ติ๊ง! เสียงข้อความไลน์เข้ามาร์คัส : พรุ่งนี้เจอกันหน่อยไหมเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย อยู่ดี ๆ ก็ทักมา นัดเจอเนี่ยนะ บ้าไปแล้วหรือเปล่า ใครเขาจะอยากเจอ เหอะมาร์คัส : อ่านแล้วไม่ตอบ อยากมีปัญหา ?รับน้องก็จบไปแล้วปะ ต่างคนต่างอยู่ดิ : แพรวามาร์คัส : หึ ถ้าอยากลองดี ก็ได้ แล้วเจอกัน!“เอ๊ะ ไอ้บ้านี่ อยู่ดี ๆ ก็มาขู่กัน บ้าไปแล้วหรือไง เหอะ มาก็มาเถอะ ใครกลัวกัน”หลังจากที่พี่มาร์คัสส่งข้อความมาแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก ถึงจะแอบหวั่นในใจเล็ก ๆ ก็เถอะ ไอ้บ้านี่ชอบทำอะไรไม่คาดคิดอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่กลับมาจากค่าย เขาก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันนะ เพิ่งจะมามีบทบาทก็เมื่อกี้นี้แหละ“เฮ้อ อาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้มีอะไรหลายอย่างต้องทำ”ฉันพูดกลับตัวเองก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้ง แล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันต่อไปกริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...“รู้แล้วจ้า ตื่นแล้วเนี่ย”ฉันพูดกับตัวเองพร้อมเอื้อมมือไปกดปิดปุ่มนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ก่อนจะรีบไปอาบน้ำและขับรถมุ่งตรงไปที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากวันนี้มีเรียนเช้า!“ยัยแพรว กว่าจะมานะแก รู้ไหมว่าอาจารย์เกือบจะเข้ามาแล้วเนี่ย”“เออน่า ยัยรันแกก็อย
“ฮึก ฮือ แก ฮึก ฉันกลัว ฮือ” ตอนนี้พวกฉันทั้งหมดมาที่โรงพยาบาล ยัยรันนั่งร้องไห้ไม่หยุด ส่วนแม่ของยัยรันตอนนี้ถูกพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะพอทราบข่าวว่าพ่อยัยรันรถชน ก็รีบโทรหายัยรันและร้องไห้จนสลบไป“พ่อแกไม่เป็นอะไรหรอก”“ฮึก ฉันกลัวอะแพรว ฉันกลัวอะฟ้าหวาน”ฉันหันไปมองฟ้ากับหวานให้ช่วยปลอบยัยรันแทน เพราะฉันปลอบคนไม่ค่อยเก่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงยัยรันก็ยังไม่หยุดร้องไห้ แถมยังร้องออกมาอย่างหนัก นี่ตั้งแต่ทราบข่าวและพวกเรามาถึง คุณหมอที่รักษาพ่อของรันก็ยังไม่ออกมาเลย ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่า พ่อของรันต้องรู้ความลับของแก๊งผีเสื้อจริง ๆ และต้องสำคัญมากด้วย ฉันไม่เชื่อว่านี่คืออุบัติเหตุ ถ้าฉันเฉลียวใจสักนิด ฉันน่าจะป้องกันเหตุการณ์นี้ได้ ไม่น่าเลย“ยัยรันแกฟังฉัน ถ้าตำรวจมาสอบปากคำหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปคดีไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แกห้ามยอมความเด็ดขาด พยายามรั้งเวลาเรื่องคดีให้นานที่สุด”“ฮึก แกพูดเหมือนกับไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ”“ทำตามที่ฉันบอกก็พอ โอเคไหม”มันมองหน้าฉันด้วยความสงสัยก่อนจะพยักหน้าให้อย่างจำยอม พอฉันเงยหน้าหลังจากนั่งคุยกับยัยรันเสร็จแล้ว สายตาสามคู่ของชายสามคนก็มองมาที
13:00 “รันโอเคเปล่า” ฉันถามมันหลังจากที่เห็นมันนั่งตาลอย ๆ คงจะเป็นห่วงพ่อมันนั่นแหละ“ไม่เลยแก แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ อย่างน้อยพ่อฉันก็ปลอดภัย ถึงจะยังไม่ฟื้นก็เถอะ”“หวานขอให้พ่อรันฟื้นเร็ว ๆ นะ”พวกฉันยิ้มให้กับคำพูดของยัยหวาน“ยัยฟ้าโดดเหรอวันนี้ ไม่เห็นมันเลย”ฉันถาม เพราะตั้งแต่มาถึงก็ไม่เจอมันแล้ว“อื้อ เห็นว่าปวดหัวเมื่อคืนดูซีรี่ส์หนัก ก็เลยไม่มา” ฉันพยักหน้าตามคำพูดของยัยรันอย่างปลง ๆ“แพรว เมื่อวานตำรวจมาหาฉันกับแม่ที่บ้านหลังแกกลับไปแล้ว เขาบอกว่าอาจเกิดอุบัติเหตุจริง ตำรวจกำลังเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่ ตอนแรกแม่ก็จะให้เขาสรุปสำนวนเป็นอุบัติเหตุตามที่ตำรวจเขาเกริ่นแล้วล่ะ แต่ฉันนึกได้ถึงคำพูดแก เลยขอให้ตำรวจลองสืบคดีใหม่ดู” ฉันฟังยัยรันเล่าอย่างตั้งใจ“แกคิดว่าที่พ่อฉันเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุใช่ไหมแพรว”“อืม ความรู้สึกมันบอกน่ะ อย่าคิดมากฉันอาจคิดไปเองก็ได้ รอตำรวจเขาเก็บหลักฐานแล้วสรุปให้ฟังทีหลังแล้วกัน น่าจะชัดเจนกว่า ระหว่างนี้แกก็ดูแลแม่แกดี ๆ เข้าใจไหม”“อื้อ ฉันดูแลดีอยู่แล้ว นั่นแม่ฉันนะ” รันพูดกับฉันยิ้ม ๆ ก่อนจะตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์สอน“แล้วนี่กลับไง ใ
“น้องแพรวครับ พี่มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกไหม”“ได้ค่ะพี่กล้า พี่มาร์คัสรอฉันตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมา”ฉันบอกพี่มาร์ท“มีคนมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่ยิมเราอีกแล้วครับน้องแพรว เหมือนมาจับตามองหาใครบางคน ซุ่มทุกวันเลยครับ”“เรื่องนี้แพรวพอรู้ค่ะ เอาเป็นว่าพี่กล้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ดูแลเรื่องในยิมให้ดีก็พอ เดี๋ยวคนที่มาป้วนเปี้ยนโรงยิมเรา แพรวจัดการเอง”“โอเคครับ แล้วคุณมาร์คัส”“อ๋อ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เขาไม่ได้รู้อะไรหรอก แค่มาออกกำลังกายด้วยเฉย ๆ ค่ะ ไว้ใจได้” ฉันพูดให้พี่กล้าสบายใจ“งั้นถ้าไม่มีอะไรแพรวกลับก่อนนะคะ นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้ว”“โอเคครับ ขับรถดี ๆ นะครับ” พี่กล้าพูดก่อนที่เราสองคนจะแยกกัน ฉันเดินกลับมาหาพี่มาร์คัสที่รออยู่บริเวณจุดห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก แต่กลับไม่เห็นพี่มัน“พี่มาร์คัสคะ พี่มาร์คัส อยู่ไหนคะ”“...”“พี่มาร์คัสคะ ไม่เล่นนะคะ อยู่ไหน”“...”“พี่มาร์คัสคะ...”“ว่าไงครับ เรียกซะลั่นเชียว”“ไปไหนมาคะ บอกให้รอตรงนี้ไม่ใช่เหรอ”“พอดีไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ แล้วนี่คุยธุระเสร็จแล้วเหรอ”“ค่ะ เรากลับกันเถอะ ก่อนที่มันจะมืดไปมากกว่านี้”ฉันบอกพี่มาร์คัส ก่อน
“จัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยอย่าให้ถึงมือตำรวจ เรื่องมันจะยุ่งไปกันใหญ่ กลับกันเถอะค่ะฉันง่วงแล้ว” ฉันพูดกับคนของฉันในประโยคแรก ก่อนจะหันมาพูดกับพี่มาร์คัสในประโยคถัดมาฉันขับรถมาเรื่อย ๆ ด้วยความเงียบจนถึงคอนโด เหมือนฉันกับพี่มาร์คัสเล่นสงครามประสาทกันเลยแหละ ฉันรู้ว่าเขาสงสัยแต่ยังไม่ได้ถาม แต่ถึงถามฉันก็ไม่ตอบหรอก“ถึงแล้ว ขอตอนก่อนนะคะ ง่วง จะนอน”หมับ!“ฉันไปด้วย”ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ห้ามปราม คนตัวโตก็ลากฉันขึ้นลิฟต์ จนมาถึงหน้าห้องที่ฉันอาศัยอยู่ ฉันถึงกับมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะรู้จักห้องของฉัน“ทำไม...”“เปิดประตู เข้าไปคุยกันในห้อง”เมื่อจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาคู่คมนั่นฉันก็พบแต่ความจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่น ฉันจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องและเดินนำเข้าไปกึกพี่มาร์คัสล็อกประตู ก่อนจะเดินตรงไปนั่งที่โซฟารับแขก ฉันเลี่ยงไปเอาน้ำมาให้เขาหนึ่งแก้ว ตามมารยาทของเจ้าของห้อง“จะเงียบอีกนานไหมคะ ถ้าไม่มีอะไรก็เชิญออกไป ฉันเหนื่อย ฉันต้องการพักผ่อน”“เธอเป็นใคร!”“...”“ตอบมาสิ ว่าเธอเป็นใคร”ฉันมองเขานิ่ง ๆ หลังจากที่เจอเขาเปิดประเด็นการสนทนา และเลือกที่จะเงียบแทบที่จะตอบคำถามของเขา
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง!“รู้แล้ว กดไรนักหนา”แอ๊ดดดด!“มาทำไม”“ทำไมยังไม่แต่งตัว”“ถามว่ามาทำไม นี่ออกไปนะ ใครให้เข้า”“บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้ไปเรียนพร้อมกัน”“แต่ฉันไม่ได้รับปาก”“ไป แต่ง ตัว... ถ้ายังช้าฉันจะสานต่อจากเมื่อคืน”“เออ! ไปก็ได้ รอเดี๋ยว เอาแต่ใจชะมัด”หลังจากที่ฉันไม่สามารถทัดทานคนที่เอาแต่ใจได้ ก็ต้องรีบพาตัวเองมาแต่งตัว ทั้ง ๆ ที่กะไว้ว่าวันนี้จะเกเรียนไปทำบางอย่าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็มารอรับถึงหน้าห้องซะงั้นมันน่าโมโห!“จะกินอะไรก่อนไหม”“ไม่ค่ะ ไปม.เลย”เขามองหน้าฉันนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่เราจะออกจากห้องตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในรถของไอ้คนบ้าอำนาจเรียบร้อยแล้วค่ะ แถมในรถยังเงียบจนน่าอึดอัดใจ“แพรวา ต่อไปนี้เรียกฉันว่าพี่ ถ้าวันไหนเธอเรียกฉันว่านายหรือคุณ ฉันจะจูบเธอให้ขาดใจตายไปเลย”ฉันอ้าปากหันไปมองคนด้านข้างอย่างคาดไม่ถึง บทจะพูดก็โพล่งขึ้นซะอย่างนั้น แถมยังเป็นเรื่องหน้าอายอีก“ไม่ได้ขู่นะ เธอจะลองก็ได้ หงุดหงิดตั้งแต่เมื่อคืนเดี๋ยวเรียกคุณเรียกนายอยู่นั่นแหละ นับจากวันนี้ไปถ้าเธอหลุดเรียกฉันแบบนั้น ฉันจูบเธอจริง ๆ เลยคอยดู”“...”ฉันมองเขาด้วยความตกตะลึ
“ไปเรียนได้แล้วพวกมึง เดี๋ยวสาย”ผมพูดกับพวกมัน ก่อนจะลุกเดินนำออกมา มันสองตัวก็บ่นเรื่องไม่อยากเรียนเล็กน้อย บ่นพอเป็นพิธีสุดท้ายก็ต้องเข้าด้วยความที่พวกผมอยู่ปีสาม งานต่าง ๆ ก็เริ่มเยอะขึ้น ผมรีบเคลียร์รายวิชาในหลาย ๆ รายวิชาให้จบภายในปีนี้ เพราะปีหน้าผมตั้งใจจะลงฝึกงานอย่างเดียว ไม่ลงเรียน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ผมคิดครับ ทุกวิชาที่ผมคำนวณสามารถจบได้ในภาคการเรียนที่สองหรือเทอมหน้าพอดี เพราะฉะนั้นพอขึ้นปีสี่ ผมก็ฝึกงานได้อย่างสบายใจฝึกงานของผม มันไม่ใช่แค่ฝึกนะครับ แต่มันคือการบริหารงานเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าจะลงฝึกงานของบริษัทอื่น แต่พี่ชายผมเฮียมาร์ตินน่ะสิครับ บอกให้ผมไปฝึกงานที่บริษัท และถ้าเฮียมันพูดมาแบบนี้ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย เลยจำใจต้องไปฝึกงานที่บริษัทของครอบครัวตัวเองแทนถามว่าดีไหมมันก็ดีแหละ ถือโอกาสเรียนรู้งานและบริหารไปด้วยโดยตรง แต่ ถึงผมไม่ได้มาฝึกงานที่บริษัทจริง ผมก็ทำงานบริหารที่นี่อยู่แล้วไหมอะ เฮียผมมันร้าย ที่มันบอกให้ผมมาฝึกงานที่นี่ เพราะมันจะหาเวลาไปม่อสาวอะดิ มันเป็นพี่ชายผมทำไมผมจะไม่รู้ไม่รู้มันกะล่อนเหมือนใคร คนบ้าอะไรใช้ร่างกายตัวเองโคตรเปลือง ผมนี่ยอมมั
“ชะนีแพรว ยังไง ช่วงนี้ตัวติดกับพี่มาร์คัสจังเลยนะยะ”“ใครว่าฉันอยากจะติดกับเขาเล่ายัยรัน มีแต่เขานั่นแหละมาบังคับขู่เข็ญและพาตัวเองมาติดกับฉันราวตังเมอยู่แบบนี้”ฉันตอบยัยรันอย่างอารมณ์ไม่ดีเพราะนี่ผ่านมาเป็นอาทิตย์ตั้งแต่วันที่เขารับส่งฉันวันนั้น เขาก็รับส่งฉันทุกวัน และที่ฉันอารมณ์ไม่ดีอยู่แบบนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันกับเขาทะเลาะกันเรื่องนี้น่ะสิพอฉันเถียงว่าไม่ต้องมารับจะมาเอง เขาก็โวยวายยกใหญ่ อ้างนั่นอ้างนี่ จบท้ายไม่มีใครยอมใคร เขาจึงกระชากฉันเข้าไปจูบ นี่ยังเจ็บปากไปหายเลย เหอะ“หรือว่าพี่มาร์คัสจะชอบแกวะแพรว”“อีตานั่นเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอกฟ้า”“แต่หวานคิดแบบฟ้านะ เราว่าพี่มาร์คัสชอบแพรวแน่ ๆ เลย ไม่งั้นจะมาคอยรับคอยส่งแพรวแบบนี้เหรอ”“ไม่ใช่หรอก เขาแค่ต้องการเอาชนะฉันเท่านั้นแหละ”ฉันตอบพวกมัน ทั้ง ๆ ที่ในใจฉันเต้นตึกตึกราวกับเสียงรัวกลองที่จริงที่ฉันไม่ให้พี่มันมารับมาส่งจนเราทะเลาะกัน ก็เพราะฉันกลัวใจตัวเองว่าจะชอบเขาไปมากกว่านี้นี่แหละ ฉันกลัวตัวเองจะหวั่นไหว ถึงฉันพยายามจะปิดกั้นเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผลยิ่งเขาดูแลฉันดีเท่าไหร่ ความรู้สึกที่ฉันพยายามกดและห
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน
ตั้งแต่ที่ฉันกับพี่มาร์คปรับความเข้าใจในวันนั้น ตอนนี้เรา สองคนก็ไม่มีอะไรปิดบังกันอีกแล้วค่า แล้วที่สำคัญพี่มาร์คดูแลฉันดีมาก ๆ ตามใจฉันโคตร ๆ ส่วนความหวานของคู่เราไม่ต้องพูดถึงนะคะ เขาขยันหยอดฉันมากค่ะเรื่องครอบครัวของฉันกับประวัติของฉันก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ของพี่มาร์คสอบถามและซักฟอกฉันไปเสียหมดทุกซอกทุกมุม เดิมทีตอนที่ท่านรู้ว่าฉันคืออลินครั้งแรก พวกท่านอยากจัดงานหมั้นให้ฉันกับพี่มาร์คเลย แต่ว่าฉันปฏิเสธไปเพราะยังไม่พร้อม ท่านก็เข้าใจนะคะ ยิ่งตอนนี้แก๊งผีเสื้อยังคงตามฉันอยู่ด้วยก็เลยยิ่งต้องระวัง ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับเหมือนเดิมระหว่างนี้ฉันกับพี่มาร์คก็แอบไปเยี่ยมพ่อของรันแล้วเรียบร้อย แต่ท่านยังไม่ได้บอกเหตุผลกับฉันนะคะว่าทำไมท่านถึงต้องถูกคนในแก๊งนั้นทำร้าย ซึ่งฉันก็ไม่ได้บังคับให้ท่านพูดอะไร ฉันคิดว่าถ้าท่านสะดวกใจเมื่อไหร่คงพูดเองส่วนตัวแล้วที่ฉันเคยบอกว่าคนในแก๊งผีเสื้อมีสองฝ่าย คือฝ่ายทำร้ายฉันกับฝ่ายที่พยายามปกป้องฉัน ฉันยืนยันคำเดิมว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ บางทีฉันคงเป็นคนสำคัญของอีกฝ่ายก็ได้มั้งคะ เลยมีทั้งคนที่ต้องการปกป้องและมีทั้งคนที่พยายามทำลายฉันแบบนี้เอาเถอะ ช่าง
11:00“รอนานไหมครับ”“ไม่นานค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ”“ไปครับ”ตอนนี้ทั้งผมและเธอก็นั่งอยู่ในรถเรียบร้อย ผมขับรถไปยังเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย ผมเห็นเธอมองข้างทางด้วยความแปลกใจ คงไม่ชินนั่นแหละ จะชินได้ไงผมจะพาเธอไปบ้านนี่เนอะ“พี่มาร์คจะพาแพรวไปกินข้าวที่ไหนคะ ทางนี้แพรวไม่คุ้นเลย”ผมยิ้มก่อนจะตอบไปว่า “พี่จะพาไปบ้านพี่ครับ”“ว่าไงนะคะไปบ้าน ไปทำไมคะ แพรวไม่พร้อม ทำไมไม่บอกก่อน แล้วสภาพนี้เหรอคะ พี่มาร์ค”“อย่ากังวลไปเลยครับ พ่อแม่พี่เขาอยากเจอเรานะ ไปหาพวกท่านกันเถอะครับ อ้อพี่จะบอกเรื่องที่แพรวคืออลินด้วยนะ พี่จำเป็นต้องบอกเพราะพ่อพี่จะได้เป็นหูเป็นตาเรื่องคนที่คอยทำร้ายตัวเราอีกที”“แต่พี่มาร์คก็ควรบอกกันก่อนสักนิด แพรวจะได้เตรียมตัวและเตรียมใจ”“หึหึหึ กลัวแม่สามีเหรอครับ”“บ้า แม่สามีอะไรกันเล่า”“แม่สามีน่ะถูกแล้ว เพราะเรียนจบยังไงแพรวกับพี่ก็ต้องแต่งงานกัน พี่ไม่ปล่อยเราไปไหนหรอกนะ”“พี่มาร์คบ้าชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลย”“พี่ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะ อย่างอื่นพี่ก็เอาด้วย”“พี่มาร์ค!”“ไม่แกล้งแล้วครับ ทำหน้าดี ๆ เร็ว ถึงซอยบ้านพี่แล้ว”ผมบอกคนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มขำกับอาการร้อนรนของเ
“อื้อ เช้าแล้วเหรอเนี่ย” ผมบิดตัวเพื่อสลัดอาการปวดเมื่อยร่างกายออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อวานหลังจากที่เรางอนง้อกัน และเธอตกลงเป็นแฟนผมเป็นที่เรียบร้อย ผมก็กอดจูบลูบคลำตามประสาผู้ชายตอดเล็กตอดน้อยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น ใจก็อยากทำอยู่หรอกแต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อยากให้น้องเป็นแค่แฟนไปก่อน เพราะถ้าเป็นเมียผมคงขังเธอไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่อ้อ เมื่อวานจริง ๆ แล้วผมไม่ได้โกรธจริงจังหรอกนะครับ แค่เหตุการณ์มันพาไป ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ดีนะ เธอบอกผมซะหมดเปลือกเลย ‘เรามันคนละชั้นกันอีหนู’เขาบอกว่าผู้หญิงซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มากมาย แต่เชื่อผมสิว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์กว่าเยอะ เพราะไอ้เมื่อวานผมแสดงทั้งนั้น สี่วันที่ไม่ได้คุยไม่ได้เจอเธอ บอกเลยว่าโคตรทรมานโคตรอยากกอดอยากหอม แต่ก็นั่นแหละดันไปรู้เรื่องที่เธอคือคนที่ผมตามหาเข้ามันก็เลยต้องสร้างสถานการณ์สักหน่อย ไม่งั้นเธอจะได้ใจที่ผมไม่โกรธหรืออะไรเธอเลย ผมต้องเหนือกว่าเธอสิครับ เธอจะมาเหนือผมมันไม่ได้!ผมจะเล่าย้อนกลับไปวันที่ผมรู้ความจริงให้ฟังนะ วันนั้นผมตื่นขึ้นมาแล้วไม