนฉีแทนหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จแล้วทั้งคู่ “ดูเรื่องนี้ไหม? เพิ่งเข้าใหม่เลยนะ” ฉีถามคนที่นั่งข้างๆ ตัวเอง ตอนนี้แม้ว่าสีหน้าของผิงจะดูเหมือนโดนบังคับ ทว่าเขาก็ยังชวนเธอคุยต่อไป ราวกับกดปุ่มรีเซ็ตเรื่องทั้งหมดในหัวไปได้ชั่วพริบตา และเมื่อร่างบางยังไม่ตอบเขา ดังนั้นแล้วฉีจึงต้องมาเลือกหนังดูเอง เขาพอรู้ว่าผิงนั้นชอบหนังแนวไหนอยู่แล้ว เรื่องเดาใจอีกคนจึงไม่ได้ยากนักสำหรับคนอย่างเขา คราวนี้หนังบนหน้าจอทีวีเริ่มฉายขึ้นแล้ว ฉีวางรีโมททีวีลงก่อนจะหันไปคว้ารีโมทอีกอันมาแทน เขากดปรับตั้งค่าอะไรบางอย่างก่อน สักพักผ้าม่านที่เดิมทีมันถูกเปิดออกรับแสงเข้าห้อง ทว่าตอนนี้กลับค่อยๆ เลื่อนปิดปกคลุมกระจกแผ่นใหญ่ที่อยู่ทั่วห้อง ทำให้บรรยากาศตอนนี้มันกลายเป็นโรงหนังย่อมๆ ได้เลย แต่แล้วสิ่งที่เขาทำมันก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะว่าเขาเดินหายไปทางด้านประ
[18/2] “มีอะไร ว่ามาสิ” เฟยเอ่ยถามน้องสาวภายหลังจากที่เดินตามหลังมานั่งที่โต๊ะประจำตัวของเขาเอง การที่แฟนท์เข้ามาหาเขาถึงในห้องก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่เธอเข้ามาพร้อมกับคำถาม อันนี้สิน่าแปลกสำหรับเฟย “วันนี้แฟนท์ไม่ได้ไปขายของ” หญิงสาวหันหน้าไปมองทางพี่ชาย ก่อนจะเสมองไปทางอื่น “แล้ว?” “ผิงโทรมาลาหยุด” “….” คนเป็นพี่ไม่ได้ตอบ เพียงแต่กระตุกยิ้มเบาๆ ให้ “อ่อ! ไม่ใช่สิ ...แฟนท์ต้องบอกว่า เฮียฉีเป็นคนโทรมาลาหยุดให้ผิงต่างหาก” ที่แท้เรื่องที่น้องสาวเข้ามาหาเขาถึงที่นี่ก็เพราะเรื่องของเพื่อนสนิทนี่เอง เธอไปรู้ไปเห็นอะไรมาล่ะ ทั้งที่เขากับฟ้าใสไม่เคยบอกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แฟนท์หรือคนอื่นๆ ในครอบครัวให้รับรู้ด้วยเลยสักนิด แล้วที่น้องสาวของเขาบอกว่าฉีเป็นคนโทรมาลางานให้ผิงอย่างนั้นหรือ สองคนนั้นอยู่ไปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร พอนึกแล้วเฟยก็แอบหวาดหวั่นกลัวว่าผิงจะให้อภัยมันง่ายๆ “เหอะ... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฮีย?” “แน่ใจเหรอว่าไม่เกี่ยว?” “อย่าอ้อมค้อม” เสียงทุ่มต่ำพูดอย่างช้าๆ อย่างเน้นคำ พลางสื่อสารออกมาทางสายตาอีกทาง แฟนท์รู้ว่าพี่ชายกับพี่สาวของตัวเองกำ
[18/3] “ว่ามาสิคะ” ฟ้าใสเองก็ไม่ได้อยากจะฟังอะไรที่มันยืดเยื้อเสียเวลาตัวเองนัก เธอพอรู้อยู่แล้วคร่าวๆ ว่าคนต้องหน้ามีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับเธอ เฮียซานเป็นคนฉลาด ที่เห็นท่าทางนิ่งขรึมของเขาแบบนี้ มันคือความเงียบที่มาพร้อมกับการสังเกตคนต่างหาก และเธอเองก็ไม่ชอบผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่ที่รู้จักกันในชมรมแล้ว เพราะเขามักจะไม่พูด ทว่ากลับรู้ทันคนอื่นหมดทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่คนอย่างเธอด้วย ฟ้าใสไม่ชอบคนรู้ทันแบบเขาเลยสักนิด... ซานน้อมรับว่าตัวเขาเองไม่ใช่คนดีอะไร คนอื่นชอบชมว่าเขาฉลาด อันนี้เขาเองก็ต้องยอมรับ การอยู่นิ่งเฉยของเขาไม่ใช่การเฉยเมยอย่างที่คนอื่นคิด ทว่าเขากลับทำมันตรงกันข้ามแบบนี้มานานแล้ว มือหนาขยับเนกไทตนเองลงเล็กน้อย ก่อนจะไขว่ขาขึ้นวางพาดอีกข้าง เขาแสดงท่าทีออกมาราวกับว่าตอนนี้เขานั้นได้ถือไพ่ที่เหนือกว่าเธออยู่ ก่อนจะเอ่ยปากบอกในสิ่งที่เขาต้องการกับคนตรงหน้า “เธอคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เรื่องน้องชายของฉัน ถึงจะไม่ได้คุยกันบ่อย แต่ฉันก็จับตาดูมันตลอด ...เลิกเล่นได้แล้ว และก็รีบกลับไปอยู่ในที่ของเธอ บอกพี่ชายของเธอด้วย” “เหอะ... นี่ฟ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก