[18/2] “มีอะไร ว่ามาสิ” เฟยเอ่ยถามน้องสาวภายหลังจากที่เดินตามหลังมานั่งที่โต๊ะประจำตัวของเขาเอง การที่แฟนท์เข้ามาหาเขาถึงในห้องก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่เธอเข้ามาพร้อมกับคำถาม อันนี้สิน่าแปลกสำหรับเฟย “วันนี้แฟนท์ไม่ได้ไปขายของ” หญิงสาวหันหน้าไปมองทางพี่ชาย ก่อนจะเสมองไปทางอื่น “แล้ว?” “ผิงโทรมาลาหยุด” “….” คนเป็นพี่ไม่ได้ตอบ เพียงแต่กระตุกยิ้มเบาๆ ให้ “อ่อ! ไม่ใช่สิ ...แฟนท์ต้องบอกว่า เฮียฉีเป็นคนโทรมาลาหยุดให้ผิงต่างหาก” ที่แท้เรื่องที่น้องสาวเข้ามาหาเขาถึงที่นี่ก็เพราะเรื่องของเพื่อนสนิทนี่เอง เธอไปรู้ไปเห็นอะไรมาล่ะ ทั้งที่เขากับฟ้าใสไม่เคยบอกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แฟนท์หรือคนอื่นๆ ในครอบครัวให้รับรู้ด้วยเลยสักนิด แล้วที่น้องสาวของเขาบอกว่าฉีเป็นคนโทรมาลางานให้ผิงอย่างนั้นหรือ สองคนนั้นอยู่ไปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร พอนึกแล้วเฟยก็แอบหวาดหวั่นกลัวว่าผิงจะให้อภัยมันง่ายๆ “เหอะ... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฮีย?” “แน่ใจเหรอว่าไม่เกี่ยว?” “อย่าอ้อมค้อม” เสียงทุ่มต่ำพูดอย่างช้าๆ อย่างเน้นคำ พลางสื่อสารออกมาทางสายตาอีกทาง แฟนท์รู้ว่าพี่ชายกับพี่สาวของตัวเองกำ
[18/3] “ว่ามาสิคะ” ฟ้าใสเองก็ไม่ได้อยากจะฟังอะไรที่มันยืดเยื้อเสียเวลาตัวเองนัก เธอพอรู้อยู่แล้วคร่าวๆ ว่าคนต้องหน้ามีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับเธอ เฮียซานเป็นคนฉลาด ที่เห็นท่าทางนิ่งขรึมของเขาแบบนี้ มันคือความเงียบที่มาพร้อมกับการสังเกตคนต่างหาก และเธอเองก็ไม่ชอบผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่ที่รู้จักกันในชมรมแล้ว เพราะเขามักจะไม่พูด ทว่ากลับรู้ทันคนอื่นหมดทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่คนอย่างเธอด้วย ฟ้าใสไม่ชอบคนรู้ทันแบบเขาเลยสักนิด... ซานน้อมรับว่าตัวเขาเองไม่ใช่คนดีอะไร คนอื่นชอบชมว่าเขาฉลาด อันนี้เขาเองก็ต้องยอมรับ การอยู่นิ่งเฉยของเขาไม่ใช่การเฉยเมยอย่างที่คนอื่นคิด ทว่าเขากลับทำมันตรงกันข้ามแบบนี้มานานแล้ว มือหนาขยับเนกไทตนเองลงเล็กน้อย ก่อนจะไขว่ขาขึ้นวางพาดอีกข้าง เขาแสดงท่าทีออกมาราวกับว่าตอนนี้เขานั้นได้ถือไพ่ที่เหนือกว่าเธออยู่ ก่อนจะเอ่ยปากบอกในสิ่งที่เขาต้องการกับคนตรงหน้า “เธอคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เรื่องน้องชายของฉัน ถึงจะไม่ได้คุยกันบ่อย แต่ฉันก็จับตาดูมันตลอด ...เลิกเล่นได้แล้ว และก็รีบกลับไปอยู่ในที่ของเธอ บอกพี่ชายของเธอด้วย” “เหอะ... นี่ฟ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะ
[19/1]1 สัปดาห์ต่อมา....,ความสัมพันธ์ระหว่างผิงกับฉียังอยู่ในช่วงที่คาราคาซังอยู่เฉกเช่นเดิม เพียงแต่อาจมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเล็กน้อย ตรงที่ฉีเริ่มเดินหน้าง้อคนตัวเล็กแบบจริงจัง เมื่อเขาประกาศออกมาชัดเจนต่อหน้าเธอ ครั้งที่ผิงอยู่คอนโดของเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผิงยืนยันกับเขาชัดเจนไปแล้วว่าเธอคงไม่พร้อมให้อภัยต่อสิ่งที่เขาได้ทำเอาไว้ เธอได้บอกไปแล้วว่าอยากจะให้ทุกอย่างมันจบสิ้นลงตั้งแต่นี้เป็นต้นไปและไม่ต้องมาเกี่ยวของกันอีกแล้ว แต่กระนั้นคนหน้ามึนอย่างเขาก็ยังไม่ยอมฟัง แถมยังขยันมาเป็นลูกค้าที่ร้านของเธออีกแทบทุกวัน จนทำให้หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลยส่วนแฟนท์เพื่อนสนิทของเธอ เมื่อได้รู้ความจริงแล้ว ก็รีบมาหาเธอในยามดึกของวันเดียวกันที่รู้เรื่องเลย ทั้งคู่ได้เคลียร์กันเสร็จหมดแล้วทุกอย่างแม้ผิงบอกจะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ทว่าในฐานะที่แฟนท์เป็นเพื่อนและในฐานะที่พี่ๆ ของเธอเป็นตัวต้นเรื่อง แฟนท์ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี และนึกถือโทษโกรธตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนได้เลยและฟ้าใสพี่สาวของเธอเอง ตอนนี้ก็กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตามปกติแล้ว ก็เลยพอได้หายใจทั่วท้องบ้าง อย่างน้อยเจ้ฟ้าไ
[19/2]เช้าวันใหม่ฉีขับรถกลับบ้านของตัวเองในรอบเกือบเดือนที่ผ่านมา เขามัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับหลายเรื่องจนลืมไปเลยว่าคุณนายเพลงพิณบ่นหาผ่านทางไลน์กลุ่มครอบครัวหลายวันแล้วและวันนี้ก็คงได้ฤกษ์ที่เขาจะต้องกลับบ้านจริงๆ ได้เสียที อันที่จริงต้องบอกตามตรงว่าที่กลับมาบ้าน ไม่ใช่เพียงเพราะมีคนบ่นหา ทว่าเขากำลังมีบางอย่างอยากให้คุณนายเพลงพิณช่วยเหลือต่างหากล่ะฟอร์ด มัสแตง อีโค่บูสท์ สีแดงเข้มรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาไทยได้ไม่นาน ถูกขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเจียรกิติ ทางเข้าบ้านร่มรื่นเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นนานาชนิด หนึ่งในนั้นยังมีไม้สักขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นประจำบ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่บ้านหลังใหญ่ของเขากินพื้นที่ราวๆ 1,000 ตารางวา ติดกับพื้นที่สนามกอล์ฟที่เสี่ยชัชชาติเป็นคนดูแล บ้านของเขาใหญ่เทียบเท่าบ้านหลายหลังของดาราฮอลวูด หรืออาจจะเทียบเท่าบ้านของเศรษฐีในเขตรัฐแคริฟอร์เนียประมาณนั้นหลายคนชอบกล่าวว่าเขาคือลูกนอกคอก ที่พ่อแม่มีทรัพย์สมบัติให้ใช้มากมาย ทว่ากลับชอบทำตัวเป็นยาจก ซึ่งเขาเองก็ไม่เถียงเลย เพราะมันก็คือเรื่องจริงที่เขาเป็นคนเช่นนั้นเงินทองมากมายเขาเห็นมันจ
[19/3]เพล้งงงง!!ขณะที่กำลังนั่งขัดจานชามราคาหลักหมื่นของตนเองอยู่ พอได้ฟังคำพูดของลูกชายไปแล้ว นางเพลงพิณถึงกับมือไม้อ่อนจนเผลอทำจานใบละหลักหมื่นที่ถืออยู่ในมือร่วงลงสู่พื้นตอนนี้เศษกระเปลืองเซรามิกอย่างดี มันตกแตก กระจัดกระจายทั่วบริเวณพื้นห้องโถงหมดแล้ว ไม่ใช่แค่นางเพลงพิณคนเดียวที่ตกใจ ทว่ายังรวมทั้งลูกชายคนเล็กของบ้านอีกด้วย“ม๊า! อย่าเพิ่งขยับสิ มาเดี๋ยวฉีจัดการเอง” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ใช่เคลียร์พื้นที่“ระวังนะลูก”“ครับ”ฉีค่อยๆ เก็บกวาดเศษจานกระเบื้องไปในแต่ละจุดที่มีอยู่ เมื่อเสร็จแล้วก็ค่อยถือกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม“ฉีพูดจริงนะม๊า เรื่องนี้ฉีคิดดีแล้ว”“จะให้ม๊าไปขอหนูผิงแต่งงานกับลูกงั้นเหรอ?”“คือ ...ฉีก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะทีเดียวนะม๊า ก็แค่อยากขอให้เฮียส้งเปิดใจ ยอมให้ฉีได้คบกับผิงก่อน เรื่องอื่นฉีรอได้”ที่เขาพูดมามันคือความต้องการจริงๆ ที่เขาอยากทำ ฉีต้องอยากจะไปแนะนำตัวกับบ้านนั้น อย่างน้อยก็ขอให้ได้ทำอะไรที่มันถูกต้องบ้าง ผิงเองก็คงจะเห็นความตั้งใจที่เขาทำมันแม้ว่าจะรู้ดีว่าการไปบ้านหลังนั้น
[20/1] “เหลืออะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีงั้นกลับละนะ” ผิงหันหน้าไปคุยกับเพื่อนสนิทหลังจากที่เก็บร้านเสร็จก็ออกมาเดินหาเลือกซื้อของในตลาดเดียวกันกับที่ตนเองเช่าอยู่ แฟนท์จึงก้มหน้านับถุงต่างๆ ในมือ พลางคิดว่ายังขาดอะไรบ้างที่ยังไม่ได้ซื้อ แต่เท่าที่ดูแล้วคิดว่าน่าจะไม่มีของที่ต้องซื้อแล้ว “อืม ไม่มีแล้วล่ะมึง งั้นแยกกันตรงนี้เลยก็นะ เดี๋ยวกูแวะเอาของไปแช่ไว้ตู้เย็นในร้านเราก่อน” “เคๆ ฝากด้วยนะ กลับบ้านก่อนแล้ว” “ขับรถดีๆ นะมึง” เมื่อแยกตัวออกมาจากเพื่อนสาวคนสนิทได้แล้ว ร่างบางก็มุ่งหน้าไปทางลานจอดรถที่ประจำของตนในทันที ระหว่างทางผิงเหลียวมองซ้ายขวาหาใครบางคนที่ชอบมาดักรอเธอแทบทุกวัน ทว่าวันนี้กลับไร้แม้แต่เงาของเขาทุกที่ วันนี้ทั้งวันเธอก็ไม่เห็นเขามาที่ร้านเลยด้วยซ้ำ หรืออาจจะดีแตกก่อนเสียแล้ว ทั้งที่ยืนกรานว่าจะง้อเธอเอง “เหอะ แค่นี้ก็ไม่รอดแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันบ่นใครบางคนที่หายหน้าหายตาไม่มาหาวันนี้ ป่านนี้เขาคงล้มเลิกความตั้งใจแล้ว และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ต่อจากนี้ผิงก็จะไม่มองหน้าเขาอีกเลย 18.00 น. ผิงขับรถเข้ามาจอดไว้ที่หน้าบ้านของตนเอง ก่อนจะลงจากรถสะพายกระเป๋
[20/2] “งั้นก็ว่ามาสิ” เฮียส้งบอกอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมด้วยท่าทีสงบลงผิดกับตอนแรก ตอนนี้ทั้งเพลงพิณและพี่ชายต่างหันมาจดจ้องที่ฉี เพื่อสื่อให้เขารับรู้ว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นแล้วที่จะต้องพูด ทว่าดูเหมือนตอนนี้เขาจะสูญเสียความมั่นใจไปบ้างแล้วเล็กน้อย เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากผิงเมื่อครู่ แต่ในเมือมาถึงถ้ำเสือแล้วจะมัวเสียเวลาตอนนี้ก็เห็นทีว่าจะไม่ทันการณ์แล้ว ดังนั้นเขาเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูด “ถึงจะเคยเลิกกับผิงไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็ยังรักผิงอยู่ครับ วันนี้ที่มาก็เพราะว่าต้องการโอกาส ขอแค่ได้ให้ผมไปมาหาสู่ ขอแค่ให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง” ฉีพูดเน้นชัดทุกคำพลันสบเข้าไปนัยน์ตาสีสวยของร่างบางที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้า วันนี้เขาผิด... และกล้าออกมายอมรับ ผิงอาจจะต้องการความชัดเจนจากเขาอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เรื่องที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ยังมีลุ้นสำหรับฉี “เหอะ ...ลื้อกล้ามากเลยนะที่พูดออกมาแบบนี้ ถ้ารักแล้วทำไมถึงเลิกกับลูกสาวอี๊วล่ะ?” “คือ... ผม...” ครางนี้เขานั่งเงียบพร้อมก้มหน้าลงต่ำ ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะขี้ขลาดตาขาวกลัวความผิด ทว่าเขากลัวพูดออกมาแล้วผิงจะเสีย
[20/3]“อาผิง ต่อจากนี้ไปลื้อไม่ต้องไปขายของที่ตลาดของพวกมันอีกแล้วนะ เข้าใจไหม!?”“ได้ไงอ่ะเตี่ย นั่นมันคนละเรื่องกันเลยนะ”“ไม่รู้แหละยังไงอี๊วก็ไม่ให้ลื้อไป มันหักอกลื้ออีกรอบขึ้นมาจะทำไง แล้วเรื่องไอ้พอร์ชนั่นยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม ชอบโดนผู้ชายหลอกนักเหรอไงห๊ะ!?”“เตี่ยก็...”คล้อยหลังจากที่คุณนายเพลงพิณพาลูกชายทั้งสองกลับบ้านแล้ว เฮียส้งก็ค่อยลดอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองลงได้บ้างชายวัยกลางคนอย่างเขาวันๆ เอาแต่ขายของหาเงินอย่างเดียว จนไม่มีเวลาไปมีเรื่องกับใครได้ ทว่ามาวันนี้กลับต้องมีเรื่องกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างลูกคุณนายเจ้าของตลาด เล่นเอาเขาถึงกับเหนื่อยหอบอยู่เหมือนกันเพ็ญพรยืนดูสามีตนเองนานแล้วยิ่งรู้สึกไม่พอใจที่เห็นเขาทำนิสัยแบบนี้ใส่คนอื่น แทนที่จะคุยกันด้วยเหตุผลแต่กลับกลายเป็นว่าต้องใช้กำลังแทนเธอเองก็รักลูกไม่ต่างจากสามีเลย เพียงแต่ทางฝั่งนั้นเขาอุตส่าห์กล้ามาสารภาพถึงบ้านเราแล้วแท้ๆ อย่างน้อยก็ควรระงับความโกรธเอาไว้ก่อน แล้วหาลือทางออกกันไม่ใช่หรืออย่างไรอีกอย่างลูกสาวตัวเองก็โตจนป่านนี้แล้ว ทำอะไรน่าจะกลัวผิงอายคนอื่นบ้างก็ยังดี แล้วตอนนี้เพ็ญพรเธอก็ทนไม่ไหวแล้วจนต้องขอพ
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก