ปล่อยผ่านคำพูดเหล่านั้น ไม่อยากพูดถึงอีกแม้แต่คำเดียว แล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัดจ้าวเมิ่งซินถอนหายใจ แล้วพูดกับเย่หมิงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด“คุณเย่ แม่ของฉัน...ทำเกินไปแล้ว ฉันต้องขอโทษแทนท่านด้วยนะคะ”“ไม่ต้อกหรอก” เย่หมิงส่ายหน้าฝืนยิ้ม“ตอนนี้ผมอ่อนแอเกินไปจริงๆ ที่คุณผู้หญิงดูถูกผมมันก็สมควรแล้ว”“คุณเย่ แต่ฉันไม่เคยดูถูกคุณเลยนะคะ” จ้าวเมิ่งซินขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องมองเย่หมิง“และฉันก็เชื่อมั่นใจตัวคุณจริงๆ”เย่หมิงตกใจพร้อมกับเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในหัวใจ“คุณหนูใหญ่จ้าว ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”เขาไม่คิดว่าคนที่พบกันโดยบังเอิญอย่างจ้าวเมิ่งซิน จะดีกับเข้าขนาดนี้ตั้งแต่ยายกับแม่เสียไป นอกจากน้าเนี่ยชิงชิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเขาโดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว จ้าวเมิ่งซินน่าจะเป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เขาได้รับมรดกจากบรรพบุรุษของตระกูล ซึ่งไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ สำหรับเขาแล้วตระกูลจ้าวเป็นที่พึ่งใหญ่ที่ทำได้เพียงแค่มอง แต่เขามั่นใจว่าเมื่อถึงเวลา เขาจะสามารถเอาชนะมันได้แน่นอน“คุณเย่ คุณรักษาฉันหายดีแล้วใช่ไหมคะ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้น
“คุณเย่คะ อาหารร้านนี้อร่อยมาก ฉันมักจะมากินอยู่บ่อยๆ” จ้าวเมิ่งซินยิ้มกล่าวหลังจากลงรถเย่หมิงพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับคิดถึงความทรงจำเก่าๆ แล้วทำให้รู้สึกโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ร้านอวิ๋นติ่งเพิ่งเปิดใหม่ แล้วคนทั้งเมืองทราบเรื่องฉินลี่หย่าโวยวายอยากมากินอาหารที่ร้านอาหารอวิ๋นติ่งเขาไม่มีทางเลือก ทั้งต้องทำงานบ้านรับใช้ฉินลี่กับเจี่ยงหง และยังต้องทำงานส่งเดลิเวอรี่ตั้งแต่เช้าจนค่ำจนในที่สุดสามารถหาเงินมาได้ห้าหมื่นบาท จึงได้จองโต๊ะอาหารที่ราคาถูกที่สุดของร้านอวิ๋นติ่งด้วยความดีใจแต่ในคืนนั้นฉินลี่หย่ารู้สึกอายที่เขาไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้ได้ จึงไม่ให้เขาไปและให้เขากินมาม่าอยู่ที่บ้าน และพาเพียงแค่ครอบครัวของเธอไปกินข้าวที่ร้านอวิ๋นติ่งฉินที่หย่าที่หลอกเขาแต่งงาน ไม่มองว่าเขาเป็นคนจริงๆ“คุณเย่ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” จ้าวเมิ่งซินอาการผิดปกติของเขา จึงถามด้วยความเป็นห่วงเย่หมิงได้สติกลับมา พร้อมกับยิ้มตอบ“ไม่มีอะไรครับ แค่นึกถึงเรื่องในอดีตนิดหน่อยเท่านั้น”พูดจบก็กำจัดความทุกข์ในใจทิ้งไป และเดินเข้าไปในร้านอาหารพร้อมกับจ้าวเมิ่งซิน“โชคไม่ดีจ
“คุณหนูท่านนี้ คุณคงเข้าใจทุกอย่างแล้วใช่ไหมครับ? เขาเป็นพวกไร้ประโยชน์ ทำให้คนอื่นขยะแขยง ถูกเขาหลอกแล้วยังโง่รับใช้เขาอีก รีบอยู่ห่างๆ เขาหน่อยดีกว่านะครับ” หลี่หยางพูดกับจ้าวเมิ่งซินพูดจบก็หยิบนามบัตรของตัวเองออกมา มอบให้จ้าวเมิ่งซินที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า“ผมไม่เหมือนกับไอ้ขยะนี่ คุณเคยได้ยินตระกูลจ้าวไหม? เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองไห่เฉิงสั่นสะเทือนได้ นับเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองไห่เฉิงของเราเลย และผู้นำตระกูลจ้าวคนปัจจุบัน คุณหนูจ้าว จ้าวเมิ่งซิน ได้จัดงานสังสรรค์ทางธุรกิจขึ้น และต้องการลงทุนหลายแสนล้านเพื่อก่อตั้งบริษัทสาขาย่อย ได้เชิญนักธุรกิจชั้นนำจากทั่วโลกมาหารือ ซึ่งงานเลี้ยงนั้นจะจัดขึ้นในวันมะรืนนี้”“ก่อนหน้านี้ผมใช้สติปัญญาและความมุ่งมั่นของผมช่วยเหลือคุณหนูใหญ่จ้าวนิดหน่อย แต่สำหรับคุณหนูใหญ่จ้าว แล้วผมนับว่าเป็นผู้มีพระคุณ ยังทำให้เธอเห็นผมอยู่ในสายตา และให้คนส่งบัตรเชิญให้ผมไปร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจ ถึงเวลานั้นผมก็จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว คุณเข้าใจใช่ไหม?”เมื่อได้ยินอย่างนั้น จ้าวเมิ่งซินรู้สึกตลกขึ้นมาท
“คุณเย่ เราไปกันเถอะค่ะ”จ้าวเหมิงซินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับควงแขนของเขาไว้แน่น แล้วเดินตรงไปยังลิฟต์ที่พาไปห้องวีไอพีที่ชั้นบนสุดพวกหลี่หยางทั้งสามคนโมโหจนแทบจะอกแตก“ให้ตายเถอะ ไม่น่าเชื่อ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก เธอเป็นมาจากตระกูลร่ำรวยตระกูลไหนกันแน่นะ” หลี่หยางกล่าวตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอิจฉาเย่หมิง เพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงได้สวยและมีเสน่ห์อย่างจ้าวเมิ่งซินมาก่อน“สวยแล้วยังไง ไม่มีสมอง พวกหน้าอกใหญ่ไร้สมอง ถึงสามารถถูกคนไร้ประโยชน์อย่างเย่หมิงหลอกได้” ฉินลี่หย่าพูดตำหนิ“อาจจะเป็นนกขมิ้นที่ถูกพวกคนรวยในเมืองไห่เฉิงสักคนเลี้ยงไว้ในกรงทอง เลยไม่มีสมอง ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกคนไร้ประโยชน์อย่างเย่หมิงหลอกหรอก”“พูดถูก” เจี่ยงหงพูดเสริมทันที“ต้องเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกเสี่ยเลี้ยง เพราะถูกนายเงินเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีมานาน แล้วอยากแอบมีชู้ ถึงได้มาชอบคนไร้ประโยชน์อย่างเย่หมิงได้ แต่กล้าแอบมีชู้หลับหลังนายเงินแบบนี้ ถ้าถูกจับได้ต้องมีจุดจบที่น่าอนาถแน่นอน”“คุณทำให้ผมนึกอะไรได้” หลี่หยางดวงตาเป็นประกาย “ตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในเมืองไห่เฉิง ผู้นำ
“นี่...นี่คุณหนูจ้าวให้ความสำคัญกับการตอบแทนบุญคุณเกินไปหรือเปล่า! ถึงได้ตอบแทนแบบนี้ ผม...ผมจะกล้ารับได้ยังไงกัน!” หลี่หยางตะลึง สั่นไปทั้งตัวราวกับถูกไฟฟ้าช็อตตัวชาจนล่องลอยหัวใจรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะถลนออกมา“ฮ่าๆ ๆ...ถ้าทำเพื่อคุณจริงๆ คุณอย่าลืมผมแล้วกันนะ ก่อนหน้านี้ที่ท่านหู่เดือดร้อน ผมก็เป็นคนช่วยเหลือ ถ้าไม่มีผม ไม่มีท่านหู่ ก็ไม่มีคุณในวันนี้” ผู้นำตระกูลหวังหัวเราะชอบใจ“ท่านผู้นำหวัง ท่านพูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าผมได้ดีผมไม่มีทางลืมท่านอยู่แล้ว” หลี่หยางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“โอเค แค่นี้ก่อนนะ ผมยังมีธุระสำคัญต้องไปทำ ไว้วันหลังจะเข้าไปดื่มกับท่านหู่ จะเชิญคุณด้วยนะ” ผู้นำตระกูลหวังตอบ“โอเคครับ...อ้อ เดี๋ยวก่อนครับ ผมยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญ” หลี่หยางสมองเบลอเล็กน้อย และนึกถึงเรื่องที่ต้องการจะพูดขึ้นมาได้“มีเรื่องอะไร?” ผู้นำตระกูลหวังถามด้วยความสนใจหลี่หยางนิ่งไปสักพัก“ถ้าผมบอกท่านแล้ว ท่านอย่าโมโหนะครับ”“คุณพูดมาตรงๆ ได้เลย” ผู้นำตระกูลหวังตอบ“คืออย่างนี้ครับ ผมออกมากินข้าว เหมือนจะเห็นผู้หญิงที่ทางเลี้ยงดูแอบมากับผู้ชายที่เพิ่งถูกแฟนทิ้งและไล่ออกจากบ้
บอดี้การ์ดเหล่านั้นรีบลงมือทันที อุ้มพวกหลี่หยางทั้งสามคนขึ้นมาทันที“สารเลว! พวกแกทำอะไร!” หลี่หยางตกใจมาก ตะโกนขึ้นทันที“รีบปล่อยฉันลงนะ ฉนเป็นลูกน้องคนสนิทของท่านหู่ และยังเป็นผู้มีพระคุณกับจ้าวเมิ่งซิน คุณหนูของตระกูลจ้าว งานเลี้ยงทางธุรกิจที่คุณหนูใหญ่จ้าวจะจัดขึ้นในวันมะรืน นั่นก็เพื่อฉัน พวกแกกล้าเสียมารยาทกับฉันแบบนี้ พวกแกต้องชดใช้อย่างสาสม!”“ใช่ พวกคุณตายแน่!” เจี่ยงหงก็ตะโกนด้วยเช่นกัน“โยนออกไป!” ผู้จัดการไม่สนใจบอดี้การ์ดโยนพวกเขาทั้งสามคนออกไปจากประตูร้านอย่างพอใจ“โอ๊ย!”“อ๊าก!”หลี่หยางร่วงลงไปที่พื้นอย่างแรง พร้อมกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดจากนั้นผู้จัดการก็เดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“คนไม่มีสมองอย่างพวกคุณ ถูกขึ้นบัญชีดำของร้านอวิ๋นติ่งเราอย่างเป็นทางการ ต่อไปนี้ไม่เพียงแต่ไม่สามารถมากินอาหารที่ร้านของเราได้ และครั้งหน้าถ้าเห็นอีกจะไม่ใช่แค่โยนออกมาแบบนี้ แต่จะซ้อมให้เหมือนสุนัขเลย! ไสหัวไป!”“ดีๆ ๆ” หลี่หยางลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ผู้จัดการด้วยความโกรธจนตัวสั่น“ร้านอวิ๋นติ่งของพวกแกได้เจอดีแน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ! วันมะรืนหล
“ถึงแล้วเหรอครับ?” ในใจของเขาถึงขั้นรู้สึกเสียดายเล็กน้อย“ใช่ค่ะ” จ้าวเมิ่งซินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ราวกับกำลังรอให้เขาเอ่ยคำเชิญ เย่หมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า“หรือคุณจะเข้าไปนั่ง...”“ได้ค่ะ!” เขายังพูดไม่จบ จ้าวเมิ่งซินก็ตอบตกลงทันทีเย่หมิงอึ้งไปครู่หนึ่ง“ลงจากรถเร็วค่ะ!” พอได้สติกลับมา จ้าวเมิ่งซินเปิดประตูรถลงไปเพื่อเร่งเร้าเขา เย่หมิงยิ้มอย่างมีความสุข รีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว และเปิดประตูเหล็กขนาดใหญ่ของบ้านพักตากอากาศ“เชิญครับ”จ้าวเมิ่งซินกำลังจะเข้าไปแต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเธอเหลือบไปมองจากนั้นขมวดคิ้ว แล้วพูดกับเย่หมิงว่า“คุณเย่ ฉันอาจจะต้องกลับก่อนค่ะ”“มีธุระเหรอครับ?” เย่หมิงถาม“ค่ะ” จ้าวเมิ่งซินพยักหน้า“อย่างนั้นคุณรีบไปเถอะ อย่ารอช้าเลย” เย่หมิงรีบตอบถึงปากจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยจ้าวเมิ่งซินก้าวเข้ามาใกล้เขา แล้วกระซิบเบาๆ ว่า“ครั้งหน้า ฉันมาแน่นอนค่ะ”เย่หมิงเสียสติไปชั่วขณะ“แล้วก็ครั้งหน้าถ้าให้ฉันเข้าไป ไม่ต้องใช้คำว่าเชิญแล้วนะ” จ้าวเมิ่งซินเงยหน้ามองเข้าแล
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของจ้าวเมิ่งซินยังคงนิ่งเฉย"ถ้าแม่จะทำแบบนั้น เขาตายที่ไหน หนูก็จะตายที่นั่นด้วย""ว่าอะไรนะ?! ลูกกับเขาถึงขั้นนี้แล้วงั้นเหรอ?!" เซียวเมิ่งฉินเบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่จ้าวเมิ่งซินกลับส่ายหัว"แม่คะ...แม่กำลังกลัวเขาอยู่หรือเปล่า?""หืม? แม่กลัวเขาอย่างนั้นเหรอ? แม่ว่าหัวสมองของลูกคงไม่เข้าที่เข้าทางแล้วล่ะ แบบนี้อาจจะไม่เหมาะที่จะดูแลตระกูลจ้าวอีกต่อไป!" เซียวเมิ่งฉินพูดด้วยความโกรธจัดแต่จ้าวเมิ่งซินกลับเดินเข้าไปหา จ้องหน้าเธออย่างแน่วแน่"แม่คะ เลิกแก้ตัวเถอะ แม่กลัวเขาจริงๆ ใช่ไหม? กลัวว่าเขาจะเป็นดั่งมังกรที่หลับใหลอยู่ในป่า พอถึงวันที่ตื่นขึ้นมาก็จะโบยบินสู่ฟากฟ้าอันกว้างใหญ่ จนแม่ต้องเงยหน้ามองคนที่แม่มองว่าเป็นแค่ลูกเขยไร้ค่า คนที่แม่คิดว่าเป็นแค่คนที่ถูกหลอกแต่งงานจะเป็นอย่างที่หนูพูดวันนี้ เขาจะก้าวข้ามตระกูลจ้าวไปจนแม่ต้องยอมรับ แล้วแม่จะรับได้ยังไง?""ไร้สาระ! มังกรอะไรซ่อนตัวอยู่ในป่า นั่นมันก็แค่เรื่องเหลวไหล!" เซียวเมิ่งฉินตะโกนด่าออกมา"จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ให้เวลาเขาสักหนึ่งปี แล้วแม่จะได้รู้เองว่าเขาจะทำให้แม่มองเขาในรูปแบบใหม
"เหลวไหล! ช่างเหลวไหลสิ้นดี!" หนิงเทียนหมิงโมโหจนแทบระเบิด ลุกขึ้นยืนทันที“ฉันต้อง...เอ๊ะ! ไม่ถูก!”“มีอะไรเหรอครับ?" หลี่หยางถามด้วยความงุนงง"เรื่องที่คุณหนูใหญ่จ้าวป่วย ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นโรคที่รักษาได้ยากมาก และที่ผ่านมาไม่มีทางรักษาหาย แต่ตอนนี้กลับหายดีแล้ว?" หนิงเทียนหมิงครุ่นคิด"อาการป่วยที่ดีขึ้นกะทันหัน ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เย่หมิงนี่รักษาแล้วจะเป็นเพราะอะไร อีกอย่างคุณหนูใหญ่จ้าวซึ่งตอนนี้เป็นผู้นำตระกูลจ้าว มีความเด็ดขาดและชาญฉลาดจะโดนหลอกง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?""ถูก" หูเจี้ยนกั๋วที่สวมชุดเครื่องแบบทหารพยักหน้า"ธุรกิจของตระกูลจ้าวมีขนาดใหญ่มาก แต่คุณหนูจ้าวที่ยังอายุน้อยสามารถบริหารได้อย่างดีเยี่ยม แสดงว่ามีความเฉลียวฉลาดมากพอ ไม่น่าจะโดนหลอกง่ายๆ เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังที่เราไม่รู้แน่นอน"เมื่อได้ยินดังนี้ ฉินหลี่หย่าก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบพูดแทรก"คุณชายหนิง ท่านนายพลหู ไอ้คนขี้แพ้นี่ไม่มีพ่อมาตั้งแต่เด็ก โตมากับยายและแม่ แต่เมื่อสิบปีก่อนทั้งยายและแม่ของมันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนตร์ มันถูกน้าที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยต้องลาออกมาดูแล จะไปมีโอกาสเรียนรู้วิชาแพทย์
เจี่ยงหงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตามไปด้วย"ใช่เลย พวกเรามานั่งดูละครกันเถอะ รอให้เย่หมิงคนไร้ค่าคนนั้นโดนแฉ พอถึงตอนนั้น คุณหนูใหญ่จ้าวก็จะเข้าใจความตั้งใจของพวกเรา ไม่เพียงแต่จะไม่มาสร้างปัญหาให้เราอีกต่อไป แต่อาจจะรู้สึกขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำไป"“ถูกต้อง นี่อาจจะเป็นโอกาสให้เราก้าวขึ้นไปอีกขั้น!" หลี่หยางพูดพลางดวงตาเริ่มเปล่งประกายขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกัน คุณหนูใหญ่จ้าวเมิ่งซินที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของห้องจัดเลี้ยง ก็สังเกตเห็นการมาถึงของหนิงเทียนหมิงกับหูเจี้ยนกั๋วแล้ว คิ้วเรียวสวยของเธอก็ขมวดเล็กน้อยหนิงเทียนหมิงคนนี้ เธอไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ส่วนเย่หมิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ถามอย่างสงสัย "คุณหนูใหญ่จ้าว เป็นอะไรหรือเปล่า?""เปล่า" จ้าวเมิ่งซินตอบ"คนที่ใส่ชุดเครื่องแบบทหารคนนั้นคือหูเจี้ยนกั๋ว นายพลใหญ่ของกองทัพเจียงหนาน เขาสนิทกับคุณพ่อของฉันมากทีเดียว พอเขามาถึงฉันต้องไปทักทายสักหน่อย คุณรอตรงนี้ก่อนนะ""ได้" เย่หมิงพยักหน้าจ้าวเมิ่งซินลุกขึ้นและเดินตรงไปยังหนิงเทียนหมิงและหูเจี้ยนกั๋วแต่ขณะที่สายตาของเย่หมิงจับจ้องไปที่หูเจี้ยนกั๋ว เขากลับหรี่ตาลงเล็กน้อยสภาพร่างกาย
กลุ่มคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้รู้สึกถูกหลอกลวงอย่างมาก แต่ละคนไม่เพียงเลิกเอาใจหรือประจบเท่านั้น แต่ยังกลับมาเหยียบซ้ำ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ให้ใครเข้าใจผิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับพวกหลี่หยางทั้งสามคนจนตัวเองต้องเดือดร้อนไปด้วยสามคนที่เมื่อครู่ยังดูสง่าผ่าเผยอย่างหลี่หยาง ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกหน้าแตก หมดท่า หมดศักดิ์ศรี"พี่หยาง ทำคุณหนูใหญ่จ้าวขุ่นเคือง พวกเราจบเห่แล้ว จะทำยังไงดีล่ะ?" ฉินลี่หย่าพูดพลางมองหลี่หยางเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย ด้วยความหมดหวังแต่หลี่หยางที่อารมณ์เดือดดาลเต็มที่ กลับระบายความโกรธลงที่เธอด้วยการเตะเธอออกไป"ยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ! ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะทำยังไง! ที่เป็นแบบนี้มันก็เพราะเธอนั่นแหละ ตอนแรกเป็นเธอที่ดันไปเล็งบ้านเก่าเย่หมิงไว้ แล้วคิดจะหลอกแต่งงาน!""ฉันเล็งที่ไหนกันล่ะ เป็นแกชัดๆ เป็นแกที่ให้ฉันแต่งงานกับเขา แล้วช่วยเล่นละครให้แกต่างหาก ฮือๆ..." ฉินลี่หย่าพูดพลางกุมท้องที่โดนเตะจนปวดไม่หยุดแล้วร้องไห้"หึ! ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!" หลี่หยางตะคอกอย่างเย็นชา"แกอยู่กับไอ้เย่หมิงขี้แพ้นั่นมาตั้งสามปี คงรู้จักมันดีสินะ! ฉันถา
ฉินลี่หยากับลูกสาวถึงกับตกใจจนแทบฉี่ราดพอเห็นหลี่หยางอ้อนวอนขอร้องขนาดนั้น สองแม่ลูกก็ขาอ่อนทรุดฮวบลงไปกับพื้น แล้วคลานเข่าไปขวางหน้าหวงเปียวหู่"ท่านหู่ ท่านปู่ พวกเรามันเข้าใจผิดไปจริงๆ ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินคุณหนูใหญ่จ้าวเลย ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ช่วยพูดขอโทษแทนพวกเราสักครั้งเถอะนะคะ!"แต่หวงเปียวหู่กลับมีสีหน้าที่เย็นชาไปกว่าเดิม"ไอ้พวกสารเลว ไสหัวไป!"พูดจบ เขาก็เตะสองแม่ลูกกระเด็นออกไปทันที จากนั้นก็เตรียมจะเดินออกไปหลี่หยางรีบกอดขาหวงเปียวหู่ไว้แน่น"ท่านหู่ อย่าไปเลย อย่าทิ้งผมเลยนะ ท่านลืมไปแล้วเหรอ? ครั้งที่แล้วเรื่องหัวใจ ผมยังทำตามคำสั่งของท่านอย่างสุดกำลังจนหามาได้สำเร็จเลยนะครับ ผมยังมีความดี ผมยังมีประโยชน์กับท่านอยู่"หวงเปียวหู่ได้ยินดังนั้น ถึงกับขมวดคิ้วทันที"เรื่องหัวใจนั่นแกยังมีหน้าพูดออกมาอีกเหรอ! ผู้จัดการจ้าวลี่ที่อยู่ข้างกายคุณหนูโทรมาบอกฉัน ว่าคุณหนูไม่ได้ใช้หัวใจของน้าเย่หมิงเลย! สุดท้ายเป็นเย่หมิงที่ใช้ฝีมือทางการแพทย์รักษาคุณหนูจนหาย! แกทำให้ฉันถูกจ้าวลี่ต่อว่าอย่างหนัก เพราะดันไปเลือกใช้คนอย่างแกที่ใช้วิธีบ้าบอแย่งหัวใจคนเป็นมาทำเรื่องนี้ ไม่เพ
“ท่าน...ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง คุณ...อย่ามาล้อเล่นกับผมนะ แบบนี้จะเป็นคุณหนูใหญ่จ้าวได้ยังไง คุณหนูใหญ่จ้าวจะมาคบหากับไอ้ขยะไร้ค่าแบบนี้ได้ยังไง!""ใช่แล้ว ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง" ฉินลี่หย่าถึงกับตัวสั่น"เขาเป็นใคร? แค่คนที่ฉันไล่ออกจากบ้าน! แล้วคุณหนูใหญ่จ้าวเป็นใคร? จะเป็นไปได้ยังไงที่จะพาคนแบบนั้นเข้ามาอยู่ด้วยกัน แถมยังดูสนิทสนมกันอีก! ต่อให้ตายก็เป็นไปไม่ได้!"เจี่ยงหงหน้าซีด รีบพูดเสริมทันที"ถูกต้องที่สุด! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณหนูใหญ่จ้าว! ถ้าคุณหนูใหญ่จ้าวจะชอบใครสักคน ก็คงไม่มีวันเป็นไอ้ขยะคนนี้แน่ๆ!""หัวหน้าตระกูลหวัง ผมว่าคุณคงจะล้อเล่นกับพวกเรา ตั้งใจจะทำให้เรากลัวใช่ไหม" หลี่หยางยิ่งคิดยิ่งเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ้มเยาะใส่หัวหน้าตระกูลหวัง"ไสหัวไปให้พ้น!" แต่หัวหน้าตระกูลหวังกลับมีสีหน้าดุดันเหมือนน้ำแข็ง กระทืบหลี่หยางจนล้มลงไปกับพื้น"พวกแกกินขี้จนสมองพังกันไปหมดแล้วหรือไง! โง่สิ้นดี! เตรียมตัวรอถูกจัดการได้เลย!"พูดจบ หัวหน้าตระกูลหวังก็เบือนหน้าหนี มองหลี่หยางกับพวกเหมือนเป็นตัวซวย ไม่กล้าอยู่ใกล้พวกเขา รีบหลบไปทันที กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดว่าร่
ฉินลี่หย่ากับเจียงหงต่างก็อึ้งไปชั่วขณะทันใดนั้น สีหน้าของฉินลี่หย่าก็เปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งไปประคองหลี่หยางให้ลุกขึ้น“คนสารเลว ไอ้ขยะไร้ค่าคนนี้ กล้าตบหลี่หยางอย่างนั้นเหรอ!” เจี่ยงหงชี้นิ้วใส่ใบหน้าของเย่หมิงพร้อมด่าทออย่างหยาบคาย“แกไม่รู้หรือไงว่างานเลี้ยงสังสรรค์ธุรกิจครั้งนี้ คุณหนูใหญ่จ้าวจัดขึ้นเพื่อหลี่หยางโดยเฉพาะน่ะ!”สีหน้าของจ้าวเมิ่งซินเปลี่ยนเป็นประหลาดใจในทันทีงานเลี้ยงที่เธอจัดขึ้น กลายเป็นเพื่อหลี่หยางตั้งแต่เมื่อไรกัน?หรือผู้หญิงดุร้ายคนนี้จะเสียสติไปแล้ว?“ถ้าประสาทเสียก็ไปโรงพยาบาลซะ อย่ามาทำให้ขายหน้าที่นี่!” เย่หมิงพูดพร้อมกับสีหน้าเย็นชา หันไปทางเจี่ยงหง“คุณเย่ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาแล้วค่ะ เราไปข้างหน้ากันเถอะ” จ้าวเมิ่งซินพูดขึ้นพูดจบ ก็จับแขนเย่หมิงอย่างสนิทสนมแล้วเดินไปทางด้านหน้ากลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้ประจบหลี่หยางรีบเข้ามาหาเขาทันที“พี่หยาง พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“พวกนั้นเป็นใครกัน? กล้าดียังไงถึงลงมือกับพี่!”“ถุย!” หลี่หยางจับหน้าที่บวมของตัวเองแล้วบ้วนเลือดในปากออกมา“ก็แค่ไอ้ขยะกับนังไร้ค่าราคาถูกสองตัว หมาบ้าไล่กัดคน! แต่ตอนนี้ฉันจะไม
เรื่องนี้ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาของพวกเขาในอนาคตในขณะนั้น หลี่หยาง ฉินลี่หย่า และเจี่ยงหง กำลังนั่งอยู่ที่ตำแหน่งกลางของห้องจัดเลี้ยงหลัก บรรดาผู้นำของตระกูลใหญ่และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างพากันมาประจบ“พี่หยาง คุณหนูใหญ่จ้าวลงทุนตั้งบริษัทย่อยด้วยเงินเป็นแสนล้าน นี่เป็นเพราะอยากช่วยสนับสนุนพี่จริงๆ เหรอ?”“พี่หยาง พี่มีบุญคุณอะไรกับคุณหนูใหญ่จ้าวหรือเปล่า?”……“แน่นอนว่าจริง!” หลี่หยางเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีภาคภูมิใจ“พวกนายยังกล้าสงสัยฉันอีกเหรอ? ดูสิ บัตรเชิญของพวกเรา เราสามคนได้รับบัตรเชิญสีฟ้า ในขณะที่ของพวกนายเป็นสีทอง แค่สีของบัตรก็แยกความแตกต่างได้ชัดเจนแล้ว”พูดจบ เขากับฉินลี่หย่าแม่ลูกก็ยกบัตรเชิญในมือขึ้นโชว์ทุกคนมองไปแล้วก็เห็นจริงว่าบัตรเชิญของทั้งสามคนเป็นสีฟ้าที่ต่างกันจริงๆทันใดนั้น ทุกคนก็พากันยกยอปอปั้นต่อ“พี่หยาง เมื่อกี้ผมปากพล่อยเอง ไม่น่าสงสัยพี่เลย หลังจากพี่รุ่งเรืองแล้ว อย่าลืมช่วยเหลือพวกเราบ้างนะ”“ใช่ๆ พวกเราก็ถือว่ารู้จักกันมานาน บัตรนี้มีเงินอยู่สามล้านหยวน พี่เอาไปใช้จ่ายสบายๆ ซื้อบุหรี่สักหน่อย”“พี่หยาง นี่เป็นโรเล็กซ์รุ่นลิมิเต็ด ผ
เย่หมิงชะงักไปทันที“คุณหนูใหญ่จ้าว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนร่างกายเลยดูรุงรัง ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงเหมือนรังนก ไม่น่าจะเอาไปพบหน้าคนที่เขาแอบชอบได้เลยกลับกันมองไปที่จ้าวเมิ่งซินเธอสวมชุดราตรีที่ประณีตงดงาม ดูน่าหลงใหลราวกับดวงจันทร์บนท้องฟ้านอกจากนี้ เธอยังถือกล่องของขวัญสวยๆ มาหลายกล่องเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความแตกต่างช่างชัดเจนเหลือเกิน“ช่วงสองวันนี้ผมมัวแต่ยุ่งเรื่องฝึก เลยไม่ได้...ไม่ได้ดูแลตัวเองให้เรียบร้อย” เย่หมิงเกาศีรษะด้วยความลำบากใจ พร้อมพูดด้วยท่าทีเขินอาย“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าก็ดูเป็นธรรมชาติดีออก” จ้าวเมิ่งซินพูดยิ้มๆ“ว่าแต่คุณจะปล่อยให้ฉันยืนอยู่นี่นานแค่ไหนล่ะ? ฉันเมื่อยมือแล้วนะ”เธอไม่ได้ใช้คำพูดสุภาพกับเย่หมิงอีกต่อไปเย่หมิงรีบเดินไปเปิดประตูเหล็กของลานบ้าน พร้อมรับกล่องของขวัญจากมือของจ้าวเมิ่งซิน“เอาของพวกนี้มาทำไมเหรอ?”“ฉันอยากให้คุณไปงานเลี้ยงกับฉัน เลยเลือกชุดสูทกับรองเท้าหนังมาให้คุณสักสองสามชุด” จ้าวเมิ่งซินพูดยิ้มๆ“หา?” เย่หมิงอึ้งไปเล็กน้อยนอกจากยายกับแม่ที่เสียไปแล้ว และก็ยังมีน้าสาวเนี่ยชิงชิง ก็ไม่
ถึงแม้ว่าเย่หมิงจะเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเธอแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เพียงเพื่อจะได้แต่งงานกับเธอจ้าวเมิ่งซินเงยหน้าขึ้น มองออกไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างเย่หมิง เขาจะมีท่าทีอย่างไรต่อเธอกันแน่ และเขาจะ... เลือกตัดสินใจอย่างไร?……ในขณะเดียวกันบ้านพักตากอากาศหมายเลขหนึ่งของซินเทียนเซี่ยเนี่ยชิงชิงกำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่เย่หมิงซื้อมาฝาก“อาหารจากร้านอวิ๋นติ่งนี่อร่อยจริง ๆ เลย”“ถ้าน้าชอบ คราวหน้าผมจะพาน้าไปทานที่ร้านเอง” เย่หมิงยิ้มตอบ“ไม่ต้องเปลืองเงินขนาดนั้นหรอก เธอไปกับคุณหนูใหญ่จ้าวบ่อย ๆ เถอะ” เนี่ยชิงชิงพูดยิ้ม ๆ“หืม?” เย่หมิงถึงกับชะงักเนี่ยชิงชิงยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดขึ้นว่า"คุณหนูใหญ่จ้าวเป็นคนที่ดีมากเลยนะ ทั้งมีชาติตระกูลสูงส่ง ท่าทางสง่างาม และยังอ่อนโยนใจดีมากอีกด้วย เธอคงชอบเธอเข้าแล้วใช่ไหม?"เย่หมิงใจเต้นขึ้นมาทันที"คุณน้าอย่าพูดเล่นเลย ผมเป็นแค่ผู้ชายที่เคยหย่ามาแล้ว จะไปคู่ควรกับเขาได้ยังไง"พอได้ยินแบบนี้ เนี่ยชิงชิงถึงกับหมดอารมณ์กิน เธอวางช้อนส้อมลงก่อนจะทำหน้าเคร่งขรึม"เสี่ยวหมิง ที่เธอพูดดูถู