ผมกำลังนึกถึงร่างบางที่เดินชนผมเมื่อเช้า เธอสวย น่ารัก แต่ปากดีไปหน่อย ไม่เคยมีใครต่อว่าต่อขานผมสักคน แต่เธอกลับทำ นั่นทำให้ผมรู้เลยว่าเธอคนนี้เป็นคนไม่ยอมคนแน่นอน ไหนจะเมื่อกี้ที่กล้าต่อปากต่อคำกับมินนี่อย่างไม่กลัวเกรงอีก
มินนี่เธอจะคอยหาเรื่องทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับผม จนทำให้ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าผมกับเธอเป็นแฟนกัน ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ ที่ผมไม่ยอมแก้ข่าวเพราะผมไม่อยากวุ่นวายอะไรมาก แต่เห็นทีผมคงต้องแก้ข่าวแล้วล่ะไม่งั้นแพรวาคงเข้าใจอะไรผิด ๆ ไปอีกแน่
ผมเป็นเฮดว้าก เรื่องของความโหดไม่ต้องพูดถึง เพราะผมมีเต็มร้อยและผมก็โหดที่สุดในรุ่นแล้ว โหดกว่ารุ่นพี่บางคนซะอีก รองเฮดว้ากก็ไอ้เลโอ อีกคนก็ไอ้เมฆแฟนน้องหวาน รวมถึงเพื่อนคนอื่น ๆ อีกเล็กน้อย จริงสิ สงสัยทุกคนคงอยากรู้จักผมแล้วใช่ไหมล่ะ
สวัสดีครับ ผมชื่อ มาร์คัส นิสัยของผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะโหด ไม่ยอมคน เจ้าชู้หรือเสือผู้หญิง นั่นคือคำจำกัดความที่คนอื่นใช้เรียกผม สำหรับผมแล้วเราแค่หาความสุขร่วมกัน ผู้หญิงเสนอผมก็แค่สนอง ถ้าผมปฏิเสธมันก็คงเสียเชิงชายแย่
เฮ้อ ว่าแต่ทำไมผมถึงสลัดใบหน้าของแพรวออกไปไม่ได้นะ ใบหน้าสวย ๆ ของเธอลอยอยู่ในภวังค์ความคิดของผมแทบจะตลอดเวลา
โอ๊ย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย อย่าบอกนะว่าผมชอบเธอ! มีส่วนเป็นไปได้นะ เพราะทั้งหุ่นรูปร่างหน้าตาทรวดทรงองค์เอวของเธอมันตรงสเปกผมชัด ๆ ยิ่งเป็นม้าพยศไม่ยอมใครแบบนี้อีก มันยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากปราบพยศเธอและความอยากเอาชนะของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ผมจะทำให้เธอกลายร่างเป็นน้องแมวแสนเชื่องให้ได้ คอยดู!!!
"ไอ้มาร์คัส มึงคิดไรอยู่วะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว" ไอ้เมฆพูด ไอ้นี่นิสัยมันจะดูสุภาพบุรุษเป็นผู้ชายอบอุ่น สายโรแมนติกอะไรเทือกนั้น
"เปล่านี่ไม่มีอะไร"
"ใช่เหรอ กูว่าอาการแบบนี้ มันเป็นอาการของคนกำลังตกหลุมรักนะเว้ย เฮ้ย! ไอ้เสือมึงตกหลุมรักใครวะ อย่าบอกนะว่าเป็นน้องแพรวคนสวย" คำพูดของไอ้เลโอทำผมสะดุ้งทันที ก่อนจะส่งยิ้มร้ายให้มัน นิสัยไอ้เลโอมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากผมมาก เจ้าชู้ไปวัน ๆ ตามประสาของคนไม่มีแฟน
"กูเกลียดรอยยิ้มชั่วร้ายของมึงจริง ๆ"
"กูเห็นด้วยกับมึงเลโอ ชักเสียวสันหลังแทนน้องแพรวแล้วล่ะสิ โดนไอ้มาร์คัสเล็งไว้แบบนี้"
“พวกมึงก็พูดเกินไป กูไม่ทำอะไรน้องหรอกน่า ถ้าน้องมันไม่ทำอะไรให้กูไม่พอใจก่อนน่ะนะ”
"พวกนายวันนี้อย่าลืมนะรับน้องวันแรก อย่าสายล่ะ"
เสียงเพื่อนในเอกผมพูดขัดขึ้น ผมสามคนหันไปมองก่อนจะพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเรียน
16.00
ในที่สุดเวลาที่ผมเฝ้ารอคอยก็มาถึง ตอนนี้ผมมองดูเด็กปีหนึ่งที่กำลังนั่งเข้าแถวด้วยความวุ่นวาย อย่างที่ทุกคนรู้วิศวะมันคนเยอะ ถ้าวุ่นวายก็เป็นเรื่องธรรมดา
ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะพบเข้ากับเป้าหมายของผม เธอนั่งหน้าสุดพร้อมกับเพื่อนเธออีกสองคนรวมถึงน้องหวานด้วยที่ได้นั่งหน้า นั่งเรียงกันเสียด้วยสิ หึ ค่อยเล่นง่าย ๆ หน่อย
แต่... มันยังไม่ถึงเวลาของพวกผมที่ต้องออกไปหรอกนะ ปล่อยให้สนุกกันไปก่อน ได้เวลาแล้วค่อยเข้าไป ผมยังไม่อยากขัดความสนุกของใครหลาย ๆ คน หึหึ
"ไก่อย่างถูกเผา ไก่อย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ เสียบปีกซ้าย เสียบปีกขวา ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ"
"รถเมล์มอ รถเมล์มอ รถเมล์มอ นั่งกันตัวงอรถเมล์มอเบรกมันเสีย เด้งไปเด้งมามันก็เสียวนะเฮีย เด้งไปเด้งมามันก็เสียวนะเฮีย อุ๊ยอารมณ์เสีย รถเมล์มอ รถเมล์มอ รถเมล์มอ"
สนุกกันมากสินะ เมื่อผมคิดว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว ผมจึงส่งสายตาไปยังน้องปีสองว่าให้พวกมันหยุดกิจกรรมที่ดำเนินอยู่นี่ซะ เพราะได้เวลาที่พวกผมต้องแสดงตัวแล้ว
"เอาละครับน้อง ๆ ต่อไปจะมีรุ่นพี่มาทำความรู้จักกับน้องนะครับ พี่ขอให้น้อง ๆ ตั้งใจฟังและให้ความเคารพพี่เขานะครับ"
ไอ้กอล์ฟว่าที่พี่ว้ากปีหน้าพูดขึ้น
"ค่ะ/ครับ" หลังจากที่น้อง ๆ ปีสองไปยืนเข้าแถวข้างหลัง พวกผมก็เดินเข้าไปช้า ๆ โดยมีผมเดินเป็นคนสุดท้าย ในขณะนั้นก็มีพวกน้อง ๆ คุยกันเบา ๆ หนึ่งในนั้นคือเป้าหมายของผมไง ผมส่งสายตาไปหาไอ้ริทหรือริชชี่ว่าเริ่มได้ หลังจากทุกคนยืนครบทุกตามตำแหน่งแล้ว
"เงียบ! ไร้มารยาท พี่คุณเขาไม่ได้บอกหรือไงว่าให้รอเงียบ ๆ" จบคำพูดริชชี่ เสียงเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้ก็หยุดลง
"เอาละครับ วันนี้พวกผมจะมาแนะนำตัวให้พวกคุณรู้จัก หวังว่าพวกคุณทุกคนคงให้ความร่วมมือนะครับ" ไอ้เลโอพูด
"สวัสดีค่ะฉันชื่อพิมพ์นะ อยู่ปีสาม"
"สวัสดีฮะผมริทหรือริชชี่ ปีสาม"
"สวัสดีครับ ผมเมฆาหรือเมฆ อยู่ปีสาม รูปหล่อพ่อรวย แต่มีแฟนแล้วครับรักแฟนมาก เป็นพี่ว้าก"
"อ๊ายยย" สิ้นเสียงไอ้เมฆสาว ๆ ก็กรี๊ดทันที ไม่นานก็เงียบไป
"สวัสดีครับ ผมเลโอ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเล ย้ำถ้าไม่สนิทอย่าเรียกนะครับ"
"อ๊ายยยย" ไอ้เลโอพูดพร้อมขยิบตาให้สาว ๆ ทำให้มันได้เสียงกรี๊ดเยอะกว่าไอ้เมฆ
"สวัสดีครับ ผม มาร์คัส เฮดว้าก ปีสาม"
"อ๊ายยยยย กรี๊ดดดด หล่ออะ/ของฉัน/พ่อของลูก"
"เงียบ!!! ที่นี่มหาวิทยาลัยไม่ใช่คอนเสิร์ตที่พวกคุณจะมากรี๊ดได้ ทราบไม่ทราบ" ผมตวาดใส่น้องมัน กรี๊ดอยู่ได้น่ารำคาญจริง ๆ
"ทราบ"
"ปีสอง คุณไม่สอนมารยาทเด็กปีหนึ่งหรือไง ทำไมเวลาพูดไม่มีหางเสียงครับ" ผมหันไปถามปีสองทันที
"สอนครับ" ไอ้กอล์ฟพูด
"สอน แล้วทำไมหางเสียงพวกเขาไม่มี" ผมพูด
"เอ่อคือ"
"ทราบค่ะ" ไอ้กอล์ฟยังพูดไม่ทันจบ เสียงหวานใสก็ดังแทรกเข้ามา
"ใครครับ"
"..." เงียบไม่มีใครตอบผม
"ผมถามว่าใครครับ" ผมเสียงดังมากกว่าเดิม
"หนูเองค่ะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมมือที่ยกขึ้นมา ผมคิดไว้แล้วแหละว่าต้องเป็นเธอ แล้วก็เป็นเธอจริง ๆ แพรว
"ผมอนุญาตให้คุณพูดเหรอครับ" ผมพูด
"เปล่าค่ะ แต่..."
"ผมบอกให้พูดเหรอ" เธอเงียบก่อนจะมองหน้าผม ดูแล้วเหมือนเธอกำลังอารมณ์เสียเลย
"ลุกขึ้น คุณนั่นแหละลุกขึ้น" ผมย้ำเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมลุก
"ชื่ออะไร รหัสอะไร เรียนอะไร แนะนำตัวสิ" ผมพูดแล้วยักคิ้วให้ กวน ๆ เธอมองผมเขม็งเลย
"แพรวา 0020 ค่ะ วิศวะเอกคอมพิวเตอร์ค่ะ"
เธอพูดแถมยังจ้องหน้าผมไม่หลบสายตาด้วย
"ต่อไปเวลาจะพูดให้บอกชื่อรหัสและคำว่าขออนุญาตทราบไหมครับ" ผมพูด
"ทราบค่ะ" เธอตอบ
"นั่งลงได้" ผมพูด
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดก่อนจะนั่งลง
"ว่าไงครับปีสอง พวกคุณสอนน้องยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ ตอบ!" ผมพูด
"พวกเราขอโทษครับ แล้วพวกเราจะสอนน้องอีกครั้งครับ"
ไอ้กอล์ฟพูด
"ดี เอาละ ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า จากนี้ไปพวกคุณอยู่ในความดูแลของพวกผม คุณจะทำอะไรไปไหนต้องขออนุญาตพวกผมก่อน และที่สำคัญ ใครที่ซิ่วมาจากที่อื่นแล้วมาเรียนที่นี่จะอายุมากแค่ไหนผมไม่สนใจ ที่นี่มหา’ลัยนี้เราถือปฏิบัติว่า มาก่อนเป็นพี่มาหลังเป็นน้องมาพร้อมเป็นเพื่อน ทราบไม่ทราบ"
"ทราบค่ะ/ครับ"
"เรื่องรับน้อง เราจะรับน้องด้วยระบบโซตัส อีกเรื่องที่พวกคุณต้องรู้คือ ผมจะยังไม่นับว่าพวกคุณเป็นน้อง ปีสองรับคุณเป็นน้องแต่พวกผมไม่ คุณจะเป็นน้องผมได้ก็ต่อเมื่อ ผ่านการทดสอบจากพวกผมแล้วเท่านั้น เข้าใจนะครับ" ผมพูดยาวมากจนรู้สึกเจ็บคอ
"เข้าใจค่ะ/ครับ"
"ไม่ดัง เอาใหม่" ผมพูด
"เข้าใจค่ะ/ครับ"
"อะไรนักหนา"
"แพรวา รหัส 0020 คุณพูดว่าอะไรนะ"
"แพรวา 0020 ขออนุญาตค่ะ" เธอพูดพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง
"เชิญ ผมถามคุณว่า เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรครับ" ผมพูดนิ่ง ๆ
"อะไรนักหนาค่ะ" น้องมันตอบทำให้พวกที่อยู่ในลานเกียร์ถึงกลับฮือฮา
"นี่คุณว่าผมเหรอ" ผมเค้นเสียงถามเธอด้วยความไม่พอใจ
"เปล่าค่ะ แค่อยากถามพี่ว่าตะโกนตั้งนานไม่เจ็บคอเหรอคะ พูดเอา ๆ พูดเบา ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียงดังขนาดนี้เลย"
"รุ่นของคุณมีกี่คน" ผมเลือกที่จะถามเธอกลับมากกว่าตอบ
"เอ่อ ไม่ทราบค่ะ"
"ถ้าคุณไม่ทราบ พรุ่งนี้คุณไปหาคำตอบมาให้ผม แต่วันนี้ผมคงต้องลงโทษคุณเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่เพื่อนของคุณนะครับ"
"เอ๊ะ แต่หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ" เธอพูด
"คุณหันไปดูเพื่อนคุณ เป็นไงเยอะไหม แล้วเข้าใจหรือยังว่าทำไมผมต้องพูดเสียงดัง ถ้าเข้าใจแล้ว แพรว 0020 เชิญไปวิ่งรอบสนามตามรหัสสองตัวท้ายของตัวเองได้ เชิญครับ"
"เฮ้ย นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ"
"เชิญ!"
หลังจากที่เธอเดินออกไปผมก็เรียกปีสองเข้ามาทำหน้าที่และให้ปล่อยน้องได้ ส่วนผมก็กำลังไปดูหน้าคนขี้กวนสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ผมไม่โกรธในสิ่งที่น้องมันพูดหรอกนะ เพราะผมรู้ว่าน้องมันจงใจกวนและแกล้งผม พูดง่าย ๆ คืออยากหักหน้าผมนั่นแหละ ผมจึงต้องตามน้ำสั่งลงโทษน้องมันไป
"ที่รักขา ทำไมสั่งลงโทษน้องแบบนั้นล่ะคะ" ริชชี่พูด"เออนั่นสิ มึงเล่นตั้งแต่วันแรกเลยเหรอวะ" ไอ้เมฆพูด"หึ กูก็แค่แกล้งน้องมันคืนเท่านั้นเอง" ผมพูดพร้อมเดินตรงไปที่สนามฟุตบอลด้วยท่าทางสบาย ๆ"เฮ้ย ไอ้มาร์คัส มึงรอพวกกูด้วยสิวะ""เป็นห่วง ก็สั่งให้หยุดสิวะ" ไอ้เลโอพูด ผมหันไปมองมัน ก่อนที่น้องจะวิ่งเข้ามาใกล้พวกผมเรื่อย ๆ"นี่คุณ คุณ"“...”"แพรวา 0020" "มีอะไรคะ""พอได้แล้ว หยุดวิ่งเถอะ" ผมพูด"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่เคารพรุ่นพี่อย่างคุณที่มากลับลำกลางคันแบบนี้ ฉันวิ่งได้สบายค่ะอีกสิบรอบเอง"เธอพูดก่อนจะวิ่งออกไป ทำให้ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำคำพูดของน้องมัน คงเป็นห่วงผมสินะ หึ"อ๊าย! ยังไงคะที่รัก คนนี้นี่จะจริงจังเหรอคะ ริชชี่ไม่ยอมนะ"ริชชี่พูดจบก็หัวเราะออกมา ก่อนที่พวกผมจะหัวเราะตามผ่านมาสิบนาทีแล้วตั้งแต่ที่น้องมันวิ่งออกไป ผมไม่ได้สนใจว่าเวลาผ่านไปมากแค่ไหน จำนวนรอบวิ่งที่เหลือของเธอต่างหากที่ผมสนใจ น้องมันเหลือวิ่งอีกแค่ห้ารอบสนามเท่านั้น ความเร็วในการวิ่งของเธอทำเวลาเกือบเท่า ๆ กับของผม ทั้งยังลักษณะท่าทางการวิ่งราวกับคุ้นชินของเธออีกที่ทำให้ผมแปลกใจ"พี่มาร์คัสโหดจังเลยน
M Sport ฉันอยู่ที่สนามแข่งรถ M Sport สนามแข่งรถนี้มีพี่มีนาเป็นเจ้าของ ที่ฉันมาที่นี่เพราะพี่แมนโทรมาบอกว่า ช่วงนี้มีคนเข้ามาก่อกวนสนามบ่อยมาก ซึ่งปกติจะไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ แต่นี่แปลกตรงที่ว่า มาก่อกวนพร้อมสอดแนมเพื่อหาอะไรบางอย่างด้วย ตอนแรกพี่แมนจะบอกพี่มีน แต่ฉันห้ามไว้ เพราะไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง เรื่องแค่นี้ฉันจัดการได้สบายอยู่แล้วหึ ว่าแล้วก็อยากเห็นหน้าพวกมันจริง ๆ เลย"นี่แพรว แพรว""ยัยชะนี!""โอ๊ย ตะโกนทำไมเนี่ย แก้วหูจะแตก""ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ ก็ฉันกับยัยฟ้าเรียกแกแล้วแกไม่หันเองนี่ ฉันก็ต้องตะโกนสิ'' ยัยรันนี่พูด"เค ๆ ก็ได้ ๆ ๆ ไป ๆ ฉันจะพาไปนั่งข้างใน"ทันทีที่ฉันพูดจบพวกมันสองคนก็ขมวดคิ้วเหมือนกำลังสงสัย แต่ฉันไม่ให้มันถามหรอกชิ่งออกมาซะก่อน หึหึ แกล้งเพื่อนนี่สนุกสุดแล้ว ฉันพาพวกมันเดินมายังห้องวีไอพี ซึ่งเป็นห้องพิเศษที่ใช้สำหรับรวมกลุ่มของพวกเราทั้งนั้น ซึ่งเป็นห้องที่มีพร้อมทุกอย่าง มีห้องนอนหกห้องด้วยกัน ซึ่งถูกจัดแยกเป็นส่วน ๆ ตามสไตล์ของผู้อยู่"โห ยัยแพรว ทำไมห้องสวยอย่างนี้อะ" ยัยฟ้าพูด"นั่นสิคูลอะ มีความดาร์กผสมอยู่ด้วย อ๊าย เริ่ดอะแก ตุ๊ดอิจฉา" ยัยรั
ทุกสายตาหันไปตามทิศทางที่มาของเสียง และก็ได้เจอกับแก๊งผู้ชายเดินมาด้วยกันหลายคน แต่ฉันให้ความสนใจไปที่คนที่อยู่ตรงกลาง"พวกนี้แหละแพรว"พี่แมนกระซิบบอก หึ ที่แท้ก็พวกนี้เองสินะ ถึงว่าสิ มาแบบไม่ปกติเชียว "ผู้ท้าชิงของเรามาแล้วครับ ชื่อว่า ไททัน หนุ่มหล่อ แบดบอย สาวเยอะคนนี้แหละครับ ที่มาขอท้าชิงควีนสนาม" กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด! "หยุดก่อนฮะทุกคน ไหนล่ะฮะควีนสนาม ผมยังไม่เห็นใครสักคนเลย หรือว่าป๊อด ปอดแหก หนีกลับบ้านไปนอนกอดตุ๊กตาแล้ว”หึ นอนกอดตุ๊กตางั้นหรอ เดี๋ยวได้รู้เรื่องเลย“พี่แมนคะ""อ่า ตอนนี้ควีนสนามของเรามาถึงแล้วนะครับ มาถึงสนามนานแล้วด้วยเรียกว่ามารอดูผู้ท้าชิงเลยดีกว่า ขอเชิญควีนสนามแสดงตัวเลยฮะ"พรึบ!!!"เฮ้ย แพรว!""ยัยแพรว!" ฉันไม่ได้สนใจเสียงของใครเพราะสิ่งที่ฉันสนใจคือคนตรงหน้าฉันต่างหาก"หึ นี่เหรอ ควีนสนาม สวยไม่เบานี่" นายไททันพูด"ว่าแต่นายเถอะ แน่ใจเหรอว่าจะแข่งกับฉัน""กะอีแค่ผู้หญิง ทำไมฉันต้องกลัว""นั่นสินะ ทำไมนายต้องกลัว เพราะฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง""ใช่ ของเดิมพันคือตัวเธอละกัน มันน่า… หึหึ"มันว่าพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียตัวฉัน"แล้วถ้าฉันชนะล่ะ" ฉันม
“คำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ยังเชื่อถือได้ใช่ไหมไททัน” ฉันพูดแล้วมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ“ฉันลูกผู้ชายพอคำไหนคำนั้น” นายไททันพูดพร้อมกับยกยิ้มมุมปากข้างขวา หึ“งั้นฉันขอถามหน่อยสินายมาป่วนสนามที่นี่ทำไม”ฉันถามและดูเหมือนนายไททันอะไรนั่นจะตกใจ แต่ก็แค่แวบเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคนสวยอย่างฉันได้หรอก“ฉันมาป่วนอะไรกัน เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า ฉันก็แค่อยากเห็นหน้าควีนสนามเลยมาขอท้าชิง มันก็แค่นั้นเอง”“แต่ก่อนหน้านี้นายส่งลูกน้องมาดูลาดเลาทางหนีทีไล่ไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างกับคิดว่าต้องกำจัดที่นี่ทิ้งอย่างนั้นแหละ” ฉันพูดยิ้ม ๆ นายไททันไม่พูดอะไรได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและดูเหมือนจะหัวเสียนิดหน่อย“แต่ก็เอาเถอะ ฉันคงคิดมากไปเองอย่างที่นายว่านั่นแหละ คงไม่มีใครกล้าคิดจะมีเรื่องกับสนามที่นี่หรอก เนอะ” นายไททันมองฉันนิ่ง ๆ ฉันได้แต่ยิ้มแบบไม่มีอะไร“ไปเถอะแก กลับห้องกัน” ขณะที่พวกฉันกำลังจะเดินไป หึ เดี๋ยวนะ ทิ้งระเบิดไว้ให้สักลูกคงจะดี“อ้อ ฉันลืมบอกไป ฝากไปบอกคนที่บ้านด้วยนะว่า..” ฉันไม่พูดต่อ จนนายไททันมองมาอย่างสนใจใคร่รู้“อย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่า M Spor
ครึ่งชั่วโมงต่อมาตอนนี้ในห้องประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แถมทุกคนยังไม่มีใครกล้าสบตาฉันสักคน สงสัยกลัวว่าฉันจะโกรธ ซึ่งก็จริง แต่ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น“เอาละค่ะ ก่อนอื่นดิฉันต้องขอโทษที่เรียกทุกคนมาประชุมด่วนในครั้งนี้ อย่างที่ทุกคนทราบ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริง ๆ ดิฉันจะไม่เรียกประชุม”“แล้วที่เรียกมามีเรื่องอะไรเหรอครับ”“เป็นคำถามที่ดีค่ะ แต่ก่อนอื่นฉันอยากให้ทุกคนดูคลิปนี้”ฉันหันไปตอบคำถามของหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับทุกคนในห้องประชุมในประโยคสอง“นะ..นี่มัน”“ใช่ค่ะ ยาบ้า มีกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายกับสนามของเรา ที่ฉันเรียกทุกคนมา เพราะอยากจะบอกว่าต่อจากนี้ไปฉันต้องการให้ทุกคนเป็นหูเป็นตาให้กับสนามของเราและคอยระวังภัยที่จะเกิดขึ้นค่ะ ที่สำคัญฉันต้องการให้ระบบความปลอดภัยคุมเข้มกว่านี้ และอีกข้ออย่ารับคนงานเพิ่มเด็ดขาด หากส่วนไหนขาดเหลืออะไรให้มาแจ้งที่คุณแมน เพราะคุณแมนจะรายงานฉันอีกที”“...”“ถ้าทุกคนไม่มีอะไรสงสัย และเข้าใจในการประชุมครั้งนี้แล้ว ฉันขอปิดการประชุมไว้แค่นี้ค่ะ” พูดจบฉันก็เดินออกมาเลยเฮ้อ เบื่อชะมัดเลย ฉันต้องสืบให้ได้ว่าใ
“รักแท้รักคืออะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่งว่าดูสวยดี รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย รักแท้ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกันไม่สนสายตาใคร ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน[1]”“มาทำไมให้อายบ้านนาละนวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลาหนีหน้า ไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือเปล่า ทิ้งเคียวคาดไถไว้เมื่อเดือนเก้า ช่างสุกสกาวกลับมาทำไม[2]”“ล๊มม!”“โอ๊ย! ชะนีแพรวามีความสุขอะไรนักหนาฮะ ฉันเห็นแกร้องมาหลายเพลงและ ร้องก็ถูก ๆ ผิด ๆ”ยัยรันนี่ถามฉันอย่างเหลืออด ที่ฉันร้องเพลงด้วยความสุขแบบนั้น ซึ่งฉันก็มีความสุขจริง ๆ ก็ในเมื่อ...“พวกพี่หรือเจ๊ของฉันจะกลับมาเมืองไทย”“พี่/เจ๊!!”“คนที่แกเล่าให้ฟังอะนะ” ยัยฟ้าถาม“ใช่ พี่สาวสุดสวยและเก่งที่สุดของฉันกำลังจะกลับไทยแล้วหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายปี” ฉันพูดอย่างมีความสุข“แล้วนี่ชะนีหวานเป็นอะไรยะหล่อน ฉันเห็นนั่งซึมมานานละ”มันก็จริงอย่างที่ยัยรันนี่ว่านะ เพราะวันนี้หวานดูซึมจริง ๆ เป็นอะไรกันแน่วะ“ทะเลาะกับพี่เมฆเหรอ” ยัยฟ้าเป็นคนถาม หวานไม่ตอบนอกจา
“แพรว”“อย่าร้อง ห้ามร้อง หยุดเดี๋ยวนี้แล้วนั่งลงกินข้าว”ฉันบอกหวานที่พูดเสียงสั่น ซึ่งมันก็ยอมทำตาม เราก็นั่งกินข้าวกันจนหมด“พวกแกไปไหนต่อ เรามีเรียนอีกทีบ่ายสอง เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงเพราะนี่เพิ่งเที่ยง”“เออใช่ ฟ้าพูดถูก ไปไหนกันดีวะ” ยัยรันเอ่ยสมทบคำพูดของยัยฟ้า“ไม่อะ ขี้เกียจ ไปเดี๋ยวก็ต้องกลับมาเรียน เรียนเสร็จก็ต้องเข้าเชียร์ เก็บแรงไว้เข้าเชียร์ดีกว่า” ฉันพูดไปตามที่คิด“อื้อ เราเห็นด้วยกับแพรวนะ” หวานพูดยิ้ม ๆ“เฮ้อ เอางั้นก็ได้ ว่าแต่... แกโอแคนะหวาน” รันถามด้วยความเป็นห่วง หวานก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ“ถ้ามีแฟนแล้วต้องทุกข์แบบนี้ ฉันไม่มีซะยังดีกว่า”ฟ้าพูดปลง ๆตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันตอนนี้ก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ดูเหมือนเร็วใช่ไหม แต่ความจริงแล้วมันไม่เร็วเลยเลยสักนิด เพราะพวกฉันต้องเข้าเชียร์ทุกวัน ทั้งเรียนทั้งเชียร์โคตรเหนื่อย เหนื่อยมากจริง ๆ มีเรื่องมาให้ปวดหัวทุกวัน นี่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอเรื่องอะไรแต่ตอนนี้ฉันว่ามาดูเรื่องยัยหวานก่อนดีกว่า มันไม่สดใสเลยตั้งแต่ที่พี่เมฆมา ตอนแรกก็เศร้าพออยู่แล้ว นี่เล่นเหมือนไม่มีวิญญาณเลย ทำไมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ ถ้
“ไอ้มาร์คัส วันนี้จะลงว้ากไหม”“มีเรื่องอะไรไหมล่ะริชชี่ ถ้าไม่มีก็ไม่ลง ขี้เกียจ!”“มี” ผมมองมันพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย“ปีสองแจ้งมาว่ารุ่นน้องปีหนึ่งไม่ยอมไหว้!” ผมพยักหน้ารับรู้“โอเค กูลง ไอ้เมฆมึงหยุดทำหน้าไม่ได้รับบุญได้แล้ว”“มึงจะให้กูอารมณ์ดีหรือไง ทะเลาะกับแฟนนะเว้ย”“แล้วมึงจะเครียดทำบ้าอะไร ที่มึงเครียดนี่เครียดเพราะแฟนมึงทำร้ายเด็กมึง หรือเครียดเพราะมึงไม่เชื่อแฟนมึงกันแน่”“...”“หึ รู้สึกผิดสิมึง ตอนทำล่ะไม่คิด”ผมพูด ซึ่งมันก็ทำหน้าเศร้า ๆ ออกมา“ไอ้เมฆกูถามมึงจริง ๆ เถอะ มึงคิดว่าแฟนมึงเนี่ยทำร้ายโบเด็กมึงจริง ๆ เหรอวะ” ไอ้เลโอเป็นคนถาม ไอ้เมฆส่ายหน้าเป็นเชิงตอบว่ามันไม่เชื่อ“ไม่เชื่อแล้วมึงว่าน้องทำไม”“มึงฟังกูนะไอ้เลย์ ตอนแรกกูก็ไม่อยากจะเชื่อแต่สภาพโบตอนนั้นมันก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ไง กูก็เลยว่าน้องออกไปจะให้น้องขอโทษ”“แต่น้องไม่ยอมขอโทษใช่ไหม” ผมถาม“อืม กูก็เลยโมโหเลยว่าน้องมันไป”“...”“กูแค่ไม่อยากให้ใครมองว่าน้องเป็นคนก้าวร้าวอะ ถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนั้นวะ” ไอ้เมฆพูดเครียด ๆ“แล้วตอนนี้มึงคิดว่าน้องยังผิดอยู่ไหม”“ไม่ พอดูมาคิดดูดี ๆ แล้ว หวา
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน
ตั้งแต่ที่ฉันกับพี่มาร์คปรับความเข้าใจในวันนั้น ตอนนี้เรา สองคนก็ไม่มีอะไรปิดบังกันอีกแล้วค่า แล้วที่สำคัญพี่มาร์คดูแลฉันดีมาก ๆ ตามใจฉันโคตร ๆ ส่วนความหวานของคู่เราไม่ต้องพูดถึงนะคะ เขาขยันหยอดฉันมากค่ะเรื่องครอบครัวของฉันกับประวัติของฉันก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ของพี่มาร์คสอบถามและซักฟอกฉันไปเสียหมดทุกซอกทุกมุม เดิมทีตอนที่ท่านรู้ว่าฉันคืออลินครั้งแรก พวกท่านอยากจัดงานหมั้นให้ฉันกับพี่มาร์คเลย แต่ว่าฉันปฏิเสธไปเพราะยังไม่พร้อม ท่านก็เข้าใจนะคะ ยิ่งตอนนี้แก๊งผีเสื้อยังคงตามฉันอยู่ด้วยก็เลยยิ่งต้องระวัง ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับเหมือนเดิมระหว่างนี้ฉันกับพี่มาร์คก็แอบไปเยี่ยมพ่อของรันแล้วเรียบร้อย แต่ท่านยังไม่ได้บอกเหตุผลกับฉันนะคะว่าทำไมท่านถึงต้องถูกคนในแก๊งนั้นทำร้าย ซึ่งฉันก็ไม่ได้บังคับให้ท่านพูดอะไร ฉันคิดว่าถ้าท่านสะดวกใจเมื่อไหร่คงพูดเองส่วนตัวแล้วที่ฉันเคยบอกว่าคนในแก๊งผีเสื้อมีสองฝ่าย คือฝ่ายทำร้ายฉันกับฝ่ายที่พยายามปกป้องฉัน ฉันยืนยันคำเดิมว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ บางทีฉันคงเป็นคนสำคัญของอีกฝ่ายก็ได้มั้งคะ เลยมีทั้งคนที่ต้องการปกป้องและมีทั้งคนที่พยายามทำลายฉันแบบนี้เอาเถอะ ช่าง
11:00“รอนานไหมครับ”“ไม่นานค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ”“ไปครับ”ตอนนี้ทั้งผมและเธอก็นั่งอยู่ในรถเรียบร้อย ผมขับรถไปยังเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย ผมเห็นเธอมองข้างทางด้วยความแปลกใจ คงไม่ชินนั่นแหละ จะชินได้ไงผมจะพาเธอไปบ้านนี่เนอะ“พี่มาร์คจะพาแพรวไปกินข้าวที่ไหนคะ ทางนี้แพรวไม่คุ้นเลย”ผมยิ้มก่อนจะตอบไปว่า “พี่จะพาไปบ้านพี่ครับ”“ว่าไงนะคะไปบ้าน ไปทำไมคะ แพรวไม่พร้อม ทำไมไม่บอกก่อน แล้วสภาพนี้เหรอคะ พี่มาร์ค”“อย่ากังวลไปเลยครับ พ่อแม่พี่เขาอยากเจอเรานะ ไปหาพวกท่านกันเถอะครับ อ้อพี่จะบอกเรื่องที่แพรวคืออลินด้วยนะ พี่จำเป็นต้องบอกเพราะพ่อพี่จะได้เป็นหูเป็นตาเรื่องคนที่คอยทำร้ายตัวเราอีกที”“แต่พี่มาร์คก็ควรบอกกันก่อนสักนิด แพรวจะได้เตรียมตัวและเตรียมใจ”“หึหึหึ กลัวแม่สามีเหรอครับ”“บ้า แม่สามีอะไรกันเล่า”“แม่สามีน่ะถูกแล้ว เพราะเรียนจบยังไงแพรวกับพี่ก็ต้องแต่งงานกัน พี่ไม่ปล่อยเราไปไหนหรอกนะ”“พี่มาร์คบ้าชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลย”“พี่ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะ อย่างอื่นพี่ก็เอาด้วย”“พี่มาร์ค!”“ไม่แกล้งแล้วครับ ทำหน้าดี ๆ เร็ว ถึงซอยบ้านพี่แล้ว”ผมบอกคนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มขำกับอาการร้อนรนของเ
“อื้อ เช้าแล้วเหรอเนี่ย” ผมบิดตัวเพื่อสลัดอาการปวดเมื่อยร่างกายออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อวานหลังจากที่เรางอนง้อกัน และเธอตกลงเป็นแฟนผมเป็นที่เรียบร้อย ผมก็กอดจูบลูบคลำตามประสาผู้ชายตอดเล็กตอดน้อยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น ใจก็อยากทำอยู่หรอกแต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อยากให้น้องเป็นแค่แฟนไปก่อน เพราะถ้าเป็นเมียผมคงขังเธอไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่อ้อ เมื่อวานจริง ๆ แล้วผมไม่ได้โกรธจริงจังหรอกนะครับ แค่เหตุการณ์มันพาไป ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ดีนะ เธอบอกผมซะหมดเปลือกเลย ‘เรามันคนละชั้นกันอีหนู’เขาบอกว่าผู้หญิงซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มากมาย แต่เชื่อผมสิว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์กว่าเยอะ เพราะไอ้เมื่อวานผมแสดงทั้งนั้น สี่วันที่ไม่ได้คุยไม่ได้เจอเธอ บอกเลยว่าโคตรทรมานโคตรอยากกอดอยากหอม แต่ก็นั่นแหละดันไปรู้เรื่องที่เธอคือคนที่ผมตามหาเข้ามันก็เลยต้องสร้างสถานการณ์สักหน่อย ไม่งั้นเธอจะได้ใจที่ผมไม่โกรธหรืออะไรเธอเลย ผมต้องเหนือกว่าเธอสิครับ เธอจะมาเหนือผมมันไม่ได้!ผมจะเล่าย้อนกลับไปวันที่ผมรู้ความจริงให้ฟังนะ วันนั้นผมตื่นขึ้นมาแล้วไม