“ยัยแพรว ฉันปวดขาปวดน่องมากเลย ฮือ”“ใช่ หวานก็ปวดเหมือนฟ้าเลย จะยืนจะนั่งทีก็สุดจะบรรยาย”“ชะนี ฉันจะร้อง ฉันเหนื่อยมาก”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดกับยัยฟ้ายัยหวาน เสียงยัยรันนี่ก็แทรกเข้ามา ก่อนที่นางจะมาร่วมกลุ่มนั่งกับพวกฉัน“แกว่าพี่เขาจะว้ากเราต่อไหมวะ”“ไม่รู้อะรัน รอดู” ฉันพูด“เดี๋ยวแพรว แกไม่รู้สึกอะไรหน่อยเหรอวะ แกเห็นไหมเพื่อนเหนื่อยขนาดนี้ แล้วดูเพื่อนในรุ่นบางคนสิจะตายแล้ว แต่แกทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยเนี่ยนะ”“ยัยรัน แกอย่าลืมว่าฉันเป็นมาเฟีย แค่นี้ไม่กระทบฉันหรอก ฉันฝึกหนักกว่านี้เยอะ ถ้าจะให้รู้สึก อย่างมากก็แค่ตึงๆ ขาเท่านั้นแหละ”“จ้า แม่คนเก่ง แม่หญิงเหล็ก” พอฉันตอบ ยัยรันก็หันมาแขวะฉันแบบไม่จริงจังนัก“พี่มาร์คัสโคตรน่ากลัวเลยเนอะ หน้าโคตรนิ่ง ว้ากทีเสียวไปทั้งตัว ฉันโคตรกลัว”“ใช่ ๆ ยัยหวานพูดถูก คนอะไรน่ากลัวเป็นบ้า”“ยัยฟ้าที่แกกับหวานพูดมันก็ถูก แต่พี่เมฆกับพี่เลโอก็น่ากลัวเหมือนกันนะเว้ย แต่ว่าฉันอยากเห็นหน้าคนที่ใส่หน้ากากใส่หมวกอำพรางใบหน้ามากกว่าอะ ฉันอยากเห็นหน้าพวกเขา”ฉันมองยัยรันปลง ๆ มันไม่ใช่แค่ยัยรันหรอก คนอื่นก็อยากเห็นเหมือนกัน“นี่กี่โมงแล้วนะ เวลาก็ไม
“ยังไง ที่ผมถาม เมื่อไหร่จะตอบ”“ไม่ได้เป็นค่ะ”“ไม่ได้เป็นแล้วคุณกอดเอวประธานและลุกนั่งไปพร้อมกับมันได้ยังไง!”“ฉันก็แค่อยากช่วย”“ไม่ต้องยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ อยู่เฉย ๆ”“จะ..”ฉันกำลังจะพูดประโยคต่อไปเถียงกับพี่มัน ก็ถึงกับต้องปิดปากทันทีเมื่อเห็นสายตาวาวโรจน์ไม่พอใจอยู่ในนั้น เป็นสายตาเย็นชากรุ่นโกรธ จนฉันไม่กล้าคิดจะลองดี“กลับไปนั่งที่ เซอร์เวย์กี่โมงแล้วครับ”“จะสองทุ่มแล้วอีกสิบนาที”“เอาละ ผมจะปล่อยพวกคุณไปนอน ห้ามเสียงดังนะครับ ถ้าได้ยินแม้แต่เสียงเดียว ผมจะเรียกพวกคุณมาซ่อมและไม่ให้นอนเลยทั้งคืน ถ้าคิดว่าผมขู่จะลองดูก็ได้ ลุกออกไปเป็นกลุ่มเงียบ ๆ เชิญ!”จบคำพูดเขาเซอร์เวย์ก็เดินนำเราไปทีละกลุ่ม“ไปเข้าไป แล้วพากันนอนอย่าเสียงดัง”พวกฉันเข้ามาในห้องแล้วตรงไปยังจุดนอนของตัวเอง นอนเรียงกันยาว ๆ อบอุ่นดี ? เหอะ อุ่นจนร้อนเลยล่ะปัง ปัง ปัง ปัง!เข้ามาในห้องนอนได้แค่ครึ่งชั่วโมง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง แต่เสียงแบบนี้ไม่ได้เคาะหรอก เขาเรียกว่าทุบ!“ปีสอง ออกมา เร็ว เร็ว เร็ว! ให้ไว”“ช้า หมอบ หมอบเดี๋ยวนี้”“ลุก บอกว่ายังไง ห้ามเสียงดัง แล้วนี่มันอะไร!”“ไปวิ่ง!
“น้อง ๆ คะ ใส่ชุดเมื่อวานก็ได้นะคะ จะได้ไม่เปื้อนหลายชุด” ฉันหันไปมองพี่ปีสองนิดหน่อยก่อนจะหยิบข้าวของส่วนตัวไปอาบน้ำฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ด้วยเวลาที่มีจำกัดและคนที่เยอะมาก ๆ จึงไม่อยากใช้ห้องเดี่ยวนาน “แพรวอาบโคตรเร็ว”“ไม่ได้หรอกฟ้า คนมันเยอะ วิ่งผ่านน้ำไปก่อนก็แล้วกัน”ฉันตอบยัยฟ้าที่กำลังแต่งตัวอยู่ เนื่องจากฉันอาบต่อมัน มันก็เลยทัก“แพรวฟ้า พวกแกใส่ชุดเดิมปะ”“ไม่อะหวาน ชุดเน่าแล้ว ใครจะใส่ก็ใส่ ฉันใส่ชุดใหม่ดีกว่า ดำเหมือนเดิม”“ใช่ ๆ ฉันคิดเหมือนแพรว”“อื้อ หวานก็คิดงั้น ดีนะที่แพรวบอกให้พวกเราเอาแต่สีดำมา ไม่งั้นแย่แน่”ยัยหวานพูด ซึ่งฉันบอกให้พวกมันขนแต่เสื้อยืดกางเกงวอร์มสีดำมาจริง ๆ อย่างที่บอกมันไม่รับน้องมีที่ไหนที่รับแบบใส ๆ ไม่เปื้อนหรอก“แต่งตัวเสร็จหรือยัง ไปเถอะ ปะ!”ฉันเอ่ยชวนเพื่อนก่อนจะรีบออกมาจากห้องนอนตรงไปที่อาคาร มาถึงก็เจอพวกพี่กอล์ฟยืนรอก่อนแล้ว“ไงแพรว ไหวเปล่า”“หึ ไหวค่ะ แค่นี่เอง สบายมาก”ฉันตอบพี่กอล์ฟยิ้ม ๆ ซึ่งพี่มันก็ขำ แต่แล้วพี่มันก็ก้มหน้างุดเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ฉันเลยหันหลังกลับไปดูเท่านั้นแหละ พี่มาร์คัส เฮดว้ากตัวร้ายนี่เอง
ปรี๊ด!“ใครสั่งให้วิ่ง คลานมา คลานเข้ามา!”พอเสียงนกหวีดดังขึ้น พวกเราก็รีบวิ่งไปยังฐานที่สาม แต่พี่เซอร์เวย์ประจำฐานไม่พอใจ สั่งให้คลาน พวกฉันก็ต้องคลานเข้าไป“มาถึงแล้วก็แบกบันไดเหล็กนี่สิ”พวกฉันมองไปที่บันไดเหล็กที่ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดี ก่อนที่พวกฉันทั้งหมดจะช่วยกันแบกไว้“แบกแล้วก็ลุกนั่งยี่สิบครั้ง”“ยี่สิบครั้ง หนึ่ง สอง... สิบเก้า ยี่สิบ”“ขอธงได้ไหมครับ”“ไม่ได้ครับ”“ทำไมไม่ได้”“พี่เขาสั่งให้รักษาให้ดีครับ”“หึ เชื่อฟังกันเข้าไปพวกควาย! ไป ไม่ให้ธงก็ถอยหลังไปยืนตากแดด ใครไม่ไหวก็ถอยออกมา!”ฉันและเพื่อนยืนแบกบันไดเหล็กหนัก ๆ กลางแสงแดดจ้า ๆ บอกได้เลยว่าร้อนสุดๆ“ฐานนี้ชื่อว่าอะไร”“เทรดดิชัน มีความหมายว่าประเพณีครับ”‘Tradition (ประเพณี)’“ใช่ปีสองคุณพูดถูก ประเพณีหมายถึงการปฏิบัติสืบต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นประเพณีสงกรานต์ ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ นั่นก็คือการสืบต่อกันมาทั้งสิ้น ส่วนการรับน้องแบบนี้มันก็คือประเพณีของคณะเราเหมือนกัน สิ่งที่คุณแบกอยู่ไม่ใช่บันได แต่มันคือการสืบทอด การสานต่อกิจกรรมการรับน้องของคณะให้คงอยู่แก่รุ่นหลัง ๆ ต่อไป คำสอนที่พวกผมใช้สอนพวกคุณ พอถึงเวลา คุณก็ต
“มาถึงแล้วก็นั่งลงครับ พักให้หายเหนื่อยก่อน”“หิวน้ำไมครับ”“หิวค่ะ/ครับ”“ปีสองไปเอาน้ำมาให้น้องและตัวเองกินไป” “เมื่อกี้เป็นไงครับ เหนื่อยไหม”“เหนื่อยค่ะ/ครับ”“ฐานเมื่อกี้ชื่อว่าฐานอะไรคะ”“สปิริตค่ะ”‘Spirit (จิตวิญญาณหรือแปลว่าน้ำใจก็ได้ รวมถึงกำลังด้วย)’“เป็นไงบ้างครับ ได้แสดงสปิริตให้เฮดของปีนี้เห็นไหม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พี่เซอร์เวย์พูดก่อนจะหัวเราะออกมา แต่พี่ฐานนี้ไม่ใส่หมวกปิดหน้านะคะ“สปิริต คือ น้ำใจ พลัง กำลัง ที่พวกเราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีสิ่งนั้น รวมถึงต้องแสดงให้เฮดว้ากเห็นว่าคุณเข้าใจความหมายของคำว่าโซตัสอย่างแท้จริง บางคนอาจคิดว่าพวกพี่เถื่อน! รับน้องโหด มันไม่จริงเลยนะครับ ปีนี้เบาลงมาก ๆ แล้ว ถ้าเป็นสมัยพวกพี่คือสลบตั้งแต่วันแรกแล้วครับ”“ที่สำคัญนะคะที่พวกพี่รับน้องแบบระบบโซตัส ไม่ใช่ว่าพวกพี่อยากรับน้องโหด แต่พวกพี่อยากรับให้พวกน้องได้รู้ถึงแก่นแท้ของโซตัส ให้มันซึมซับไปในหัวของทุกคน ฐานสปิริตที่พวกน้องผ่านมาเมื่อกี้นี้ เป็นฐานที่น้องต้องแสดงออกถึงทุกความหมายของคำแต่ละคำ ไม่ว่าจะเป็นซีเนียร์ ออร์เดอร์ เทรดดิชั่น ยูนิตี้ และสปิริต”“ถ้าเป็นภาษาไทยก็ผู้อาวุโส คำสั่ง
“พวกคุณห่วงธงกันมากใช่ไหมครับ งั้นคุณดูนี่นะ”แควก แควก!“อึก ฮึก ฮือ”พี่มาร์คัสพูดก่อนจะฉีกธงทิ้ง ปีหนึ่งหลาย ๆ คนร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ฉันยังคงนิ่ง“ยังไงอะ มันขาดแล้ว ขาดแล้วก็ขาดไป คุณทำอะไรไม่ได้ มันก็แค่ธง แต่พี่คุณ คุณดู! คนที่เขาอยู่กับคุณมาเป็นเดือน ๆ ออกรับแทนพวกคุณ ทำกิจกรรมให้พวกคุณ พยายามทำให้พวกคุณสนุก ถ้าเขาเป็นอะไรไปขึ้นมา ถ้าเขาตาย คุณเอาชีวิตเขาคืนมาได้ไหมครับ”“ฮึก ฮือ ฮึก”“คุณเอาเขาคืนไม่ได้ แล้วทำไมคุณไม่ปกป้องเขาล่ะครับ คุณปล่อยให้เขาลุกนั่งเหนื่อยหอบแทบตายทำไม ถ้าสุดท้ายแล้วคุณก็จะเลือกธงนี่ เซอร์เวย์ครับ เผา! เผาต่อหน้าเลย เผื่อจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง”จบคำพูด ธงที่เราเคยรักษา ธงที่เขาฉีกทิ้ง ก็ถูกพี่เซอร์เวย์เผาไปต่อน้าต่อตา ถามว่าฉันรู้สึกเจ็บไหม ไม่หรอก มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาไม่ได้อะ“ปีสอง ลุกนั่งห้าสิบครั้ง”พรึบ!“จะไปไหนครับ”“จะไปช่วยพี่ค่ะ”“ใครสั่ง”“ไม่มีค่ะ แต่อยากช่วย”“ไม่ต้อง นั่งลงไป!”พี่มาร์คัสพูดกับฉัน จนเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ จะดึงให้ฉันนั่งลง ฉันนั่งมองพี่ปีสองโดนสั่งลุกนั่งครั้งแล้วครั้งเล่า วนไปวนมาจนเป็นร้อยครั้ง“ลุกนั่งห้า
หึ สวัสดีแพรวา ระวังตัวไว้ให้ดีล่ะ หลังจากนี้ไป ฉันจะล่าเธอฆ่า“เธอเป็นใครกันแน่... แพรว”ผมกำลังอ่านจดหมายที่ถูกขยำทิ้งอย่างยับยู่ยี่นี้อยู่ พอเปิดมาก็เป็นข้อความนี้ แถมยังลงท้ายข้อความว่า ฆ่า ที่ถูกเขียนด้วยภาษาจีนอีกอ้อ ความจริงแล้ว กระดาษข้อความนี่ผมเห็นแพรวทิ้งตั้งแต่ในค่ายแล้วล่ะครับ แต่พอเธอเดินจากถังขยะนั้น ผมก็รีบไปหยิบขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพิ่งจะมาเปิดก็ตอนกลับมาถึงคอนโดแล้วในข้อความบอกว่ามีคนกลุ่มหนึ่งจะล่าแพรวาหรือแพรว มันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าความจริงแล้ว เบื้องหลังของเธอมีอะไรซับซ้อนมากกว่าเด็กสาวทั่วไปกันแน่พอมาคิดดูดี ๆ แล้ว ถ้าสังเกตจริง ๆ แพรวแทบไม่มีอะไรเหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาปกติทั่วไปเลย เธอดูโตเป็นผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ ดูไม่กลัวใคร บางครั้งสายตาของเธอก็ทำให้ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาเหมือนครั้งนั้นครั้งแรกที่ผมสั่งทำโทษเธอให้เธอวิ่งรอบสนาม เธอใช้เวลาแค่สองนาทีต่อรอบ ต่อกรกับผมทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครกล้ามาก่อน ไหนจะสายตาที่เธอพูดกับมินนี่อีก สายตานั้นผมจำได้ติดตา สายตาที่พร้อมจะฆ่าทุกสิ่งอย่างถ้าล้ำเส้นเธอข้อมูลของเธอผมพยายามที่จะค้นหาสืบประวัติของเธ
“ชัยภพคือพ่อของเด็กผู้หญิงที่พ่อให้ผมตามหาใช่ไหมครับ”“อืม วันนั้นพ่อพยายามหาร่างเด็กผู้หญิงแต่ก็ไม่เจอ พ่อค้นหาทุกซอกทุกมุม ส่งคนออกตามหาแต่ก็หาไม่เจอเลยสักครั้ง มันแปลกนะมาร์คัส เด็กอายุแค่สิบสามปี ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปไหนได้เองหรอก”“พ่อกำลังจะบอกว่าเธอรอดชีวิตและมีคนช่วยเธอไว้ใช่ไหมครับ” ผมถามกลับไปถึงสิ่งที่ผมคิด“ใช่ และที่พ่อบอกให้แกเร่งมือหาน้อง เพราะตอนนี้คนพวกนั้นก็เร่งมือหาตัวน้องเหมือนกัน”“พวกไหนครับ”“พ่อก็ตอบไม่ได้ แต่พ่อรับรู้ได้ว่ามีคนพยายามตามหาน้องอยู่ มันไม่เชื่อว่าน้องตายไปพร้อมกับพ่อแม่แล้ว ลูกน้องพ่อบอกว่าพวกมันส่งลูกน้องไปซุ่มดูบ้านของอุษา นั่นหมายความว่ามันระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก”“นั่นหมายความว่าเด็กคนนั้นคงมีอะไรสำคัญกับพวกมันมากใช่ไหมครับ”“พ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อุษากับชัยภพเคยมาปรึกษาพ่อว่าเคยมีพวกมาเฟียติดต่อขอตัวน้องไปเลี้ยงเพราะเห็นว่าน้องเป็นเด็กอัจฉริยะ แล้วก็อีกเรื่องที่อุษาเคยปรึกษาพ่อก่อนหน้าที่ครอบครัวเธอจะถูกรอบทำร้ายคือ พวกเขารู้สึกเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา”“แล้วถ้าตัดประเด็นอัจฉริยะออกล่ะครับ มีเรื่องอะไรที่น่าสนใจอีกไหม เพราะถ้
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน
ตั้งแต่ที่ฉันกับพี่มาร์คปรับความเข้าใจในวันนั้น ตอนนี้เรา สองคนก็ไม่มีอะไรปิดบังกันอีกแล้วค่า แล้วที่สำคัญพี่มาร์คดูแลฉันดีมาก ๆ ตามใจฉันโคตร ๆ ส่วนความหวานของคู่เราไม่ต้องพูดถึงนะคะ เขาขยันหยอดฉันมากค่ะเรื่องครอบครัวของฉันกับประวัติของฉันก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ของพี่มาร์คสอบถามและซักฟอกฉันไปเสียหมดทุกซอกทุกมุม เดิมทีตอนที่ท่านรู้ว่าฉันคืออลินครั้งแรก พวกท่านอยากจัดงานหมั้นให้ฉันกับพี่มาร์คเลย แต่ว่าฉันปฏิเสธไปเพราะยังไม่พร้อม ท่านก็เข้าใจนะคะ ยิ่งตอนนี้แก๊งผีเสื้อยังคงตามฉันอยู่ด้วยก็เลยยิ่งต้องระวัง ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับเหมือนเดิมระหว่างนี้ฉันกับพี่มาร์คก็แอบไปเยี่ยมพ่อของรันแล้วเรียบร้อย แต่ท่านยังไม่ได้บอกเหตุผลกับฉันนะคะว่าทำไมท่านถึงต้องถูกคนในแก๊งนั้นทำร้าย ซึ่งฉันก็ไม่ได้บังคับให้ท่านพูดอะไร ฉันคิดว่าถ้าท่านสะดวกใจเมื่อไหร่คงพูดเองส่วนตัวแล้วที่ฉันเคยบอกว่าคนในแก๊งผีเสื้อมีสองฝ่าย คือฝ่ายทำร้ายฉันกับฝ่ายที่พยายามปกป้องฉัน ฉันยืนยันคำเดิมว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ บางทีฉันคงเป็นคนสำคัญของอีกฝ่ายก็ได้มั้งคะ เลยมีทั้งคนที่ต้องการปกป้องและมีทั้งคนที่พยายามทำลายฉันแบบนี้เอาเถอะ ช่าง
11:00“รอนานไหมครับ”“ไม่นานค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ”“ไปครับ”ตอนนี้ทั้งผมและเธอก็นั่งอยู่ในรถเรียบร้อย ผมขับรถไปยังเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย ผมเห็นเธอมองข้างทางด้วยความแปลกใจ คงไม่ชินนั่นแหละ จะชินได้ไงผมจะพาเธอไปบ้านนี่เนอะ“พี่มาร์คจะพาแพรวไปกินข้าวที่ไหนคะ ทางนี้แพรวไม่คุ้นเลย”ผมยิ้มก่อนจะตอบไปว่า “พี่จะพาไปบ้านพี่ครับ”“ว่าไงนะคะไปบ้าน ไปทำไมคะ แพรวไม่พร้อม ทำไมไม่บอกก่อน แล้วสภาพนี้เหรอคะ พี่มาร์ค”“อย่ากังวลไปเลยครับ พ่อแม่พี่เขาอยากเจอเรานะ ไปหาพวกท่านกันเถอะครับ อ้อพี่จะบอกเรื่องที่แพรวคืออลินด้วยนะ พี่จำเป็นต้องบอกเพราะพ่อพี่จะได้เป็นหูเป็นตาเรื่องคนที่คอยทำร้ายตัวเราอีกที”“แต่พี่มาร์คก็ควรบอกกันก่อนสักนิด แพรวจะได้เตรียมตัวและเตรียมใจ”“หึหึหึ กลัวแม่สามีเหรอครับ”“บ้า แม่สามีอะไรกันเล่า”“แม่สามีน่ะถูกแล้ว เพราะเรียนจบยังไงแพรวกับพี่ก็ต้องแต่งงานกัน พี่ไม่ปล่อยเราไปไหนหรอกนะ”“พี่มาร์คบ้าชอบเอาแต่ใจอยู่เรื่อยเลย”“พี่ไม่ได้เอาแต่ใจอย่างเดียวนะ อย่างอื่นพี่ก็เอาด้วย”“พี่มาร์ค!”“ไม่แกล้งแล้วครับ ทำหน้าดี ๆ เร็ว ถึงซอยบ้านพี่แล้ว”ผมบอกคนตัวเล็กพร้อมกับยิ้มขำกับอาการร้อนรนของเ
“อื้อ เช้าแล้วเหรอเนี่ย” ผมบิดตัวเพื่อสลัดอาการปวดเมื่อยร่างกายออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อวานหลังจากที่เรางอนง้อกัน และเธอตกลงเป็นแฟนผมเป็นที่เรียบร้อย ผมก็กอดจูบลูบคลำตามประสาผู้ชายตอดเล็กตอดน้อยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น ใจก็อยากทำอยู่หรอกแต่ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อยากให้น้องเป็นแค่แฟนไปก่อน เพราะถ้าเป็นเมียผมคงขังเธอไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่อ้อ เมื่อวานจริง ๆ แล้วผมไม่ได้โกรธจริงจังหรอกนะครับ แค่เหตุการณ์มันพาไป ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลยแต่ก็ดีนะ เธอบอกผมซะหมดเปลือกเลย ‘เรามันคนละชั้นกันอีหนู’เขาบอกว่าผู้หญิงซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มากมาย แต่เชื่อผมสิว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์กว่าเยอะ เพราะไอ้เมื่อวานผมแสดงทั้งนั้น สี่วันที่ไม่ได้คุยไม่ได้เจอเธอ บอกเลยว่าโคตรทรมานโคตรอยากกอดอยากหอม แต่ก็นั่นแหละดันไปรู้เรื่องที่เธอคือคนที่ผมตามหาเข้ามันก็เลยต้องสร้างสถานการณ์สักหน่อย ไม่งั้นเธอจะได้ใจที่ผมไม่โกรธหรืออะไรเธอเลย ผมต้องเหนือกว่าเธอสิครับ เธอจะมาเหนือผมมันไม่ได้!ผมจะเล่าย้อนกลับไปวันที่ผมรู้ความจริงให้ฟังนะ วันนั้นผมตื่นขึ้นมาแล้วไม