ตอนที่3
ณ ผับดัง xx เจไดพาร่างสูงของตนเองเดินเข้ามายังผับที่เขานั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบนโซนวีไอพีตามที่ได้นัดหมายกันกับเพื่อนสนิทเอาไว้ ซึ่งผับแห่งนี้เป็นของคีตภัทรเพื่อนสนิทเขานั่นเอง.. “ไง!! โผล่หัวมาแล้วเหรอไอ้เสือ กว่าจะมาให้เห็นหน้าได้นี่กูแทบจะจุดธูปเรียกมึงแล้วนะ” น้ำเสียงเข้มของคีตภัทรเอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนมเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินทอดกายเข้ามา “เออ!! แล้วไหนละเด็กมึงไอ้คีย์ที่บอกว่าเด็ด” เจไดพูดสวนขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองหาบรรดาเด็กๆที่เพื่อนบอกว่าเตรียมจัดหามาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว “เพิ่งมาถึงก็จะจัดเลยรึไงวะ” เสียงเข้มของอาชาพูดขึ้น “นั่นสิวะ มาหาอะไรดื่มพูดคุยกันก่อนสิ มาถึงก็จะจัดเรื่องอย่างว่าเลยรึไง อยู่อเมริกามึงตายอดตายอยากมารึไงวะ” คีตภัทรพูดทีเล่นทีจริงพลางส่ายหัวให้กับเพื่อนอย่างระอา “ก็เห็นว่าเด็ดจนกูจะต้องขอบคุณมึงไง” “เอาน่า…ใจเย็นๆ เดี๋ยวได้ชิมน้องๆทุกคนแน่” คีตภัทรพูดตัดบท “แล้วเรื่องของมึงกับแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนั้นเป็นยังไงบ้างวะไอ้เจ คืบหน้าหรือยัง??” อาชาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ยัง!” เขาเอ่ยตอบสั้นๆพร้อมกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไปกรึบนึง “อะไรยังไง? นี่กูตกข่าวอะไรไปรึเปล่าวะ ใครคือเธอแล้วเธอคือใครแม่สาวน้อยร้อยเอ็ด พูดซะกูนึกอยากกินลาบร้อยเอ็ดเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” คีตภัทรพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจเสียงดัง ก่อนสายตาคมของเจไดจะจ้องหน้าเพื่อนอย่างหงุดหงิด พร้อมกับกรอกตามองบนแล้ววางแก้วเหล้ากระแทกพื้นโต๊ะเสียงดังปึก!! จนคีตภัทรถึงกับชะนิ่งไปชั่วขณะ “อะไรของมึงวะ หัวเราะแค่นี้ทำเป็นไม่พอใจ แค่บอกว่านึกอยากจะกินลาบร้อยเอ็ดเองกูพูดอะไรผิดตรงไหนวะ??” คีตภัทรเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหน้าไปมองอาชาสลับกับมองหน้าเจไดเพื่อขอคำอธิบาย จนอาชาเองนึกขำให้กับท่าทางของคีตภัทรไม่ได้ “แล้วที่มึงบอกว่ายังนี่มันหมายความว่ายังไงวะ? อย่าบอกว่าเขาไม่สนใจคนอย่างมึงนะ กูจะขำเข้าให้” อาชาพูดขึ้นทีเล่นทีจริงพร้อมรอฟังคำตอบจากเจไดอย่างใจจดใจจ่อ “ไม่รู้สิ ตั้งแต่วันนั้นกูก็เพิ่งจะโทรหาเขาเมื่อตอนเช้านี่เอง” เจไดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งประกอบกับสีหน้าที่ยังดูเรียบเฉย “แล้ว…??” อาชาถามย้ำขึ้นมาอีกครั้งและรอฟังคำตอบจากเพื่อนอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง “กูก็กำลังจะหาเรื่องชวนคุยและชวนเขามาทำงานที่บริษัทเพราะเห็นว่าเค้ากำลังหางานทำ แต่กลับโดนปฏิเสธแล้วแถมกูยังพูดไม่จบเขาก็รีบกดวางสายไปเลย” เจไดตอบพร้อมทำหน้าเซ็งสุดชีวิต “ฮ่าๆๆๆๆ” อาชาหัวเราะร่วนออกมาเสียงดังอย่างชอบใจที่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนั้นทำเอาเพื่อนรักของเขาเซ็งเป็นหมาหงอยได้ถึงขนาดนี้ “นี่อย่าบอกนะว่ามึงโดนผู้หญิงปฏิเสธ? ฮ่าๆๆ กูอยากจะขอคาระวะแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนั้นจังเลยโว้ยที่ทำให้คนอย่างมึงหัวเสียได้ขนาดนี้ สงสัยแม่สาวน้อยคนนี้คงจะเป็นผู้หญิงคนเดียวและเป็นคนแรกในโลกที่กล้าปฏิเสธผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยแถมทั้งเอาเก่งแบบมึงเนี่ย ฮ่าๆๆ” อาชาหัวเราะชอบใจ อีกทั้งยังรู้สึกสะใจไม่น้อยที่ได้เห็นเพื่อนที่สุดแสนจะเพอร์เฟคโดนผู้หญิงปฏิเสธซะบ้าง “กูก็ชักอยากจะเห็นแม่สาวน้อยลาบร้อยเอ็ด คนนี้ของมันซะแล้วสิ!” คีตภัทรพูดขึ้นบ้าง ~~ครืด ครืด ครืด~~ เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเจไดดังขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะการสนทนา ก่อนเขาจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดรับปลายสาย เจได : (ว่าไง) พยัคฆ์ : (ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเข้าไปข้างในผับที่นายน้อยอยู่ครับ) เจได : (เธอมากับใคร) พยัคฆ์ : (มากับเพื่อนผู้หญิงสี่คนและเพื่อนผู้ชายอีกสามคนครับนายน้อย น่าจะเป็นเพื่อนใหม่ในที่ทำงานที่เธอไปสมัครงานมาวันนี้ครับ) เจได : (อืม) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด… เจไดวางสายทันทีหลังจากลูกน้องคนสนิทรายงานความเคลื่อนไหวของผู้หญิงที่เขาสนใจเสร็จ “ใครโทรมาวะ..?” อาชาถามขึ้น “พยัคฆ์” เขาตอบสั้นๆเพียงแค่นั้น “มีเรื่องไรหรือเปล่าวะ?” คีตภัทรถามขึ้นบ้าง “เปล่า…แค่คนที่พวกมึงพูดถึงและอยากเจอ ตอนนี้เธอกำลังเข้ามาในผับนี้แล้ว” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นก่อนมือหนาจะยกแก้วเหล้าเพียวๆขึ้นกระดกลงคอไปกรึบหนึ่ง “อะไรกันวะ นี่มึงถึงขั้นให้ลูกน้องคนสนิทตามติดชีวิตเธอขนาดนี้เลยเหรอ กูว่ามึงชักจะยังไงๆกับเด็กคนนี้แล้วนะ อย่าบอกว่ามึงจริงจังกับคนนี้นะโว้ยไอ้เจ!!??” อาชาโพล่งคำถามออกไปอย่างนึกสงสัย “ถ้าเป็นอย่างที่ไอ้ชามันพูด แล้วว่าที่คู่หมั้นของมึงละวะจะเอายังไง จะเอาแม่นั่นไปไว้ที่ไหน?” คีตภัทรเอ่ยขึ้นเช่นกัน “ก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ กูเคยบอกพวกมึงหรือไงว่ากูจะแต่งงานกับยัยนั่น” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความเย็นชาเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “อ้าวไอ้นี่!!” ทั้งอาชาและคีตภัทรต่างก็ได้แต่อึ้งกันไปตามๆกันให้กับคำตอบของเจได “นั่นไง…คนที่พวกมึงอยากเจอมาโน่นละ” เจไดพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะปลายสายตาไปมองแม่สาวน้อยคนร้อยเอ็ดที่เขารู้สึกสนใจตั้งแต่แรกเห็น “คนไหนวะ?” อาชาถามพร้อมกับหันไปมองบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายซึ่งมาด้วยกันประมาณ6-7คนเห็นจะได้ คีตภัทรและอาชาต่างสนอกสนใจมากเป็นพิเศษว่าหญิงสาวที่เพื่อนสนิทอย่างเจไดผู้ชายที่สุดแสนจะเพอร์เฟคสนใจจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน จะสวยสะบึ้มอกเป็นอกเอวเป็นเอวตูดเป็นตูดหรือไม่ ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเพราะส่วนใหญ่จะมีแต่บรรดาผู้หญิงวิ่งเข้าหาจะมาตกหลุมรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้นั้น นับว่าผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน ลูกหว้าและกลุ่มเพื่อนๆและพี่ๆที่ทำงานแต่งตัวกันสบายๆ ไม่ได้เน้นเช็กซี่โชว์อกโชว์เอวอะไรมากนัก ลูกหว้าใส่เสื้อสายเดี่ยวสีดำรัดรูปและกางเกงยีนส์ขาเดฟธรรมดาๆ เธอสวมรองเท้าส้นสูงนิดๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้เด็กสาวต่างจังหวัดแบบเธอดูดีน่ารักสดใสในแบบฉบับของเธอแล้ว เสื้อสายเดี่ยวสีดำที่เธอสวมใส่ยิ่งช่วยขลับผิวขาวๆของเธอให้ดูเด่นขึ้นและเธอดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจของหนุ่มๆในผับแห่งนี้ไม่เบาเลยทีเดียว การที่พวกเธอและเพื่อนเข้ามาที่ผับแห่งนี้ได้ทั้งที่เธออายุเพียง18ปีย่าง19ปีเท่านั้น นั่นเป็นเพราะเส้นสายของบิ๊กเอ็มผู้จัดการร้านนั่นเอง “ถ้าจะให้กูทายคงเป็นน้องเสื้อสายเดี่ยวสีดำคนนั้นใช่ไหมวะ” อาชาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มรอฟังคำตอบจากเพื่อน “อืม” เขาตอบสั้นๆเพียงแค่นั้น “สวย น่ารัก น่าเอาว่ะ” เจไดรีบหันขวับกลับไปมองหน้าเพื่อนที่มีนามว่าคีตภัทรทันทีเมื่อเขาเผลอพูดขึ้นอย่างลืมตัว กว่าจะนึกขึ้นได้และหันหน้าไปมองเพื่อนซึ่งก็กำลังจ้องหน้าเขานิ่งอย่างเอาเรื่องให้กับคำพูดของเขาเมื่อตะกี้อยู่ “เออ!! กูก็พูดไปงั้นแหละของของเพื่อนกูไม่กล้าเอาหรอก อีกอย่างกูไม่ใช่คนที่ชอบแย่งของของใครด้วยโดยเฉพาะของของเพื่อน มึงไม่ต้องมาทำท่าทางหวงก้างใส่กูเลยไอ้เจ!!” คีตภัทรพูดขึ้นมาอย่างยาวเหยียด ลูกหว้าและกลุ่มเพื่อนพนักงานด้วยกันต่างก็สนุกสนานเฮฮากันตามประสา และพวกเธอเองก็ไม่ได้สังเกตด้วยว่ามีคนจ้องมองดูพวกเธออยู่ตลอดเวลาที่โซนวีไอพีด้านบน และมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งที่จ้องมองมายังลูกหว้ากับบิ๊กเอ็มอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นักที่ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ “น้องลูกหว้าจะรับแค่น้ำส้มแค่นี้จริงๆเหรอครับ มาถึงผับทั้งทีจะจบแค่น้ำส้มไม่ได้นะครับ…ต้องลองนี่ด้วย” บิ๊กเอ็มพูดขึ้นพร้อมกับยื่นแก้วสีอำพันให้กับลูกหว้า “จะดีเหรอคะพี่บิ๊ก หว้าไม่ค่อยถนัดอะไรพวกนี้เท่าไหร่ อีกอย่างหว้ากลัวว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหวด้วยค่ะ” “เอาน่านิดหน่อยเองหว้า นานๆทีนะแกถ้ามาผับแล้วไม่ดื่มแอลกอฮอลล์เลยถือว่ามาไม่ถึงผับนะ ใช่ไหมคะทุกคน..??!!!” กฐินเอ่ยขึ้นเพื่อหาแนวร่วม “ใช่ๆๆ ดื่มเลยลูกหว้าสู้เขาหน่อย ดื่มเลย ดื่มเลย ดื่มเลย!!” เพื่อนที่ทำงานต่างเชียร์ให้ลูกหว้าดื่ม จนเธอเองทนแรงกดดันของทุกคนไม่ไหวเลยจำใจต้องคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มให้มันจบๆไป “งั้นลองสักแก้วก็ได้ค่ะ” พูดเพียงแค่นั้นเธอก็คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม เธอกลั้นหายใจและดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว “เย้ๆ ๆ !! เก่งมากเลยลูกหว้า มันต้องได้แบบนี้สิถึงจะเรียกได้ว่ามาเที่ยวผับ” พี่ที่ทำงานร้านคาเฟ่พูดขึ้นชมลูกหว้า และเธอเองก็ได้แต่ยิ้มตาหยีๆส่งให้ “ไม่เป็นไรนะครับน้องลูกหว้า คิดซะว่านานๆครั้งมาเที่ยวที่แบบนี้เราต้องปลดปล่อยหาความสุขให้ตัวเองบ้าง” บิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อเอ่ยขึ้น “ค่ะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าตอบและส่งยิ้มหวานให้ผู้กับจัดการหนุ่ม “ขอโทษนะคับ” บิ๊กเอ็มเอื้อมมือหนารวบปอยผมของเธอที่หลุดลงมาปิดบังใบหน้าหวานขึ้นทัดใบหูให้โดยที่ลูกหว้าเองยังไม่ทันตั้งตัวและเอ่ยอนุญาต เธอเองก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยที่ผู้จัดการหนุ่มทำแบบนี้ “เอ่อ…ขะ ขอบคุณนะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าพูดขอบคุณด้วยท่าทีที่ดูเขินอายให้กับสิ่งที่ผู้จัดการหนุ่มนั้นทำแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “แหมๆๆ จะดูแลกันเกินกว่าคำว่าลูกน้องคนใหม่มากเกินไปแล้วนะคะผู้จัดการ” น้องพนักงานในร้านคาเฟ่คนหนึ่งเอ่ยแซวขึ้น ทำให้ลูกน้องคนอื่นพูดขึ้นแซวบ้างเช่นกัน “ใช่ๆ แบบนี้ไม่แฟร์เลยเนาะถ้าจะดูแลเทคแคร์เฉพาะลูกหว้าดีขนาดนี้ น้องลูกหว้าต้องดื่มให้กับพวกเราอีกสักแก้ว ว่าไหมพวกเรา!!!” พนักงานในร้านคนหนึ่งพูดขึ้น!! “ใช่ๆ ดื่มเลย ดื่มเลย ดื่มเลย…” เมื่อทนแรงกดดันอีกครั้งไม่ไหว ลูกหว้าเลยจำใจต้องดื่มอีกแก้วแล้วแก้วเล่าเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมึนๆหนักๆหัวซะแล้ว ทางด้านบนโซนวีไอพี….. “หึ!! เธอมันก็คงเหมือนพวกผู้หญิงทั่วๆไปสินะ!” เจไดสบถออกมาเบาๆอย่างดูแคลน “แล้วนี่มึงจะเอายังไงต่อวะไอ้เสือ งานนี้กูว่ามึงคงจะเจอก้างขวางคอชิ้นใหญ่เลยนะ ดูท่าแล้วไอ้หมอนั่นก็หล่อและท่าทางก็น่าจะรวยซะด้วย!!” คีตภัทรเอ่ยแสดงความคิดเห็น “นั่นสิ มันคงจะชอบแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนี้ไม่เบาเลยทีเดียว แถมมือไวเป็นปลาหมึกอีกต่างหาก ท่าทางคงอยากจะเอาแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดจนจะแย่แล้วกูว่า!” อาชาพูดสมทบขึ้นมาอีกครั้ง เจไดได้แต่นนิ่งเงียบยืนจ้องมองคนที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าที่ดูเย็นชายากเกินจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเขาจะยกแก้วเหล้าเพียวๆขึ้นมากระดกลงคอไปอีกกรึบราวกับว่ามันเป็นแค่น้ำเปล่า “ถ้ากูไม่ได้เอาก่อน…ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาเอา!” โทนเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความดุดันเอ่ยขึ้นพลางกระดกเหล้าเพียวๆลงคอไปอีกกรึบ สายตาคมจ้องมองลูกหว้าและบิ๊กเอ็มอย่างไม่วางตาตอนที่4 โมโหหึง “ตอนนี้หว้ารู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นเพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะดื่มเยอะเกินไปแล้ว เพราะอาการหนักหัวปวดหัวเริ่มประเดประดังเข้ามาเธอเลยอยากจะไปล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหว้าให้กฐินไปเป็นเพื่อนก็ได้” พูดจบดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ และตอนนี้กฐินเองกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับพนักงานในร้านคาเฟ่คนอื่น ขาเรียวสวยรีบก้าวเดินฉับๆไปสะกิดแขนเพื่อนทันทีเพราะพยายามเรียกชื่อของกฐินหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงดนตรีในผับอาจจะดัง และเพื่อนของเธอเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย “กฐินคือฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ แกไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” “ได้สิแกฉันก็กำลังปวดฉี่อยู่พอดีเลย รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนด้วยอ่ะแก สงสัยจะทั้งดื่มทั้งกินเยอะไปหน่อย แห่ะแห่ะ” “อืม แกอ่ะดื่มเยอะมากไปแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมาแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ได้หรอก” ลูกหว้าบ่นอุบอิ
ตอนที่ 5 ระหว่างรอสาวน้อยตาสีนิลตื่นจากการเป็นลมหมดสติ ก่อนหน้านั้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเจไดอุ้มลูกหว้าเข้ามาทางประตูลับของผับเพื่อขึ้นไปยังที่พักของเพื่อนที่อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นทั้งที่พักของเจ้าของผับแห่งนี้และเป็นห้องที่เจไดและเพื่อนๆใช้คุยเรื่องงานและสังสรรค์กันเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น… ปึ่ก!! พลั่กกก!! เจไดใช้เท้าถีบประตูเข้าไปคีตภัทรและอาชาที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่แทบสำลักออกมาด้วยความตกใจ แค่ก แค่ก!! “เฮ้ยไอ้เจ นี่มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ??!!” อาชาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นสิ แล้วนี่มึงทำไรอะไรเด็กคนนี้เขาถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้วะ กูยิ่งไม่ค่อยถูกกะคนมีสีนะโว้ยมึงอย่าหาเรื่องให้ตำรวจมาที่นี่ ไม่งั้นกูทุบมึงแน่ไอ้เพื่อนบ้า!!” คราวนี้คีตภัทรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “กูไม่ได้ทำอะไร” เจไดตอบสั้นๆแบบหัวเสียพร้อมกับพาร่างของเด็กสาวที่นอนหมดสติวางลงบนโซฟาเบาๆ “นี่มึงจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนี้ทั้งที่เขานอนหมดสติไม่รู้สึกตัวอยู่แบบนี้น่ะเหรอวะ?” อาชาพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่6 รถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านได้เลี้ยวเข้ามาจอดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทรีบก้าวขาลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถอย่างรีบร้อนเพื่อมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นเจ้านาย “ให้ผมช่วยไหมครับนายน้อย” พยัคฆ์เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มเมื่อเห็นเจไดอุ้มเด็กสาวลงมาจากรถเพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงแค่ไปกดลิฟต์ให้กูก็พอ!” เขาออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้งก่อนพยัคฆ์จะรีบกุลีกุจอไปกดลิฟต์ให้เจ้านาย ติ๊งงง!~~ ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นเป้าหมายชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อุ้มร่างเด็กสาวที่ไร้สติเข้าไปในห้องนอนของตนเองทันที และค่อยๆวางเธอลงบนเตียงนอน ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กพร้อมกับชามใบเล็กๆสำหรับเตรียมน้ำสะอาดเพื่อที่จะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับเด็กสาวเผื่อเธอจะได้สดชื่นและรู้สึกตัว เจไดเช็ดหน้าให้กับเธออย่างเบามือ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอันซีดเซียวของเธอพลางนึกไปถึงบทจูบอันเร่าร้อนเมื่อก่อนหน้านี้ พลางแสยะยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย “หึ! จูบแค่นี้ก็ทำมาเป็นหมดสติ
ตอนที่7 ลูกหว้าพยายามปัดป้องและผลักไสให้คนตัวโตกว่าออกไปจากการนอนกดทับร่างของเธอ แต่ยิ่งเธอพยายามดิ้นขัดขืนและผลักไสเขาออกไปมากเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะยิ่งลงน้ำหนักตัวกดทับลงมามากกว่าเดิม และตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆบางอย่างที่กำลังดุนดันอยู่บริเวณหน้าขาของเธอ “ถ้าเธอไม่หยุดดิ้นและอยู่นิ่งๆ ฉันจะไม่ทนแล้วนะฉันขอเตือน!” “คุณก็ลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ หนูหายใจไม่ออก!!” เธอตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งคนอย่างฉัน??” “หนูไม่ได้สั่งคุณ แต่คุณช่วยลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ คุณคิดว่าคุณตัวเล็กนิดเดียวหรือไงตัวโตอย่างกับยักษ์” “ฉันไม่ลุก และฉันจะทับเธอไว้แบบนี้แหละจนกว่าฉันจะพอใจ!!” เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด “คุณมันก็แค่คนแก่ที่บ้าอำนาจ หนูไปทำอะไรให้คะ คุณถึงต้องทำกับหนูแบบนี้??!!” “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!! ??” เขาพูดกดเสียงต่ำดวงตาคมจ้องตาเธอไม่กะพริบ เขารู้สึกอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่าแก่ที่เธอเอ่ยออกมา “เธอว่าฉันเป็นแค่คนแก่งั้นเหรอห๊ะ!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอเสียงดัง มือหนาบีบคางเรียวเล็กแน่นจนอีกคนต้องเบ้หน้าเ
ตอนที่ 8 เจไดมอบบทรักอันเร่าร้อนให้กับเด็กสาวคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ เพราะเขาอยากให้เธอได้ลิ้มรสและสัมผัสถึงความวาบหวาม ด้วยความช่ำชองของเขาที่ผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนและมีประสบการณ์มามากนักต่อนัก เด็กสาวใสซื่อที่ผ่านโลกมาน้อยกว่าเช่นเธอ จึงไม่สามารถต่อต้านไฟราคะที่เสือผู้หญิงอย่างเขาจุดขึ้นมาได้ อีกคนไม่ประสีประสาอะไรในเรื่องแบบนี้แต่อีกคนช่ำชองทุกท่วงท่าทุกลีลา คนที่ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนอย่างเธอก็ต้องเผลอคล้อยตามจังหวะท่วงทำนองเพลิงสวาทและความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขามอบให้กับเธอเช่นกัน เจไดกดแช่มังกรยักษ์อันใหญ่โตของเขาไว้อย่างนั้น แถมนิ้วร้ายซุกซนก็ไม่อยู่นิ่งเข้าไปบดบี้ติ่งเกสรสีชมพูอย่างหนักหน่วงไปมา ส่วนมือปลาหมึกอีกข้างก็บีบเคล้นขยำปทุมคู่งามอันอวบอิ่มอย่างช้าๆเน้นๆ จนคนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างสั่นสะท้านไปหมดด้วยความเสียวซ่านแปลกประหลาดที่ไม่เคยพานพบมาก่อน “อืม” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มครางออกมาเบาๆในลำคอด้วยความพอใจ เมื่อทำให้เธอเริ่มมีอารมณ์คล้อยตามร่วมไปกับเขาแล้ว น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากช่องทางรักของเธอได้ปริ่มไหลลงมาเคลือบเจ้ามังกรยักษ
ตอนที่ 9 เช้าวันใหม่…. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้คนที่นอนหลับใหลตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย กฐินรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอเองดื่มไปเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน “หาวววว...ทำไมมันเช้าเร็วแบบนี้นะ ฉันยังนอนไม่อิ่มเลยเนี่ย!” กฐินบ่นพึมพำพลางเอามือป้องปากหาวหวอดๆ ก่อนจะพลันสายตามองไปทางเพื่อนที่นอนหันหลังให้ กฐินนึกในใจว่าเพื่อนตัวเองกลับมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะเธอไม่รู้สึกตัวเลยตอนเพื่อนเข้ามาในห้อง “เฮ้อ ท่าทางเมื่อคืนเราจะเมาหนักเอาเรื่องแฮะ ยัยหว้ากลับเข้าห้องมายังไม่รู้สึกตัวเลยกฐินเอ้ย!!” หญิงสาวได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันแรก “ยัยหว้า สายแล้วนะทำไมแกถึงได้ตื่นสายแบบนี้เนี่ย แกลืมรึไงว่าวันนี้เราทำงานเป็นวันแรกนะ” กฐินรีบปลุกเพื่อนเมื่อตัวเองอาบน้ำและแต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วแต่ยังเห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ซึ่งปกติลูกหว้าจะตื่นก่อนตัวเองเป็นประจำ “อืม ตื่นแล้ว” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยขึ้นก่อนจะพยายามพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่เมื่อกฐิน
ตอนที่10 โครมมม!!!! “ลูกหว้า!!” ทุกคนในร้านต่างเรียกชื่อเธอขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆเธอก็เป็นลมล้มหมดสติลงไปกองกับพื้นแบบนั้น “หว้า ยัยหว้า แกได้ยินฉันไหม ยัยหว้า!!” กฐินเข้าไปประคองตัวเพื่อนขึ้นมาและพยายามเรียกชื่อเธอ แต่แล้วก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ!!” น้ำเสียงเข้มของผู้จัดการหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมองไปเห็นร่างของพนักงานสาวคนใหม่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่กับพื้น “ยัยหว้าเป็นลมหมดสติไปค่ะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยตอบอย่างร้อนใจ “ตัวร้อนจี๋เลยครับ” เขาเอื้อมมือหนาไปแตะอังหน้าผากของเธอเบาๆ ความอุ่นร้อนจากตัวเธอที่แผ่ออกมาอุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่า38-39องศาเห็นจะได้ “เราจะเอายังไงกันดีคะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่จะพาลูกหว้าไปโรงพยาบาลเอง พวกเธอดูแลร้านกันอยู่ที่นี่ล่ะ” “ได้ค่ะผู้จัดการ” พนักงานในร้านพูดขึ้น “งั้นกฐินขอไปด้วยนะคะ กฐินเป็นห่วงยัยหว้าค่ะ!” กฐินพูดแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทที่มีอยู่เพียงคนเดียวของเธอ “เอางั้นก็ได้!” บิ๊กเอ็มตอบก่อนจะ
ตอนที่11 รถสปอร์ตคันหรูได้ขับเคลื่อนเข้ามาจอดที่คฤหาสน์หลังโตของตระกูลศิริพงศ์ไพบูลย์ เจไดชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวขาเดินลงจากรถอย่างรีบร้อนเพื่อเข้าไปหาคุณหญิงสุดารัตน์ผู้เป็นแม่ “สวัสดีครับคุณแม่” “มาถึงแล้วเหรอยะพ่อตัวดี” คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ และมองค้อนลูกชายตัวแสบด้วยความน้อยใจ เจไดจึงรีบปรี่เข้ามาสวมกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่ไปหนึ่งฟอดก่อนที่เขาจะโดนต่อว่าไปมากกว่านี้ ม้วฟ ม้วฟ… “คิดถึงจังเลยครับคุณหญิงสุดารัตน์” เจไดเรียกชื่อผู้เป็นแม่ซะเต็มยศ ก่อนจะโดนผู้เป็นพ่อทักขึ้นบ้าง “คิดถึงแต่แม่แกคนเดียวหรือไง พ่อนั่งทนโท่อยู่นี่ทั้งคนไม่เห็นแกคิดจะทักทายสักคำ” ท่านมานพผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น “แหม…ผมก็คิดถึงทั้งสองคนนั่นแหละคับ ทำเป็นคนแก่ขี้น้อยใจไปได้ ตอนนี้ก็แก่กันอยู่แล้วระวังจะยิ่งแก่ขึ้นไปอีกนะครับขี้น้อยใจแบบนี้” “เอ๊ะ! ไอ้เจ้าลูกคนนี้หนิ” คุณหญิงฟาดฝ่ามือไปที่แขนลูกชายไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้ “แล้วนี่แกกลับไทยมาได้ครึ่งเดือนแล้วแต่ไม่คิดจะมาหาพ่อกับแม่ คงเป็นเพราะมัวแต่ไปกกอยู่กับอีหนูในสังกัดของ
ตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร
ตอนที่44 เช้าของวันใหม่… แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องกระทบใบไม้ในยามเช้าเป็นประกายระยิบระยับ ประกอบกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วขับกล่อมเบาๆสายลมพัดโชยเย็นสบายพาเอาความสดชื่นมาให้ ท้องฟ้าสีครามสดใสที่มีเมฆลอยฟ่องเป็นบางกลุ่ม ดอกไม้หลากสีสันต่างก็บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่งทั้งบริเวณบ้าน อากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ เช้านี้ลูกหว้าตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้อย่างเช่นทุกๆวัน เธอหยิบตะกร้าใบเล็กๆติดมือมาด้วยเพื่อจะเก็บดอกมะลิไปร้อยพวงมาลัยไว้สำหรับไหว้พระ เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลผู้มาใหม่ที่ยืนมองเธอด้วยสายตาวูบไหว ก่อนเขาจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ ดวงตาคมยืนจ้องมองคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายเดือนด้วยความคิดถึง และตอนนี้เธอดูอวบอัดมีน้ำมีนวลขึ้นตามประสาคนท้อง แววตาท่าท่างของเธอดูมีความสุขมาก และอาจจะมากกว่าตอนที่เธอนั้นอยู่กับเขาซะอีก และนั่นกลับทำให้เขามีสีหน้าที่เศร้าหมองลงทันที พรืด!! “ว๊ายยยย!!” เธอร้องขึ้นมาเสียงดังเมื่อจู่ๆเธอก็เกือบจะล
ตอนที่43 ~4เดือนผ่านไป~ ลูกหว้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรดน้ำต้นไม้ในยามเช้าอย่างเช่นทุกวัน เธอให้สมปองและตาประหยัดซื้อต้นไม้และดอกไม้นาๆชนิดหลากหลายสายพันธุ์มาปลูกไว้รอบๆบ้าน ยิ่งในยามเช้าๆแบบนี้กลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้ต่างก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้เธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเนื่องจากท้องกำลังจะเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว และเธอกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์และท่านมานพต่างตื่นเต้นดีใจที่ลูกสะใภ้มีหลานชายคนแรกให้กับตระกูล ทั้งคุณปู่และคุณย่าต่างช่วยกันเดินหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนและของเล่นเด็กด้วยตัวเอง ซื้อจนแทบไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ท่านทั้งสองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เลือกของทุกชิ้นด้วยตัวเองเพื่อหลานชายคนแรกที่ใกล้จะถึงกำหนดออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เป็นเวลากว่าหลายเดือนแล้วที่เธอเองไม่ได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีกเลยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าไปนึกถึงผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้น แต่ในบางครั้งเธอก็ยังเผลอนึกไปถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา พอเผลอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลา
ตอนที่42 เจไดสั่งให้ลูกน้องบางส่วนของเขาไปหาข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้ว่าลูกหว้าหายไปอยู่ที่ไหน ส่วนเขาได้แต่เทียวขับรถไปดูที่หอพักที่เธอเคยพักอยู่กับเพื่อนแม้แต่กฐินเพื่อนสนิทของเธอเองก็เพิ่งจะทราบข่าวว่าเพื่อนหาย กฐินต่อว่าเขาไปเยอะมากแต่คนขี้โมโหอย่างเขากลับได้แต่ฟังและนิ่งเงียบ ซึ่งสร้างความน่าแปลกใจให้กับกฐินเป็นอย่างมากเพราะปกติคนขี้โมโหอย่างเขาคงจะโวยวายไปแล้ว เจไดขับรถแวะมาดูที่ร้านคาเฟ่ที่ลูกหว้าเคยทำงาน และตามไปสืบดูถึงบ้านผู้จัดการหนุ่มที่เขาไม่ชอบขี้หน้า แม้กระทั่งบ้านเกิดของเธอที่ร้อยเอ็ดก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย “เธอหายไปไหนของเธอนะยัยเด็กบ้าเอ้ยย!!” สองมือหนาทุบลงไปบนพวงมาลัยรถอย่างคนหัวเสียด้วยความโมโหที่ไม่สามารถตามหาตัวเธอเจอ เธอหายไปโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบได้เลย ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่จู่ๆเธอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ “ต้องมีใครสักคนที่พาเธอหนีฉัน” เขาสบถออกมาเบาๆด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งเครียด สองอาทิตย์ต่อมา…. เจไดตามหาลูกหว้ามาสองอาทิตย์แล้ว เขาไปทุกๆที่ที่คิดว่าเธอจะไป จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอแม้แต่