‘นายหัวภูคือเจ้านายของพวกเรา’
ทว่า ในเวลานั้นเองที่นายหัวภูของทุกคนต้องย้ายตามมารดากลับกรุงเทพฯกะทันหัน เนื่องจากมารดาของเขาเกิดป่วยกระเสาะกระแสะเรื้อรัง จึงต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
นับตั้งแต่นั้น นายหัวภูของทุกคนก็หายลับไม่ยอมกลับมาที่เหมืองอีกเลยเป็นเวลากว่าห้าปี...
ห้าปีที่เขาหายไป ราวกับแสงนำทางที่สวยงามค่อยๆริบหรี่จืดจางลง...
ภูเมฆเป็นดั่งแสงนำทางของเด็กทุกคนในเหมือง รวมทั้งเธอด้วย เขาเป็นความสวยงาม เป็นความหวังและเป็นความฝันที่เกินเอื้อม
“ขวัญคิดถึงคุณทุกวันเลยนะ” เธอกับเขาอายุเท่ากัน เกิดวันเดียวกัน และโตมาด้วยกันในเหมืองแร่ดีบุกแห่งนี้ ตอนยังเด็ก เธออยากมีเค้กวันเกิด อยากเป่าเทียนวันเกิด อยากขอพรจากเทวดานางฟ้า แต่พ่อแม่ไม่มีปัญญาจะหาของแบบนั้นมาให้ เลยทำได้แค่เอาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปเค้ก จุดเทียนสีขาวหนึ่งเล่มแล้วอธิษฐานขอพรจากดวงจันทร์
แต่ในวันเกิดปีที่สิบนั่นเอง ที่เธอได้ทำอย่างที่ฝันไว้ เมื่อนายหัวภูเอาเค้กวันเกิดของตัวเองมาให้เธอ และบอกว่าเขาไม่ชอบเค้กรสช็อกโกแล็ต...ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นรสโปรดของเขา !
“ขอบคุณนะคะ” ซึ่งนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอกับเขาได้เจอกัน เขาจากเหมืองไปโดยไม่ได้บอกลาใครเลย ห้าปีผ่านไปไร้จดหมายหรือการติดต่อกลับ ทุกคนคิดว่าเขาลืมที่แห่งนี้ไปแล้ว เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว
กระทั่งในช่วงปิดเทอมใหญ่นั่นเอง ในที่สุด เขาก็กลับมาที่เหมืองอีกครั้ง นายหัวภูในวัยสิบห้าปี กลายเป็นเด็กหนุ่มตัวสูงที่หล่อเหลาและเท่ระเบิด
“เขากลับมาแล้ว...เขากลับมาแล้ว!” ไม่มีใครไม่ดีใจที่เขากลับมา เธอรู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศในเหมืองกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ” วันเกิดปีที่สิบห้าของเธอ ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา เพราะปีนี้นายหัวภูกลับมาหาทุกคน เขาเปรียบเสมือนของขวัญที่เธอรอคอย
ตะวันบ่ายคล้อยในวันที่อุณหภมิหนาวเย็น แสงแดดละมุนอุ่นสวยเป็นสายในทุกอณูของผืนป่า เด็กสาวแสนสวยกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุขอยู่ในสระนางฟ้า ถ้ำสวรรค์กลางหุบเขาซึ่งเป็นดินแดนลึกลับของเหมืองที่ไม่เคยมีใครหาทางเข้าเจอ แน่นอนว่าความลับหอมหวานมักเลือกคนที่คู่ควรเสมอ และเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือก
ลำแสงอันอ่อนโยนของดวงตะวันที่ทอดผ่านต้นสนสูงใหญ่ราวกับเส้นทางสู่สวรรค์ เปิดประตูให้เธอก้าวเข้ามาพบกับสระน้ำสีฟ้าราวกับน้ำทะเลที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน“ที่นี่ต้องเป็นสวรรค์แน่เลย” สาวน้อยเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกาย ร่างระหงเปลือยเปล่าสวยงามก้าวย่างลงไปในสระด้วยความตื่นเต้น กายสวยแหวกว่ายน้ำอุ่นราวกับนางเงือกแสนสวยหรือไม่ก็นางฟ้า ขณะใครอีกคนที่ถูกเลือกให้เจอทางเข้าถ้ำสวรรค์ เขายืนนิ่งอยู่หลังโขดหินใหญ่ใกล้กับสระนางฟ้ามาสักพักแล้ว ดวงตาคู่คมตะลึงกับความงามหยดตรงหน้าราวกับถูกสะกดด้วยเวทมนต์ หัวใจของเด็กหนุ่มดิ้นหนักเหมือนจะทะลุออกจากอกเสียให้ได้“นางฟ้าหรือภูติผีกันแน่” เขารำพึงกับตัวเอง เหมือนคนกำลังพร่ำเพ้อละเมอหา หากไม่ใช่เพราะเสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุขดังแว่วมา...“ว๊าวววว ผีเสื้อเต็มเลย” และเสียงตื่นเต้นดีใจของเธอยามที่ผีเสื้อนับร้อยตัวบินมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ โอว มันช่างเป็นภาพที่ชวนตื่นตาตื่นใจเสียจริง ราวกับเป็นภาพวาดสีน้ำของจิตกรชื่อดัง หัวใจที่เต้นหนักทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ สองเท้าคิดจะถอยหลังแต่กลับพลาดเตะก้อนหินขนาดเท่ากำมือล่วงลงน้ำดังจ๋อม“ใครน่ะ!” ใบหน้าสว
ภูเมฆยอมยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วขยับฝีเท้าก้าวออกไปยืนบนลานหิน เพื่อแสดงตัวให้เธอเห็น ทำเหมือนยอมจำนน ทั้งที่ไม่ได้กลัวเกรงอะไรเธอเลยสักนิด แต่เพราะเขาอยากจะเห็นสีหน้าของเธอ ตอนที่เห็นหน้าเขาแบบเต็มตาต่างหาก เขาแค่อยากจะรู้ว่าเธอยังจำเขาได้หรือไม่“อะ!” ขวัญชีวาตกใจไม่น้อยที่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มวัยสิบห้าที่มีความสง่างามตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาคู่คมดุดันแฝงความเจ้าเล่ห์ลึกเร้น ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดยิ้มในอารมณ์แบบคนหยิ่งยโสและมั่นใจในตัวเอง เขาคือนายหัวภูเมฆที่แสนคิดถึง“เธอนั่นแหละคือใคร” น้ำเสียงก้องกังวานของเขากลบทุกสรรพเสียงรอบกายจนหมดสิ้น เธออึ้งจนลืมฟังคำถามของเขา...อึ้งที่เห็นเขาที่นี่ อึ้งที่นอกจากเธอแล้วยังมีอีกคนที่หาทางเข้าที่นี่เจอ“ผีหรือคน?” สายตาเจ้าเล่ห์ร้ายและยิ้มมุมปากของเขายามจดจ้องมองเธอ ทำให้เธอเกิดนึกขึ้นมาได้ว่าร่างกายของเธออยู่ในสภาพไหน“ว๊าย!” เธอรีบหยิบเสื้อผ้ามากอดไว้แน่น เพื่อปกป้องหน้าอกคู่โตเอาไว้ จึงทำให้มีดและปืนหลุดมือล่วงลงน้ำไป“เฮ๊ย! ไม่นะ..อยู่ไหนเนี่ย”เขาหัวเราะออกมา เธอเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาเห็นความกลัวของคนอื่นเป็นเรื่อง
“ไม่งั้นอะไร” ริมฝีปากกลิ่นมินต์ขยับเข้าใกล้ริมฝีปากของเธออย่างจงใจแกล้ง ซึ่งมันได้ผล ใจเธอเต้นระส่ำจนกายสั่นไปหมดแล้ว “ขวัญ...ชี...วา!”“หา!” เธอตกใจไม่น้อยที่เขารู้ชื่อเธอ “คุณ...รู้?”เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง แต่แววตาตื่นเต้นลนลานเหมือนคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย ยัยมอมแมม!”เธอตาเหลือก อ้าปากหวอ เขารู้ฉายาของเธอด้วยงั้นเหรอ “นายหัวภู ทำไม?”“คิดถึงนะ”“อะไรนะคะ” เธอต้องหูฝาดไปแน่ ๆ“ฉันคิดถึงเธอนะขวัญ ได้ยินมั้ย”“โกหก” แต่ใจเธอระทวยไปแล้ว “นายหัวภูเลิกล้อเล่นแล้วปล่อยขวัญได้แล้วค่ะ”“ไม่ปล่อย”“นายหัว”แววตาคู่คมร้อนแรงกว่าเดิมยามจดจ้องดวงตาใสสวยไร้เดียงสา “รู้รึเปล่าว่าฉันกลับมาแล้ว”เธอหลบสายตาเขา “รู้ค่ะ”“แล้วทำไมไม่เห็นไปหาเลย”“ก็...ขวัญ...ทำไมขวัญต้องไปหา”“เมื่อก่อนใครกันนะที่คอยตามไปทั่ว ใครกันที่แอบมองกันตลอด ไม่ได้ชอบเหรอ นึกว่าชอบเสียอีก”เขาจู่โจมแบบไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัวเลยล่ะ ผู้ชายกรุงเทพฯ น่ากลัวชะมัด !“ไม่เห็นแปลกเลยนี่คะ เด็กทุกคนในเหมืองก็...วิ่งตามนายหัวกันทั้งนั้นนี่คะ”“ไม่ยอมรับเหรอ”ริมฝีปากสวยเม้มแน่น “นายหัวภูต้องการอะไรจากข
“ฉันคิดถึงเธอมากรู้มั้ยขวัญ” น้ำเสียงกระซิบกระเส่าบ่งบอกถึงแรงปรารถนาจากภายใน ฝ่ามือลูบไล้สำรวจร่างกายสวยอย่างโหยหา “คิดถึงทุกวัน ทุกคืน”“ไม่เชื่อหรอกค่ะ คุณภูหายไปตั้งห้าปี โดยที่ไม่ได้ติดต่อใครเลย ทั้งอุ่น และดิน” เธอหมายถึงลูกคนงานที่เดินตามหลังเขาในสมัยเด็ก เด็กชายสุดทะโมนสองพี่น้องที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา “พวกนั้นคิดว่านายหัวภูลืมพวกเขาไปแล้ว”“แม่ฉันป่วยหนัก ฉันต้องดูแลแม่ตลอดเวลา ไม่อยากติดต่อใครเพราะไม่อยากให้ใจเตลิด ห้าปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกผิดกับแม่ ที่เอาหัวใจส่วนหนึ่งไปคิดถึงเธอ ทุกปีเวลาถึงวันเกิดของเรา ฉันจะอวยพรเสมอ”“อวยพรอะไรคะ” หัวใจเธอสั่นรัวไปหมดแล้วนะ หากนี่เป็นแค่ความฝัน เธอก็ไม่อยากตื่น“อวยพรให้เธอไม่ลืมฉัน ให้เธอชอบฉันคนเดียว และรอฉันอยู่ที่นี่ ไม่มีทางหนีไปไหนได้”“คุณภู!” หัวใจเธอระทวยจนไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว เธอโดนเขาสาปด้วยความยินยอมพร้อมใจ“ฉันไม่แน่ใจว่ามันคือความรักรึเปล่า แต่ใจฉันไม่เคยเต้นหนักเท่าวันนี้มาก่อนเลย ได้ยินมั้ยขวัญ เสียงหัวใจของฉัน มันกำลังพูดอะไรอยู่”“คุณภูกะล่อน”เขายิ้ม ก้มเข้าหาแก้มอุ่นแล้วจูบหอมอย่างเอาแต่ใจ ไม่ยอมฟังเสียงห้ามปรา
ในช่วงเดือนพฤษภาคมเมื่อสิบปีก่อน ถ้ำสวรรค์กลายเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับเธอและเขา ความลับที่แสนตราตรึงถูกเก็บซ่อนไว้ที่นั่น การนัดหมายเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยไม่มีใครรู้เวลาเกือบเดือนที่แอบคบหากันฉันท์คนรัก มันเป็นเวลาแห่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน“อ่า...” เธอกับเขากอดจูบกันอย่างดื่มด่ำ แม้ไม่เคยก้าวข้ามขอบเขตที่วางไว้ แต่หัวใจก็สั่นไหว โอนอ่อนผ่อนตามแรงปรารถนาจนแทบหยุดไม่ได้ทุกครั้ง “ขวัญจ๋า...ที่รักของเค้า” สองร่างกอดจูบนัวเนียเคล้าคลออยู่กลางสระนางฟ้า ขณะแสงจันทร์อาบคลุมไปทั่วบริเวณ แสงสีทองจากตะเกียงเจ้าพายุส่องให้เห็นความสวยงามของถ้ำสวรรค์ที่ถูกสรรค์สร้างอย่างตระกรานตาจากธรรมาติ “คุณภู” น้ำเสียงออดอ้อนครวญครางเรียกหาเขา กระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ของเขาให้กระเจิงกระจายไปทั่วร่าง กายแกร่งกอดรัดรึงรัน ลำร้อนภายใต้กางเกงขายาวดิ้นเดือด แข็งคัด เจ็บหน่วงเหมือนจะระเบิด“เค้าไม่ไหวแล้วขวัญ...ซี๊ดส์อ่าห์...ไม่ไหว” เสียงกระเส่ากระสันบ่งบอกถึงอารมณ์สุดต้านทาน ก่อนความสุขจะฉีดพล่านออกมาไม่ยั้ง “โอววว...”“อือ...อือ...” เธอจูบแลกลิ้นกับเขาอย่างเมามันส์ ขณะนิ้วแกร่งกดคลึงปุ่มกระสันกลา
“ป่านนี้แล้ว ทำไมพี่กลอยยังไม่กลับบ้านอีกนะ งานก็เลิกตั้งนานแล้วนี่นา” เธอพยายามโทรศัพท์หาพี่สาว แต่เครื่องกลับปิด เมื่อโทรไปที่สำนักงานก็ไม่มีคนรับสาย หากจะออกไปดูที่สำนักงานด้วยตัวเองก็เกรงว่าจะเกิดอันตราย ทั้งสภาพเส้นทางที่เปียกแฉะ สัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ นานา หรือแม้แต่มนุษย์ คนงานเกือบพันคนไม่ได้น่าไว้ใจทุกคน“หรือว่า...ขอให้อุ่นช่วยดีกว่า” ละอุ่นเป็นลูกชายของหัวหน้าคนงาน ซึ่งอยู่บ้านพักใกล้กัน น้องชายของเขาชื่อดินแดน อายุห่างจากพวกเธอสามปี ทั้งคู่เป็นลูกน้องคนสนิทของภูเมฆ นิสัยดีน่ารักทั้งคู่ โดยเฉพาะละอุ่น ที่เรียนห้องเดียวกับเธอมาตลอด เขาจะคอยดูแลและปกป้องเธอเสมือนเธอเป็นน้องสาวของเขาคนหนึ่ง“ขวัญ! มาทำไม ฝนตกแบบนี้!” ทันทีที่ละอุ่นเปิดประตูมาเห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เขาก็โวยวายใหญ่ ตามนิสัยเป็นห่วงเกินเหตุของเขา“พ่อใหญ่อยู่รึเปล่า” เธอหมายถึงพ่อของละอุ่น ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน “กลับมาจากสำนักงานรึยัง”“กลับมาตั้งนานแล้วนะ ตอนนี้อาบน้ำอยู่ มีอะไรเหรอ เข้ามาก่อนสิ”“พี่กลอยยังไม่กลับบ้านเลย ไม่รู้ไปติดฝนอยู่ที่ไหน เราเป็นห่วงพี่กลอย โทรไปก็ไม่ติด”“อาจติดฝนอยู่ที่สำนักงาน
เขาตะโกนใส่หน้าบิดาด้วยอารมณ์โทสะรุนแรง ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินออกมา‘คุณภู’ เขาเดินผ่านหน้าเธอไป โดยไม่คิดจะหันมองแม้แต่หางตา สายตาและสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชังขวัญชีวาตัดสินใจวิ่งตามภูเมฆออกไปที่หลังโรงพยาบาล เพราะเป็นห่วงจิตใจของเขา“คุณภู! เดี๋ยวสิคะคุณภู!” เธอคว้าจับมือเขาไว้ แต่โดนเขาสะบัดอย่างแรง“อย่ามายุ่งกับฉัน!!!!”ดวงตาคมดุคลอน้ำเพราะความแค้นปนเสียใจ จ้องมองเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ“คุณภูจะโกรธเกลียดจะด่าทออะไรขวัญก็ได้ค่ะ แต่คุณภูอย่าไปเลยนะคะ...ขวัญจะชดใช้ให้คุณภูเอง ไม่ว่าคุณภูจะต้องการอะไร”“เอาแม่ฉันกลับคืนมาได้มั้ยล่ะ!!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอ สายตาของเขาเหมือนจะฆ่าเธอได้ ความรักแสนหวานไม่เหลือในดวงตาคู่นี้อีกแล้ว “ถ้าเธออยากชดใช้นะ พาพี่สาวของเธอออกไปจากเหมืองซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าพี่สาวเธอด้วยมือของฉันเอง!!”ขวัญชีวาน้ำตาไหลพราก อาบสองแก้มที่แดงเรื่อ ริมฝีปากสั่นพร่า หัวใจเจ็บปวดไปหมด“คุณภู ขวัญขอโทษ”“เธอรู้มาตลอดใช่มั้ย” เขาชี้หน้าเธออย่างคาดคั้น “พี่สาวเธอมันงูพิษ!”“ไม่ค่ะ ขวัญไม่เคยรู้เลย ขวัญเสียใจนะคะ”“พอที! พอได้แล้ว แล้วก็ไปซะ! อย่าอยู
เขาจะกลับมาเหรอ...ขนาดพ่อป่วยใกล้ตายแบบนี้ เขาก็ยังไม่ยอมกลับมาเหยียบเลย เขาคงจะเกลียดที่นี่จับใจไปแล้ว“หนูก็แค่เสมียนตัวเล็ก ๆ จะไปสอนงานคุณภูได้ยังไงกันคะ” เธอถ่อมตัวเสมอ “นายหัวนั่นแหละค่ะ ที่จะต้องเป็นคนสอนงานคุณภู”นายหัวเกริกยิ้มเหนื่อยอ่อน “ไม่รู้ฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนน่ะสิ ยังไงก็ฝากหนูขวัญช่วยดูแลยัยรุ่งด้วยนะ ยัยรุ่งเป็นเด็กน่าสงสาร ฉันเองไม่ค่อยจะใส่ใจสักเท่าไหร่ ฉันเป็นพ่อที่ไม่ดีนัก”“ไม่จริงค่ะ นายหัวเป็นพ่อที่ดีมาตลอด และอีกไม่นาน นายหัวจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ สู้ ๆ นะคะ ทุกคนรอนายหัวอยู่”แม้ทุกคนจะรออยู่ แต่ก็ไม่อาจฟื้นฟูกำลังใจของคนวัยหกสิบได้ เขาอ่อนแอลงทุกวัน สายตาสิ้นหวังเอาแต่มองประตูห้องอย่างหมายมั่น หวังลึก ๆ ว่าจะได้เห็นหน้าลูกชายอีกสักครั้งก่อนตาย“เฮ่อ...ทำไมใจดำอย่างนี้” เธออดตัดพ้อไม่ได้ เมื่อนึกถึงนายเหมืองผู้น่าสงสาร ขณะแช่ตัวอยู่ในสระนางฟ้า เปลือยกายล่อนจ้อนแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำอุ่นที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกไม้ป่า ปลายฤดูร้อนของปีนี้ ดอกไม้หลากสีสันยังสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขาหลังเคลียร์งานเสร็จในช่วงบ่ายของวันนี้ เธอก็รีบตรงมาที่ถ้ำสวรรค์เลย เพราะ
“น้องสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ” กลอยใจกับรุ่งอรุณมาถึงพอดี รีบเข้ามาหาคุณหมอ แล้วแสดงตัว “ฉันเป็นพี่สาวของคนไข้ค่ะ ฉันเป็นเจ้าของไข้”คุณหมอมองหน้าภูเมฆ ซึ่งบอกว่าเป็นสามีของคนไข้ก่อนหน้านี้ พอเห็นหน้าเจื่อน ๆ ของภูเมฆก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงเป็นแค่สามีทางพฤตินัย แต่ยังไม่ได้เป็นสามีในทางกฎหมาย“เธอปลอดภัยแล้วครับ แต่ไข้ยังขึ้นสูง คงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักคืนสองคืนถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนเด็กในท้อง ก็ปลอดภัยดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร สบายใจได้”“อะไรนะคะ” ทั้งกลอยใจและรุ่งอรุณอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ และงงงันละอุ่นหันมองหน้าเจ้านาย ด้วยสายตาเอาเรื่อง เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ“อุ่น!” กลอยใจหันมาคาดคั้นกับล่ะอุ่น เพราะสองคนนี้สนิทสนมกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด“ไม่ใช่อุ่นหรอกครับ” ภูเมฆเอ่ยขึ้น “ผมเอง ผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง เราสองคนแอบคบกันมาสักพักแล้ว ผมจะแต่งงานกับขวัญครับ”“คุณภู!” กลอยใจไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นายภูเมฆที่บอกว่าเกลียดครอบครัวเธอนักหนา เพิ่งบอกว่าจะแต่งงานกับน้องสาวของเธอ ?“จริงหรือคะพี่ภู ดีใจจังเลย รุ่งกำลังจะมีหลานใช่มั้ยคะ เย้ๆ” ภูเมฆลูบศีรษะน้องสา
“คุณไม่ได้ฝันไป นี่ผมเอง ขี่หลังผมนะ” ภูเมฆยิ้มให้เธอ ก่อนจะช้อนร่างเธอขึ้น แต่ชะงักเสียก่อน เพราะดันเห็นรอยเลือดจางไหลเป็นทางบนขาอ่อน “ขวัญ...”“ขวัญรักคุณภูนะคะ” เธอยื่นมือลูบแก้มสากของภูเมฆด้วยความรักล้นอก ขณะภูเมฆหน้าซีดสั่น หัวใจสะท้านไปทั้งดวง “รักเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน”น้ำตาของชายหนุ่มไหลริน “ผมก็รักคุณ ผมรักคุณมากนะขวัญ เพราะงั้น คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ผมจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้ เรากลับออกไปนะ”“จะออกไปได้ยังไงคะ ทางมันปิดไปแล้ว และฝนก็ยังไม่หยุดตกซะที คุณภูรีบออกไปเถอะค่ะ ก่อนที่น้ำมันจะท่วมถ้ำนี้ นะคะคุณภู”“จะให้ผมทิ้งคุณเหรอ”“ชีวิตคุณมีค่ากว่าขวัญ ไปเถอะค่ะ”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน!”“คุณภู”ภูเมฆก้มเข้าหาใบหน้าสวย ประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม พร้อมกอดร่างนุ่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขากอดเธอไว้อย่างนั้น ไม่ยอมทิ้งเธอไปไหน แม้เธอจะอ้อนวอนร้องขอ แต่เขาก็ไม่ฟัง...“ผมขอโทษที่ผมทำร้ายคุณนะขวัญ”“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญเข้าใจคุณ”น้ำตาของเขาไหลไม่หยุด ปากพร่ำแต่คำว่าขอโทษ “ผมขอโทษที่ทำให้เราสองคนต้องมาเป็นแบบนี้ ทั้งที่เราสองคนรักกัน ผมมันโง่ที่สุดเลย ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้ลงคอ ผ
“น้าขวัญน่ะสิ ไม่รู้หายไปไหน ที่บ้านพักก็ไม่อยู่ รุ่งรู้รึเปล่าว่าน้าขวัญไปไหน น้าได้บอกอะไรหนูรึเปล่า”ภูเมฆรอคำตอบด้วยใจจดจ่อ แต่รุ่งอรุณกลับบอกเหมือนกับทุกคน วันนี้เธอยังไม่เจอน้าขวัญเลยสักครั้ง“ฝนตกหนักซะด้วย ไม่รู้จะเกิดอันตรายขึ้นรึเปล่า” ความกังวลของกลอยใจ ทำให้ภูเมฆเริ่มปวดหัว เดินพล่านเหมือนคนหาทางออกไม่เจอ“น้าขวัญไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” รุ่งอรุณปลอบประโลมมารดาไปตามประสาเด็ก “อาจจะไปสปาก็ได้ น้าขวัญเคยบอกว่าถ้าช่วงไหนเหนื่อย ๆ ก็จะไปสปา”“สปาที่ไหน?”“หรือว่า...” อยู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวของภูเมฆ เมื่อคิดได้ว่ายังมีอีกที่...ที่เธอมักใช้เพื่อซ่อนตัวจากโลกใบนี้ !ใช่แล้ว...ขวัญชีวาหอบความเจ็บปวดหนีมาหลบอยู่ที่ถ้ำสวรรค์ หนีมาตั้งหลักพักใจ หวังให้สายน้ำอุ่นในสระนางฟ้าช่วยชำระความเจ็บปวดให้ทุเลาเบาบางลงแต่มันก็ไม่ได้ผล ดูเหมือนที่แห่งนี้จะทำให้หัวใจของเธอยิ่งบอบช้ำหนัก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะเห็นความทรงจำซ่อนอยู่“คุณภู...”ความจริงเธอคิดจะมารอเขานั่นแหละ เธอไม่ได้เชื่อคำพูดของกีรติร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ก็แอบลังเลใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง เธอจึงอยากจะถามเขาให้แน่ใจเสียก่อ
“งั้นเหรอ?”“เป็นความจริงรึเปล่าภู” กีรติยังแกล้งตีหน้าซื่อ “เรื่องที่เธอบอกว่านายให้มาหา นายกับเธอ มีอะไรกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง?”“แล้วนายทำอะไรเธอรึเปล่า” ภูเมฆไม่คิดปฏิเสธ แต่ก็ไม่ตอบคำถาม “อยากบอกอะไรฉันมั้ย?”“ฉันจะทำอะไรเธอได้” กีรติแอบหน้าเสีย แต่พยายามปั้นหน้าไม่ให้มีพิรุธ “เธอต่างหากที่ทำร้ายฉันแล้วหนีไป ฉันว่านายไม่ควรเก็บงูพิษไว้ใกล้ตัวนะ”“งั้นสินะ!” เขาไม่ควรเก็บงูพิษไว้ใกล้ตัวขณะนั้นเอง...อยู่ ๆ สายฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ราวกับฟ้าพิโรธ...เสียงฟ้าลั่นฟ้าร้องดังครืดคราดไปทั่วทั้งผืนฟ้า ลมพายุรุนแรงกระหน่ำจนต้นไม้ไหว “นายหัวครับ นายหัว!!” เสียงของละอุ่นนั่นเองที่ตะโกนเรียกเขาอย่างร้อนใจมาจากข้างล่าง ตะโกนแข่งกับสายฝนและลมแรงน่ากลัว ภูเมฆไม่รอช้ารีบลงไปหาละอุ่นที่ใต้ถุนบ้าน เพราะตัวเขาเองก็มีเรื่องร้อนใจจะถามละอุ่นเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าขวัญชีวาปลอดภัยดี“แย่แล้วนายหัว! ฝายกั้นเหนือเขื่อนพัง ตอนนี้น้ำลงไปขังในเหมืองเต็มแล้วครับ ต้องไปช่วยกันยกเครื่องจักรและขนเครื่องมือบางส่วนขึ้นมาครับ”“งั้นเหรอ...แล้วขวัญล่ะ?” ละอุ่นชะงัก “วันนี้ผมยังไม่เจอขวัญเลยครับ เ
“คุณนี่มันทุเรศจริง ๆ !!”เธอด่าเขาแล้วหันหลังจะกลับ แต่โดนเขารวบตัวไว้ได้ แล้วฉุดลากเข้าห้องนอนทันที“อื้อ อื้อ!!” เธอพยายามขัดขืนดิ้นรนสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของหนุ่มจอมหื่นได้“เนื้อตัวหอมชะมัดเลยวุ๊ย”“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”“ฉันปล่อยแน่ แต่เธอต้องนอนกับฉันก่อน”“สารเลว! คุณภูช่วยด้วย!”“ฮ่า ๆ จะไปร้องเรียกเขาทำไม เธอคงไม่รู้สินะว่าเขาเป็นคนเปิดทางให้เราเอง ไม่งั้นเขาจะนัดเธอมาให้ฉันเหรอ ยัยโง่!! อย่าซื่อบื้อไปหน่อยเลย!!”อะไรนะ...เธอหนาววูบไปทั้งตัวเลย เมื่อรู้ว่าเธอถูกหลอกมาอย่างเลือดเย็น “ไม่จริง!”“จริงสิ! เขาบอกว่าใช้ห้องเขาตามสบายเลย ยังบอกด้วยว่าเธอมันเผ็ดร้อนสุด ๆ รับรองว่าฉันต้องสนุกจนลืมที่นี่ไม่ลงเลยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ”ขวัญชีวานิ่งอึ้ง หัวใจแตกสลาย ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ...เป็นไปไม่ได้“ปล่อยฉัน!” เธอดิ้นสุดชีวิต จนเกือบจะหลุดจากพันธนาการร้าย ชายหนุ่มจึงต่อยหน้าท้องเธออย่างแรงเพื่อปราบพยศ “โอ๊ย!”ความเจ็บที่เกิดกับร่างกาย ยังไม่เท่ากับความเจ็บที่เกิดในหัวใจ ความโกรธแค้นทำให้เธอทนไม่ไหว ออกแรงอีกครั้งด้วยการแตะผ่าหมากชายชั่วไปเต็มตีน“โอ๊ยยยยย!” กีรติหน้าเขียวปั๊ด ก
“ของเล่นน่า”“เลิศค่ะ” กานต์สินียิ้มอย่างสะใจ แทบจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว...เช้าวันต่อมา...ขวัญชีวารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนลุกจากที่นอนแทบไม่ไหว แรงสวาทไม่ปรานีเธอ ลงโทษความอ่อนแอของเธอด้วยการดูดพลังเธอไปจนหมด“ไม่ได้ เราจะอ่อนแอไม่ได้” เธอบอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ แล้วออกไปทำงานซะ อย่าให้ใครดูถูกได้ว่าเป็นจอมสำออย ชอบเรียกร้องความสนใจแต่วันนี้เธอออกจากบ้านพักสายกว่าทุกวัน อาจเป็นวันแรกในรอบปีที่เธอไปทำงานสาย ขณะที่เธอกำลังล็อคประตูบ้านอยู่นั่นเอง...“นี่ยัยขวัญ!” ยะหยาเข้ามาหาเธอ ด้วยท่าทีมึนตึงไม่พอใจ สอดมือกอดอก มองเธอด้วยสายตาดูถูก “เมื่อคืนเธอกับอุ่นออกมาด้วยกันใช่มั้ย มาพลอดรักกันที่บ้านล่ะสิ ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบอุ่นไง แล้วทำไมยังพยายามยั่วยวน ให้ความหวังเขาอีก”“เธอเข้าใจผิดแล้วยะหยา เมื่อคืนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน และฉันไม่เคยยั่วใคร”“งั้นเหรอ แต่ฉันเห็นอุ่นออกมาจากบ้านของเธอนะ ตกลงจะเอาไง เธอจะไม่ปล่อยอุ่นแน่ ๆ ใช่มั้ย”“ฉันกับอุ่นเป็นแค่เพื่อนกัน” เธอย้ำให้ยะหยาเข้าใจอีกครั้ง แม้มันจะเสียแรงเปล่า“ให้มันจริงเหอะ! ฉันจะคอยดู”“อย่ามัวแต่คอยดู ถ้าเธอชอบอุ่นจริง เธอก็ค
“โอ๊ะ!” เสียงครางอย่างสุขสมของภูเมฆ บอกว่าเขาถึงจุดสุดยอดแล้ว น้ำอุ่นที่ไหลรินอยู่ในช่องสวาทของเธอ กัดกลืนความสุขสมจนเหลือเพียงความเศร้าเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกจริง ๆ ว่าเธอเป็นนางบำเรอของเขา นางบำเรอที่แสนไร้ค่าและไร้ตัวตน“อ่าห์...” หลังจากเสพสมจนเสร็จสมแล้ว เขาถึงรู้ว่าตัวเองทำเกินไปมาก เสียงสะอื้นแผ่วเบาของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อย แต่จะให้เขาขอโทษ มันก็ใช่เรื่อง “ไม่ต้องสำออยหรอกน่า ใช่ว่าครั้งแรกซะหน่อย ต่อไปก็อย่าทำตัวไม่ดีอีก”เธอทำตัวไม่ดียังไง เธออยากจะถามเขาสักคำ แต่เลือกจะเงียบ เพราะอยากให้เขาไปเสียที“ห้ามผู้ชายคนอื่นแตะเนื้อต้องตัวอีกนะ ไม่งั้นจะมีคนเจ็บตัวเพิ่ม!”เธอพลิกกายหันหลังให้เขา เพื่อเก็บซ่อนดวงตาบอบช้ำ และหัวใจที่แตกสลาย“ฮึ่ม...” ภูเมฆไม่พอใจที่เธอเมินเฉยใส่เขาแบบนี้ เขาเกือบจะคว้าร่างเธอมาทำโทษ แต่เสียงสะอื้นของเธอทำให้เขาหยุดตัวเองไว้ ‘ขวัญ’ จากไม่พอใจ กลับกลายเป็นความสับสนกระวนกระวาย ได้แต่ร่ำร้องเรียกหาเธอในใจ แต่ไม่อาจเอ่ยคำปลอบโยนออกมา เพราะทิฐิมันไม่ยอมให้เขาอ่อนข้อให้เธอ ซึ่งเป็นน้องสาวของศัตรู !“หายไปไหนมาคะคุณภูขา??” กานต์สินีอ
“ไปส่งที่บ้านหน่อยสิอุ่น ขวัญอยากพักแล้ว”“ก็ได้”เมื่อขวัญชีวากับล่ะอุ่นเดินไปจนไกลแล้ว ภูเมฆถึงก้าวออกจากที่ซ่อน มองสองร่างด้วยความคลั่ง ความรู้สึกไม่พอใจแล่นลามไปทั้งตัวจนควบคุมตัวเองแทบไม่ไหว “บอกแล้วไง ว่าอย่า!” เขาทั้งโกรธทั้งเจ็บใจตัวเองที่พอไม่เห็นเธออยู่ในงาน ก็รีบแจ้นออกมาตามหา แต่สุดท้าย ก็ต้องมาเห็นว่าเธอกับละอุ่นนัดมาพลอดรักกัน“เจอดีแน่ เตือนแล้วไม่ฟัง!” เมื่อถึงบ้านพัก ขวัญชีวาก็ไล่ให้ละอุ่นกลับไปที่งานเลี้ยงทันที เพราะเธอนึกห่วงสวัสดิภาพของละอุ่น กลัวว่าเขาจะโดนเจ้านายเขม่นจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง เธอไม่อยากเป็นสาเหตุสร้างความเดือดร้อนให้ใครส่วนตัวละอุ่นเองแม้จะเป็นห่วงขวัญชีวาแค่ไหน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่เหมาะสม หากเขายังยืนยันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอในบ้านแบบสองต่อสอง เพราะเธออาจถูกนินทาว่าร้ายจนเสียชื่อได้ เมื่อล่ะอุ่นกลับออกไปแล้ว ขวัญชีวาจัดการลงกลอนจนสนิทแน่น แล้วตรงเข้าห้องนอน ตั้งใจจะพักให้หายเหนื่อยเสียหน่อย อย่างน้อยได้พักใจสักครู่ก็ยังดี ก๊อก ๆ แต่ไม่ทันที่เธอจะล้มตัวลงนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน ด้วยคิดว่าเป็นละอุ่นที่อาจย้อนกลับมา จึงรีบออกมาเปิ
ขณะเสียงปรบมือและโห่แซวดังลั่นระงมไปทั่ว แต่ขวัญชีวากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่เต้นช้าลงไปทุกที...อ่า...ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดว่าอย่าคาดหวัง อย่าน้อยใจ อย่ารู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เธอกลับตั้งรับมันไม่ไหวสีหน้าเปี่ยมสุขของภูเมฆยามมองผู้หญิงคนนั้น มือของเขาที่จับมือของผู้หญิงคนนั้นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย บอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง บอกว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นจนหมดหัวใจ...ขวัญชีวาเดินออกจากงานมาอย่างเงียบ ๆ คิดจะกลับไปตั้งหลักที่บ้านพัก แต่ยังไปไม่ถึงไหน เธอโดนใครบางคนฉุดมือไว้เสียก่อน“ว่าไงคนสวย!”“เอ๊ะ...” เธอตกใจและแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่จู่โจมเธออย่างไร้มารยาท แถมทั้งยังพูดจาแทะโลมไม่ให้เกียรติ คือกีรติ เพื่อนไฮโซของภูเมฆ“คุณเป็นแขกของนายหัวนี่!”“ใช่ ผมเป็นคนสำคัญของเจ้านายคุณ”เธอแกะมือเขาออกอย่างรังเกียจ “คราวหลังอย่าทำอย่างนี้นะคะ ฉันไม่ชอบ!”“แต่ผมชอบ” เขายิ้มร้าย ย่างสามขุมเข้าหาเธอเพื่อจะรวบตัวเธอให้สมใจ “ชอบมากเลยล่ะ”“คุณคงเมาหนัก ฉันว่าคุณกลับไปที่งานเถอะ”“ผมไม่ได้เมา” ใช่แล้ว...ตัวเขาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์จริง ๆ นั่นแหละ มันทำให้