ทุกสายตาหันไปตามทิศทางที่มาของเสียง และก็ได้เจอกับแก๊งผู้ชายเดินมาด้วยกันหลายคน แต่ฉันให้ความสนใจไปที่คนที่อยู่ตรงกลาง
"พวกนี้แหละแพรว"
พี่แมนกระซิบบอก หึ ที่แท้ก็พวกนี้เองสินะ ถึงว่าสิ มาแบบไม่ปกติเชียว
"ผู้ท้าชิงของเรามาแล้วครับ ชื่อว่า ไททัน หนุ่มหล่อ แบดบอย สาวเยอะคนนี้แหละครับ ที่มาขอท้าชิงควีนสนาม"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!
"หยุดก่อนฮะทุกคน ไหนล่ะฮะควีนสนาม ผมยังไม่เห็นใครสักคนเลย หรือว่าป๊อด ปอดแหก หนีกลับบ้านไปนอนกอดตุ๊กตาแล้ว”
หึ นอนกอดตุ๊กตางั้นหรอ เดี๋ยวได้รู้เรื่องเลย
“พี่แมนคะ"
"อ่า ตอนนี้ควีนสนามของเรามาถึงแล้วนะครับ มาถึงสนามนานแล้วด้วยเรียกว่ามารอดูผู้ท้าชิงเลยดีกว่า ขอเชิญควีนสนามแสดงตัวเลยฮะ"
พรึบ!!!
"เฮ้ย แพรว!"
"ยัยแพรว!" ฉันไม่ได้สนใจเสียงของใครเพราะสิ่งที่ฉันสนใจคือคนตรงหน้าฉันต่างหาก
"หึ นี่เหรอ ควีนสนาม สวยไม่เบานี่" นายไททันพูด
"ว่าแต่นายเถอะ แน่ใจเหรอว่าจะแข่งกับฉัน"
"กะอีแค่ผู้หญิง ทำไมฉันต้องกลัว"
"นั่นสินะ ทำไมนายต้องกลัว เพราะฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง"
"ใช่ ของเดิมพันคือตัวเธอละกัน มันน่า… หึหึ"
มันว่าพร้อมกับใช้สายตาโลมเลียตัวฉัน
"แล้วถ้าฉันชนะล่ะ" ฉันมองคนตรงหน้าอย่างยั่วยวน
"ทุกสิ่งที่เธอต้องการ"
"ตกลง ฉันตกลง"
"เฮ้ย! นี่เธอจะบ้าเหรอ" พี่มาร์คัสเอ่ยขัดขึ้น
"มันไม่ใช่เรื่องของนาย"
"แต่ว่า"
ฉันใช้สายตาแทนคำพูดไม่รู้จะยุ่งทำไม ฮึ่ย ชักรำคาญแล้วนะ หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจเลือกที่จะลงไปสนามแข่งทันที งานนี้ฉันต้องชนะ นายไททันเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ได้เลย
ยัยบ้าเอ๊ย! บัดซบที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็ยัยแพรวนั่นแหละ บ้าหรือเปล่า ตอนแรกผมก็ตกใจนะครับ แบบว่า เฮ้ย ยัยนี่เป็นควีนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมช็อกคือ
แพรวลงไปแข่งรถกับคนที่ชื่อไททัน เท่านั้นยังไม่พอเธอยังเอาตัวเองเป็นเดิมพันอีก ผมอยากจะฆ่าไอ้บ้านั่นทิ้งก็ดูมันมองเธอสิ เห็นแล้วหงุดหงิด เออ แล้วผมเป็นอะไรเนี่ย จะหงุดหงิดทำไม
มันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย เฮ้อ
“มึงเป็นอะไรของมึง ทำหน้าเหมือนตูดเลย”
เสียงเพื่อนผมเองแหละครับ ผมได้แต่มองมันนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะผมสนใจรถที่อยู่ตรงจุดสตาร์ตที่กลางสนามนั่น
“เอ้าไอ้นี่ เพื่อนถามก็ไม่ตอบ” ไอ้เลย์ยังคงพูดต่อแต่ผมไม่ได้สนใจอะไร มันก็เป็นของมันแบบนี้
ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นกลางสนามเป็นอันว่ารถสองคันได้ออกจากจุดสตาร์ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถทั้งสองคันต่างขับกระแทกกระทั้นกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร นี่ก็เข้ารอบที่สองแล้วยังไม่มีใครขึ้นนำเลยด้วยซ้ำ และแล้วรถก็เข้ารอบสุดท้าย รอบนี้เป็นรอบตัดสินว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ รถของนายไททันเร่งความเร็วหนีรถยัยแพรวแทบจะทันทีที่เข้าโค้งสุดท้ายของสนาม
“แพรว เร็วสิแพรว” เสียงน้องฟ้าพูด
“แพรว เธอต้องชนะ” เสียงไอ้หน้าอ่อนที่ชื่อรันพูด
“แกว่าน้องแพรวจะแพ้หรือเปล่าวะ รถทิ้งช่วงห่างขนาดนั้น” ไอ้เลโอพูด
“นั่นสิห่างตั้งสองช่วงตัว ถ้าชนะได้นี่ถือว่าน้องแพรวเป็นนักแข่งที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยนะเว้ย” ไอ้เมฆพูด
“โธ่เว้ย เสือกเอาตัวเองเป็นของเดิมพันอีก ฮึ่ย” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ถ้าเธอแพ้ผมไม่มีทางยอมแน่
“หึ เป็นควีนสนามคิดว่าพลาดไม่ได้หรือไงวะ” ผมพูดออกมาเบา ๆ
“ไม่ใช่คนนี้แน่ อย่าห่วงเลย การเป็นควีนคือที่สุด พลาดได้แต่ไม่มีทางแพ้” ผมหันไปมองคนพูด เหอะ เห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตา หมั่นไส้
“เอาละครับทุกคน ตอนนี้รถคุณไททันแซงออกไปไกลมากเลยนะครับ แล้วควีนของเราจะทำอย่างไร จะเอาชนะได้ไหม หรือว่าคุณไททันจะเป็นคนล้มควีน ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดและดุเดือดครับ ตอนนี้รถเข้าโค้งสุดท้ายของสนามแล้ว จะเป็นใครที่ชนะ..”
“ใคร ใคร ใคร ใคร ควีนสนามครับ โอ้โห ไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว รถห่างตั้งสองช่วงตัวแต่ควีนก็ยังเป็นควีนไม่มีใครสามารถล้มควีนได้จริง ๆ ชัยชนะวันนี้คือควีนสนามครับ”
เฮ้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด!
หลังจากที่พิธีกรสนามพูดจบ เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นยกใหญ่แต่ชัยชนะที่ได้มาเมื่อสักครู่ ก็ทำให้ผมยอมรับได้เหมือนกันว่าเธอเก่งจริง ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้คือ
เธอเป็นใคร!!
ผมและเพื่อนพากันเดินลงไปหาเธอว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไรกันแน่ ส่วนนายไททันอะไรนั่น คงหัวเสียน่าดูที่แพ้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างแพรว
“สุดยอดเลยแก โคตรทึ่ง” น้องฟ้าพูด
“แล้วนี่ชนะแล้วก็อย่าลีลา ต้องการอะไรก็พูดมาสิ”
นายไททันพูด ส่วนแพรวก็ได้แต่ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ผมรู้สึกว่ามันเจ้าเล่ห์แปลก ๆ
“แน่ใจนะ” เธอถามนายไททันด้วยรอยยิ้ม ส่วนมันไม่ยอมตอบนอกจากจะส่งสายตาที่แสดงความไม่พอใจมาให้
“หึ พี่แมนคะ ปิดสนาม!”
พวกผมพากันตาโต ปิดสนามก็หมายความว่าไล่ทุกคนออกจากที่นี่สิ เธอจะทำอะไรกันแน่ ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกคนนับร้อยกว่าชีวิตก็ทยอยออกจากสนามจนหมด
“คนไปหมดแล้วต้องการอะไรก็ว่ามา”
นายไททันพูด ซึ่งผมก็มองแพรวด้วยความอยากรู้เพราะตอนนี้เธอนิ่งมาก นิ่งมากจริง ๆ...
“คำพูดของคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ยังเชื่อถือได้ใช่ไหมไททัน” ฉันพูดแล้วมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ“ฉันลูกผู้ชายพอคำไหนคำนั้น” นายไททันพูดพร้อมกับยกยิ้มมุมปากข้างขวา หึ“งั้นฉันขอถามหน่อยสินายมาป่วนสนามที่นี่ทำไม”ฉันถามและดูเหมือนนายไททันอะไรนั่นจะตกใจ แต่ก็แค่แวบเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาคนสวยอย่างฉันได้หรอก“ฉันมาป่วนอะไรกัน เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า ฉันก็แค่อยากเห็นหน้าควีนสนามเลยมาขอท้าชิง มันก็แค่นั้นเอง”“แต่ก่อนหน้านี้นายส่งลูกน้องมาดูลาดเลาทางหนีทีไล่ไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างกับคิดว่าต้องกำจัดที่นี่ทิ้งอย่างนั้นแหละ” ฉันพูดยิ้ม ๆ นายไททันไม่พูดอะไรได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและดูเหมือนจะหัวเสียนิดหน่อย“แต่ก็เอาเถอะ ฉันคงคิดมากไปเองอย่างที่นายว่านั่นแหละ คงไม่มีใครกล้าคิดจะมีเรื่องกับสนามที่นี่หรอก เนอะ” นายไททันมองฉันนิ่ง ๆ ฉันได้แต่ยิ้มแบบไม่มีอะไร“ไปเถอะแก กลับห้องกัน” ขณะที่พวกฉันกำลังจะเดินไป หึ เดี๋ยวนะ ทิ้งระเบิดไว้ให้สักลูกคงจะดี“อ้อ ฉันลืมบอกไป ฝากไปบอกคนที่บ้านด้วยนะว่า..” ฉันไม่พูดต่อ จนนายไททันมองมาอย่างสนใจใคร่รู้“อย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่า M Spor
ครึ่งชั่วโมงต่อมาตอนนี้ในห้องประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แถมทุกคนยังไม่มีใครกล้าสบตาฉันสักคน สงสัยกลัวว่าฉันจะโกรธ ซึ่งก็จริง แต่ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น“เอาละค่ะ ก่อนอื่นดิฉันต้องขอโทษที่เรียกทุกคนมาประชุมด่วนในครั้งนี้ อย่างที่ทุกคนทราบ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริง ๆ ดิฉันจะไม่เรียกประชุม”“แล้วที่เรียกมามีเรื่องอะไรเหรอครับ”“เป็นคำถามที่ดีค่ะ แต่ก่อนอื่นฉันอยากให้ทุกคนดูคลิปนี้”ฉันหันไปตอบคำถามของหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับทุกคนในห้องประชุมในประโยคสอง“นะ..นี่มัน”“ใช่ค่ะ ยาบ้า มีกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายกับสนามของเรา ที่ฉันเรียกทุกคนมา เพราะอยากจะบอกว่าต่อจากนี้ไปฉันต้องการให้ทุกคนเป็นหูเป็นตาให้กับสนามของเราและคอยระวังภัยที่จะเกิดขึ้นค่ะ ที่สำคัญฉันต้องการให้ระบบความปลอดภัยคุมเข้มกว่านี้ และอีกข้ออย่ารับคนงานเพิ่มเด็ดขาด หากส่วนไหนขาดเหลืออะไรให้มาแจ้งที่คุณแมน เพราะคุณแมนจะรายงานฉันอีกที”“...”“ถ้าทุกคนไม่มีอะไรสงสัย และเข้าใจในการประชุมครั้งนี้แล้ว ฉันขอปิดการประชุมไว้แค่นี้ค่ะ” พูดจบฉันก็เดินออกมาเลยเฮ้อ เบื่อชะมัดเลย ฉันต้องสืบให้ได้ว่าใ
“รักแท้รักคืออะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่งว่าดูสวยดี รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย รักแท้ต้องทำอะไร ต้องเดินห้างกัน กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกันไม่สนสายตาใคร ซึ่งฉันไม่เข้าใจ ไม่ขอรักใครละกัน[1]”“มาทำไมให้อายบ้านนาละนวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลาหนีหน้า ไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือเปล่า ทิ้งเคียวคาดไถไว้เมื่อเดือนเก้า ช่างสุกสกาวกลับมาทำไม[2]”“ล๊มม!”“โอ๊ย! ชะนีแพรวามีความสุขอะไรนักหนาฮะ ฉันเห็นแกร้องมาหลายเพลงและ ร้องก็ถูก ๆ ผิด ๆ”ยัยรันนี่ถามฉันอย่างเหลืออด ที่ฉันร้องเพลงด้วยความสุขแบบนั้น ซึ่งฉันก็มีความสุขจริง ๆ ก็ในเมื่อ...“พวกพี่หรือเจ๊ของฉันจะกลับมาเมืองไทย”“พี่/เจ๊!!”“คนที่แกเล่าให้ฟังอะนะ” ยัยฟ้าถาม“ใช่ พี่สาวสุดสวยและเก่งที่สุดของฉันกำลังจะกลับไทยแล้วหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายปี” ฉันพูดอย่างมีความสุข“แล้วนี่ชะนีหวานเป็นอะไรยะหล่อน ฉันเห็นนั่งซึมมานานละ”มันก็จริงอย่างที่ยัยรันนี่ว่านะ เพราะวันนี้หวานดูซึมจริง ๆ เป็นอะไรกันแน่วะ“ทะเลาะกับพี่เมฆเหรอ” ยัยฟ้าเป็นคนถาม หวานไม่ตอบนอกจา
“แพรว”“อย่าร้อง ห้ามร้อง หยุดเดี๋ยวนี้แล้วนั่งลงกินข้าว”ฉันบอกหวานที่พูดเสียงสั่น ซึ่งมันก็ยอมทำตาม เราก็นั่งกินข้าวกันจนหมด“พวกแกไปไหนต่อ เรามีเรียนอีกทีบ่ายสอง เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงเพราะนี่เพิ่งเที่ยง”“เออใช่ ฟ้าพูดถูก ไปไหนกันดีวะ” ยัยรันเอ่ยสมทบคำพูดของยัยฟ้า“ไม่อะ ขี้เกียจ ไปเดี๋ยวก็ต้องกลับมาเรียน เรียนเสร็จก็ต้องเข้าเชียร์ เก็บแรงไว้เข้าเชียร์ดีกว่า” ฉันพูดไปตามที่คิด“อื้อ เราเห็นด้วยกับแพรวนะ” หวานพูดยิ้ม ๆ“เฮ้อ เอางั้นก็ได้ ว่าแต่... แกโอแคนะหวาน” รันถามด้วยความเป็นห่วง หวานก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ“ถ้ามีแฟนแล้วต้องทุกข์แบบนี้ ฉันไม่มีซะยังดีกว่า”ฟ้าพูดปลง ๆตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันตอนนี้ก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้ว ดูเหมือนเร็วใช่ไหม แต่ความจริงแล้วมันไม่เร็วเลยเลยสักนิด เพราะพวกฉันต้องเข้าเชียร์ทุกวัน ทั้งเรียนทั้งเชียร์โคตรเหนื่อย เหนื่อยมากจริง ๆ มีเรื่องมาให้ปวดหัวทุกวัน นี่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอเรื่องอะไรแต่ตอนนี้ฉันว่ามาดูเรื่องยัยหวานก่อนดีกว่า มันไม่สดใสเลยตั้งแต่ที่พี่เมฆมา ตอนแรกก็เศร้าพออยู่แล้ว นี่เล่นเหมือนไม่มีวิญญาณเลย ทำไมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ ถ้
“ไอ้มาร์คัส วันนี้จะลงว้ากไหม”“มีเรื่องอะไรไหมล่ะริชชี่ ถ้าไม่มีก็ไม่ลง ขี้เกียจ!”“มี” ผมมองมันพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย“ปีสองแจ้งมาว่ารุ่นน้องปีหนึ่งไม่ยอมไหว้!” ผมพยักหน้ารับรู้“โอเค กูลง ไอ้เมฆมึงหยุดทำหน้าไม่ได้รับบุญได้แล้ว”“มึงจะให้กูอารมณ์ดีหรือไง ทะเลาะกับแฟนนะเว้ย”“แล้วมึงจะเครียดทำบ้าอะไร ที่มึงเครียดนี่เครียดเพราะแฟนมึงทำร้ายเด็กมึง หรือเครียดเพราะมึงไม่เชื่อแฟนมึงกันแน่”“...”“หึ รู้สึกผิดสิมึง ตอนทำล่ะไม่คิด”ผมพูด ซึ่งมันก็ทำหน้าเศร้า ๆ ออกมา“ไอ้เมฆกูถามมึงจริง ๆ เถอะ มึงคิดว่าแฟนมึงเนี่ยทำร้ายโบเด็กมึงจริง ๆ เหรอวะ” ไอ้เลโอเป็นคนถาม ไอ้เมฆส่ายหน้าเป็นเชิงตอบว่ามันไม่เชื่อ“ไม่เชื่อแล้วมึงว่าน้องทำไม”“มึงฟังกูนะไอ้เลย์ ตอนแรกกูก็ไม่อยากจะเชื่อแต่สภาพโบตอนนั้นมันก็ทำให้กูอดคิดไม่ได้ไง กูก็เลยว่าน้องออกไปจะให้น้องขอโทษ”“แต่น้องไม่ยอมขอโทษใช่ไหม” ผมถาม“อืม กูก็เลยโมโหเลยว่าน้องมันไป”“...”“กูแค่ไม่อยากให้ใครมองว่าน้องเป็นคนก้าวร้าวอะ ถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนั้นวะ” ไอ้เมฆพูดเครียด ๆ“แล้วตอนนี้มึงคิดว่าน้องยังผิดอยู่ไหม”“ไม่ พอดูมาคิดดูดี ๆ แล้ว หวา
“คุณเห็นไหมว่าพี่คุณเป็นยังไง ผมโคตรไม่เข้าใจเลยว่ะ ทำไมคุณทำแบบนี้วะ คุณเรียกพวกมันว่าพี่ แต่คุณทำพวกมันร้องไห้เนี่ยนะ” ผมพูดต่อ ซึ่งปีหนึ่งก็นั่งก้มหน้าเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร“อะ ใครไม่พอใจใครไม่อยากรับน้องเดินออกไปเลย เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะเข้ามาผมเห็นพวกคุณหลายคนนั่งพูดนั่นพูดนี่ นี่ไงเอาสิใครจะไปก็เชิญ แต่ถ้าเดินออกไปแล้วคุณไม่ใช่รุ่นน้องของคณะวิศวะแล้ว และถ้าคุณอยากได้รับความช่วยเหลือทางการเรียนก็จะไม่มีใครช่วยคุณ ถ้าคิดว่าคุณสามารถอยู่คนเดียวได้ เรียนเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ เดินออกไปเลยครับ แล้วจะไม่มีใครมาว่าอะไรคุณอีก”“...”จบคำพูดของผมทั้งลานเกียร์ก็เงียบกริบ ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะเดินออกไป“ผมถือว่าผมให้โอกาสพวกคุณแล้วนะ แต่พวกคุณไม่ออกไปเอง ฉะนั้นอย่าให้ผมได้ยินอีกนะว่าพวกคุณไม่ให้ความร่วมมือ ถ้ามีอีกผมจะสั่งยุบการรับน้องซะ รุ่นไม่ต้องเอา พี่ไม่ต้องมี ช่วยเหลือกันเองแล้วกัน ทราบไม่ทราบ”“ทราบค่ะ/ครับ”“อีกเรื่อง มีพี่ของคุณแจ้งมาว่าพวกคุณไม่เคารพรุ่นพี่ ไม่ไหว้รุ่นพี่ ทำไมพวกคุณไม่ไหว้ครับ”“...”“ผมเข้าใจพวกคุณนะ แต่ถ้าคุณไม่พูดเหตุผลของพวกคุณมา พวกผมจะรู้ไหม ที่จริ
“โหยแก นึกว่าพี่มาร์คัสจะด่าแกซะแล้ว แกก็อะไรกล้าลุกขึ้นพูดยังไม่พอ ยังจะไปมองหน้าพวกพี่ปีสองอีก”“รัน”“รันนี่ค่ะ you know? รันนี่ค่ะ”“โอเคจ้า รันนี่! แกฟังฉันนะ ก็พี่มันให้พูดเราก็ต้องพูดสิไม่งั้นก็ไม่จบ ที่สำคัญเราพูดตามที่คิด พูดตามที่พวกเราและเพื่อน ๆ เจอ มันไม่มีใครถูกผิดหรอกเรื่องเนี้ย แต่เราต้องมองความเป็นจริงและเป็นกลางเว้ย บางคนก็น่ารักรับไหว้ตลอด รับไม่ได้ก็พูดขอโทษนะ ในขณะที่รุ่นพี่บางคนก็ไม่รับไหว้เลยก็มีเดินเชิดหน้าลอยตา รุ่นเราบางคนก็ไหว้บางคนก็ไม่ไหว้ มันขึ้นอยู่ที่มุมมอง ขึ้นอยู่ที่การกระทำ ถ้าจะถามใครผิด มันก็ทั้งสองนั่นแหละ หรือพวกแกคิดว่าไม่จริง”“จริง!!” รันนี่ หวาน ฟ้า พูดออกมาพร้อมกัน ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นฉันไม่ได้อยากจะปีนเกลียวนะ แค่บอกในมุมของฉันเท่านั้นเอง ส่วนที่มองไปยังกลุ่มพวกรุ่นพี่ปีสองเพราะอยากบอกให้เขารู้ว่าการกระทำของเขามันไม่น่ารักเลยสักนิด ถ้าสิ่งที่พูดออกไปมันจะสร้างปัญหาให้ฉันในภายหลังก็มาเถอะ ฉันพร้อม!“แพรว เราขอไปนอนด้วยได้ไหม เอ่อ คือ...เรายังไม่อยากกลับหออะ”“อื้อ ได้สิ เดี๋ยวจะพาไปเก็บเสื้อผ้า จะได้พาไปซ้อม”ฉันตอบหวานยิ้ม ๆ“ซ้อมตั้งแต่ว
เช้าวันต่อมา“ไงยะชะนีหวานยิ้มมาเลย วันนี้ไม่เศร้า” รันทักหวานยิ้ม ๆ“ไม่หรอก เราน่ะ เข้มแข็งแล้ว”“เข้มแข็งอะไรกันจ๊ะ อุ้ย หวานไม่เศร้า เป็นไปได้ ไม่น่าเชื่อ โดนยัยแพรวล้างสมองมาแน่ ๆ”“ฟ้า ไม่ขนาดนั้นเว้ย” ฉันตอบกลับยัยฟ้า ก่อนที่เราทั้งหมดจะหัวเราะออกมา“นี่ก็เจ็ดโมงครึ่งแล้ว เรามีเรียนแปดโมงใช่ไหมอะ ขึ้นเรียนกันเถอะ” จบคำพูดยัยหวานเราทุกคนก็มุ่งตรงไปที่ห้องเรียนมาถึงห้องเรียนก็พบว่าเพื่อน ๆ บางส่วนขึ้นมารออาจารย์แล้วเหมือนกัน“แพรว เมื่อวานอะสุดมากเลยนะ ไม่กลัวหมายหัวเหรอ แต่ฉันชอบว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เพื่อนผู้ชายในคลาสพูด ซึ่งฉันก็ไม่ตอบอะไรมองมันยิ้ม ๆ เท่านั้น“อะ เลิกแซวเพื่อน แล้วเรามานั่งลุ้นชะตากรรมตัวเองดีกว่า รุ่นพี่ปีสองบอกว่า วิชานี้ยาก วันนี้ครบกำหนดเกณฑ์ของอาจารย์ ถ้าพวกเราทำแบบประเมินของอาจารย์ไม่ได้ อาจารย์จะสั่งงานเพิ่มเป็นสองเท่า!! แล้วตั้งแต่เรียนของอาจารย์มา ทุกรุ่นทำงานสองเท่าหมด ยกเว้นรุ่นพวกพี่มาร์คัสที่ไม่ได้ทำ เนื่องจากพี่มาร์คัสทำสิ่งที่อาจารย์ตั้งไว้ได้ ฮือ พูดแล้วเครียด” หนุงหนิงเพื่อนร่วมชั้นเรียนพูด“จะขนาดนั้นเลยเหรอวะแก นี่งานที่พวกเราได้มันก็เยอะจนจะทำ
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน
ตั้งแต่ที่ฉันกับพี่มาร์คปรับความเข้าใจในวันนั้น ตอนนี้เรา สองคนก็ไม่มีอะไรปิดบังกันอีกแล้วค่า แล้วที่สำคัญพี่มาร์คดูแลฉันดีมาก ๆ ตามใจฉันโคตร ๆ ส่วนความหวานของคู่เราไม่ต้องพูดถึงนะคะ เขาขยันหยอดฉันมากค่ะเรื่องครอบครัวของฉันกับประวัติของฉันก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ของพี่มาร์คสอบถามและซักฟอกฉันไปเสียหมดทุกซอกทุกมุม เดิมทีตอนที่ท่านรู้ว่าฉันคืออลินครั้งแรก พวกท่านอยากจัดงานหมั้นให้ฉันกับพี่มาร์คเลย แต่ว่าฉันปฏิเสธไปเพราะยังไม่พร้อม ท่านก็เข้าใจนะคะ ยิ่งตอนนี้แก๊งผีเสื้อยังคงตามฉันอยู่ด้วยก็เลยยิ่งต้องระวัง ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับเหมือนเดิมระหว่างนี้ฉันกับพี่มาร์คก็แอบไปเยี่ยมพ่อของรันแล้วเรียบร้อย แต่ท่านยังไม่ได้บอกเหตุผลกับฉันนะคะว่าทำไมท่านถึงต้องถูกคนในแก๊งนั้นทำร้าย ซึ่งฉันก็ไม่ได้บังคับให้ท่านพูดอะไร ฉันคิดว่าถ้าท่านสะดวกใจเมื่อไหร่คงพูดเองส่วนตัวแล้วที่ฉันเคยบอกว่าคนในแก๊งผีเสื้อมีสองฝ่าย คือฝ่ายทำร้ายฉันกับฝ่ายที่พยายามปกป้องฉัน ฉันยืนยันคำเดิมว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ บางทีฉันคงเป็นคนสำคัญของอีกฝ่ายก็ได้มั้งคะ เลยมีทั้งคนที่ต้องการปกป้องและมีทั้งคนที่พยายามทำลายฉันแบบนี้เอาเถอะ ช่าง
11:00“รอนานไหมครับ”“ไม่นานค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ”“ไปครับ”ตอนนี้ทั้งผมและเธอก็นั่งอยู่ในรถเรียบร้อย ผมขับรถไปยังเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย ผมเห็นเธอมองข้างทางด้วยความแปลกใจ คงไม่ชินนั่นแหละ จะชินได้ไงผมจะพาเธอไปบ้านนี่เนอะ“พี่มาร์คจะพาแพรวไปกินข้าวที่ไหนคะ ทางนี้แพรวไม่คุ้นเลย”ผมยิ้มก่อนจะตอบไปว่า “พี่จะพาไปบ้านพี่ครับ”“ว่าไงนะคะไปบ้าน ไปทำไมคะ แพรวไม่พร้อม ทำไมไม่บอกก่อน แล้วสภาพนี้เหรอคะ พี่มาร์ค”“อย่ากังวลไปเลยครับ พ่อแม่พี่เขาอยากเจอเรานะ ไปหาพวกท่านกันเถอะครับ อ้อพี่จะบอกเรื่องที่แพรวคืออลินด้วยนะ พี่จำเป็นต้องบอกเพราะพ่อพี่จะได้เป็นหูเป็นตาเรื่องคนที่คอยทำร้ายตัวเราอีกที”“แต่พี่มาร์คก็ควรบอกกันก่อนสักนิด แพรวจะได้เตรียมตัวและเตรียมใจ”“หึหึหึ กลัวแม่สามีเหรอครับ”“บ้า แม่สามีอะไรกันเล่า”“แม่สามีน่ะถูกแล้ว เพราะเรียนจบยังไงแพรวกับพี่ก็ต้องแต่งงานกัน พี่ไม่ปล่อยเราไปไหนหรอกนะ”“พี่มาร์คบ้าชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลย”“พี่ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะ อย่างอื่นพี่ก็เอาด้วย”“พี่มาร์ค!”“ไม่แกล้งแล้วครับ ทำหน้าดี ๆ เร็ว ถึงซอยบ้านพี่แล้ว”ผมบอกคนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มขำกับอาการร้อนรนของเ
“อื้อ เช้าแล้วเหรอเนี่ย” ผมบิดตัวเพื่อสลัดอาการปวดเมื่อยร่างกายออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อวานหลังจากที่เรางอนง้อกัน และเธอตกลงเป็นแฟนผมเป็นที่เรียบร้อย ผมก็กอดจูบลูบคลำตามประสาผู้ชายตอดเล็กตอดน้อยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น ใจก็อยากทำอยู่หรอกแต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อยากให้น้องเป็นแค่แฟนไปก่อน เพราะถ้าเป็นเมียผมคงขังเธอไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่อ้อ เมื่อวานจริง ๆ แล้วผมไม่ได้โกรธจริงจังหรอกนะครับ แค่เหตุการณ์มันพาไป ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ดีนะ เธอบอกผมซะหมดเปลือกเลย ‘เรามันคนละชั้นกันอีหนู’เขาบอกว่าผู้หญิงซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มากมาย แต่เชื่อผมสิว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์กว่าเยอะ เพราะไอ้เมื่อวานผมแสดงทั้งนั้น สี่วันที่ไม่ได้คุยไม่ได้เจอเธอ บอกเลยว่าโคตรทรมานโคตรอยากกอดอยากหอม แต่ก็นั่นแหละดันไปรู้เรื่องที่เธอคือคนที่ผมตามหาเข้ามันก็เลยต้องสร้างสถานการณ์สักหน่อย ไม่งั้นเธอจะได้ใจที่ผมไม่โกรธหรืออะไรเธอเลย ผมต้องเหนือกว่าเธอสิครับ เธอจะมาเหนือผมมันไม่ได้!ผมจะเล่าย้อนกลับไปวันที่ผมรู้ความจริงให้ฟังนะ วันนั้นผมตื่นขึ้นมาแล้วไม