ภาคีนั่งจิกเกร็งอยู่บนเก้าอี้ไม้เมื่อตรงหน้าขาของเขามีดวงหน้าหวานจ่อเกยแนบเข่า คอยละเลียดเล็มแทะกินส่วนลำร้อนที่กำลังปูดโปนด้วยเส้นเลือดตอนนี้เขามิอาจห้ามปรามหรือเอ่ยปากขอสิ่งใด เพราะนักนวดสรรพาวุธกำลังสวาปามท่อนเนื้อของเขาอย่างเอร็ดอร่อย"อ่า...." กายแกร่งกระตุกเมื่อน้ำขาวขุ่นถูกฉีดพ่นออกไปทางปากปล่องทว่ากลับไม่มีร่องรอยเหลือไว้ให้เห็น เพราะโพรงปากอุ่นสูบกลืนผ่านลำคอลงไปจนแห้งเหือดเมื่อตัวตนของความเป็นชายชาตรีถูกปลดปล่อยออกมา แม่คุณขาก็ตามมาโลมเลียเก็บกวาดจนสะอาดหมดจด"พี่คีขา อีกรอบไหมคะ"คุณพระคุณเจ้าช่วยอ้ายโตย เดี๋ยวนี้เมียติดใจไอ้ปืนใหญ่กลางลำตัวเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วหรือ"อีกรอบเป็นของพี่ต่างหาก" ภาคีรั้งหัวไหล่มนขึ้น ดึงเข้ามากอดกดจมูกสูดดมความหอมขอกลิ่นน้ำนมที่เคลือบอยู่บนผิวนุ่ม มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปลดกิ๊บหนีบผมออก แล้ววางลงกับเก้าอี้ ใช้ปลายนิ้วทั้งสิบช่วยสางเส้นผมให้เข้าทรง บรรจงทัดเก็บไว้หลังหู"นี่เลย ผมยุ่ง ๆ ของเหนือในวันนั้นที่เพื่อนพี่ถ่ายรูปส่งมาให้" เขาย้ำถึงเหตุการณ์ในความทรงจำ จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นพร้อมจะหยุดที่ผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว"
บทเพลงบรรเลงรักยามรัตติกาลโหมกระหน่ำดั่งพายุร้อนที่พัดผ่านในช่วงปลายฝนต้นหนาวเสียงหอบกระชั้นของชายหญิงคลอประสานเกิดเป็นท่วงทำนองขับขานอันแสนไพเราะผสานด้วยเสียงคราง เสียงกระแทกกระทั้นที่เคลื่อนเข้าออกเป็นจังหวะภายในตัวเหนือฟ้านั้นเกิดเป็นเมโลดี้ที่ระรื่นหู"อ๊ะ อ๊า" ขาอวบสองข้างถูกงอชิดจนถึงอก ความเป็นชายอัดแน่นของภาคีกระซวกแทงเข้าออกจนเนื้อตัวของคนใต้ล่างเขย่าไปมาอย่างรุนแรง หน้าอกภูเขาไฟสะบัดไปมาคล้ายกับเครื่องดื่มมิลค์เชครสละมุนลิ้น"พี่รักเหนือนะ รักที่สุดเลย" ภาคีพร่ำบอกคำหวานแล้วตอกตัวตนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง"อ๊า เหนือก็รักพี่คีค่ะ อ๊ะ" เหนือฟ้าขานรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ"โบ๋ววววว" หอมบั่วและลูกชุบที่นอนอยู่ชั้นล่างช่วยกันเป็นคอรัส"ฮ่าฮ่า เหนือร้องจนหมาหอนเลย" เขาแซวด้วยเสียงหอบ"ก็พี่คีซอยขนาดนี้ เหนือก็เสียวน่ะสิคะ" มือนุ่มฟาดเบา ๆ ลงมาที่ซิกซ์แพคเซ็กซี่ ค้อนมองด้วยความหมั่นไส้"เหนือรัดพี่จนปวดร้าวไปหมด พี่ก็ต้องเร่งจังหวะสิครับ" เถียงฉอด ๆ ตามด้วยการขยำหน้าอกสองข้างเล่นถึงแม้เบื้องล่างของเธอกับเขาจะดูดกลืนกันอยู่ แต่ปากคมที่เพิ่งเถียงเมื่อครู่ก็ไม่ยอมเว้นว่าง โน้มต่ำลงมาเพื่อตะ
เนื่องจากเมื่อคืนออกกำลังกายยิงยาวหลายชั่วโมง ภาคีจึงรู้สึกว่าวันนี้ตนไม่อยากลุกจากเตียง ไหน ๆ เหนือฟ้าก็เอ่ยปากบอกแล้วว่าให้นอนหลับพักผ่อนไม่ต้องไปทำงานงั้นวันนี้ก็นอนให้เต็มที่เลยละกันวะชั่วโมงแห่งการเคลิ้มหลับใกล้เข้ามา เปลือกตาหนาสองชั้นปิดตัวลง ฝ่ามือกระชับผ้าห่มในห้องแอร์เย็นฉ่ำปอด"ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง"อีกแล้ว ไอ้ห่าอินเหลานี่นอกจากมันจะขัดจังหวะรักของเขา มันยังขัดจังหวะการนอนอีกเหรอวะพ่อเลี้ยงหนุ่มเด้งตัวลงจากเตียง คว้าผ้าขาวม้ามันพันรอบเอวชั่วคราวแล้วเดินออกไปริมระเบียงชะโงกหน้าลงไปหาไอ้ลูกน้องชาวดอยจอมขัด"มีอะหยังกับกูอีกวะไอ้อิน""เกิดเรื่องแล้วน่ะสิป้อเลี้ยง เจ้านี้คนงานไปสางป่าต้นธูปฤาษีหลังสวนอ้อยไข่เลยไปสักประมาณสามร้อยเมตร แล้วก็พบซากโครงกระดูก ไม่รู้ว่าเป็นของคนหรือสัตว์ ป้อเลี้ยงขะใจ๋โวย ๆ หน่อยเน้อ เปิ้นไปก่อน"อินเหลาโบกมือลาแล้วคร่อมรถเอทีวีจากไปภาคีถอนหายใจแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะเห็นตามข่าวอยู่บ่อยครั้งว่าเดี๋ยวนี้ชอบมีพวกอำพรางศพตามสวนนาป่าไร่แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับตัวเองคนตัวสูงรีบสาวเท้าลงจากบันไดบ้าน ตรงไปที่ห้อง
กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองขับรถมาทั้งผ้าขาวม้า พ่อเลี้ยงหนุ่มก็วนรถมาจอดใต้ต้นไม่ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกับบึงน้ำที่เต็มไปด้วยต้นธูปฤาษีเสียแล้วคนตัวสูงก้าวขาลงจากรถซาเล้งคันโปรดของเหนือฟ้าด้วยความมั่นใจ ยืดอกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้าชูคอพกพาความมั่นหน้ามาเต็มที่"เปิ้นมาแล้ว" ภาคีเท้าสะเอวเชิดหน้าตะโกนเสียงลั่นหาลูกน้องที่กำลังยืนถางหญ้ารกร้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม"กรี๊ดดดด" กลุ่มลูกน้องชาวสวนรุ่นป้าที่นั่งจกข้าวเหนียวกันอยู่ใต้ต้นไม้พากันร้องวี๊ดว๊ายปิดหูปิดตา"ฉิบหายแล้ว ป้อเลี้ยงหำโผล่" อินเหลาหยิบหมวกสานบนหัวมาบังเป้าให้เจ้านายหนุ่มขณะที่คนอื่น ๆ กรูกันเข้ามาห้อมล้อมดูสภาพของภาคีที่มาในแฟชั่นแบบใหม่แบบสับไฟลุกท่วมลูกตา โดยมีเพียงเสื้อกล้ามสีดำกับผ้าขาวม้าโชว์บิ๊กคีตัวใหญ่วับแวมด้านใน"อุ้ย! ซวยแล้ว" ภาคีรีบกุมไหล่อินเหลาให้ยืนนิ่ง ๆจังหวะเดียวกันนั้นบ่ะยมที่เดินเล็มหญ้ามากับสำรวยก็มีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้อุปถัมภ์ของมันอยู่ในชุดไม่ค่อยเข้าหูเข้าตา บ่ะยมเริ่มกระทืบกลีบเท้าจ้องผู้มีพระคุณของมันประหนึ่งเป็นของเล่นชิ้นใหม่"เปิ้นว่าป้อเลี้ยง
ที่สนามหญ้าหน้าบ้านประดับด้วยไฟปิงปองสีส้มห้อยระโยงระยางไปทั่วต้นไม้ บริเวณนี้ได้กลายจุดปาร์ตี้เล็ก ๆ ของครอบครัวที่มีทั้งคนหมาหกตัวและควายแคระตัวอ้วนป้อมหนึ่งกับแพะปิ๊กมี่อีกสองตัววันนี้ทุกคนจะฉลองวันเกิดบะแต๋งจึงเปิดหนังผีตลกเรื่องหอตุ๋ยตุ้ยดูด้วยกันพร้อมกับกินป๊อปคอร์นและไอศกรีมไปด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม"หุยหุย หนาวไหมลูก" ภาคีหาผ้ามาห่มให้ควายแคระอายุสี่ขวบ ควายทุกตัวเขาล้วนรักเหมือนลูกในไส้"แบ้! แบ้!" บะแว้งกับบะแปปเจ้าแพะแคระตัวน้อยทั้งสองที่สูงยังไม่ถึงหัวเข่าด้วยซ้ำกระโดดเหยง ๆ มาหาภาคี มันเองก็ต้องการผ้าเช่นเดียวกัน"จ้า ๆ" เขาหยิบผ้าอีกผืนห่มให้มัน จากนั้นเจ้าแพะก็ม้วนตัวนั่งลงเคียงข้างหุยหุย"มาล้าว พ๊อกกอน" น่านฟ้าวางถังป๊อปคอร์นรสชีสออกมาจากครัวพร้อมกับเหนือฟ้า นิ่มฟ้าและบะแต๋งหนูน้อยเลือกนั่งข้างพ่อ ส่วนนิ่มฟ้านั่งข้างแม่และบะแต๋งนั่งกับหุยหุยเพราะเด็กชายติดควายแคระตัวนี้มาก เนื่องจากเห็นมันตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกทุกคนแบ่งป๊อปคอร์นกินด้วยกัน ช่วงแรกที่หนังเริ่มฉายในจอโพรเจกเตอร์กลางสนามหญ้า เสียงเย็นเยียบก็แว่วมาจากที่ไกล ๆ"กินด้วยสิจ๊าาาาา"น่านฟ้ามองหาเส
บริเวณหน้าบ้านพักสองหลังมีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของปูเป้กับทนายพิมุกต์ ทั้งสองทะเลาะกันมาตั้งแต่บึงบัวจนถึงบนบก"นี่คุณจะตามฉันไปถึงไหนคุณพิ เมื่อไหร่จะเลิกตามสักที""ผมก็กลัวว่าคุณจะมาทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยกน่ะสิ" พิมุกต์เดินเร็ว ๆ ขึ้นไปดักหน้าไม่ให้อดีตพิธีกรคนดังกลับเข้าไปในบ้านพักของตน"ถ้าฉันจะทำให้คุณภาคีกับคุณเหนือฟ้าเขาแตกคอ ฉันทำไปตั้งนานแล้วย่ะ และที่ฉันมาพักที่นี่ก็เพราะว่าต้องตระเวนเที่ยวนครนายกเพื่อทำคอนเทนต์ส่งบริษัท" ปูเป้บอกแล้วผลักตัวคนพูดจาไม่รู้เรื่องให้พ้นทาง"ไหนล่ะหลักฐาน ผมต้องการข้อพิสูจน์" ทนายหนุ่มเลิกคิ้วสูง"คุณมันบ้า" ปูเป้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดแชตบริษัทให้ดู "ไง จะเชื่อได้ยัง""เชื่อก็ได้ มั้ง" พิมุกต์ทำหน้ายียวน"สุมาเต๊อะคุณทนายปิ๊ ปอดีว่าป้อเลี้ยงให้เปิ้นชวนคุณปิ๊กับคุณปุ๊ไปกินปิ้งย่างที่บ้านเย็นวันนี้จ้าว""ประทานโทษนะคะ เป้ชื่อปูเป้ไม่ใช่ปุ๊ งั้นฝากบอกคุณคีกับคุณเหนือด้วยนะว่าเป้ตกลง" ปูเป้ไม่ปฏิเสธเพราะเธอเองบริสุทธิ์ใจ"ผมเองก็ตกลงครับ" ทนายพิมุกต์รับคำชวนเช่นกัน ที่เขารับเพราะต้องการไปเฝ้าระวังพฤติกรรมปูเป้ อนึ่งเขาต้องการหาทางจีบเธออีกครั้ง
ล่วงเข้าสี่ทุ่มทั้งปูเป้และพิมุกต์เริ่มเมามายรวมทั้งอินเหลาพี่เลี้ยงเด็กแฝดชาวดอย"โว้ย ป้อเลี้ยงหำโผล่ ไอ้ยมมึงขวิดเลยสิวะ" หนุ่มชาวดอยที่ถูกชวนมาแจมมื้อค่ำด้วยเริ่มมีอาการเมา พอเมาทีไรเริ่มด่าทุกทีภาคีหันขวับ ไอ้นี่มันเมาแล้วหลอกด่าเหรอวะ "ไอ้อิน! มึงได้สติบ่าไดกูจะไม่จ่ายเงินเดือนให้มึงจักบาท""ยู๊ดดดน้าปาขี้" นิ่มฟ้าไม่ชอบให้พ่อพูดคำหยาบคาย ฟังแล้วมันระคายเคืองหู หนูน้อยเดินตรงไปหาพ่อแล้วยื่นมือเล็กไปตีปากเบา ๆ"อะหยังป้อถึงอู้บ่าได้ ป้อขออู้นิดเดียวเอง" ภาคีอ้อนลูกสาว"เดี๋ยวตกรกเวจี นิ่งกั๋วป้อเจ๋บปวดตอระมาน" นิ่มฟ้าเบะปากแล้วซุกใบหน้าเล็กแนบคอพ่อ"โอ๋ ๆ บ่าต้องร้อง ป้อจะบ่าพูดคำหยาบอีกแล้ว" พ่อเลี้ยงหนุ่มอุ้มกระเต็งลูกสาวไว้ในอ้อมแขน"คุณพิขาพาเป้กลับห้องทีนะค้า แล้วเราก็แอ้มกันสักสี่ห้ายก ดีไหมค้า"
เอ้ก! อี้! เอ้กเอ้ก!นาฬิกาปลุกเสียงไก่ร้องของเหนือฟ้าปลุกเรียกภาคีให้ตื่นขึ้นก่อน เขาหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงขึ้นมาปิดเสียงแล้วลุกขึ้นช้า ๆ นวดขมับเล็กน้อยเพื่อปรับจูนสายตา"พี่คีคะ เหนืออยากกินโจ๊กจัง" เหนือฟ้าบิดขี้เกียจ ยกหน้าขึ้นวางบนตักของภาคี ใช้สองมือโอบกอดรอบเอวสามี"เอาปาท่องโก๋ไหมครับ""เอาค่า เอาพี่คีด้วยได้ก่อจ้าว" เหนือฟ้าคลานสี่ขาเข้าไปหาภาคีที่กำลังนั่งทาครีมกันแดดอยู่บนเตียง สองมืออวบคล้องลงบนหลังคอ"เด็กลามก เดี๋ยวนี้ร้องขอเองแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ เดี๋ยวนี้เหนือหน้าด้านเป็นแล้วนะ" บอกเสียงเล็กเสียงน้อยภาคีเขยิบตัวหันหลังรั้งหัวไหล่เปลือยขาวในชุดนอนวาบหวิวเข้ามาหา "เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไหม""เปลี่ยนยังไงคะ""ย้อนความหลังกันเล็กน้อย" เขาโน้มต่ำลงมาแล้วงับก้านหูของเธอเบา ๆ"อึ๋ย ขนลุก" สาวอวบสะท้าน ตอนแรกก็อยากโจ๊กอยู่หรอก แต่ตอนนี้อยากกินสามีมากกว่าก๊อก! ก๊อก!สองผัวเมียรีบแยกตัวออกจากกันเพราะเสียงเคาะประตู ภาคีรีบเดินไปส่องตาแมวเห็นลูกชายตัวเล็กกำลังยืนทำหน้าซึมเป็นหมาจ๋อยอยู่ข้างนอก หน้าตาซีดเซียวเหมือนคนไม่สบาย"น่านฟ้าหนูเป็นอะไรครับ" คุณพ่อย่อตัวลง"น่านเจ๋บต๋อง ฮือออ"
ช่วงหัวค่ำเหนือฟ้านั่งเป่าผมอยู่บนเตียงนอนภาคีที่เพิ่งกลับมาจากตรวจความเรียบร้อยภายในงานลอยกระทงจึงโผเข้าสวมกอดจากด้านหลัง เนื้อตัวของเขาหอมกลิ่นหอมนุ่มผสมผสานกับกลิ่นความสดชื่นของผลไม้ เดาได้เลยว่านี่เป็นแป้งของนิ่มฟ้า เพราะถ้ากลิ่นของบะแต๋งกับน่านฟ้าจะเป็นกลิ่นนมน้ำผึ้ง"ไปอาบน้ำที่ไหนมาคะ แถมยังไปเอาแป้งของลูกมาใช้อีก" เหนือฟ้าถามแต่ไม่ได้หมุนตัวกลับไปหาคนด้านหลัง"อาบข้างล่างครับ พี่เห็นแป้งลูกตั้งอยู่ในห้องน้ำก็เลยโรยมาเต็มตัวเลย เผื่อจะปลุกอารมณ์เหนือได้บ้าง" เขาว่าแล้วถอดกางเกงผ้าฝ้ายของตัวเอง ถอดทุกอย่างจนเหลือเพียงผิวกายขาวเหลืองเกรียมแดด"ปลุกอารมณ์อะ...โอ้ว" ดวงตากลมลุกวาวเมื่อภาพสะท้อนในกระจกข้างเตียงโชว์เรือนร่างกำยำตั้งแต่หัวถึงกลางลำตัวที่ปูดบวม"พี่กะว่าจะเติมพลังให้ ถ้าเหนือได้พลังจากพี่ต้องชนะขาดลอยแน่นอน" เขาบอกแล้วทรุดตัวนั่งประกบอยู่ด้านหลัง กางขาออกกว้างแล้วขนาบช่วงสะโพกของเธอ"พี่คีหลงตัวเองเกินไปแล้ว" เจ้าของพวงแก้มขาวเอนหลังลงไปซบกับแผ่นอก ยินยอมพร้อมให้เติมด้วยความเต็มใจ"ใช่ พี่หลงตัวเองแล้วก็หลงเหนือด้วย" สิ้นคำหวานริมฝีปากหยักคมก็ระดมจูบไปตามลำคอ มือไม้เคล
ภาคีเห็นเหนือฟ้ายังไม่ลงมาเขาจึงบอกให้ลูกสาวขึ้นไปตามแม่ นิ่มฟ้าจึงชวนส้มปู๋ สุนัขโกลเด้นตัวโปรดของเธอขึ้นไปเป็นเพื่อน"โฮ่ง!" ส้มปู๋เห็นเหนือฟ้านั่งแกว่งยาดมอยู่บนเตียงมันจึงเดินไปเช็ดเท้าที่พรม บรรจงเขี่ยเท้าหน้าเท้าหลังสองสามทีด้วยความแสนรู้ แล้วกระโดดขึ้นไปหาเจ้านายสาวเอาคางเกยแนบขาอย่างห่วงใย"เกิดอะหยังขึ้นอี่แม่" เด็กหญิงรีบเดินไว ๆ เข้ามาดูแม่ด้วยความเป็นห่วง มือเล็กกอบกุมหน้าแม่ "หนุนเหนือเป็นอารัย หมู่เหาไปโฮงยากั๋นก่อ""แม่เครียดเรื่องงานประกวดพรุ่งนี้ค่ะ ก็เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่ถ้าหนูหอมแก้มแม่สองที แม่จะรีบหายเลยค่ะ" คุณแม่อ้อนลูกสาวจุ๊บ! จุ๊บ!นิ่มฟ้าจุ๊บแก้มแม่ข้างซ้ายข้างขวาอย่างรวดเร็ว "หายแล้วใจ้ก่อ" เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันหลอจนอาการมึนหัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง"ดีขึ้นแล้วค่ะ แล้วนี่ฟันหักเหรอลูก หักเมื่อตอนไหนเนี่ย" แม่แหกปากลูกสาวดูว่ามีตรงไหนแตกหักเพิ่มเติม"หักตอนกิ๋นฉะเต๊ะก๋องปาขี้ เต๊ะหมูปาขี้ตำฟันนิ่งตายกาตี้" นิ่มฟ้าตั้งใจเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง"ฟันตายคาที่มันเป็นยังไงคะ""ฟันนิ่งติดกับตัวหมูจ้าว น่าฉงฉานป่านนี้ชาไปเกิดตี้ไหนก็บ่าฮู้""เขาเรียกว่
เสียงแก็งสุนัขเห่าหอนเคล้าดังมาพร้อมกับเสียงเด็ก ๆ สามสี่คน ทำให้คนที่นอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มพยายามดึงตัวขึ้นแล้วเดินไปดูต้นเสียงที่นอกระเบียงห้อง เหนือฟ้าชะโงกหน้าลงไปดูที่สนามหญ้าเห็นครอบครัวของเธอ ครอบครัวสามีและครอบครัวของมะแป่มกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า ส่วนพวกตัวแสบทั้งหลายกำลังวิ่งเล่นอยู่กับสุนัขโกลเด้นทั้งสี่ตัว ขณะที่หอมบั่วกับลูกชุบที่เริ่มอายุมากขึ้นทำเพียงเฝ้ามองดูอยู่ใกล้กับแปลงดอกดาวกระจาย"ไม่นอนต่ออีกหน่อยเหรอ" เสียงเข้มกระซิบแว่วดังมาจากประตูห้อง สาวอวบหมุนกายกลับแล้วตรงเข้าไปสวมกอดพ่อครัวผ้ากันเปื้อนสีหวาน เดี๋ยวนี้เขาไม่เข้าไปคุมงานในไร่เสียแล้วแต่กลับมาคุมครัวที่บ้านแทน"พี่คีคะพรุ่งนี้เหนือก็ประกวดแล้ว ซ้อมแค่วันเดียวจะพอเหรอคะ เหนือไม่ค่อยมั่นใจเลย" เจ้าของวงแขนเจ้าเนื้อโอบรัดรอบแผ่นหลังกว้าง ภาคีโอบกอดกลับซุกใบหน้าลงข้างซอกคอกลิ่นหอม"แต่พี่มั่นใจในตัวเหนือนะ อีกอย่างเรื่องแพ้ชนะพี่ไม่ได้กังวลเลย พี่ก็แค่อยากอวดเมียให้ทุกคนเห็น" เขาชมแล้วเคลื่อนริมฝีปากมาตามขมับแล้วขยับต่ำลงมาถึงสันจมูก"พี่คีปากหวานอีกแล้ว เดี๋ยวเหนือไม่กินมื้อเช้านะคะ เพราะเหนือจะกินพี่คีแทน" เธอบอกแล
เช้าวันต่อมาหลังจบงานประกวดนางนพมาศ"เย้เย้ ชาหลองกั๋นตกกันเต๊อะ" นิ่มฟ้ากระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปรอบตัวมะแป่มกับยายนับเก้าหลังจากที่กรรมการประกาศว่าผู้ชนะการประกวดนางนพมาศรุ่นน้อยและรุ่นใหญ่ปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงก็ดีใจออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้เข้าแข่งขัน"จะกิ๋นหยั่งอีก" หม่อมเจ้าภูวสินทักหลานสาวขณะที่กำลังช่วยลูกชายจัดโต๊ะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของนพมาศสองรุ่น"กิ๋นกั๋นตกไงจ้าว ป้ออุ้ยบ่เคยกิ๋นก่อ" เด็กหญิงเดินไปถามปู่ใกล้ ๆ"ปู่กินขันโตกประจำ ปู่เป็นหนุ่มเหนือเน้อ" คุณปู่ยังหนุ่มอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งในวงแขนแกร่ง"นิ่มฟ้าคะมาอาบน้ำได้แล้วค่ะ น้ำกำลังอุ่นเลย" เหนือฟ้าทำน้ำสมุนไพรด้วยการต้มใบมะขามและหอมแดงบุบซึ่งเธอมักจะใช้วิธีนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ลูก ๆ เป็นไข้หวัดมะแป่มอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมประโปรงสีฟ้าออกมานั่งแกว่งขารออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนน่านฟ้ากับบะแต๋งกำลังช่วยปู่ย่าตายายหิ้วตะกร้าผักและเครื่องเคียงออกมาจากในครัวของบ้านแฝดหญิงที่เพิ่งอาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงเดินกระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาพร้อมกับแพะใส่เสื้อผ้าสองตัว บะแปปกับบะแว้งวิ่งไปทั่วรอบรั้วหน้าบ้าน
ถึงช่วงการประกวดนางนพมาศน้อยและนางนพมาศใหญ่ เมื่อพิธีกรในงานประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันซึ่งเป็นตัวแทนจนมาถึงรายชื่อของมะแป่มกับครูนับเก้า สาวงามในชุดไทยต่างรุ่นจึงเดินเยื้องย่างออกมาด้วยท่าทางงดงาม"นางนพมาศน้อยและนางนพมาศรุ่นใหญ่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงวาริชา มหาจันทร์ น้องมะแป่มอายุสี่ขวบควงคู่มากับคุณทวดนับเก้า.." พิธีกรหนุ่มไม่ทันพูดจบ"ฉันสวยขนาดนี้เป็นทวดเลยเหรอ ฉันคุณยายจ้ะ แค่คุณยาย" ครูนับเก้ารีบสวนกลับว่าตนเป็นยายไม่ใช่ทวด"ขอ ขอประทานโทษครับ" พิธีกรหนุ่มยิ้มเจื่อน "งั้นขอเชิญผู้ประกวดรุ่นใหญ่รุ่นเล็กแนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ" ไมค์อันเล็กถูกยื่นมาให้มะแป่มเป็นคนแรก เด็กหญิงมือสั่นเล็กน้อยแต่พอเห็นพี่น่านฟ้าชูสองนิ้วสู้ตายมาให้ ความหวาดหวั่นในหัวใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญทันที"ซาวัดดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงวายิชา ม๋าชัน ชื่อเย่นว่ามาแพ่ม อยู่อายุบานหยึ่งโรงเรียนอายุบานเวหะโชนยะกาน วันนี้หนูไม่ได้มาเย่น ๆ เพราะหนูมาเอาต้วยยางวันไปฝากปู้จายค่า""ว้ายตาเถร! ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้นี่ลูก" ครูนับเก้ายกมือปิดปาก แต่ผู้ชมด้านล่างกับปรบมือกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ แ
มะแป่มไม่สามารถอยู่เชียร์นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าได้จนจบ เพราะหนูน้อยต้องไปเตรียมตัวประกวดนางนพมาศที่จะเริ่มจัดช่วงเย็นจนถึงมืด แซมมี่จึงพาลูกสาวกลับไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้าน โดยมียายนับเก้าช่วยทำผมเพราะสาวใหญ่ก็ลงประกวดคู่กับมะแป่มเป็นนพมาศรุ่นใหญ่กับรุ่นเด็กที่จะต้องเดินจับมือขึ้นเวทีพร้อมกันปีนี้ภาคีเข้าประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นออกและเสนอไอเดียให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่ และห้ามให้มีการจุดพลุในไร่และพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องการสิงสาราสัตว์ในไร่แตกตื่น นอกจากนี้ยังห้ามให้มีการลอยกระทงใบตอง มีแต่การลอยกระทงด้วยผักและขนมปังเพื่อลดมลพิษและขยะที่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียและส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำแต่กระนั้นกิจกรรมเช่น การแสดงดนตรีสด เครื่องเล่นต่างที่มาให้บริการในไร่ก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการประกวดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนในงานและชุมชนก็ยังคงมีต่อไปเสร็จสิ้นการแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็แทบหมดเรี่ยวแรง เพราะแฝดพี่น้องต้องใช้สมองขบคิดค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดนิ่มฟ้าที่มัดผมสวยเกาหัวยุ่งจนเป็นยัยเพิ้ง"ปีหน้านิ่งบ่เอาแล้ว นิ่งไม่แก่งอารัยทั้งนั้น อิดขนาด นิ่งอยากขี่ฟายแก่งมากฟ่า" นิ่ม
ช่วงบ่ายนิ่มฟ้าและน่านฟ้าไปเตรียมตัวแข่งขันตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านโดยมีทุกคนตามไปให้กำลังใจ เด็กทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดหม้อฮ้อมสวมงอบชาวนาให้เข้ากับกติกาเครื่องแต่งกายที่กรรมการตั้งเงื่อนไขถึงแม้นี่จะเป็นโพรเจกต์แรกของโรงเรียนอนุบาลเวหะชลการที่นำโดยกรรมการบริหารอย่างครูนับเก้าเป็นคนไอเดีย แต่ทั้งผอ.ทัพฟ้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและภรรยากับเลือกที่จะไม่ขอเป็นกรรมการตัดสิน เพื่อให้ไม่เกิดข้อครหาและการซุบซิบนินทาในภายหลัง"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีก็แข่งแล้วหนูจะกินข้าวกินอะไรก่อนไหมแม่จะไปซื้อมาให้" เหนือฟ้ามัดผมของนิ่มฟ้าสองข้างแล้วใช้ยางหลากสีสันมัดเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหยิบกระจกให้ลูกสาวส่องดูทรงผม"โค๊ะ! กนอารัยงามย่มเมือง" นิ่มฟ้ากะพริบตาวิบวับใส่กระจกในมือแม่"ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยเนอะลูกฉัน แล้วสรุปจะกินอะไรไหม""กิ๋นสิจ้าว แต่นิ่งอยากทายิปฉีจุมออนแบบอี่แม่ นิ่งทาได้ก่อ" นิ่มฟ้าจิ้มไปที่ริมฝีปากบางเล็กของเหนือฟ้า"ได้สิคะ แต่แม่จะทาแบบลิปมันวาว ๆ ให้จะได้บำรุงริมฝีปากด้วย" เหนือฟ้าล้วงลิปกลอสแท่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วบรรจงละเลงบนปากลูกสาว "เสร็จแล้วค่ะ ส่องกระจกดูสิ"น
ถึงวันแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านของนิ่มฟ้าและน่านฟ้า แต่ช่วงเช้าทุกคนรวมตัวไปให้กำลังใจบะแต๋งทำภารกิจแสดงควายร่วมกับหุยหุยพร้อมกับพ่อและตาสำรวยก่อนที่จะไปเชียร์คู่แฝดในรอบบ่าย และรอบเย็นจะเป็นการประกวดนพมาศน้อยในโดมลานการแสดงประจำไร่พิทักษ์มหิงสาซึ่งชุดการแสดงรอบแรกนี้จะถูกเปิดตัวโดยเจ้าภาพจัดงาน และตามมาด้วยการแสดงของฟาร์มควายแคระอีกหลากหลายจังหวัดที่เข้าร่วมด้วยนับสิบรายบนที่นั่งสูงไล่ระดับสองฝั่งซ้ายขวามีป้ายไวนิลสกรีนรูปหุยหุยกับบะแต๋งคู่กัน เมื่อภาคีในชุดผ้าฝ้ายล้านนาพื้นเมืองประยุกต์สีกรมคอจีน และกาเกงผ้าฝ้ายขายาวเข้าคู่กัน โพกผ้าสีขาวสไตล์หนุ่มเหนือ เดินนำทีมจูงพ่อสะเดาควายแคระเผือกเข้ามาในลานการแสดง แถวกลางเป็นหุยหุยลูกของมันพร้อมกับบะแต๋งพี้เลี้ยงคนสนิท ท้ายแถวเป็นแม่บะผางที่จูงโดยตาสำรวยคนคุมควายประจำไร่เมื่อทั้งสามยืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมกับควายประจำตัวของตน เสียงกรี๊ดกร๊าดละม้ายเหนือฟ้านิ่มฟ้าดังขึ้นแซงหน้าเสียงชาวบ้านที่นั่งชมการแสดงอยู่ฝั่งตรงข้าม"กรี๊ดดด ปาขี้อ้ายแท๋งตาฉำกวย หย่อขนาด หย่อตี้ฉุดในนายกเวจี" นิ่มฟ้าใส่ชุดไทยล้านนาเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูโอรสสวมผ้าซิ่
ช่วงเช้าภาคีสอนลูก ๆ คัดแยกผักพื้นบ้าน สมุนไพรเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วไปสอนบะแต๋งกับหุยหุยเรื่องงานแสดงโชว์ควายแคระประจำไร่ โชคดีที่บะแต๋งคอยฝึกซ้อมกับตาสำรวยและอินเหลาอยู่เป็นประจำ ทำให้หุยหุยฟังคำสั่งเข้าใจ"เดี๋ยวนิ่มกับน่านอยู่บ้านกับป้ออุ้ยแม่อุ้ยนะครับ ป้อจะพาแม่ไปฝากครรภ์ครับ""ปาขี้ฉื้อหนมมาฝากนิ่งกับน่านโตยเน้อ หนุนน้อยเพย์เงินให้ป้อนะ ป้อจะได้มีเงินฉื้อหนม" นิ่มฟ้าตบลงบนก้นแม่"อะไรกันคะ ทำไมแม่ต้องเป็นคนเปย์ ป้อหนูก็มีเงิน" เหนือฟ้าค้อนตาใส่ลูกกับสามี"แต่น่านเห็นแม่เข็บเงินป้อไว้ในตู้เชฟเน้อ" น่านฟ้าชี้ขึ้นไปบนบ้าน"หนูเห็นตอนไหนครับน่านฟ้า หนูอาจจะฝันไปก็ได้" คุณแม่ปฏิเสธทั้งที่เธอเรื่องเก็บเงินของสามีไว้ในตู้เซฟคือเรื่องจริง"เห็นตาหยอดเลย" เด็กชายแหกตาตัวเองให้แม่ดู"ป้อ อี่แม่แต๋งเสร็จแล้ว" ไม่มีครั้งไหนที่แม่ไปโรงพยาบาลแล้วจะไร้เงาลูกชายคนนี้ เพราะเรื่องที่แม่เคยแท้งน้องไปมันยังฝังในใจของบะแต๋งอยู่เสมอ เด็กชายจึงกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป จึงพยายามเกาะติดแม่ทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลแม่ให้ดีที่สุด"แย้วอะหยังน่านเติงไปกับหนุนฟ้าบ่ได้ น่านอยากไปดูหมอฉวย ๆ ที่โฮงยา" เด็กชายตัวน้อ