“ป่านนี้แล้ว ทำไมพี่กลอยยังไม่กลับบ้านอีกนะ งานก็เลิกตั้งนานแล้วนี่นา” เธอพยายามโทรศัพท์หาพี่สาว แต่เครื่องกลับปิด เมื่อโทรไปที่สำนักงานก็ไม่มีคนรับสาย หากจะออกไปดูที่สำนักงานด้วยตัวเองก็เกรงว่าจะเกิดอันตราย ทั้งสภาพเส้นทางที่เปียกแฉะ สัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ นานา หรือแม้แต่มนุษย์ คนงานเกือบพันคนไม่ได้น่าไว้ใจทุกคน
“หรือว่า...ขอให้อุ่นช่วยดีกว่า” ละอุ่นเป็นลูกชายของหัวหน้าคนงาน ซึ่งอยู่บ้านพักใกล้กัน น้องชายของเขาชื่อดินแดน อายุห่างจากพวกเธอสามปี ทั้งคู่เป็นลูกน้องคนสนิทของภูเมฆ นิสัยดีน่ารักทั้งคู่ โดยเฉพาะละอุ่น ที่เรียนห้องเดียวกับเธอมาตลอด เขาจะคอยดูแลและปกป้องเธอเสมือนเธอเป็นน้องสาวของเขาคนหนึ่ง
“ขวัญ! มาทำไม ฝนตกแบบนี้!” ทันทีที่ละอุ่นเปิดประตูมาเห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เขาก็โวยวายใหญ่ ตามนิสัยเป็นห่วงเกินเหตุของเขา
“พ่อใหญ่อยู่รึเปล่า” เธอหมายถึงพ่อของละอุ่น ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน “กลับมาจากสำนักงานรึยัง”
“กลับมาตั้งนานแล้วนะ ตอนนี้อาบน้ำอยู่ มีอะไรเหรอ เข้ามาก่อนสิ”
“พี่กลอยยังไม่กลับบ้านเลย ไม่รู้ไปติดฝนอยู่ที่ไหน เราเป็นห่วงพี่กลอย โทรไปก็ไม่ติด”
“อาจติดฝนอยู่ที่สำนักงานล่ะมั้ง คงไม่มีอะไรหรอก แต่เดี๋ยวอุ่นจะลองขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปดูให้นะ ขวัญอยู่ที่บ้านเราก่อนนะ”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสียงของยะหยาดังมาแต่ไกล เด็กสาววัยเดียวกันกับพวกเธอ เป็นลูกสาวของนายช่าง ซึ่งอยู่บ้านหลังถัดกัน วิ่งโร่ฝ่าฝนเข้ามา หน้าตาท่าทางตื่น ๆ เหมือนคนเพิ่งเจอเรื่องร้ายมา
“มีอะไรยะหยา! เสียงดังยิ่งกว่าฟ้าผ่า!” ละอุ่นค่อนข้างจะรำคาญยะหยา เพราะเจ้าหล่อนชอบตามเกาะแกะเขาตลอดเวลา และมักจะบอกกับทุกคนว่าละอุ่นเป็นของเธอ โดยไม่ได้รับความยินยอม
“เกิดเรื่องแล้วน่ะสิ! ท่านผู้กองเพิ่งโทรมาบอกพ่อเมื่อตะกี้ว่ารถของนายเหมืองเกิดอุบัติเหตุ!!!”
ทั้งเธอและล่ะอุ่นตกใจแทบช็อค...แต่ละอุ่นตั้งสติได้ก่อน รีบสอบถามหาความ
“แล้วมีใครเป็นอะไรมั้ย”
“มีสิ คุณนาย...เธอเสียชีวิตแล้ว!”
หัวใจของขวัญชีวาหล่นล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอรู้สึกเป็นห่วงภูเมฆจับใจ จึงหันหลังแล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไปทันที ละอุ่นไม่รอช้ารีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ไปขวางหน้าขวัญชีวาไว้
“ขึ้นรถเร็ว!”
ลางสังหรณ์ของเธอถูก...คืนนั้น...เป็นคืนวิปโยคสำหรับครอบครัวของภูเมฆและครอบครัวของเธอ เพราะการเสียชีวิตของคุณนายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้นมันเกี่ยวข้องกับพี่สาวของเธอ !!
คุณนายพลอยเพชรขับรถฝ่าสายฝนตาม รถจิ๊ปของนายเหมืองออกนอกเมืองไป ด้วยสงสัยว่านายเหมืองไม่ได้ออกไปหาเพื่อนตามที่กล่าวอ้าง แต่เขากำลังพาชู้รักออกไปพลอดรักกันที่บ้านเช่า
ใช่แล้ว...ความลับที่พี่สาวของเธอปิดบังมาเกือบห้าปี นั่นก็คือการแอบเป็นเมียน้อยของนายเหมือง !
ความลับแสนร้ายได้รับการเปิดเผยในคืนนี้เอง เมื่อคุณนายพลอยเพชรตัดสินใจขับรถชนท้ายรถของนายเหมือง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ นายเหมืองได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะพี่สาวของเธอสลบไป ยังอยู่ให้ห้องไอซียู ส่วนคุณนายพลอยเพชรเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ !
เธอยืนอยู่หน้าห้องไอซียูของโรงพยาบาลอำเภอ โดยมีละอุ่นอยู่เป็นเพื่อน เมื่อคุณหมอแจ้งข่าวว่าพี่สาวของเธอปลอดภัย แต่เสียลูกในท้องไป เธอจึงได้รู้ว่าพี่สาวของเธอกำลังตั้งท้อง
“มันเป็นแบบนี้ได้ไง!!!” เสียงของภูเมฆที่ตะโกนใส่หน้านายเหมืองดังลั่นแข่งกับสายฝน ความโกรธแค้นและเสียใจจนสุดกลั้นของเด็กหนุ่มนั้นน่ากลัวกว่าท้องฟ้าที่กำลังพิโรธเสียอีก “ป๊าทรยศคุณแม่ได้ไง!! ป๊าทำแบบนี้กับเราได้ไง!!!”
“ป๊าขอโทษลูก ป๊าขอโทษ” นายเหมืองน้ำตาไหล ตัวเขาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ทั้งภรรยาที่เขารัก ลูกอีกคนที่กำลังจะเกิด รวมทั้งลูกชายที่เขารักมากที่สุด เพราะดูเหมือนว่าภูเมฆจะผิดหวังในตัวพ่อบังเกิดเกล้ามากจนเกินให้อภัย
“ไล่ครอบครัวนี้ออกไปจากที่นี่ซะ!!!” เขาชี้มาทางห้องไอซียู ซึ่งมีขวัญชีวาและละอุ่นยืนอยู่ตรงนั้น “ถ้าผู้หญิงแพศยาคนนั้นยังอยู่ที่นี่!! ป๊าจะไม่ได้เห็นหน้าผมอีกเลยทั้งชาติ คอยดูก็แล้วกัน!!!”
เขาตะโกนใส่หน้าบิดาด้วยอารมณ์โทสะรุนแรง ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินออกมา‘คุณภู’ เขาเดินผ่านหน้าเธอไป โดยไม่คิดจะหันมองแม้แต่หางตา สายตาและสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชังขวัญชีวาตัดสินใจวิ่งตามภูเมฆออกไปที่หลังโรงพยาบาล เพราะเป็นห่วงจิตใจของเขา“คุณภู! เดี๋ยวสิคะคุณภู!” เธอคว้าจับมือเขาไว้ แต่โดนเขาสะบัดอย่างแรง“อย่ามายุ่งกับฉัน!!!!”ดวงตาคมดุคลอน้ำเพราะความแค้นปนเสียใจ จ้องมองเธอเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ“คุณภูจะโกรธเกลียดจะด่าทออะไรขวัญก็ได้ค่ะ แต่คุณภูอย่าไปเลยนะคะ...ขวัญจะชดใช้ให้คุณภูเอง ไม่ว่าคุณภูจะต้องการอะไร”“เอาแม่ฉันกลับคืนมาได้มั้ยล่ะ!!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอ สายตาของเขาเหมือนจะฆ่าเธอได้ ความรักแสนหวานไม่เหลือในดวงตาคู่นี้อีกแล้ว “ถ้าเธออยากชดใช้นะ พาพี่สาวของเธอออกไปจากเหมืองซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าพี่สาวเธอด้วยมือของฉันเอง!!”ขวัญชีวาน้ำตาไหลพราก อาบสองแก้มที่แดงเรื่อ ริมฝีปากสั่นพร่า หัวใจเจ็บปวดไปหมด“คุณภู ขวัญขอโทษ”“เธอรู้มาตลอดใช่มั้ย” เขาชี้หน้าเธออย่างคาดคั้น “พี่สาวเธอมันงูพิษ!”“ไม่ค่ะ ขวัญไม่เคยรู้เลย ขวัญเสียใจนะคะ”“พอที! พอได้แล้ว แล้วก็ไปซะ! อย่าอยู
เขาจะกลับมาเหรอ...ขนาดพ่อป่วยใกล้ตายแบบนี้ เขาก็ยังไม่ยอมกลับมาเหยียบเลย เขาคงจะเกลียดที่นี่จับใจไปแล้ว“หนูก็แค่เสมียนตัวเล็ก ๆ จะไปสอนงานคุณภูได้ยังไงกันคะ” เธอถ่อมตัวเสมอ “นายหัวนั่นแหละค่ะ ที่จะต้องเป็นคนสอนงานคุณภู”นายหัวเกริกยิ้มเหนื่อยอ่อน “ไม่รู้ฉันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนน่ะสิ ยังไงก็ฝากหนูขวัญช่วยดูแลยัยรุ่งด้วยนะ ยัยรุ่งเป็นเด็กน่าสงสาร ฉันเองไม่ค่อยจะใส่ใจสักเท่าไหร่ ฉันเป็นพ่อที่ไม่ดีนัก”“ไม่จริงค่ะ นายหัวเป็นพ่อที่ดีมาตลอด และอีกไม่นาน นายหัวจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ สู้ ๆ นะคะ ทุกคนรอนายหัวอยู่”แม้ทุกคนจะรออยู่ แต่ก็ไม่อาจฟื้นฟูกำลังใจของคนวัยหกสิบได้ เขาอ่อนแอลงทุกวัน สายตาสิ้นหวังเอาแต่มองประตูห้องอย่างหมายมั่น หวังลึก ๆ ว่าจะได้เห็นหน้าลูกชายอีกสักครั้งก่อนตาย“เฮ่อ...ทำไมใจดำอย่างนี้” เธออดตัดพ้อไม่ได้ เมื่อนึกถึงนายเหมืองผู้น่าสงสาร ขณะแช่ตัวอยู่ในสระนางฟ้า เปลือยกายล่อนจ้อนแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำอุ่นที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกไม้ป่า ปลายฤดูร้อนของปีนี้ ดอกไม้หลากสีสันยังสะพรั่งไปทั่วทั้งหุบเขาหลังเคลียร์งานเสร็จในช่วงบ่ายของวันนี้ เธอก็รีบตรงมาที่ถ้ำสวรรค์เลย เพราะ
“อืม ท่านจะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป”“ไปส่งที่บ้านหน่อยสิอุ่น” ยะหยาเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีไม่พอใจ เพราะอารมณ์หึงหวง แต่พยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มแสร้งไร้เดียงสา“ขับรถมาไม่ใช่เหรอ”“ก็รถมันไม่ค่อยดีอ่ะ ติด ๆ ดับ ๆ กลัวเสียระหว่างทาง ไปส่งหน่อยนะ”“แต่...”“ไปส่งยะหยาเถอะอุ่น ใจคอจะปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขับรถเก่า ๆ กลับเหมืองไปคนเดียวเหรอ”“แต่อุ่นอยากอยู่ช่วยงานให้เสร็จก่อน ไอ้ดินไปไหนแล้วเนี่ย ให้ไอ้ดินไปแล้วกัน”“แหม! ถ้าเป็นยัยขวัญ คงรีบไปติดเครื่องเลยแหละ งั้นไม่ต้องก็ได้ ฉันขับรถกลับเองก็ได้!”ยะหยาชักสีหน้าใส่ขวัญชีวาแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป แอบคาดหวังว่าละอุ่นจะตามไปเพื่อง้องอน แต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้น“ทำไมไม่ตามไปล่ะ”“ตามไปทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย แค่เพื่อนบ้านกันเท่านั้น เราไปช่วยงานในศาลาดีกว่า”“เอ๊ะนั่น! ดินมากับใคร...” เธอหันไปมองดินแดนที่เพิ่งลงจากรถกระบะคันใหญ่ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดสูทดำจะก้าวตามลงมา ด้วยมาดเคร่งขรึม แต่สง่างามเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่ดินแดนพามาคือใคร ขวัญชีวาทั้งประหลาดใจและตะลึง“นายหัวภู!” ละอุ่นอุทานพร้อมกับขยี้ตาสองสามรอ
“แบบนี้ไม่แฟร์เลยนะคะ” กลอยใจทักท้วงอย่างหัวเสีย “คุณภูไม่เคยกลับมาดูแลท่านเลย แม้แต่ตอนที่ท่านป่วยหนัก แต่กลับได้ทุกอย่างไปงั้นเหรอ!”ภูเมฆยิ้มกริ่ม แอบรู้สึกสะใจเล็ก ๆ ที่เห็นผู้หญิงแพศยาคนนี้ร้อนรนและไม่มีความสุข“คนไม่อยากได้ แต่กลับได้ ก็งงดีนะครับ เหมืองกระจอก ๆ นี่น่ารำคาญชะมัด” คำว่าน่ารำคาญเขาเจาะจงไปทางขวัญชีวามากกว่า หลังจากที่เขาเห็นว่าเธอยังสวมแหวนวงนั้นอยู่...“ฮึ่ม!” ทนายวิเชียรกระแอมในลำคอ “หยุดเถียงกันก่อนครับ ผมยังอ่านไม่จบ ท่านระบุไว้ด้วยว่า คุณภูเมฆจะได้ทุกอย่างตามพินัยกรรมก็ต่อเมื่อ คุณภูมาเป็นนายเหมืองของที่นี่ และดูแลคุณรุ่งอรุณเสมือนเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง หากคุณภูทิ้งเหมืองหรือขายไป หรือไม่ดูแลคุณรุ่งอรุณ ทรัพย์สินทุกอย่างที่คุณภูได้รับจะตกเป็นของคุณรุ่งอรุณแต่เพียงผู้เดียวครับ”หลังสิ้นคำของทนายวิเชียร ภูเมฆที่กระดี๊กระด๊าสะใจกลับหน้างัน...ขณะคนหน้าบูดอย่างกลอยใจกลับหน้าชื่นขึ้นอย่างมีความหวัง อดขำเล็ก ๆ ไม่ได้“อะไรนะครับ? ผมต้องมาอยู่ที่นี่เหรอ” เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาจะวางกับดักเขาแบบนี้“คุณภูคงไม่อยากมาอยู่ที่นี่?” กลอยใจค่อนข้างมั่นใจว่าภูเมฆไม่คิ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ!” เธอรู้สึกโกรธ เพราะมันเหมือนเขากำลังดูถูกเธออยู่ จะหาว่าเธอยั่วนายเหมืองเพื่อของรางวัลงั้นสิ “คิดเอาเองสิ ฮึ? พี่สาวกับน้องสาวก็คงไม่ต่างกันหรอก ใช้มารยาเก่ง ทำให้ผู้ชายหลงจนโงหัวไม่ขึ้น”“แต่คุณก็ไม่ได้หลงนี่คะ ทั้งที่ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลง!” เธอส่งจดหมายไปหาเขานับหมื่นนับแสนฉบับ แต่เขาก็ไม่เคยตอบกลับมาเลย ภูเมฆหน้างัน... “เพราะฉันไม่ได้โง่ไง เธอกับพี่สาวหลอกได้แต่คนโง่เท่านั้นแหละ” ขวัญชีวาพยักหน้ายอมรับ ไม่ได้รู้สึกโกรธที่เขาต่อว่าเสียดสีเธอเลย เธอคิดว่าเธอควรได้รับการดูถูก“ฉันจะให้คนงานมาทำความสะอาดบ้านพักบนเนินเขานะคะ คุณจะพักที่นั่นใช่มั้ย” บ้านพักหลังนั้นเป็นบ้านพักของแม่เขาเอง นายเหมืองปิดไว้ตั้งแต่แม่เขาเสียชีวิตไป เพราะไม่อยากให้ใครแตะต้อง ซึ่งเป็นบ้านพักที่พี่สาวของเธออยากได้มาก “ไม่ต้อง” เขาทำหน้าเฉยเมย “ฉันไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายที่บ้านหลังนั้น”“งั้นคุณภูก็ทำเอง”“เธอนั่นแหละ!”ขวัญชีวาชี้หน้าตัวเองอย่างงงงัน “ฉันคิดว่าคุณไม่น่าจะอยากเห็นหน้าฉันนะ หรือฉันเข้าใจผิดไปเอง”เขาหน้างันอีก...รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างไรก็ไม่รู้
“สองคนนั้น?” ภูเมฆมองผ่านมู่ลี่ของห้องทำงาน เห็นละอุ่นกับขวัญชีวายืนคุยกันกระหนุงกระหนิงแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เป็นไรกัน?”“ใครครับ?” ดินแดนเงยหน้าจากเอกสารในมือแล้วมองเจ้านายอย่างสงสัย เวลานี้เขาสถาปนาตัวเองเป็นผู้ช่วยมือขวาของภูเมฆเรียบร้อยแล้ว ขณะละอุ่นผู้เป็นพี่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าช่างฝ่ายเครื่องกล หลังจากฝึกงานมาหลายปีจนชำนาญ “พี่ชายนาย...กับ...เสมียน!”ดินแดนทำหน้าเซ็งก่อนจะพูดออกมา “เฮ่อ ความจริงเธอเป็นแฟนผมเองแหละครับ แต่เราไม่ได้บอกใคร เพราะเธอไม่อยากมีเรื่องกับพวกผู้หญิงในเมืองนี้ ย้ำนะครับ ไม่ใช่แค่ในเหมือง แต่ผู้หญิงทั้งเมืองครับ นายหัวก็เห็นใช่มั้ยครับ ว่าผมหล่อแค่ไหน”ภูเมฆอึ้งจนตัวชา เมื่อได้รู้ว่าเธอมีคนรักแล้ว...“ผมล้อเล่นน่ะครับ! ฮ่า ๆ” อยู่ ๆ ดินแดนก็โพล่งออกมาแล้วหัวเราะชอบใจ ทำเหมือนเขาเป็นเพื่อนเล่นของเจ้านายอย่างนั้นล่ะ “แต่ผมชอบขวัญมากเลยครับ พยายามจีบอยู่!”“เหรอ?” ภูเมฆอยากจะเขกกะบาลลูกน้องสักที โทษฐานที่ทำให้ใจเขาสั่น แต่กระนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “นายอุ่นก็ด้วยสินะ”“คู่นี้เค้าสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมว่าขวัญคิดกับพี่อุ่นแบบเพื่อนมา
“เอาไว้วันหลัง ฉันเข้าในเมือง จะซื้ออาหารฝรั่งมาตุนให้นะคะ ส่วนกาแฟสด สงสัยนายหัวจะต้องซื้อเครื่องทำกาแฟมาเองค่ะ น่าจะสะดวกกว่าเข้าไปซื้อในเมืองทุกวัน ระยะทางจากเหมืองเข้าเมืองก็ไม่ได้ใกล้”“กับอุ่น ชอบกันเหรอ” อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้น มันทำให้เธอแปลกใจมาก เขายังใส่ใจเธออยู่เหรอ?“ค่ะ ฉันชอบเขา” เขาดีกับเธอขนาดนั้นแล้วเธอจะเกลียดเขาได้ลงคอเหรอ “แต่ในฐานะเพื่อนนะคะ”ภูเมฆแอบโล่งใจ เดินเข้าไปใกล้เธอ ในระยะอันตราย อย่างจงใจให้เธอทำตัวไม่ถูก เขาก็แค่อยากเช็คว่าความรู้สึกของเธอยังเหมือนเดิมหรือเปล่า “ฉันมีข่าวร้ายจะบอกเธอ”ขวัญชีวาพยายามระงับความตื่นเต้น เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่ากำลังใจสั่นเพราะเขา “ข่าวร้าย?”“หลานเธออาจจะเสียแม่ไปนะ”“อะไรนะคะ”“ฉันเจอเอกสารบางอย่างที่บอกว่าพี่สาวของเธอยักยอกเงินบริษัท”เธอตกใจอึ้ง “ยักยอกเงิน? จริงหรือคะ?”“ใช่ น่าจะทำมานานแล้วด้วย รวม ๆ แล้วก็น่าจะประมาณสามสี่ล้าน”หัวใจของขวัญชีวาล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความจริงเธอก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน“พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปที่สถานีตำรวจ ไปด้วยกันหน่อยนะ”“ฉันจะหาเงินมาจ่ายหนี้ให้เองค่ะ คุณภูปล่อยพี่กลอยไปเถอะนะคะ แค่พู
“รู้สึกยังไงเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเยาะหยาม ใบหน้าเย้ยหยัน ทั้งที่หัวใจมันเจ็บปวดอยู่ลึก ๆขวัญชีวารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาก็แค่อยากรู้ว่าเธอเสียใจมากมั้ยที่ต้องเป็นนางบำเรอสวาทให้เขา ภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้เธอไร้ค่าเหมือนไม่ใช่คน และไม่ได้รับความรักจากเขาเหมือนสมัยเด็กอีกแล้ว หากคำตอบเป็นไปตามที่เขาคาด มันก็จะทำให้เขาสะใจไม่น้อยเลย“อย่ารุนแรงนักนะคะ”เขาหัวเราะออกมา สายตาดูถูกมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมขยับฝีเท้าเข้าหาเธอ “จะเคลมว่าเป็นครั้งแรกสินะ จะให้เชื่อใช่มั้ยว่าสิบปีที่ผ่านมา ไม่เคยคบกับผู้ชายคนไหนเลย ไม่เคยให้ใครแตะต้องเลย ฮึ?”เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่ายิ่งโตขึ้น เขาก็ยิ่งเก่ง เรื่องการพูดให้คนอื่นเสียใจ เขาคงอยากให้เธอเกลียดเขาเหมือนกันสินะ แต่ขอโทษเถอะ เธอรู้ว่าเขากำลังแสร้งทำ เขาแค่อยากเอาชนะเธอ เขาแค่อยากให้เธอเจ็บ“ถ้าคุณคิดว่าฉันสกปรก ก็ใส่ถุงยางสิคะ”เขาชะงักนิดหน่อย...ไม่น่าปากดีเลย...โดนเธอขัดขวางความสุขจนได้ เพราะลึก ๆ แล้วก็รู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น หากเธอเห็นเรื่องเซ็กส์เป็นแค่กิจกรรมสนุกระหว่างหญิงชาย ตอนที่คบกันตอนอายุสิบห้า เขาก็คงได้เธอไปแล้ว
“น้องสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ” กลอยใจกับรุ่งอรุณมาถึงพอดี รีบเข้ามาหาคุณหมอ แล้วแสดงตัว “ฉันเป็นพี่สาวของคนไข้ค่ะ ฉันเป็นเจ้าของไข้”คุณหมอมองหน้าภูเมฆ ซึ่งบอกว่าเป็นสามีของคนไข้ก่อนหน้านี้ พอเห็นหน้าเจื่อน ๆ ของภูเมฆก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงเป็นแค่สามีทางพฤตินัย แต่ยังไม่ได้เป็นสามีในทางกฎหมาย“เธอปลอดภัยแล้วครับ แต่ไข้ยังขึ้นสูง คงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสักคืนสองคืนถึงจะกลับบ้านได้ ส่วนเด็กในท้อง ก็ปลอดภัยดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร สบายใจได้”“อะไรนะคะ” ทั้งกลอยใจและรุ่งอรุณอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ และงงงันละอุ่นหันมองหน้าเจ้านาย ด้วยสายตาเอาเรื่อง เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ“อุ่น!” กลอยใจหันมาคาดคั้นกับล่ะอุ่น เพราะสองคนนี้สนิทสนมกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด“ไม่ใช่อุ่นหรอกครับ” ภูเมฆเอ่ยขึ้น “ผมเอง ผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง เราสองคนแอบคบกันมาสักพักแล้ว ผมจะแต่งงานกับขวัญครับ”“คุณภู!” กลอยใจไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นายภูเมฆที่บอกว่าเกลียดครอบครัวเธอนักหนา เพิ่งบอกว่าจะแต่งงานกับน้องสาวของเธอ ?“จริงหรือคะพี่ภู ดีใจจังเลย รุ่งกำลังจะมีหลานใช่มั้ยคะ เย้ๆ” ภูเมฆลูบศีรษะน้องสา
“คุณไม่ได้ฝันไป นี่ผมเอง ขี่หลังผมนะ” ภูเมฆยิ้มให้เธอ ก่อนจะช้อนร่างเธอขึ้น แต่ชะงักเสียก่อน เพราะดันเห็นรอยเลือดจางไหลเป็นทางบนขาอ่อน “ขวัญ...”“ขวัญรักคุณภูนะคะ” เธอยื่นมือลูบแก้มสากของภูเมฆด้วยความรักล้นอก ขณะภูเมฆหน้าซีดสั่น หัวใจสะท้านไปทั้งดวง “รักเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน”น้ำตาของชายหนุ่มไหลริน “ผมก็รักคุณ ผมรักคุณมากนะขวัญ เพราะงั้น คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ผมจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้ เรากลับออกไปนะ”“จะออกไปได้ยังไงคะ ทางมันปิดไปแล้ว และฝนก็ยังไม่หยุดตกซะที คุณภูรีบออกไปเถอะค่ะ ก่อนที่น้ำมันจะท่วมถ้ำนี้ นะคะคุณภู”“จะให้ผมทิ้งคุณเหรอ”“ชีวิตคุณมีค่ากว่าขวัญ ไปเถอะค่ะ”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน!”“คุณภู”ภูเมฆก้มเข้าหาใบหน้าสวย ประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม พร้อมกอดร่างนุ่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขากอดเธอไว้อย่างนั้น ไม่ยอมทิ้งเธอไปไหน แม้เธอจะอ้อนวอนร้องขอ แต่เขาก็ไม่ฟัง...“ผมขอโทษที่ผมทำร้ายคุณนะขวัญ”“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญเข้าใจคุณ”น้ำตาของเขาไหลไม่หยุด ปากพร่ำแต่คำว่าขอโทษ “ผมขอโทษที่ทำให้เราสองคนต้องมาเป็นแบบนี้ ทั้งที่เราสองคนรักกัน ผมมันโง่ที่สุดเลย ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้ลงคอ ผ
“น้าขวัญน่ะสิ ไม่รู้หายไปไหน ที่บ้านพักก็ไม่อยู่ รุ่งรู้รึเปล่าว่าน้าขวัญไปไหน น้าได้บอกอะไรหนูรึเปล่า”ภูเมฆรอคำตอบด้วยใจจดจ่อ แต่รุ่งอรุณกลับบอกเหมือนกับทุกคน วันนี้เธอยังไม่เจอน้าขวัญเลยสักครั้ง“ฝนตกหนักซะด้วย ไม่รู้จะเกิดอันตรายขึ้นรึเปล่า” ความกังวลของกลอยใจ ทำให้ภูเมฆเริ่มปวดหัว เดินพล่านเหมือนคนหาทางออกไม่เจอ“น้าขวัญไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” รุ่งอรุณปลอบประโลมมารดาไปตามประสาเด็ก “อาจจะไปสปาก็ได้ น้าขวัญเคยบอกว่าถ้าช่วงไหนเหนื่อย ๆ ก็จะไปสปา”“สปาที่ไหน?”“หรือว่า...” อยู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวของภูเมฆ เมื่อคิดได้ว่ายังมีอีกที่...ที่เธอมักใช้เพื่อซ่อนตัวจากโลกใบนี้ !ใช่แล้ว...ขวัญชีวาหอบความเจ็บปวดหนีมาหลบอยู่ที่ถ้ำสวรรค์ หนีมาตั้งหลักพักใจ หวังให้สายน้ำอุ่นในสระนางฟ้าช่วยชำระความเจ็บปวดให้ทุเลาเบาบางลงแต่มันก็ไม่ได้ผล ดูเหมือนที่แห่งนี้จะทำให้หัวใจของเธอยิ่งบอบช้ำหนัก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็จะเห็นความทรงจำซ่อนอยู่“คุณภู...”ความจริงเธอคิดจะมารอเขานั่นแหละ เธอไม่ได้เชื่อคำพูดของกีรติร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ก็แอบลังเลใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง เธอจึงอยากจะถามเขาให้แน่ใจเสียก่อ
“งั้นเหรอ?”“เป็นความจริงรึเปล่าภู” กีรติยังแกล้งตีหน้าซื่อ “เรื่องที่เธอบอกว่านายให้มาหา นายกับเธอ มีอะไรกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง?”“แล้วนายทำอะไรเธอรึเปล่า” ภูเมฆไม่คิดปฏิเสธ แต่ก็ไม่ตอบคำถาม “อยากบอกอะไรฉันมั้ย?”“ฉันจะทำอะไรเธอได้” กีรติแอบหน้าเสีย แต่พยายามปั้นหน้าไม่ให้มีพิรุธ “เธอต่างหากที่ทำร้ายฉันแล้วหนีไป ฉันว่านายไม่ควรเก็บงูพิษไว้ใกล้ตัวนะ”“งั้นสินะ!” เขาไม่ควรเก็บงูพิษไว้ใกล้ตัวขณะนั้นเอง...อยู่ ๆ สายฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ราวกับฟ้าพิโรธ...เสียงฟ้าลั่นฟ้าร้องดังครืดคราดไปทั่วทั้งผืนฟ้า ลมพายุรุนแรงกระหน่ำจนต้นไม้ไหว “นายหัวครับ นายหัว!!” เสียงของละอุ่นนั่นเองที่ตะโกนเรียกเขาอย่างร้อนใจมาจากข้างล่าง ตะโกนแข่งกับสายฝนและลมแรงน่ากลัว ภูเมฆไม่รอช้ารีบลงไปหาละอุ่นที่ใต้ถุนบ้าน เพราะตัวเขาเองก็มีเรื่องร้อนใจจะถามละอุ่นเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าขวัญชีวาปลอดภัยดี“แย่แล้วนายหัว! ฝายกั้นเหนือเขื่อนพัง ตอนนี้น้ำลงไปขังในเหมืองเต็มแล้วครับ ต้องไปช่วยกันยกเครื่องจักรและขนเครื่องมือบางส่วนขึ้นมาครับ”“งั้นเหรอ...แล้วขวัญล่ะ?” ละอุ่นชะงัก “วันนี้ผมยังไม่เจอขวัญเลยครับ เ
“คุณนี่มันทุเรศจริง ๆ !!”เธอด่าเขาแล้วหันหลังจะกลับ แต่โดนเขารวบตัวไว้ได้ แล้วฉุดลากเข้าห้องนอนทันที“อื้อ อื้อ!!” เธอพยายามขัดขืนดิ้นรนสุดฤทธิ์ แต่ก็ไม่อาจต้านแรงของหนุ่มจอมหื่นได้“เนื้อตัวหอมชะมัดเลยวุ๊ย”“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”“ฉันปล่อยแน่ แต่เธอต้องนอนกับฉันก่อน”“สารเลว! คุณภูช่วยด้วย!”“ฮ่า ๆ จะไปร้องเรียกเขาทำไม เธอคงไม่รู้สินะว่าเขาเป็นคนเปิดทางให้เราเอง ไม่งั้นเขาจะนัดเธอมาให้ฉันเหรอ ยัยโง่!! อย่าซื่อบื้อไปหน่อยเลย!!”อะไรนะ...เธอหนาววูบไปทั้งตัวเลย เมื่อรู้ว่าเธอถูกหลอกมาอย่างเลือดเย็น “ไม่จริง!”“จริงสิ! เขาบอกว่าใช้ห้องเขาตามสบายเลย ยังบอกด้วยว่าเธอมันเผ็ดร้อนสุด ๆ รับรองว่าฉันต้องสนุกจนลืมที่นี่ไม่ลงเลยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ”ขวัญชีวานิ่งอึ้ง หัวใจแตกสลาย ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ...เป็นไปไม่ได้“ปล่อยฉัน!” เธอดิ้นสุดชีวิต จนเกือบจะหลุดจากพันธนาการร้าย ชายหนุ่มจึงต่อยหน้าท้องเธออย่างแรงเพื่อปราบพยศ “โอ๊ย!”ความเจ็บที่เกิดกับร่างกาย ยังไม่เท่ากับความเจ็บที่เกิดในหัวใจ ความโกรธแค้นทำให้เธอทนไม่ไหว ออกแรงอีกครั้งด้วยการแตะผ่าหมากชายชั่วไปเต็มตีน“โอ๊ยยยยย!” กีรติหน้าเขียวปั๊ด ก
“ของเล่นน่า”“เลิศค่ะ” กานต์สินียิ้มอย่างสะใจ แทบจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว...เช้าวันต่อมา...ขวัญชีวารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนลุกจากที่นอนแทบไม่ไหว แรงสวาทไม่ปรานีเธอ ลงโทษความอ่อนแอของเธอด้วยการดูดพลังเธอไปจนหมด“ไม่ได้ เราจะอ่อนแอไม่ได้” เธอบอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ แล้วออกไปทำงานซะ อย่าให้ใครดูถูกได้ว่าเป็นจอมสำออย ชอบเรียกร้องความสนใจแต่วันนี้เธอออกจากบ้านพักสายกว่าทุกวัน อาจเป็นวันแรกในรอบปีที่เธอไปทำงานสาย ขณะที่เธอกำลังล็อคประตูบ้านอยู่นั่นเอง...“นี่ยัยขวัญ!” ยะหยาเข้ามาหาเธอ ด้วยท่าทีมึนตึงไม่พอใจ สอดมือกอดอก มองเธอด้วยสายตาดูถูก “เมื่อคืนเธอกับอุ่นออกมาด้วยกันใช่มั้ย มาพลอดรักกันที่บ้านล่ะสิ ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบอุ่นไง แล้วทำไมยังพยายามยั่วยวน ให้ความหวังเขาอีก”“เธอเข้าใจผิดแล้วยะหยา เมื่อคืนเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน และฉันไม่เคยยั่วใคร”“งั้นเหรอ แต่ฉันเห็นอุ่นออกมาจากบ้านของเธอนะ ตกลงจะเอาไง เธอจะไม่ปล่อยอุ่นแน่ ๆ ใช่มั้ย”“ฉันกับอุ่นเป็นแค่เพื่อนกัน” เธอย้ำให้ยะหยาเข้าใจอีกครั้ง แม้มันจะเสียแรงเปล่า“ให้มันจริงเหอะ! ฉันจะคอยดู”“อย่ามัวแต่คอยดู ถ้าเธอชอบอุ่นจริง เธอก็ค
“โอ๊ะ!” เสียงครางอย่างสุขสมของภูเมฆ บอกว่าเขาถึงจุดสุดยอดแล้ว น้ำอุ่นที่ไหลรินอยู่ในช่องสวาทของเธอ กัดกลืนความสุขสมจนเหลือเพียงความเศร้าเสียใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกจริง ๆ ว่าเธอเป็นนางบำเรอของเขา นางบำเรอที่แสนไร้ค่าและไร้ตัวตน“อ่าห์...” หลังจากเสพสมจนเสร็จสมแล้ว เขาถึงรู้ว่าตัวเองทำเกินไปมาก เสียงสะอื้นแผ่วเบาของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อย แต่จะให้เขาขอโทษ มันก็ใช่เรื่อง “ไม่ต้องสำออยหรอกน่า ใช่ว่าครั้งแรกซะหน่อย ต่อไปก็อย่าทำตัวไม่ดีอีก”เธอทำตัวไม่ดียังไง เธออยากจะถามเขาสักคำ แต่เลือกจะเงียบ เพราะอยากให้เขาไปเสียที“ห้ามผู้ชายคนอื่นแตะเนื้อต้องตัวอีกนะ ไม่งั้นจะมีคนเจ็บตัวเพิ่ม!”เธอพลิกกายหันหลังให้เขา เพื่อเก็บซ่อนดวงตาบอบช้ำ และหัวใจที่แตกสลาย“ฮึ่ม...” ภูเมฆไม่พอใจที่เธอเมินเฉยใส่เขาแบบนี้ เขาเกือบจะคว้าร่างเธอมาทำโทษ แต่เสียงสะอื้นของเธอทำให้เขาหยุดตัวเองไว้ ‘ขวัญ’ จากไม่พอใจ กลับกลายเป็นความสับสนกระวนกระวาย ได้แต่ร่ำร้องเรียกหาเธอในใจ แต่ไม่อาจเอ่ยคำปลอบโยนออกมา เพราะทิฐิมันไม่ยอมให้เขาอ่อนข้อให้เธอ ซึ่งเป็นน้องสาวของศัตรู !“หายไปไหนมาคะคุณภูขา??” กานต์สินีอ
“ไปส่งที่บ้านหน่อยสิอุ่น ขวัญอยากพักแล้ว”“ก็ได้”เมื่อขวัญชีวากับล่ะอุ่นเดินไปจนไกลแล้ว ภูเมฆถึงก้าวออกจากที่ซ่อน มองสองร่างด้วยความคลั่ง ความรู้สึกไม่พอใจแล่นลามไปทั้งตัวจนควบคุมตัวเองแทบไม่ไหว “บอกแล้วไง ว่าอย่า!” เขาทั้งโกรธทั้งเจ็บใจตัวเองที่พอไม่เห็นเธออยู่ในงาน ก็รีบแจ้นออกมาตามหา แต่สุดท้าย ก็ต้องมาเห็นว่าเธอกับละอุ่นนัดมาพลอดรักกัน“เจอดีแน่ เตือนแล้วไม่ฟัง!” เมื่อถึงบ้านพัก ขวัญชีวาก็ไล่ให้ละอุ่นกลับไปที่งานเลี้ยงทันที เพราะเธอนึกห่วงสวัสดิภาพของละอุ่น กลัวว่าเขาจะโดนเจ้านายเขม่นจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง เธอไม่อยากเป็นสาเหตุสร้างความเดือดร้อนให้ใครส่วนตัวละอุ่นเองแม้จะเป็นห่วงขวัญชีวาแค่ไหน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่เหมาะสม หากเขายังยืนยันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอในบ้านแบบสองต่อสอง เพราะเธออาจถูกนินทาว่าร้ายจนเสียชื่อได้ เมื่อล่ะอุ่นกลับออกไปแล้ว ขวัญชีวาจัดการลงกลอนจนสนิทแน่น แล้วตรงเข้าห้องนอน ตั้งใจจะพักให้หายเหนื่อยเสียหน่อย อย่างน้อยได้พักใจสักครู่ก็ยังดี ก๊อก ๆ แต่ไม่ทันที่เธอจะล้มตัวลงนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน ด้วยคิดว่าเป็นละอุ่นที่อาจย้อนกลับมา จึงรีบออกมาเปิ
ขณะเสียงปรบมือและโห่แซวดังลั่นระงมไปทั่ว แต่ขวัญชีวากลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่เต้นช้าลงไปทุกที...อ่า...ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดว่าอย่าคาดหวัง อย่าน้อยใจ อย่ารู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ เธอกลับตั้งรับมันไม่ไหวสีหน้าเปี่ยมสุขของภูเมฆยามมองผู้หญิงคนนั้น มือของเขาที่จับมือของผู้หญิงคนนั้นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย บอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง บอกว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นจนหมดหัวใจ...ขวัญชีวาเดินออกจากงานมาอย่างเงียบ ๆ คิดจะกลับไปตั้งหลักที่บ้านพัก แต่ยังไปไม่ถึงไหน เธอโดนใครบางคนฉุดมือไว้เสียก่อน“ว่าไงคนสวย!”“เอ๊ะ...” เธอตกใจและแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่จู่โจมเธออย่างไร้มารยาท แถมทั้งยังพูดจาแทะโลมไม่ให้เกียรติ คือกีรติ เพื่อนไฮโซของภูเมฆ“คุณเป็นแขกของนายหัวนี่!”“ใช่ ผมเป็นคนสำคัญของเจ้านายคุณ”เธอแกะมือเขาออกอย่างรังเกียจ “คราวหลังอย่าทำอย่างนี้นะคะ ฉันไม่ชอบ!”“แต่ผมชอบ” เขายิ้มร้าย ย่างสามขุมเข้าหาเธอเพื่อจะรวบตัวเธอให้สมใจ “ชอบมากเลยล่ะ”“คุณคงเมาหนัก ฉันว่าคุณกลับไปที่งานเถอะ”“ผมไม่ได้เมา” ใช่แล้ว...ตัวเขาไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์จริง ๆ นั่นแหละ มันทำให้