ตอนที่2
สองอาทิตย์ต่อมา … ซ่าส์… เสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลลงมาชโลมกาย ความเย็นของสายน้ำช่วยทำให้ร่างกายของเด็กสาวรู้สึกสดชื่นหลังจากตื่นนอนได้เป็นอย่างดี ลูกหว้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจะออกไปหาสมัครงาน เธอกับเพื่อนตั้งใจว่าจะเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย “เสร็จรึยังกฐิน?” ลูกหว้าเอ่ยถามเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอขึ้น “เสร็จแล้วจ้า งั้นเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะสายซะก่อน” กฐินตอบพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเล็กและตั้งท่าจะเดินออกไปด้านนอก แต่ในระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของลูกหว้าก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเอาซะก่อน ครืดดด ครืดดด ~~ “ใครโทรไลน์มา ไม่คุ้นเลย” ลูกหว้าบ่นอุบอิบขึ้นมาเบาๆ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความงุนงง “ใครโทรมาเหรอหว้า” กฐินถามขึ้น “ไม่รู้เหมือนกัน ภาพโปรไฟล์ก็ไม่มี” ลูกหว้าตอบเพื่อนสนิทไปพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดรับคนปลายสาย ลูกหว้า : (ฮัลโหลสวัสดีค่ะ) เจได : (สวัสดีครับน้องลูกหว้า ไม่ทราบว่าจำผมได้ไหมครับ) ลูกหว้า : (จำไม่ได้ค่ะ ไม่ทราบว่าใครเหรอคะ?) ลูกหว้าถามไปพร้อมทำหน้างงๆรอฟังคำตอบจากคนปลายสาย เจได : (ผมคือคนที่พาคุณกับเพื่อนของคุณไปอาคารรับสมัครเรียนวันนั้นไงครับ พอจะจำได้ไหม?) เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ลูกหว้า : (อ่อ จำได้แล้วค่ะ คุณคนนั้นนี่เอง ว่าแต่คุณโทรมาหาหนูไม่ทราบว่ามีอะไรรึเปล่าคะ พอดีหนูกับเพื่อนกำลังจะออกไปหาสมัครงานค่ะเดี๋ยวจะสายเอาซะก่อน) เจได : (ไปสมัครงานที่ไหนครับ มีที่ที่สนใจและดูๆไว้รึยัง?) ลูกหว้า : (เอ่อ ยะ ยังไม่มีเลยค่ะ คงจะค่อยๆดูไปเผื่อมีที่ไหนน่าสนใจค่อยเข้าไปสอบถามค่ะ) เจได : (งั้นเอางี้ไหม เธอกับเพื่อนไม่ต้องไปหาสมัครงานที่ไหนให้เหนื่อยหรอก มาทำที่บริษัทผมก็ได้ตอนนี้กำลังต้องการพนักงานเพิ่มพอดีเลย มีตำแหน่งว่างหลายตำแหน่ง เธอกับเพื่อนน่าจะทำงานนี้ได้) ลูกหว้า : (เอ่อ คือว่า…ไม่ดีกว่าค่ะ คือหนูเกรงใจ ความรู้พวกเราก็แค่จบม.ปลายเอง อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันด้วย เผื่อพวกหนูทำงานออกมาได้ไม่ดี กลัวจะทำให้คุณเดือดร้อนและขายหน้าเปล่าๆค่ะ) เจได : (ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ใครๆก็สามารถเรียนรู้กันได้) ลูกหว้า : (ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์มีน้ำใจกับหนูและเพื่อน ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะพอดีหนูต้องไปแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดด ~~~~ ลูกหว้ารีบกดวางสายทันที มือเรียวสวยยกขึ้นมาทาบอกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งๆ “เฮ้อออ..” “เป็นอะไรของแกเนี่ย ว่าแต่…ใครโทรมาเหรอ แล้วเมื่อกี้เขาว่าอะไรยังไงบ้าง ชวนไปทำงานอะไรที่ไหน ยังไงบอกมา !!” กฐินซึ่งนั่งฟังเพื่อนคุยโทรศัพท์และพยายามจับใจความเรื่องที่เพื่อนคุยกับคนปลายสายเมื่อสักครู่ ได้พูดจี้ถามเอาคำตอบจากลูกหว้าเพื่อนสาวคนสนิท “ก็พี่คนที่เราเจอที่มหาลัยวันที่เราจะไปสมัครเรียนวันนั้นไง เขาโทรมาและชวนพวกเราไปทำงานที่บริษัทของเขา” “ห๊ะ!!! ว่าไงนะ เขาชวนเราไปทำงานที่บริษัทองเขา” น้ำเสียงตกใจเอ่ยขึ้น “อืม” ลูกหว้าตอบเพียงสั้นๆ “แล้วแกตกลงรึเปล่าล่ะ” กฐินถามเพื่อนอีกครั้งพลางลุ้นเอาคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “เปล่า ใครจะกล้าไปตกลงละแก เราไม่ได้รู้จักอะไรเขาเลยนะ” “โอ้ยยย น่าเสียอายอ่ะแก ทำไมไม่ตอบตกลงไปเลยล่ะ พวกเราจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเดินเร่หางานเอง มีคนหางานให้ดีจะตายไป” กฐินพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ “เอาน่า เราเดินหาเองก็ได้ไหมงานออกจะเยอะแยะ แป้บเดียวก็คงได้งานที่เราถูกใจและถนัดเองแหละ” “กว่าจะได้คงเดินหาจนเมาแดดตายกันพอดี แกดูแดดบ้านเราสิอย่างกับเดินอยู่ในนรก” กฐินพูดไปบ่นไป ก่อนสองสาวจะพากันมุ่งหน้าไปหาสมัครงาน… ~~ทานด้านของเจได~~ “ท่าทางนายน้อยจะสนใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษนะครับ” พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทของเจไดพูดขึ้นหลังจากเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของเขาคุยโทรศัพท์จบ “อืม เธอดูน่าสนใจดี ยิ่งเธอทำเป็นไม่สนใจกูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้กูสนใจในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น” “นายน้อยจะให้ผมจัดการเธอยังไงต่อดีครับ?” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านายขึ้นมาอีกครั้ง “สะกดรอยตามเธอว่าเธอไปไหน ทำอะไร และสมัครงานที่ไหนบ้าง เธอพักอยู่หอพักอารีข้างห้างสรรพสินค้าXX แล้วก็อย่าให้เธอรู้ตัวล่ะ” “ครับนายน้อย” พยัคฆ์รับคำสั่งของเจ้านายและรีบไปดำเนินการตามที่นายสั่งทันที พยัคฆ์ถือว่าเป็นลูกน้องมือขวาคนสนิทของเจไดที่สามารถตายแทนเจ้านายได้ เขารับใช้เจไดมานานและคอยดูแลทุกอย่างแทนเจได เปรียบเสมือนเป็นพี่ชายของเจไดเลยก็ว่าได้ เสี่ยงตายแทนผู้เป็นเจ้านายมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง เพราะธุรกิจของเจไดนอกจากจะมีธุรกิจสีขาวแล้วเขายังมีธุรกิจสีเทาอีกมากมายที่ต้องดูแลและรับผิดชอบแทนพ่อของเขา เพราะฉะนั้นชีวิตของเจไดก็อยู่บนความเสี่ยงจากศัตรูตลอดเวลาเช่นกัน ครืด ครืด ครืด~~~ เสียงโทรศัพท์มือถือของเจไดดังขึ้น เจได : (เออ ว่าไง?) คีย์ : (อะไรวะ กลับไทยมาสองอาทิตย์ละมึงแม่งไม่คิดจะโทรหาเพื่อนหรือนัดเจอเพื่อนบ้างเลยรึไง) เจได : (ก็กำลังจะโทรแต่มึงดันเสือกโทรมาก่อนทำไมละ) คีย์ : (อ้าวไอ้เวรนี่ ปากหมาไม่เคยเปลี่ยนเลยนะมึง ว่าแต่…ออกมาเจอกันหน่อยไหมคืนนี้กูโทรชวนไอ้อาชาล้ะมันบอกให้กูโทรมาชวนมึงอีกที) เจได : (ก็เอาดิ เบื่อๆอยู่เหมือนกันช่วงนี้) คีย์ : (งั้นก็ตามนี้ที่เก่าเวลาเดิม กูจัดเตรียมเด็กๆสาวๆสวยๆสะบึ้มๆไว้รอมึงสามสี่คนล่ะ เด็ดๆทั้งนั้น) เจได : (หึ รู้ใจกูอีก แล้วนี่กูต้องขอบใจมึงไหม) คีย์ : (ถ้าเห็นสาวๆพวกนั้นรับรองมึงต้องขอบใจกูแน่ๆไอ้เกลอ) เจได : (เออ!! ไว้เจอกัน) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด… พูดจบเจไดก็กดวางสายทันทีในขณะที่คนโทรมายังพูดไม่จบ “ไอ้เวรนี่กูยังพูดไม่จบเลยกดตัดสายกูซะงั้น” คีตภัทรบ่นพึมพำเบาๆคนเดียว ลูกหว้าและกฐินได้ตระเวนเดินหาสมัครงาน จนมาจบที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยและหอพักมากนัก ลูกหว้าและกฐินมาสมัครเป็นพนักงานที่ร้านคาเฟ่แห่งนี้ สองสาวต่างตื่นเต้นดีใจที่ได้งานทำและสามารถเริ่มทำงานได้ในวันพรุ่งนี้ “ดีใจจังกฐินเราได้งานทำกันแล้ว เห็นไหมล่ะว่าเราเดินหางานกันเองแป๊บเดียวก็อาจจะได้งานที่เราถูกใจก็ได้” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นก่อนจะฉีกร้อยยิ้มหวานออกมาด้วยความดีใจ “แหม…แต่ถึงยังไงฉันก็ยังอยากจะเป็นสาวออฟฟิศอยู่นะลูกหว้า นั่งทำงานในห้องแอร์ แต่งตัวสวยๆมาทำงานทุกวันเผลอๆมีหนุ่มหล่อๆในออฟฟิศมาสนใจในความสวยของฉัน อร๊ายยย แค่คิดก็ฟินแล้วแก” กฐินทำท่าทางชวนฝันไปไกลถึงหนุ่มหล่อๆ แค่ได้มโนเธอก็มีความสุขแล้ว “พอๆๆ ไปกันกันใหญ่แล้วแก” ลูกหว้าพูดตัดบทขึ้นก่อนเพื่อนสาวจะมโนไปไกลแสนไกลถึงดาวอังคาร “น้องลูกหว้าครับ”!! ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อผู้เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แห่งนี้ได้เอ่ยเรียกชื่อเธอขึ้น “คะ ผู้จัดการมีอะไรรึเปล่าคะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบรับด้วยความงุนงง แววตาใสซื่อจ้องมองผู้จัดการร้านเพื่อรอฟังคำตอบ “ไม่ต้องเรียกผู้จัดการซะเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ เรียกว่าพี่บิ๊กเฉยๆก็ได้นะ” “มันจะดีเหรอคะ พี่ๆคนอื่นก็เรียกว่าผู้จัดการกันหมด” ลูกหว้าพูดขึ้นพลางยิ้มแหยๆส่งให้ “แหม…ผู้จัดการ ทำไมพี่ๆคนอื่นถึงเรียกผู้จัดการว่าผู้จัดการ แต่กับเพื่อนของกฐินทำไมถึงต้องให้เรียกว่าพี่บิ๊กล่ะคะ” กฐินพูดแทรกขึ้นมาอย่างยียวน “ก็ให้เรียกพี่บิ๊กกันหมดทุกคนนั่นแหละ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับลูกหว้าคนเดียวหรอก แหม” ผู้จัดการหนุ่มพูดขึ้นด้วยท่าทางเขินอายเมื่อมีคนรู้ทันความคิดของเขา “ว่าแต่ผู้จัดการ เอ่อ...พี่บิ๊ก เมื่อกี้มีอะไรจะพูดกับหว้าเหรอคะ??” ลูกหว้าเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “อ่อ พอดีพี่กับน้องๆในร้านคุยกันแล้วว่าจะพาพนักงานใหม่ของที่นี่ไปเลี้ยงฉลองต้อนรับพนักงานใหม่กันคืนนี้” “ห๊ะ!! อะไรนะคะ เลี้ยงฉลองหรอคะ แบบนี้ก็ดีเลยสิคะเพราะกฐินพร้อมมาก!!” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจเอ่ยขึ้นอย่างออกหน้าออกตาที่ค่ำคืนนี้เธอจะได้มีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตาท่ามกลางแสงสีเสียงในเมืองที่เขาว่ากันว่าไม่เคยหลับใหล “ดีใจน้อยๆหน่อยก็ได้กฐิน” ลูกหว้าเอ่ยกระซิบกระซาบเบาๆพลางสะกิดแขนเพื่อน “นานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้นะแก ฉันก็ต้องตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดาไหม ลาบปากแล้วโว้ยคืนนี้” กฐินพูดขึ้นอีกครั้งจนทุกคนต่างหัวเราะให้กับท่าทางดีใจเกินเบอร์ของเธอ “เอาล่ะๆๆ งั้นทุกคนไปเก็บของแล้วก็เตรียมตัวไปฉลองต้อนรับน้องใหม่ประจำคาเฟ่ของเรากันได้เลย…” “เย้ เย้ๆๆๆ”ตอนที่3 ณ ผับดัง xx เจไดพาร่างสูงของตนเองเดินเข้ามายังผับที่เขานั้นคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบนโซนวีไอพีตามที่ได้นัดหมายกันกับเพื่อนสนิทเอาไว้ ซึ่งผับแห่งนี้เป็นของคีตภัทรเพื่อนสนิทเขานั่นเอง.. “ไง!! โผล่หัวมาแล้วเหรอไอ้เสือ กว่าจะมาให้เห็นหน้าได้นี่กูแทบจะจุดธูปเรียกมึงแล้วนะ” น้ำเสียงเข้มของคีตภัทรเอ่ยขึ้นอย่างเหน็บแนมเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินทอดกายเข้ามา “เออ!! แล้วไหนละเด็กมึงไอ้คีย์ที่บอกว่าเด็ด” เจไดพูดสวนขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองหาบรรดาเด็กๆที่เพื่อนบอกว่าเตรียมจัดหามาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว “เพิ่งมาถึงก็จะจัดเลยรึไงวะ” เสียงเข้มของอาชาพูดขึ้น “นั่นสิวะ มาหาอะไรดื่มพูดคุยกันก่อนสิ มาถึงก็จะจัดเรื่องอย่างว่าเลยรึไง อยู่อเมริกามึงตายอดตายอยากมารึไงวะ” คีตภัทรพูดทีเล่นทีจริงพลางส่ายหัวให้กับเพื่อนอย่างระอา “ก็เห็นว่าเด็ดจนกูจะต้องขอบคุณมึงไง” “เอาน่า…ใจเย็นๆ เดี๋ยวได้ชิมน้องๆทุกคนแน่” คีตภัทรพูดตัดบท “แล้วเรื่องของมึงกับแม่สาวน้อยร้อยเอ็ดคนนั้นเป็นยังไงบ้างวะไอ้
ตอนที่4 โมโหหึง “ตอนนี้หว้ารู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นเพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะดื่มเยอะเกินไปแล้ว เพราะอาการหนักหัวปวดหัวเริ่มประเดประดังเข้ามาเธอเลยอยากจะไปล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหว้าให้กฐินไปเป็นเพื่อนก็ได้” พูดจบดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ และตอนนี้กฐินเองกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับพนักงานในร้านคาเฟ่คนอื่น ขาเรียวสวยรีบก้าวเดินฉับๆไปสะกิดแขนเพื่อนทันทีเพราะพยายามเรียกชื่อของกฐินหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงดนตรีในผับอาจจะดัง และเพื่อนของเธอเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย “กฐินคือฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ แกไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” “ได้สิแกฉันก็กำลังปวดฉี่อยู่พอดีเลย รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนด้วยอ่ะแก สงสัยจะทั้งดื่มทั้งกินเยอะไปหน่อย แห่ะแห่ะ” “อืม แกอ่ะดื่มเยอะมากไปแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมาแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ได้หรอก” ลูกหว้าบ่นอุบอิ
ตอนที่ 5 ระหว่างรอสาวน้อยตาสีนิลตื่นจากการเป็นลมหมดสติ ก่อนหน้านั้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเจไดอุ้มลูกหว้าเข้ามาทางประตูลับของผับเพื่อขึ้นไปยังที่พักของเพื่อนที่อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นทั้งที่พักของเจ้าของผับแห่งนี้และเป็นห้องที่เจไดและเพื่อนๆใช้คุยเรื่องงานและสังสรรค์กันเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น… ปึ่ก!! พลั่กกก!! เจไดใช้เท้าถีบประตูเข้าไปคีตภัทรและอาชาที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่แทบสำลักออกมาด้วยความตกใจ แค่ก แค่ก!! “เฮ้ยไอ้เจ นี่มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ??!!” อาชาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นสิ แล้วนี่มึงทำไรอะไรเด็กคนนี้เขาถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้วะ กูยิ่งไม่ค่อยถูกกะคนมีสีนะโว้ยมึงอย่าหาเรื่องให้ตำรวจมาที่นี่ ไม่งั้นกูทุบมึงแน่ไอ้เพื่อนบ้า!!” คราวนี้คีตภัทรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “กูไม่ได้ทำอะไร” เจไดตอบสั้นๆแบบหัวเสียพร้อมกับพาร่างของเด็กสาวที่นอนหมดสติวางลงบนโซฟาเบาๆ “นี่มึงจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนี้ทั้งที่เขานอนหมดสติไม่รู้สึกตัวอยู่แบบนี้น่ะเหรอวะ?” อาชาพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่6 รถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านได้เลี้ยวเข้ามาจอดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทรีบก้าวขาลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถอย่างรีบร้อนเพื่อมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นเจ้านาย “ให้ผมช่วยไหมครับนายน้อย” พยัคฆ์เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มเมื่อเห็นเจไดอุ้มเด็กสาวลงมาจากรถเพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงแค่ไปกดลิฟต์ให้กูก็พอ!” เขาออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้งก่อนพยัคฆ์จะรีบกุลีกุจอไปกดลิฟต์ให้เจ้านาย ติ๊งงง!~~ ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นเป้าหมายชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อุ้มร่างเด็กสาวที่ไร้สติเข้าไปในห้องนอนของตนเองทันที และค่อยๆวางเธอลงบนเตียงนอน ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กพร้อมกับชามใบเล็กๆสำหรับเตรียมน้ำสะอาดเพื่อที่จะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับเด็กสาวเผื่อเธอจะได้สดชื่นและรู้สึกตัว เจไดเช็ดหน้าให้กับเธออย่างเบามือ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอันซีดเซียวของเธอพลางนึกไปถึงบทจูบอันเร่าร้อนเมื่อก่อนหน้านี้ พลางแสยะยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย “หึ! จูบแค่นี้ก็ทำมาเป็นหมดสติ
ตอนที่7 ลูกหว้าพยายามปัดป้องและผลักไสให้คนตัวโตกว่าออกไปจากการนอนกดทับร่างของเธอ แต่ยิ่งเธอพยายามดิ้นขัดขืนและผลักไสเขาออกไปมากเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะยิ่งลงน้ำหนักตัวกดทับลงมามากกว่าเดิม และตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆบางอย่างที่กำลังดุนดันอยู่บริเวณหน้าขาของเธอ “ถ้าเธอไม่หยุดดิ้นและอยู่นิ่งๆ ฉันจะไม่ทนแล้วนะฉันขอเตือน!” “คุณก็ลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ หนูหายใจไม่ออก!!” เธอตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งคนอย่างฉัน??” “หนูไม่ได้สั่งคุณ แต่คุณช่วยลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ คุณคิดว่าคุณตัวเล็กนิดเดียวหรือไงตัวโตอย่างกับยักษ์” “ฉันไม่ลุก และฉันจะทับเธอไว้แบบนี้แหละจนกว่าฉันจะพอใจ!!” เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด “คุณมันก็แค่คนแก่ที่บ้าอำนาจ หนูไปทำอะไรให้คะ คุณถึงต้องทำกับหนูแบบนี้??!!” “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!! ??” เขาพูดกดเสียงต่ำดวงตาคมจ้องตาเธอไม่กะพริบ เขารู้สึกอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่าแก่ที่เธอเอ่ยออกมา “เธอว่าฉันเป็นแค่คนแก่งั้นเหรอห๊ะ!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอเสียงดัง มือหนาบีบคางเรียวเล็กแน่นจนอีกคนต้องเบ้หน้าเ
ตอนที่ 8 เจไดมอบบทรักอันเร่าร้อนให้กับเด็กสาวคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ เพราะเขาอยากให้เธอได้ลิ้มรสและสัมผัสถึงความวาบหวาม ด้วยความช่ำชองของเขาที่ผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนและมีประสบการณ์มามากนักต่อนัก เด็กสาวใสซื่อที่ผ่านโลกมาน้อยกว่าเช่นเธอ จึงไม่สามารถต่อต้านไฟราคะที่เสือผู้หญิงอย่างเขาจุดขึ้นมาได้ อีกคนไม่ประสีประสาอะไรในเรื่องแบบนี้แต่อีกคนช่ำชองทุกท่วงท่าทุกลีลา คนที่ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนอย่างเธอก็ต้องเผลอคล้อยตามจังหวะท่วงทำนองเพลิงสวาทและความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขามอบให้กับเธอเช่นกัน เจไดกดแช่มังกรยักษ์อันใหญ่โตของเขาไว้อย่างนั้น แถมนิ้วร้ายซุกซนก็ไม่อยู่นิ่งเข้าไปบดบี้ติ่งเกสรสีชมพูอย่างหนักหน่วงไปมา ส่วนมือปลาหมึกอีกข้างก็บีบเคล้นขยำปทุมคู่งามอันอวบอิ่มอย่างช้าๆเน้นๆ จนคนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างสั่นสะท้านไปหมดด้วยความเสียวซ่านแปลกประหลาดที่ไม่เคยพานพบมาก่อน “อืม” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มครางออกมาเบาๆในลำคอด้วยความพอใจ เมื่อทำให้เธอเริ่มมีอารมณ์คล้อยตามร่วมไปกับเขาแล้ว น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากช่องทางรักของเธอได้ปริ่มไหลลงมาเคลือบเจ้ามังกรยักษ
ตอนที่ 9 เช้าวันใหม่…. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้คนที่นอนหลับใหลตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย กฐินรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอเองดื่มไปเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน “หาวววว...ทำไมมันเช้าเร็วแบบนี้นะ ฉันยังนอนไม่อิ่มเลยเนี่ย!” กฐินบ่นพึมพำพลางเอามือป้องปากหาวหวอดๆ ก่อนจะพลันสายตามองไปทางเพื่อนที่นอนหันหลังให้ กฐินนึกในใจว่าเพื่อนตัวเองกลับมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะเธอไม่รู้สึกตัวเลยตอนเพื่อนเข้ามาในห้อง “เฮ้อ ท่าทางเมื่อคืนเราจะเมาหนักเอาเรื่องแฮะ ยัยหว้ากลับเข้าห้องมายังไม่รู้สึกตัวเลยกฐินเอ้ย!!” หญิงสาวได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันแรก “ยัยหว้า สายแล้วนะทำไมแกถึงได้ตื่นสายแบบนี้เนี่ย แกลืมรึไงว่าวันนี้เราทำงานเป็นวันแรกนะ” กฐินรีบปลุกเพื่อนเมื่อตัวเองอาบน้ำและแต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วแต่ยังเห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ซึ่งปกติลูกหว้าจะตื่นก่อนตัวเองเป็นประจำ “อืม ตื่นแล้ว” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยขึ้นก่อนจะพยายามพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่เมื่อกฐิน
ตอนที่10 โครมมม!!!! “ลูกหว้า!!” ทุกคนในร้านต่างเรียกชื่อเธอขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆเธอก็เป็นลมล้มหมดสติลงไปกองกับพื้นแบบนั้น “หว้า ยัยหว้า แกได้ยินฉันไหม ยัยหว้า!!” กฐินเข้าไปประคองตัวเพื่อนขึ้นมาและพยายามเรียกชื่อเธอ แต่แล้วก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ!!” น้ำเสียงเข้มของผู้จัดการหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมองไปเห็นร่างของพนักงานสาวคนใหม่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่กับพื้น “ยัยหว้าเป็นลมหมดสติไปค่ะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยตอบอย่างร้อนใจ “ตัวร้อนจี๋เลยครับ” เขาเอื้อมมือหนาไปแตะอังหน้าผากของเธอเบาๆ ความอุ่นร้อนจากตัวเธอที่แผ่ออกมาอุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่า38-39องศาเห็นจะได้ “เราจะเอายังไงกันดีคะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่จะพาลูกหว้าไปโรงพยาบาลเอง พวกเธอดูแลร้านกันอยู่ที่นี่ล่ะ” “ได้ค่ะผู้จัดการ” พนักงานในร้านพูดขึ้น “งั้นกฐินขอไปด้วยนะคะ กฐินเป็นห่วงยัยหว้าค่ะ!” กฐินพูดแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทที่มีอยู่เพียงคนเดียวของเธอ “เอางั้นก็ได้!” บิ๊กเอ็มตอบก่อนจะ
ตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร
ตอนที่44 เช้าของวันใหม่… แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องกระทบใบไม้ในยามเช้าเป็นประกายระยิบระยับ ประกอบกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วขับกล่อมเบาๆสายลมพัดโชยเย็นสบายพาเอาความสดชื่นมาให้ ท้องฟ้าสีครามสดใสที่มีเมฆลอยฟ่องเป็นบางกลุ่ม ดอกไม้หลากสีสันต่างก็บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่งทั้งบริเวณบ้าน อากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ เช้านี้ลูกหว้าตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้อย่างเช่นทุกๆวัน เธอหยิบตะกร้าใบเล็กๆติดมือมาด้วยเพื่อจะเก็บดอกมะลิไปร้อยพวงมาลัยไว้สำหรับไหว้พระ เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลผู้มาใหม่ที่ยืนมองเธอด้วยสายตาวูบไหว ก่อนเขาจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ ดวงตาคมยืนจ้องมองคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายเดือนด้วยความคิดถึง และตอนนี้เธอดูอวบอัดมีน้ำมีนวลขึ้นตามประสาคนท้อง แววตาท่าท่างของเธอดูมีความสุขมาก และอาจจะมากกว่าตอนที่เธอนั้นอยู่กับเขาซะอีก และนั่นกลับทำให้เขามีสีหน้าที่เศร้าหมองลงทันที พรืด!! “ว๊ายยยย!!” เธอร้องขึ้นมาเสียงดังเมื่อจู่ๆเธอก็เกือบจะล
ตอนที่43 ~4เดือนผ่านไป~ ลูกหว้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรดน้ำต้นไม้ในยามเช้าอย่างเช่นทุกวัน เธอให้สมปองและตาประหยัดซื้อต้นไม้และดอกไม้นาๆชนิดหลากหลายสายพันธุ์มาปลูกไว้รอบๆบ้าน ยิ่งในยามเช้าๆแบบนี้กลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้ต่างก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้เธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเนื่องจากท้องกำลังจะเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว และเธอกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์และท่านมานพต่างตื่นเต้นดีใจที่ลูกสะใภ้มีหลานชายคนแรกให้กับตระกูล ทั้งคุณปู่และคุณย่าต่างช่วยกันเดินหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนและของเล่นเด็กด้วยตัวเอง ซื้อจนแทบไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ท่านทั้งสองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เลือกของทุกชิ้นด้วยตัวเองเพื่อหลานชายคนแรกที่ใกล้จะถึงกำหนดออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เป็นเวลากว่าหลายเดือนแล้วที่เธอเองไม่ได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีกเลยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าไปนึกถึงผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้น แต่ในบางครั้งเธอก็ยังเผลอนึกไปถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา พอเผลอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลา
ตอนที่42 เจไดสั่งให้ลูกน้องบางส่วนของเขาไปหาข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้ว่าลูกหว้าหายไปอยู่ที่ไหน ส่วนเขาได้แต่เทียวขับรถไปดูที่หอพักที่เธอเคยพักอยู่กับเพื่อนแม้แต่กฐินเพื่อนสนิทของเธอเองก็เพิ่งจะทราบข่าวว่าเพื่อนหาย กฐินต่อว่าเขาไปเยอะมากแต่คนขี้โมโหอย่างเขากลับได้แต่ฟังและนิ่งเงียบ ซึ่งสร้างความน่าแปลกใจให้กับกฐินเป็นอย่างมากเพราะปกติคนขี้โมโหอย่างเขาคงจะโวยวายไปแล้ว เจไดขับรถแวะมาดูที่ร้านคาเฟ่ที่ลูกหว้าเคยทำงาน และตามไปสืบดูถึงบ้านผู้จัดการหนุ่มที่เขาไม่ชอบขี้หน้า แม้กระทั่งบ้านเกิดของเธอที่ร้อยเอ็ดก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย “เธอหายไปไหนของเธอนะยัยเด็กบ้าเอ้ยย!!” สองมือหนาทุบลงไปบนพวงมาลัยรถอย่างคนหัวเสียด้วยความโมโหที่ไม่สามารถตามหาตัวเธอเจอ เธอหายไปโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบได้เลย ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่จู่ๆเธอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ “ต้องมีใครสักคนที่พาเธอหนีฉัน” เขาสบถออกมาเบาๆด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งเครียด สองอาทิตย์ต่อมา…. เจไดตามหาลูกหว้ามาสองอาทิตย์แล้ว เขาไปทุกๆที่ที่คิดว่าเธอจะไป จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอแม้แต่