[14/3]ร่างสูงนั่งแทบไม่ติดที่หลังจากที่ได้ส่งข้อความไปบอกอีกคนแล้ว คล้อยหลังจากที่ผิงกลับบ้านไปได้ไม่นาน แฟนสาวของเขาก็ขับรถมาหาทันที พร้อมกับข้าวของมากมายที่หอบมาอีนุงตุงนังไปหมดเธอบอกว่าคืนนี้และทั้งสัปดาห์นี้จะนอนที่นี่กับเขา เพราะเป็นวันหยุดยาวเกือบทั้งสัปดาห์ ประจวบกับที่เพิ่งกลับมาจากทริปยุโรปกับเพื่อนสมัยเรียน กว่าที่อิ้งค์จะกลับไปทำงานพร้อมทั้งตำแหน่งใหม่ที่เธอได้ก็อีกหลายวัน ดังนั้นช่วงนี้ฉีจึงอยากให้ผิงงดมาหาเขาที่นี่ก่อน“ฉีเป็นอะไร? เดินวนอยู่ได้ อิ้งค์เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ นะ ปิดไฟนอนได้แล้ว” หญิงสาวบอกกับแฟนหนุ่ม ทั้งยังหงุดหงุดไม่หาย ตั้งแต่เดินเข้ามาฉีมีท่าทางตกใจและเหมือนกับกำลังทำอะไรผิดมาแทนที่เขาจะดีใจที่เธอกลับมาหา และต้องต้อนรับเธอให้ดีสมกับที่ไม่ได้เจอกันนานหลายวันสิ แต่นี่เขากับมีสีหน้ากังวลบางอย่างอยู่ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร พอจะถามเขาก็บ่ายเบี่ยง“ฉี... อิ้งค์บอกให้ปิดไฟนอนได้แล้ว อิ้งค์นั่งเครื่องมาเหนื่อยๆ อยากพักผ่อนไม่เข้าใจหรือไง?”“ถ้าอิ้งค์อยากพักผ่อนทำไมไม่กลับไปนอนบ้าน?” ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามาบอกแฟนสาวอย่างหน้าตาเฉย“เดี๋ยวนะ... นี่
[15/1]“จะเลิกกันงั้นหรอ? ฉีจะบอกเลิกอิ้งค์งั้นหรอ?”“….” ฉีไม่ตอบอีกฝ่ายไป อีกอย่างเรื่องง่ายๆ แบบนี้อิ้งค์ก็คงจะคิดเองได้ไม่ยาก เขาหมายความตามที่พูดมาทั้งหมดแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็พังเข้าสักวันอยู่แล้ว เลิกกันตอนนี้ดีกว่ายื้อกันไปอีกให้เหนื่อยที่ต้องตัดสินใจแบบนี้ไม่ใช่เป็นเพราะอิ้งค์ทำผิดฝ่ายเดียว แต่มันเป็นเพราะความรักของเขาและเธอมันพังลงแบบไม่เหลือชิ้นดี ก็เพราะว่าทั้งเขาและอิ้งค์ทำมันพังเองกับมือเธอผิดที่แอบนอกใจ ส่วนเขาก็ผิดเช่นกันที่มีใครอีกคนซ่อนเอาไว้“ฉียอมรับ ว่าฉีมีคนอื่น” เขาหันมาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำกับคนตรงหน้าฉีไม่ได้ต้องการเลิกกันโดยที่ให้อีกฝ่ายเป็นคนที่ผิดอยู่ฝ่ายเดียว เขาเองก็ไม่ต่างจากเธอเลยข้อนี้เขาเองก็รู้ดี“สรุปคือ ...ฉีมีผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ใช่ไหม?”“….” ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ตอบรับ“หึ! อิ้งค์สิ ....อิ้งค์ควรจะเป็นฝ่ายที่บอกเลิกฉี ไม่ใช่ฉีที่เป็นคนทิ้งอิ้งค์ก่อน มีสิทธิ์อะไรมาบอกเลิกกันก่อน ห๊ะ!? อิ้งค์ต่างหาก ...อิ้งค์ต่างหากที่ต้องเป็นคนเลือกว่าฉีจะอยู่หรือไปน่ะ”เหอะ… สมแล้วที่เป็นเธอ ฉีนึกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ให้คนเขาไดยินกันทั้งซอยไปเลยตอนนี้ ผู
[15/2]ผิงกลับมาขายของตามปกติอย่างเช่นเคย โดยที่ไร้การติดต่อหรือนัดพบเจอกับฉี ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามส่งข้อความมาหาเธอตลอดทั้งวันแล้วก็ตามแต่แฟนของเขากลับมาแล้วนี่ ป่านนี้ก็คงจะมีความสุขกันมากเลยใช่ไหมล่ะ ดีแล้วที่เขาไม่ต้องมาวุ่นวายหรือบังคับให้ต้องไปหาอีกใช่.... จากนี้เธอเองก็อาจจะไม่ต้องเป็นลูกไก่ในกำมือของใครอีกแล้ว แบบนี้แหละ ดีที่สุด“คิดอะไรอยู่? ดูเหม่อเชียวนะช่วงนี้”แฟนท์เดินเข้ามาพร้อมกับวางถาดใบใหญ่ที่ตนเองเพิ่งเดินไปเสิร์ฟมาเมื่อครู่นี้ ขนาดวางเสียงดังมากจนคนทั้งร้านได้ยินเต็มสองรูหูอย่างชัดเจน ทว่าเพื่อนของตัวเองกลับยืนใจลอยคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวอีกแล้ว“อรึ่มมม!”ขณะที่ผิงกำลังจะตอบกลับเพื่อนสาวคนสนิทไป ทว่ากลับมีลูกค้ามาใหม่เดินเข้าในร้านเสียก่อน พร้อมกับกระแอมในลำคอตนเองเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจจากแม่ค้าชายหนุ่มร่างสูงสวมใส่เสื้อยืดสีเข้ม กับกางเกงยีนสีเก่าที่มีรอยขาดหลายจุด หนำซ้ำยังมีคราบเปรอะเปื้อนของสีตามขอบขากางเกงอีกด้วยโดยรวมแล้วเขาดูมอมแมมใช้ได้ ไม่รู้ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะงานที่ทำมันหนักไป หรือว่าไม่ใส่ใจดูแลความสะอาดของตนเองบ้างเลย“เฮียฉี” เป็นแฟนท์ที่เ
[15/3]ทางด้านฉีกับผิงก็ยังไม่เลิกทะเลาะกันอีก ทั้งคู่ยืนโต้เถียงกันไปมาตั้งแต่ที่ลูกค้านั่งกันเต็มร้านจนตอนนี้ไม่มีคนนั่งอยู่ร้านสักโต๊ะเลยฉีเอาแต่เดินตามผิงไปแทบทุกมุมร้าน ไม่ว่าจะทั้งตอนที่เธอทำออเดอร์ให้ลูกค้า หรือแม้กระทั่งตอนเดินไปเก็บโต๊ะหลังจากที่ลูกค้าทานเสร็จ เขาก็เดินตามไปช่วยเก็บ จนก๋วยจั๊บที่เขาสั่งแล้ววางมันไว้บนโต๊ะในครัวเริ่มอืดชืดหมดแล้ว เพราะคนสั่งยังไม่แตะทานเลยแม้แต่คำเดียว“นี่! จะเดินตามอะไรนักหนาห๊ะ?” ผิงเริ่มชักสีหน้าใส่อีกคนที่เอาแต่เดินตามตัวเองไปทั่วร้านแล้ว ในหนึ่งวันเขามีกี่อารมณ์กันแน่เธออยากรู้“วันนี้ว่าง เลยอยากหาอะไรทำ”“ว่าง? ว่างก็กลับไปนอนเล่นที่บ้านตัวเองนู้น! มายุ่งเรื่องชาวบ้านเค้าทำไม เกะกะ!”ร่างบางค้อนใส่เสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับควานหาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมานั่งเขี่ยเล่นไปพลางๆ ระหว่างที่ไม่มีลูกค้าในร้านขณะที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นั้นผิงก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้เพื่อนสาวตนสนิทไม่ได้อยู่ในร้าน แถมยังหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก คิดได้ดังนั้นจึงรีบต่อสายหาแฟนท์เลยทันทีตู๊ดๆๆ ...กริ๊งงง~~ผิงหันไปมองต
[16/1]18.00 น.เย็นวันเดียวกันผิงไม่ได้ไปตามนัดของฉีเลย ทว่ากลับมาหาอีกคนแทน ตอนนี้เธอร้อนใจอยากได้คำตอบจากเฟยที่สุด เรื่องคนในคลิปนั้น และตอนที่ส่งข้อความหาเฟย ผิงก็ยังไม่ได้บอกกับอีกคนเลยว่าเธออยากจะคุยเรื่องอะไร เพียงแต่ขอร้องให้เขามาตามนัดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลบ้านร่างบางสะพายกระเป๋าเดินเข้ามาในร้านหลังจากที่วนหาที่จอดรถเสร็จ เธอกวาดสายตามองหาเฟยทั่วทั้งร้านก่อนจะพบว่าเขานั่งรออยู่แล้วผิงเดินเข้าไปหาเขาที่โต๊ะนั่งด้านในสุด พร้อมกับคำทักทาย จากนั้นทั้งคู่ก็สั่งอาหารมาทานกันคนละอย่างสองอย่าง ก่อนที่จะเริ่มคุยกันต่อ“ขอบคุณนะเฮีย ที่อุตส่าห์มาตามนัด”“ว่างก็มา ไม่ได้หนักหนาอะไร แบบนี้แหละนะ ผู้ชายทำงานกลางคืน” เฟยยังพูดเล่นพูดหยอกกับเธอได้อย่างสบายใจ เพราะด้วยนิสัยที่ชอบหยอกเล่นกับเธอเสมอ และที่เขาพูดอยู่ก็เป็นเรื่องจริงร้านเหล้าของเขาเปิดตอนกลางคืนอยู่แล้ว ฉะนั้นช่วงกลางวันเลยมีเวลามาตามนัดของผิงได้ อีกทั้งที่เขามาก็เพราะอยากจะรู้ว่าคนตรงหน้าเขาตอนนี้นัดมาเพื่ออยากจะพูดเรื่องอะไรกับเขากันแน่ แล้วใช่อย่างที่เขาคิดเผื่อไว้หรือไม่นอกจากเพื่อนสนิทอย่างฉีที่นัดเขามาถามเรื่องคลิ
[16/2]@ลานจอดรถ“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี๊ยะ! เฮียทำแบบนี้ทำไม!? ….เฮียไหมเฮียเฟย”หลังจากที่ทั้งสามคนออกมาจากนอกร้านได้แล้ว ผิงก็เริ่มตั้งคำถามขึ้นมาก่อนทันที เพราะตอนนี้เธอยังงงกับสิ่งที่ฉีพูดออกมาก่อนหน้านี้ผิงหันไปมองชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนสลับกัน ด้วยความสับสน ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าใครที่กำลังพูดความจริงอยู่ เมื่อครู่นี้เฮียฉีบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเฮียเฟย ในขณะที่ก่อนหน้านี้เฮียเฟยแสดงออกราวกับว่าเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ผิงเริ่มงงไปหมด“ซี๊ดดด!! โอ๊ย! ไอ้บ้าฉีมึงเป็นเหี้ยอะไร!?”“เหอะ...” ฉีไม่ยักรู้เลยว่าอดีตเพื่อนสนิทของเขาตอนนี้กลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าพูดความจริงไปแล้ว ไหนว่าเก่งมากไง เก่งจริงทำไมยังไม่พูดความจริงต่อหน้าผิงอีก อยากมีเรื่องกับเขาแล้วทำไมต้องลากผิงเข้ามาเกี่ยวตั้งแต่ต้นด้วย“อึกก...”“เจ็บไหมเฮียเฟย?”ขณะที่เฟยพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ทั้งยังกุมใบหน้าตนเองอยู่ด้วยความเจ็บที่โดนอีกคนทำร้าย ผิงเห็นแบบนั้นเลยก้าวเข้ามาพยุงช่วยอีกแรง ก่อนที่เธอจะหันไปมองค้อนทางฉี“...ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย!? ชอบใช้ความรุนแรงนักหรอ? เค้าไปทำอะไรให้เฮีย? แล้วเรื่องที่
[16/3]“เหอะ ....กูก็แค่อยู่กับผิงในงานวันเกิดของผิง เออใช่! กูผิด แต่กูก็ส่งข้อความมายกเลิกนัดกับฟ้าแล้วไง มึงไม่คิดว่าฟ้าจะผิดบ้างหรอวะที่ไม่ยอมกลับบ้าน”“อะไรนะ? เจ้ฟ้า? งานวันเกิดของผิง?” หญิงสาวยังยืนสงสัยกับสิ่งที่ชายหนุ่มรุ่นพี่พยามจะอธิบายอยู่“ใช่... ตอนนั้น เป็นงานวันเกิดของผิงไง ที่เราทะเลาะกัน เฮียแค่อยากถือโอกาสวันนั้นเพื่อง้อผิง และเฮียก็ลืมไปว่านัดกับฟ้าใสเอาไว้ก่อน แต่เฮียยอมรับสะเพร่าเอง ....ฟ้านั่งรอเฮียต่อที่ลานนั่งเล่นหลังโรงเรียน จนดึกดื่น แล้วก็...”“แล้วก็โดนรุมทำร้ายไงผิง น้องสาวเฮียโดนทำร้ายจนเกือบจะถึงพวกแม่งข่มขืนไง!! ฮ่าๆๆ นี่ผิงคงไม่รู้สินะว่าไอ้เหี้ยฉีเนี่ย แม่งหลอกใช้ฟ้า มันรู้ว่าฟ้าชอบมันรักมันมานานแล้ว แต่แม่งก็ยังจะกั๊กไง!”เหอะ ...ใครอยากจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้าง มันไม่หรอก ฉีรู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้ไอ้เฟยมันก็ยังจะโกรธและโทษเขาอยู่แล้ว ฟ้าใสเจ็บปวดอันนี้เขาเข้าใจไอ้เฟยมันอยากแก้แค้นเขาอันนี้ก็เข้าใจได้ แล้วทำไมมันต้องเอาผิงเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วย มันไม่สงสารน้องบ้างหรืออย่างไร เขาเองยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่เผลอเชื่อในแผนการของมันจนเผลอทำร้ายคน
[17/1] ฉียืนมองคนตัวเล็กที่นั่งสะอื้นอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ผิงนั่งไห้อยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับสายตาที่เธอมองมาอย่างตัดพ้อ ทำเอาก้อนเนื้อในอกของเขากระตุกวูบอย่างแรง เขารู้ว่าเขาทำผิดต่อผิงมาก มากเกินกว่าที่ไม่คิดว่าเธอจะให้อภัยเขาได้ แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็พาผิงมาถึงที่นี่แล้ว จะมัวแต่ยืนนิ่งต่อไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องเลย หากไม่เคลียร์กันให้จบ หมั่บ! “....” เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ร่างสูงก็เดินไปนั่งลงข้างๆ กับที่คนตัวเล็กนั่งสะอื้นอยู่ จากนั้นมือหนาก็เอื้อมขึ้นไปแตะแผ่นหลังบางนั้นเอาไว้ พอได้สัมผัสยิ่งรับรู้ถึงแรงสะอื้นของคนตัวเล็กได้อย่างชัดเจน “ฮึกก...” ผิงหันไปมองคนข้างๆ เล็กน้อย ก่อนที่จะขยับตัวหนีให้ห่างจากเขา ตอนนี้ความหนักอึ้งของเรื่องราวทั้งหมดมันถาโถมเข้ามาจนผิงไม่อาจจะรับมันไหวแล้ว เฮียเฟยเองก็เป็นพี่ชายที่เธอรักและนับถือไม่คิดว่าจะทำกันได้ลงคอ ส่วนคนข้างๆ ของเธอตอนนี้ เขาได้ทำลายความรักที่เธอมีให้แหลกสลยายไม่มีชิ้นดีแล้ว เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าคลิปนั่นไม่ใช่เธอ รู้ก่อนหรือหลังจากที่ทำเรื่องบัดซบลงไปแล้ว ผิงไม่รู้... แล้วไหนจะเรื่องคลิปที่เขาใช้ขู่เธออีก ตอนนี้ผิงไม่ส
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก