แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องผ่านม่านโปร่งในห้องทำงานของเคนชิโร่ กลิ่นหอมของกาแฟจากห้องครัวลอยมาตามอากาศ เงียบสงบของเช้าวันใหม่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเข้มข้นของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงข้ามเคนชิโร่ สวมชุดสูทสีเบจเรียบง่าย แต่ดูภูมิฐาน ดวงตาของเธอจับจ้องแผนงานบนหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่เคนชิโร่นั่งทบทวนเอกสารรายชื่อบุคคลเป้าหมาย“คุณแน่ใจนะคะว่าพวกเขาจะไม่ทันไหวตัว?” มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากจอและถาม น้ำเสียงของเธอแม้จะดูจริงจังแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย“ผมมั่นใจครับ” เคนชิโร่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ในดวงตาของเขาก็แฝงความกังวล “ทีมของเราทำงานกันอย่างรอบคอบ ไม่มีเหตุผลที่แผนจะล้มเหลว… แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาด คุณต้องอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุด”“ฉันไม่อยากแค่รออยู่เฉยๆ” มิเอโกะพูดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันอยากช่วยคุณอย่างเต็มที่”เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ และมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ผมรู้ครับ แต่ผมไม่อยากให้คุณเสี่ยงเกินไป”เสียงเคาะประตูดังขึ้น บอดี้การ์ดทั้งห้าคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมรายงานความพร้อมของแต่ละทีม“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ คุณเคนชิโร่” หัวหน้าทีมรายงาน“ดีมาก” เคนชิโ
หลังจากคืนที่เต็มไปด้วยแผนการและบทสนทนา เคนชิโร่และมิเอโกะตื่นขึ้นในยามเช้าของวันที่สองของปฏิบัติการ แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านผ้าม่านสีครีมในห้องนั่งเล่นของบ้านพัก กลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่นลอยอบอวลอยู่ในอากาศมิเอโกะกำลังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัวในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่เธอหยิบจากตู้เสื้อผ้าของเคนชิโร่ เธอคนกาแฟในถ้วยด้วยท่าทางเงียบสงบ แต่ในใจเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับแผนการที่กำลังดำเนินอยู่เสียงฝีเท้าของเคนชิโร่ดังขึ้นจากทางเดินด้านหลัง เธอหันไปเห็นเขาในชุดสูทเรียบหรูที่ทำให้เขาดูสง่างาม“คุณตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ” เคนชิโร่กล่าวขณะเดินเข้ามาหยิบถ้วยกาแฟอีกใบจากเคาน์เตอร์“ฉันนอนไม่หลับค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงความกังวลเคนชิโร่มองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความเข้าใจ “ผมเองก็เหมือนกัน แต่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย คุณไม่ต้องกังวลเกินไป”มิเอโกะยิ้มบางๆ “ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีอะไรผิดพลาด...”“คุณไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว” เคนชิโร่พูดพลางยื่นมือไปแตะไหล่เธอเบาๆ “ผมอยู่ตรงนี้ เราอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”เธอเงยหน้ามองเขา ดวงตาเธอสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความอ่อนโย
สถานที่: ระเบียงดาดฟ้าของโรงแรมลักชัวรี่ แกรนด์กลางคืนของวันเดียวกันหลังจากการปฏิบัติการที่เข้มข้น ระเบียงดาดฟ้าของโรงแรมกลายเป็นที่หลบพักของทั้งเคนชิโร่และมิเอโกะ อากาศเย็นสบายพัดผ่าน เสียงลมที่สัมผัสกระจกและแสงดาวที่ระยิบระยับเหนือฟากฟ้าทำให้บรรยากาศดูสงบเคนชิโร่ยืนอยู่ริมระเบียง มือทั้งสองข้างจับราวเหล็กแน่น เขาหันมองทิวทัศน์ของเมืองที่ส่องแสงระยิบระยับ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อนมิเอโกะเดินออกมาพร้อมแก้วชาในมือ เธอวางแก้วอีกใบลงบนโต๊ะเล็กข้างตัวเคนชิโร่ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ“ฉันคิดว่าคุณน่าจะอยากได้อะไรอุ่นๆ” มิเอโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเคนชิโร่หันมามองเธอ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความล้าเริ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “ขอบคุณครับ คุณรู้ใจผมเสมอ”บทสนทนาใต้แสงดาวทั้งสองเงียบกันชั่วขณะ ราวกับต่างฝ่ายกำลังรอให้อีกคนเป็นผู้เริ่มต้น“คุณรู้ไหมคะ” มิเอโกะเอ่ยขึ้น “บางครั้งฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่อันตรายเกินไป”“ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เคนชิโร่ตอบ ขณะละสายตาจากทิวทัศน์แล้วมองเธอ “แต่ผมเชื่อว่าถ้าเรายังอยู่ด้วยกัน เราจะผ่านทุกอย่างไปได้”“คุณเชื่อในตัวฉันม
สถานที่: สวนดอกไม้ในเขตชนบทหลังจากการพูดคุยที่คาเฟ่ เคนชิโร่พามิเอโกะมายังสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไม่ไกลนัก สวนนี้เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงนกร้องแว่วๆ เป็นฉากหลังทางเดินในสวนปูด้วยหินเล็กๆ และล้อมรอบด้วยดอกไม้หลากสีที่กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เคนชิโร่นำทางไปยังศาลาไม้ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของสวน ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของทั้งสวนได้ชัดเจน“ผมเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆ ครับ” เคนชิโร่เอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินมาถึง “ที่นี่เป็นที่ที่ผมมักจะมานั่งเงียบๆ เวลาอยากคิดอะไรคนเดียว”“มันสวยมากเลยค่ะ” มิเอโกะตอบ พลางเดินไปสัมผัสดอกไม้สีเหลืองที่เบ่งบานอยู่ใกล้ๆ “คุณมาที่นี่บ่อยไหมคะ?”“ตอนนี้ไม่บ่อยเท่าไหร่ครับ” เขาตอบพลางมองเธอ “แต่ผมคิดว่าหลังจากวันนี้ ผมคงอยากมาที่นี่บ่อยขึ้น”มิเอโกะหันมายิ้ม “เพราะอะไรคะ?”“เพราะมีคุณอยู่ที่นี่”ทั้งสองนั่งลงที่ม้านั่งในศาลา ลมพัดเบาๆ จนเส้นผมของมิเอโกะปลิว เคนชิโร่มองเธออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดขึ้น“คุณเคยคิดบ้างไหมว่าชีวิตของเรามันเปลี่ยนแปลงได้เร็วแค่ไหน?”“ฉันคิดบ่อยค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมพยักหน้า “บางครั้ง ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”เขายิ้มจา
สถานที่: บ้านพักส่วนตัวของเคนชิโร่ตัวบ้านตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบของโตเกียว โครงสร้างแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย มีสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กด้านหน้า และบ่อน้ำพร้อมสะพานไม้เล็กๆ บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับพักผ่อน ด้านในบ้านตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน แสงไฟอบอุ่นจากโคมไฟกระดาษสร้างความรู้สึกสงบหลังจากเดินเล่นที่ทะเลสาบจนดึก เคนชิโร่จูงมือมิเอโกะกลับมาขึ้นรถคันสีดำมันวาวที่จอดรออยู่ รถขับเคลื่อนด้วยความนุ่มนวลผ่านถนนสายเล็กที่เงียบสงบ“คืนนี้อากาศเย็นดีนะคะ” มิเอโกะพูดขึ้นขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง“ครับ เหมือนคืนที่เงียบสงบแบบนี้กำลังเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ที่ต้องวุ่นวาย” เคนชิโร่ตอบพลางเหลือบมองเธอ “แต่ผมดีใจที่คุณอยู่กับผม”เธอหันมายิ้มให้เขา “ฉันก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ คุณทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย”ช่วงอาหารค่ำ: บทสนทนาเริ่มต้นแผนการเมื่อมาถึงบ้านพัก เคนชิโร่พามิเอโกะไปที่ห้องอาหารที่จัดโต๊ะไว้อย่างเรียบง่าย อาหารเย็นเป็นเซ็ตแบบญี่ปุ่น มีซุปมิโสะ ปลาย่าง และข้าว พร้อมกับชาเขียวหอมกรุ่น“คุณต้องเหนื่อยมากใช่ไหมคะในช่วงนี้?” มิเอโกะถาม ขณะที่เคนชิโร่ตักซุปใส่ชามให้เธอ“นิดหน่อยครับ แต่ผมว่ามันคุ้มค่า” เขาวางช้อนลงและม
หลังจากเช้าของวันที่เต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบ้านพักของเคนชิโร่ เสียงนกร้องเบา ๆ สร้างบรรยากาศที่สงบสุข แต่ในใจของทั้งคู่กลับตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับแผนการที่กำลังจะเกิดขึ้นสถานที่: ห้องรับประทานอาหาร บ้านพักเคนชิโร่เคนชิโร่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะไม้โอ๊คสีเข้มในห้องรับประทานอาหาร ข้าง ๆ เขาคือมิเอโกะที่กำลังจิบชาร้อนในถ้วยลายดอกซากุระกลิ่นหอมอ่อน ๆ เธอเงยหน้ามองเคนชิโร่ด้วยสายตาที่แสดงถึงความเชื่อมั่นและห่วงใย“คุณ...” มิเอโกะเริ่มพูด น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่แฝงด้วยความกังวล “คุณมั่นใจใช่ไหมว่าวันนี้ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี?”เคนชิโร่พยักหน้าช้า ๆ เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอและยิ้มให้กำลังใจ“ผมมั่นใจครับ คุณไม่ต้องห่วง ทุกอย่างที่เราทำมาถึงตอนนี้มีเป้าหมายเดียวคือเพื่อความยุติธรรม และวันนี้เราจะก้าวอีกขั้นไปให้ถึง”มิเอโกะถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้มกลับมา “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณค่ะ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง”คำพูดของเธอทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในใจ เขาวางมือบนมือของเธอเบา ๆ“ขอบคุณครับคุณ คุณคือกำลังใจสำคัญของผม”สถานที่: รถ
สวนสาธารณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่เริ่มเงียบสงบลงเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เสียงนกร้องที่เคยดังเริ่มเบาลง ขณะที่บรรยากาศยามเย็นอ่อนโยนและเย็นสบาย ความรู้สึกของมิเอโกะตอนนี้ก็เหมือนกับการเดินอยู่ในโลกที่ไร้ขอบเขตและเวลา เธออยู่ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากการได้ใกล้ชิดเคนชิโร่ ทั้งสองเดินไปตามทางเดินที่มีต้นไม้ใหญ่เรียงรายสองข้างทาง รอยยิ้มของมิเอโกะแฝงไว้ด้วยความสุขและความสงบสถานที่: สวนสาธารณะริมทะเลสาบมิเอโกะมองไปที่น้ำในทะเลสาบซึ่งสะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า “คุณคะ...” เสียงของเธอดังขึ้นเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดเดินและหันมามองเขา “คุณเคยคิดบ้างไหมคะว่า...ทุกสิ่งที่เราได้ทำมามันจะคุ้มค่าหรือเปล่า?”เคนชิโร่หยุดเดินเช่นกัน เขาหันมามองหน้าเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเข้าใจ “ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นหรอกครับคุณ...แต่สิ่งที่ผมรู้แน่ ๆ คือการเดินไปข้างหน้าด้วยกันกับคุณ มันทำให้ทุกอย่างมีความหมาย”มิเอโกะรู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของเขา และจิตใจของเธอเริ่มรู้สึกสบายขึ้น เสียงของเขาทำให้เธอมั่นใจในเส้นทางที่พวกเขากำลังเดินร่วมกัน“ฉันรู้ว่าฉันไม่เคยพูดออกไปบ่อย ๆ
หลังจากการเดินเล่นในสวนสาธารณะที่เย็นสบาย ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปยังที่จอดรถของเคนชิโร่ เมื่อไปถึง รถยนต์ของเขาเงียบสงบอยู่ใต้แสงไฟจากเสาไฟที่ส่องลอดออกมาจากที่จอดรถ รอยยิ้มของมิเอโกะสะท้อนให้เห็นถึงความสุขเล็กๆ ที่เธอรู้สึกในขณะนั้น ทุกย่างก้าวของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังเคนชิโร่เปิดประตูรถและจูงมือมิเอโกะเข้าไปนั่งในรถ พร้อมกับปิดประตูให้เธออย่างระมัดระวัง ก่อนเขาจะเดินไปขึ้นที่นั่งคนขับ รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากที่จอด และเริ่มขับไปตามถนนที่เงียบสงบ“คืนนี้ดูเหมือนจะมีดาวเยอะมากนะคะ” มิเอโกะพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก ดวงตาของเธอมองออกไปที่ท้องฟ้า ภาพของดาวที่เต็มท้องฟ้าทำให้เธอรู้สึกถึงความเงียบสงบและความเป็นนิรันดร์เคนชิโร่หันมามองเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ก็เหมือนกับชีวิตของเราที่มีทางที่ไม่คาดคิด แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความหวังและโอกาส”มิเอโกะหันมามองเขาอีกครั้ง ดวงตาของเธอเป็นประกายเล็กน้อยจากแสงไฟที่ส่องจากถนน รู้สึกถึงคำพูดนั้นในใจลึกๆรถเคนชิโร่แล่นไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านพักของเขาที่อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว มีความเงียบสงบและห่างจากความวุ่นวายข
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกในคาเฟ่เล็กๆ ใกล้แม่น้ำซุมิดะ ที่นั่งริมหน้าต่างตกแต่งด้วยดอกไม้สีพาสเทลและหมอนอิงลายดอกไม้ มิเอโกะนั่งเท้าคางอยู่กับโต๊ะ มืออีกข้างคนกาแฟในถ้วยเล็กๆ พร้อมกับสายตาที่มองออกไปนอกหน้าต่างเคนชิโร่เดินเข้ามาในร้านในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคเรียบง่าย เขามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเธอ“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” เขากล่าวขณะเดินตรงมาที่โต๊ะมิเอโกะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “คุณนี่ตรงเวลากว่าที่คิดไว้นะคะ ฉันเพิ่งนั่งลงไม่ถึงสิบนาทีเอง”“ถ้าอย่างนั้นผมโชคดีที่มาทันเห็นคุณยิ้ม”เธอหัวเราะเบาๆ พลางโบกมือ “ชมแบบนี้อีกแล้วนะคะ คุณนี่จะทำให้ฉันเขินทุกวันเลยหรือไง?”เขานั่งลงตรงข้ามและหยิบเมนูขึ้นมา “บางทีผมก็อยากเห็นคุณเขินบ้าง”“ถ้างั้นคุณคงต้องรออีกนานเลยค่ะ เพราะฉันไม่เขินง่ายๆ หรอก”บทสนทนาที่เติมเต็มเสียงเพลงเบาๆ ในร้านช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เคนชิโร่วางเมนูลงและหันมามองเธอ“เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหมครับ?”“ก็ไม่เลวนะคะ” เธอพูดพลางยักไหล่ “แต่บางทีฉันคิดว่าคุณน่าจะทำให้ฉันนอนไม่หลับมากกว่า”เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำใ
ในคลับหรูใจกลางชานเมืองโตเกียว แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วพื้นที่ เสียงดนตรีจังหวะสนุกเร่งเร้าให้ผู้คนในคลับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ มิเอโกะยืนพิงกำแพงตรงมุมห้องพักศิลปินเล็กๆ ที่จัดไว้สำหรับนักร้องหน้าใหม่ เธอแอบมองลอดม่านบางๆ ออกไปยังพื้นที่หน้าเวที สายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับลูกน้องของเขา“คุณคนนั้นใช่ไหม?” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกัดริมฝีปากล่างเพื่อระงับความตื่นเต้นโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเบาๆ มิเอโกะหยิบขึ้นมาอ่านข้อความจากเคนชิโร่:“คุณโอเคไหม?”เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพิมพ์ตอบกลับ:“ฉันโอเคค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายโทรเข้า“ฮัลโหล?” มิเอโกะรับสายแล้วลดเสียงลง“คุณอยู่ตรงไหน?” เสียงเคนชิโร่ดังมาจากอีกฝั่ง ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ฉันอยู่ในห้องพักหลังเวทีค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”“ดีครับ แต่จำไว้นะ ถ้าอะไรผิดปกติ รีบส่งสัญญาณมาหาผมทันที”“ค่ะ คุณพูดเหมือนฉันเป็นเด็กไปได้” มิเอโกะหัวเราะเบาๆ“คุณไม่ใช่เด็ก แต่คุณชอบทำให้ผมห่วง”คำพูดนั้นทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “คุณพูดแบบนี้... ฉันต้อง
หลังจากการประชุมที่ห้องของมิเอโกะในมูลนิธิ การตัดสินใจครั้งใหญ่ถูกวางแผนอย่างรอบคอบ เคนชิโร่เรียกบอดี้การ์ดทั้งห้าคนมาที่ห้องประชุมเพื่อวางแผนปฏิบัติการสำคัญ พวกเขาจะต้องเข้าไปในวงการของลูกชายมายาโตะ โคอิจิ เพื่อสืบหาเบาะแสและหลักฐานที่สามารถเอาผิดเขาได้ มิเอโกะนั่งอยู่ข้างๆ เคนชิโร่ รอให้ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ด้วยท่าทางที่เหมือนจะไม่ค่อยจริงจังนัก แต่ความคมคายในแววตาของเธอนั้นกลับทำให้เคนชิโร่รู้สึกถึงความหนักแน่นที่ซ่อนอยู่"คุณเคนชิโร่ค่ะ" มิเอโกะพูดเสียงหวานแต่ยังคงแฝงความจริงจัง "เราต้องทำให้ทุกอย่างราบรื่น เราจะเริ่มต้นอย่างไรดีคะ?"เคนชิโร่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองบอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหน้าเขา โดยทุกคนต่างเป็นผู้ชายที่มีท่าทางเข้มแข็ง และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและช่วยเหลือมิเอโกะ"โอเคครับ ทุกคน เรามีงานที่ต้องทำ" เคนชิโร่เริ่มต้นพูด "แผนของเราคือการแทรกซึมเข้าไปในธุรกิจของลูกชายมายาโตะ โดยการสมัครงานในหลายตำแหน่งที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง"เคนชิโร่หันไปมองมิเอโกะ ก่อนจะพูดต่อไป "ผมคิดว่าเราต้องให้คุณมิเอโกะไปสมัครงานกับลูกชายมายาโตะ เขาจะได้รู้จักกับคนในวงการ
มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยความสงบและสถาปัตยกรรมโบราณ ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนที่เดือดร้อน ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอ่อนและกระจกที่สะท้อนแสงจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทุกอย่างดูเงียบสงบและเป็นระเบียบ แต่ในวันนี้ มันกลับไม่สงบเหมือนเคยเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ห้องทำงานของมิเอโกะในมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งด่วน “คุณมิเอโกะค่ะ ขอโทษที่รบกวน แต่มีตัวแทนชาวบ้าน 10 คนจากเกียวโตมาที่นี่ พวกเขาต้องการพูดคุยกับคุณโดยด่วนค่ะ”มิเอโกะที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหันไปมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าสงบ “เอาเลยค่ะ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่ห้องประชุม เดี๋ยวฉันจะเข้าไปค่ะ”เจ้าหน้าที่พยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปไม่นาน มิเอโกะก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังห้องประชุม พอเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบกับตัวแทนชาวบ้าน 10 คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม บรรยากาศในห้องดูจริงจังและมีความเครียดปกคลุมมิเอโกะนั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะและหันไปยิ้มให้ทุกคน แม้ว่าจะมีความเครียดอยู่ในอากาศ “เกิดอะไรขึ้นค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือไห
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยอากาศสดชื่นที่พัดผ่านท้องถนนในเขตชานเมืองของโตเกียว เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในบ้านของมิเอโกะ ขณะที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เธอลุกขึ้นจากเตียงและยืดตัวเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานเล็กเปิดรับแสงแดดที่อ่อนโยนเสียงเครื่องยนต์จากรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นจากนอกบ้าน ก่อนที่เคนชิโร่จะขับรถของเขาเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของมิเอโกะ รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ เธอในทุกวันมิเอโกะเดินออกมาจากบ้านในชุดทำงานที่ดูสะอาดตาและดูดี พอเห็นเคนชิโร่ยืนรออยู่ที่หน้ารถ เธอไม่ลืมที่จะโบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มกว้าง "สวัสดีค่ะ คุณเคนชิโร่"เคนชิโร่ยิ้มตอบกลับ พร้อมกับเปิดประตูให้มิเอโกะ "สวัสดีครับคุณมิเอโกะ วันนี้คุณพร้อมสำหรับการทำงานที่มูลนิธิแล้วหรือยังครับ?"มิเอโกะเปิดประตูรถและนั่งลงข้างเคนชิโร่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้เขา "พร้อมค่ะ! แค่คำนึงถึงการทำงานที่มูลนิธิก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่มีคุณเคนชิโร่มาเป็นคนขับรถให้ก็คงจะลำบากน่าดูนะคะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พร้อมขับรถออกไป "ผมดีใจที่สามารถช่วยได้ครับคุณมิเอโกะ ถึ
แสงไฟจากตึกมูลนิธิส่องสว่างเป็นเงาลางๆ เมื่อเคนชิโร่จับมือมิเอโกะออกมาจากอาคาร ความเย็นของยามค่ำคืนทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ไม่วายแฝงความอบอุ่นจากไออุ่นมือของทั้งสองที่ประสานกันแน่น"คืนนี้อากาศดีนะครับ" เคนชิโร่พูดพลางเหลือบมองมิเอโกะที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม"ค่ะ ดีจนฉันอยากจะเดินกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ" มิเอโกะหันมายิ้มตอบ แต่สายตาก็แฝงความขี้เล่น"ผมคงปล่อยคุณเดินกลับเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณล้มระหว่างทาง ใครจะช่วยพยุง?" เคนชิโร่แซวกลับ พร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์"โอ๊ะ คุณกำลังบอกว่าฉันซุ่มซ่ามหรือคะ?" มิเอโกะย่นจมูกใส่เขา พลางบีบมือเขาเบาๆ"ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ คุณต่างหากที่คิดไปเอง" เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะเปิดประตูรถหรูสีดำให้เธอ"อืม งั้นฉันจะถือว่าคุณชมว่าฉันน่ารักแล้วกันค่ะ" มิเอโกะยักคิ้วก่อนจะก้าวขึ้นรถ พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆรถเคลื่อนตัวออกจากมูลนิธิ มุ่งหน้าสู่บ้านของมิเอโกะ ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นจังหวะ"คุณเคยบอกว่าผมขับรถพาคุณกลับบ้านจนชินแล้ว คืนนี้ผมจะได้เจอครอบครัวคุณไหมครับ?" เคนชิโร่ถามขณะมองถนน"ค่ะ พ่อกับแม่ฉันอยู่บ้าน แ
บ่ายวันนั้น แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของ Mamori no Te Shien Zaidan ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ อากาศปลอดโปร่งและเงียบสงบจนเหมือนเวลากำลังเดินช้าลง ห้องทำงานของมิเอโกะจัดแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย บนโต๊ะทำงานมีเอกสารกองหนึ่งที่เธอจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้สนใจเอกสารเหล่านั้นเท่าใดนัก"คุณเคนชิโร่ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" มิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน เธอจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาริมหน้าต่าง เขากำลังเลื่อนดูเอกสารบางอย่างในมือ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ"ได้สิครับ มีอะไรหรือเปล่า?" เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมวางเอกสารลงบนโต๊ะข้างตัวมิเอโกะยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา "ถ้าคุณไม่ได้อยู่ช่วยงานที่นี่ช่วงนี้ ฉันควรจัดการเอกสารนี้ยังไงดีคะ? ดูเหมือนจะเยอะเกินกว่าที่ฉันจะทำคนเดียวได้นะ"เคนชิโร่หัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวไปพิงพนักโซฟา "ผมคิดว่าคุณทำได้อยู่แล้ว คุณเก่งจะตายไปนี่ครับ""พูดแบบนี้แปลว่าคุณจะไม่ช่วยฉันใช่ไหมคะ?" มิเอโกะเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าต
ห้องทำงานของมิเอโกะ ที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan ยังคงเต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านกระจกเข้ามาอย่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงบที่สะท้อนถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของทุกคนในที่นี่ แต่สำหรับมิเอโกะในตอนนี้ ความคิดในหัวของเธอกลับไม่เกี่ยวข้องกับเอกสารหรือเรื่องงานเลยสักนิดมิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเธอกำลังพยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองให้อยู่ในกรอบ ในขณะที่กำลังคิดถึงเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไป แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกนิ่งสงบได้"เอ๊ะ... คุณเคนชิโร่ไปจัดการเรื่องที่ไนท์คลับแล้วใช่ไหม?" เธอพูดออกมาคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้ฟังดูน่าเศร้าแต่ว่า มือเล็กๆ ของเธอก็หยิบปากกาออกมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เริ่มขีดๆ เขียนๆ แบบขอไปทีเหมือนจะหาทางทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น "อืม... ถ้าฉันไม่ได้เจอเขานานๆ ก็ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ แล้วล่ะ" มิเอโกะพูดกับตัวเองอย่างขำๆ และท่าทางนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อทันใดนั้น เสียงเปิดประตูดังขึ้น และเคนชิโร่ที่เพิ่งออกไปกลับมาอีกครั้ง เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางที่เหมือนจะมีอะไรอยากบอก มิเอโกะเงยหน
บรรยากาศในห้องทำงานของ Mamori no Te Shien Zaidan กลับมาสงบลงอีกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไป และตอนนี้มิเอโกะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง กำลังตรวจสอบเอกสารหลายชุดที่วางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เคนชิโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างความเงียบถูกทำลายเมื่อเคนชิโร่เปิดปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักใจ "คุณมิเอโกะครับ" เขาเริ่มต้นด้วยคำเรียกที่คุ้นเคยแต่แฝงไปด้วยความจริงจังมิเอโกะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารและมองไปที่เคนชิโร่ รู้สึกถึงความกังวลในสายตาของเขา "มีอะไรคะ คุณเคนชิโร่?" เธอถามอย่างใส่ใจ ท่าทางสงบและเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฟังเคนชิโร่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา "ผมปล่อยธุรกิจที่ไนท์คลับ Yūgen Club ที่เกียวโตไว้นานแล้ว... ไม่ค่อยได้กลับไปดูแลมันเลยช่วงนี้" เขาพูดออกมาเบาๆ และรู้สึกถึงความหนักใจที่ซ่อนอยู่ในคำพูด "ตอนนี้ผมจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่มูลนิธิ Mamori no Te Shien Zaidan สักเท่าไรถ้าไม่มีผมในช่วงนี้... คุณจะทำงานคนเดียวไวไหมครับ?"มิเอโกะมองไปที่เคนชิโร่ ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเห็นเขารู้สึกผิดไป เธอวางเอกสารลงและลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อที่จ