ตอนที่4 โมโหหึง
“ตอนนี้หว้ารู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยค่ะ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะพี่บิ๊ก” ลูกหว้าเอ่ยขึ้นเพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะดื่มเยอะเกินไปแล้ว เพราะอาการหนักหัวปวดหัวเริ่มประเดประดังเข้ามาเธอเลยอยากจะไปล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ?” “ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหว้าให้กฐินไปเป็นเพื่อนก็ได้” พูดจบดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆเพื่อมองหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ และตอนนี้กฐินเองกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับพนักงานในร้านคาเฟ่คนอื่น ขาเรียวสวยรีบก้าวเดินฉับๆไปสะกิดแขนเพื่อนทันทีเพราะพยายามเรียกชื่อของกฐินหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงดนตรีในผับอาจจะดัง และเพื่อนของเธอเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเต้นอย่างเอาเป็นเอาตาย “กฐินคือฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ แกไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” “ได้สิแกฉันก็กำลังปวดฉี่อยู่พอดีเลย รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนด้วยอ่ะแก สงสัยจะทั้งดื่มทั้งกินเยอะไปหน่อย แห่ะแห่ะ” “อืม แกอ่ะดื่มเยอะมากไปแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมาแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ได้หรอก” ลูกหว้าบ่นอุบอิบขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนัก “เออน่า ป่ะรีบไปกันฉี่จะราดแล้วเนี่ย” ทั้งสองสาวเพื่อนสนิทเดินปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำและแยกกันเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพแล้วลูกหว้าจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาและยืนส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง พอได้น้ำเย็นๆล้างหน้าก็ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างถึงแม้อาการหนักๆหัวจะยังมีอยู่ ทางด้านกฐินเองจู่ๆเธอก็มารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเอาอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้เลยยังออกมาด้านนอกไม่ได้ ลูกหว้าจึงออกมายืนรอเพื่อนสนิทอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีคนมากระชากแขนเธออย่างแรงจนเธอรู้สึกได้ว่าร่างของเธอปลิวว่อนเข้าไปปะทะร่างแกร่งของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ปึ่กกก!!! “โอ๊ยยย!” เธอร้องออกมาเสียงหลงด้วยความตกใจเพราะรู้สึกเจ็บ แต่พอหันหน้ามาก็เจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นผู้ชายใจดีคนนั้น คนที่เสียสละเวลาพาเธอและเพื่อนสนิทเดินไปหาอาคารที่ยื่นเอกสารสมัครเรียนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว “อ้าว ขะ คุณคนนั้นนี่เอง คุณมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ ประกอบกับท่าทางที่ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เจอผู้ชายใจดีคนนั้นที่นี่ ดวงตาสีนิลส่องประกายแพรวพราวใสซื่อ จ้องหน้าเขานิ่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจแต่ก็แฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเช่นเดียวกัน ดวงตาคู่นี้แหละที่ทำให้เขาแทบคลั่งเวลาที่เธอมองสบตากับเขา มันเป็นสายตาที่ดูไร้เดียงสาและไม่มีพิษภัยกับใคร แต่…เธอช่างสร้างภาพให้คนอื่นคิดว่าเธอดูไร้เดียงสา ทั้งที่ความเป็นจริงพฤติกรรมของเธอในค่ำคืนนี้มันขัดกัน เพราะสำหรับเขาแล้วเธอมันก็แค่ผู้หญิงเจนโลกทั่วไปคนหนึ่ง “หึ เธอเลิกแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาเหมือนเด็กประถมสักทีเถอะ อยู่ต่อหน้าฉันทำไมไม่ทำตัวง่ายๆเหมือนอยู่กับไอ้หน้าตี๋นั่นบ้างล่ะ แทบอยากจะเอากับมันคาโต๊ะแล้วไม่ใช่รึไง??” น้ำเสียงขุ่นเคืองที่แฝงไปด้วยคำเหน็บแนมพูดออกไปด้วยความโมโห ประกอบกับที่เขาดื่มเหล้าเพียวๆไปหลายแก้วจึงทำให้เขาเริ่มที่จะควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และเขาต้องอดกลั้นดูเธอกับไอ้หน้าตี๋นั่นพรอดรักกระหนุงกะหนิงกันอยู่นานสองนานจนแทบจะคลั่ง แต่พอเธอมาอยู่ต่อหน้าเขาแบบนี้เธอกลับทำตัวเป็นเด็กไร้เดียงสา “คุณพูดอะไรของคุณคะ หนูไม่เข้าใจ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง และเธอก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยจริงๆว่ากำลังจะสื่อถึงอะไร “หึ! ไม่ต้องมาทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาหรอกนะ ทั้งที่เธอมันก็เหมือนผู้หญิงอย่างว่าทั่วๆไปที่ฉันเคยซื้อกิน” “ฉันว่าคุณคงจะเมามากแล้วนะคะถึงพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้ และหนูก็จะไม่พูดกับคนเมาแบบคุณค่ะ กรุณาปล่อยแขนหนูด้วยค่ะ!!” ลูกหว้าพยายามแกะมือหนาของเขาออกจากการเกาะกุม เพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงแรงบีบต้นแขนของเธอหนักขึ้นจนปวดร้าวราวกับกระดูกจะหักออกเป็นท่อนๆ แต่ยิ่งเธอพยายามแกะมือเขาออกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งออกแรงบีบมากยิ่งขึ้นเท่านั้น “……” ดวงตาคมจ้องหน้าเธอไม่กะพริบ เขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว “หนูบอกให้ปล่อยไงคะ คุณเมามากแล้วนะคะ ถ้าเมาแล้วก็ควรจะกลับไปนอน ไม่ใช่มาหาเรื่องคนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรไปทั่วแบบนี้!” ลูกหว้าตะคอกใส่หน้าเขาและพยายามแกะมือหนาที่แข็งราวกับคีบเหล็กนั้นออก แต่มันก็แน่นยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีกและเธอก็ไม่สามารถที่แกะมือของเขาออกจากการเกาะกุมได้ “ฉะ ฉันบอกให้ปล่อยฉันไงคะ ปล่อย” น้ำเสียงพร่าสั่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง มืออีกข้างของเธอก็ทั้งหยิกทั้งข่วนและพยายามต่อต้าน แต่เหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่นิด มือใหญ่ทั้งสองข้างออกแรงบีบแขนเธอแรงขึ้น จนใบหน้าสวยต้องเบ้หน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่แล้วคนที่หน้ามืดตามัวก็ไม่รอช้า เขาปล่อยมือที่บีบต้นแขนของเธอออก เปลี่ยนมาจับใบหน้าของเธอไว้และประกบจูบลงไปบนริมฝีปากเธออย่างบ้าคลั่งโดยที่เธอเองยังไม่ทันได้ตั้งตัว เจไดประกบปากบดจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรงโดยที่ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ จนตอนนี้เธอรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เพราะความโมโหหึงที่ผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้กลับมาพรอดรักกับผู้ชายคนอื่นให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนี้ “อื้อ อ่อย อั่น เอี่ยวอี้อ้ะอั๋นเอ็บ” (ปล่อยฉันเดียวนี้นะฉันเจ็บ) ลูกหว้ารวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิดพยามผลักร่างหนาออกไปจนเขาเองเซถลาไปนิด “หึ ผู้หญิงอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ ฉันว่า…เธอน่าจะชอบแบบนี้ซะอีกนะ” เสียงเข้มพูดสวนขึ้นมาอย่างนึกโมโห ตอนนี้ความโกรธทำให้เขาหูอื้อตามัวไปหมด เขาไม่ยอมฟังและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะผู้ชายอย่างเขาหากถูกใจหรืออยากได้อะไรเขาก็ต้องได้ และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ “ถ้าคุณไม่หยุดทำอะไรทุเรศๆและน่ารังเกียจแบบนี้ หนูจะเรียกให้คนช่วย!!” เธอเอ่ยขึ้นเสียงสั่น “เอาสิ!! ถ้าอยากให้คนอื่นเข้ามาดูฉากรักของเราสองคนก็แหกปากร้องดังๆ!! ร้องเลยสิ!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธออย่างไม่เกรงกลัวคำที่เธอขู่เลยสักนิด ก่อนจะเอื้อมมือหนาไปบีบคางของเธอให้หันหน้ากลับมาหาเขาอีกครั้ง ก่อนจะประกบจูบเธออย่างเร่าร้อนรุนแรงอีกครั้งจนได้กลิ่นคาวเลือดสดๆทั้งของเธอและเขา เพราะผลของการหึงหวงผู้หญิงที่ตัวเองหมายปองเขาจึงขาดสติจนทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่แตกยับ และคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด “อื้อ อ่อยอ้ะ…อื้อ” ลูกหว้าพยามบอกให้เขาปล่อยเพราะตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก เธอทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักให้เขาหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนแบบนี้กับเธอสักทีแต่ก็ไม่ได้ผล และเขาก็ยอมไม่ปล่อยริมฝีปากให้เธอเป็นอิสระเสียที เขายังบังคับจูบเธออย่างดูดดื่มอยู่แบบนั้น มิหนำซ้ำยังพยายามแทรกเรียวลิ้นอันร้ายกาจเข้าไปตักตวงความหวานในปากของเธอไม่หยุด จนในที่สุดเธอต่อต้านคนตัวโตกว่าไม่ไหวจึงเป็นลมและหมดสติไป “หึ แค่นี้ก็หมดฤทธิ์ซะแล้วเหรอ” เจไดสบถออกมาเบาๆและยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะอุ้มร่างคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวเดินเข้าไปทางประตูลับของผับแห่งนี้ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าออกประตูนี้ได้ นอกจากคนที่สนิทกับเจ้าของผับแห่งนี้เท่านั้น หลังจากกฐินทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ปาไปหลายนาที เพราะจู่ๆเธอก็รู้สึกท้องเสียขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ “เฮ้อ นึกว่าจะตายคาห้องน้ำซะแล้วกู สงสัยกับแกล้มจะออกฤทธิ์เล่นงานซะน่วมเลย ป่านนี้ยัยหว้าคงบ่นแล้วแน่ๆ” กฐินบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะพาร่างกายที่ดูไร้เรี่ยวแรงเพราะคงจะขาดน้ำเนื่องจากถ่ายหนักเมื่อครู่ออกมาด้านนอก กฐินกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิท เธอหันซ้ายหันขวาเรียกทั้งในห้องน้ำและนอกห้องน้ำ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆของเพื่อนสนิทเลย “หรือว่ายัยหว้าจะรอเราไม่ไหวเลยกลับไปที่โต๊ะก่อนนะ” พอกฐินคิดได้เช่นนั้นเธอจึงเดินกลับมาที่โต๊ะข้างในผับ และกวาดสายตามองหาเพื่อนโดยรอบก็ไม่เจอแม้แต่เงาของลูกหว้า กฐินจึงเอ่ยถามผู้จัดการร้านคาเฟ่ “เอ่อ ผู้จัดการคะ ยัยหว้ายังไม่กลับมาอีกเหรอคะ กฐินเรียกหาทั้งในห้องน้ำและนอกห้องน้ำก็ไม่เห็นเลยค่ะ กฐินคิดว่ายัยหว้ากลับมาที่โต๊ะแล้วซะอีก” กฐินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมราวกับผูกโบว์เพราะเป็นห่วงเพื่อนสนิท “ยังไม่กลับมานะครับ พี่ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเห็นกฐินเดินออกมาคนเดียว” ผู้จัดการหนุ่มตอบประกอบกับสีหน้าท่าทางที่เริ่มจะเป็นกังวลเหมือนกัน “กฐินลองโทรหาแล้วยัยหว้าก็ไม่รับสายเลยค่ะ ปกติยัยลูกหว้าไม่ใช่คนที่จะไปไหนก็ไปเลยโดยไม่บอกเพื่อนนะคะ กฐินว่ามันแปลกๆยังไงไม่รู้ เป็นห่วงลูกหว้าจังค่ะ เราจะทำยังไงกันดีคะ” กฐินพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ “ใจเย็นๆก่อนนะครับอย่าเพิ่งกังวลไป เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเพื่อนพี่ที่เป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของที่นี่ ให้เค้าช่วยเช็คกล้องวงจรปิดให้อีกที” ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อพูดขึ้น และกำลังจะกดโทรศัพท์ติดต่อหาเพื่อนที่เพิ่งจะพูดถึง ~~ ติ๊ง ติ๊ง ~~~ เสียงข้อความไลน์ในโทรศัพท์มือถือของกฐินดังขึ้นมาขัดจังหวะ Line… Luk Wa : (กฐินตอนนี้หว้าออกมาข้างนอกแล้วนะ พอดีรู้สึกปวดหัวมากๆเลยออกมาซื้อยากินเพราะเราไม่ไหวจริงๆเลยต้องออกมาก่อน ไว้เจอกันที่ห้องนะแบตจะหมดแล้ว บาย) “ลูกหว้าส่งข้อความมาแล้วค่ะผู้จัดการ บอกว่าปวดหัวมากจนทนไม่ไหวเลยออกมาหาซื้อยากินก่อน แล้วก็จะกลับห้องเลยค่ะ” บิ๊กเอ็มทำท่าครุ่นคิดเพราะตอนออกมาทำไมมองไม่เห็นลูกหว้าเลย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะคิดว่าลูกหว้าคงไม่ไหวจริงๆเลยต้องกลับก่อน “ถ้างั้นพวกเราก็กลับกันเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง ป่ะเด็กๆ คืนนี้พอแค่นี้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาทำงานกันไม่ไหว” ผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อตะโตนเรียกลูกน้องคนอื่นๆ ก่อนทั้งหมดจะทยอยกันกลับ ผู้จัดการหนุ่มไปส่งกฐินถึงหอพักแล้วก็ขอตัวกลับเลยเช่นกัน พอกฐินกลับเข้ามาถึงในห้องพักแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าและนึกเอะใจว่าทำไมป่านนี้ลูกหว้าถึงยังไม่กลับมาอีก เธอจึงล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างและกดโทรออกหาเพื่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับโทรไม่ติด “สงสัยแบตคงหมด เดี๋ยวอีกสักพักก็คงกลับมามั้ง ไปอาบน้ำนอนดีกว่า” กฐินพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบไปจัดการอาบน้ำอาบท่าและทำธุระส่วนตัว พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยเพลียเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์และอาการท้องเสียก่อนหน้านั้น……ตอนที่ 5 ระหว่างรอสาวน้อยตาสีนิลตื่นจากการเป็นลมหมดสติ ก่อนหน้านั้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเจไดอุ้มลูกหว้าเข้ามาทางประตูลับของผับเพื่อขึ้นไปยังที่พักของเพื่อนที่อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นทั้งที่พักของเจ้าของผับแห่งนี้และเป็นห้องที่เจไดและเพื่อนๆใช้คุยเรื่องงานและสังสรรค์กันเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น… ปึ่ก!! พลั่กกก!! เจไดใช้เท้าถีบประตูเข้าไปคีตภัทรและอาชาที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่แทบสำลักออกมาด้วยความตกใจ แค่ก แค่ก!! “เฮ้ยไอ้เจ นี่มึงทำเหี้ยอะไรของมึงวะ??!!” อาชาพูดขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นสิ แล้วนี่มึงทำไรอะไรเด็กคนนี้เขาถึงได้อยู่ในสภาพแบบนี้วะ กูยิ่งไม่ค่อยถูกกะคนมีสีนะโว้ยมึงอย่าหาเรื่องให้ตำรวจมาที่นี่ ไม่งั้นกูทุบมึงแน่ไอ้เพื่อนบ้า!!” คราวนี้คีตภัทรเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน “กูไม่ได้ทำอะไร” เจไดตอบสั้นๆแบบหัวเสียพร้อมกับพาร่างของเด็กสาวที่นอนหมดสติวางลงบนโซฟาเบาๆ “นี่มึงจะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนี้ทั้งที่เขานอนหมดสติไม่รู้สึกตัวอยู่แบบนี้น่ะเหรอวะ?” อาชาพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่6 รถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านได้เลี้ยวเข้ามาจอดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทรีบก้าวขาลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฝั่งของรถอย่างรีบร้อนเพื่อมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นเจ้านาย “ให้ผมช่วยไหมครับนายน้อย” พยัคฆ์เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มเมื่อเห็นเจไดอุ้มเด็กสาวลงมาจากรถเพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงแค่ไปกดลิฟต์ให้กูก็พอ!” เขาออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้งก่อนพยัคฆ์จะรีบกุลีกุจอไปกดลิฟต์ให้เจ้านาย ติ๊งงง!~~ ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นเป้าหมายชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อุ้มร่างเด็กสาวที่ไร้สติเข้าไปในห้องนอนของตนเองทันที และค่อยๆวางเธอลงบนเตียงนอน ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเล็กพร้อมกับชามใบเล็กๆสำหรับเตรียมน้ำสะอาดเพื่อที่จะได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับเด็กสาวเผื่อเธอจะได้สดชื่นและรู้สึกตัว เจไดเช็ดหน้าให้กับเธออย่างเบามือ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าอันซีดเซียวของเธอพลางนึกไปถึงบทจูบอันเร่าร้อนเมื่อก่อนหน้านี้ พลางแสยะยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย “หึ! จูบแค่นี้ก็ทำมาเป็นหมดสติ
ตอนที่7 ลูกหว้าพยายามปัดป้องและผลักไสให้คนตัวโตกว่าออกไปจากการนอนกดทับร่างของเธอ แต่ยิ่งเธอพยายามดิ้นขัดขืนและผลักไสเขาออกไปมากเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะยิ่งลงน้ำหนักตัวกดทับลงมามากกว่าเดิม และตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆบางอย่างที่กำลังดุนดันอยู่บริเวณหน้าขาของเธอ “ถ้าเธอไม่หยุดดิ้นและอยู่นิ่งๆ ฉันจะไม่ทนแล้วนะฉันขอเตือน!” “คุณก็ลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ หนูหายใจไม่ออก!!” เธอตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งคนอย่างฉัน??” “หนูไม่ได้สั่งคุณ แต่คุณช่วยลุกออกไปจากตัวหนูสักทีสิคะ คุณคิดว่าคุณตัวเล็กนิดเดียวหรือไงตัวโตอย่างกับยักษ์” “ฉันไม่ลุก และฉันจะทับเธอไว้แบบนี้แหละจนกว่าฉันจะพอใจ!!” เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด “คุณมันก็แค่คนแก่ที่บ้าอำนาจ หนูไปทำอะไรให้คะ คุณถึงต้องทำกับหนูแบบนี้??!!” “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!! ??” เขาพูดกดเสียงต่ำดวงตาคมจ้องตาเธอไม่กะพริบ เขารู้สึกอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่าแก่ที่เธอเอ่ยออกมา “เธอว่าฉันเป็นแค่คนแก่งั้นเหรอห๊ะ!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอเสียงดัง มือหนาบีบคางเรียวเล็กแน่นจนอีกคนต้องเบ้หน้าเ
ตอนที่ 8 เจไดมอบบทรักอันเร่าร้อนให้กับเด็กสาวคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ เพราะเขาอยากให้เธอได้ลิ้มรสและสัมผัสถึงความวาบหวาม ด้วยความช่ำชองของเขาที่ผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนและมีประสบการณ์มามากนักต่อนัก เด็กสาวใสซื่อที่ผ่านโลกมาน้อยกว่าเช่นเธอ จึงไม่สามารถต่อต้านไฟราคะที่เสือผู้หญิงอย่างเขาจุดขึ้นมาได้ อีกคนไม่ประสีประสาอะไรในเรื่องแบบนี้แต่อีกคนช่ำชองทุกท่วงท่าทุกลีลา คนที่ไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนอย่างเธอก็ต้องเผลอคล้อยตามจังหวะท่วงทำนองเพลิงสวาทและความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขามอบให้กับเธอเช่นกัน เจไดกดแช่มังกรยักษ์อันใหญ่โตของเขาไว้อย่างนั้น แถมนิ้วร้ายซุกซนก็ไม่อยู่นิ่งเข้าไปบดบี้ติ่งเกสรสีชมพูอย่างหนักหน่วงไปมา ส่วนมือปลาหมึกอีกข้างก็บีบเคล้นขยำปทุมคู่งามอันอวบอิ่มอย่างช้าๆเน้นๆ จนคนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างสั่นสะท้านไปหมดด้วยความเสียวซ่านแปลกประหลาดที่ไม่เคยพานพบมาก่อน “อืม” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มครางออกมาเบาๆในลำคอด้วยความพอใจ เมื่อทำให้เธอเริ่มมีอารมณ์คล้อยตามร่วมไปกับเขาแล้ว น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากช่องทางรักของเธอได้ปริ่มไหลลงมาเคลือบเจ้ามังกรยักษ
ตอนที่ 9 เช้าวันใหม่…. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้คนที่นอนหลับใหลตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย กฐินรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอเองดื่มไปเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน “หาวววว...ทำไมมันเช้าเร็วแบบนี้นะ ฉันยังนอนไม่อิ่มเลยเนี่ย!” กฐินบ่นพึมพำพลางเอามือป้องปากหาวหวอดๆ ก่อนจะพลันสายตามองไปทางเพื่อนที่นอนหันหลังให้ กฐินนึกในใจว่าเพื่อนตัวเองกลับมาตั้งแต่ตอนไหนเพราะเธอไม่รู้สึกตัวเลยตอนเพื่อนเข้ามาในห้อง “เฮ้อ ท่าทางเมื่อคืนเราจะเมาหนักเอาเรื่องแฮะ ยัยหว้ากลับเข้าห้องมายังไม่รู้สึกตัวเลยกฐินเอ้ย!!” หญิงสาวได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันแรก “ยัยหว้า สายแล้วนะทำไมแกถึงได้ตื่นสายแบบนี้เนี่ย แกลืมรึไงว่าวันนี้เราทำงานเป็นวันแรกนะ” กฐินรีบปลุกเพื่อนเมื่อตัวเองอาบน้ำและแต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วแต่ยังเห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ซึ่งปกติลูกหว้าจะตื่นก่อนตัวเองเป็นประจำ “อืม ตื่นแล้ว” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยขึ้นก่อนจะพยายามพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่เมื่อกฐิน
ตอนที่10 โครมมม!!!! “ลูกหว้า!!” ทุกคนในร้านต่างเรียกชื่อเธอขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆเธอก็เป็นลมล้มหมดสติลงไปกองกับพื้นแบบนั้น “หว้า ยัยหว้า แกได้ยินฉันไหม ยัยหว้า!!” กฐินเข้าไปประคองตัวเพื่อนขึ้นมาและพยายามเรียกชื่อเธอ แต่แล้วก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ!!” น้ำเสียงเข้มของผู้จัดการหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมองไปเห็นร่างของพนักงานสาวคนใหม่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่กับพื้น “ยัยหว้าเป็นลมหมดสติไปค่ะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยตอบอย่างร้อนใจ “ตัวร้อนจี๋เลยครับ” เขาเอื้อมมือหนาไปแตะอังหน้าผากของเธอเบาๆ ความอุ่นร้อนจากตัวเธอที่แผ่ออกมาอุณหภูมิคงไม่ต่ำกว่า38-39องศาเห็นจะได้ “เราจะเอายังไงกันดีคะผู้จัดการ” กฐินเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “เดี๋ยวพี่จะพาลูกหว้าไปโรงพยาบาลเอง พวกเธอดูแลร้านกันอยู่ที่นี่ล่ะ” “ได้ค่ะผู้จัดการ” พนักงานในร้านพูดขึ้น “งั้นกฐินขอไปด้วยนะคะ กฐินเป็นห่วงยัยหว้าค่ะ!” กฐินพูดแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทที่มีอยู่เพียงคนเดียวของเธอ “เอางั้นก็ได้!” บิ๊กเอ็มตอบก่อนจะ
ตอนที่11 รถสปอร์ตคันหรูได้ขับเคลื่อนเข้ามาจอดที่คฤหาสน์หลังโตของตระกูลศิริพงศ์ไพบูลย์ เจไดชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวขาเดินลงจากรถอย่างรีบร้อนเพื่อเข้าไปหาคุณหญิงสุดารัตน์ผู้เป็นแม่ “สวัสดีครับคุณแม่” “มาถึงแล้วเหรอยะพ่อตัวดี” คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านอยู่ และมองค้อนลูกชายตัวแสบด้วยความน้อยใจ เจไดจึงรีบปรี่เข้ามาสวมกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่ไปหนึ่งฟอดก่อนที่เขาจะโดนต่อว่าไปมากกว่านี้ ม้วฟ ม้วฟ… “คิดถึงจังเลยครับคุณหญิงสุดารัตน์” เจไดเรียกชื่อผู้เป็นแม่ซะเต็มยศ ก่อนจะโดนผู้เป็นพ่อทักขึ้นบ้าง “คิดถึงแต่แม่แกคนเดียวหรือไง พ่อนั่งทนโท่อยู่นี่ทั้งคนไม่เห็นแกคิดจะทักทายสักคำ” ท่านมานพผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น “แหม…ผมก็คิดถึงทั้งสองคนนั่นแหละคับ ทำเป็นคนแก่ขี้น้อยใจไปได้ ตอนนี้ก็แก่กันอยู่แล้วระวังจะยิ่งแก่ขึ้นไปอีกนะครับขี้น้อยใจแบบนี้” “เอ๊ะ! ไอ้เจ้าลูกคนนี้หนิ” คุณหญิงฟาดฝ่ามือไปที่แขนลูกชายไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นไส้ “แล้วนี่แกกลับไทยมาได้ครึ่งเดือนแล้วแต่ไม่คิดจะมาหาพ่อกับแม่ คงเป็นเพราะมัวแต่ไปกกอยู่กับอีหนูในสังกัดของ
ตอนที่ 12 หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วสองครอบครัวต่างนั่งพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของเจไดดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของทุกคน ครืด ครืด ครืด ~~ เจได : (ว่าไง) พยัคฆ์ : (ตอนนี้เพื่อนสนิทของเด็กคนนั้นเธอกลับไปแล้วครับนายน้อย) เจได : (เพื่อนเธอกลับไปแล้ว แล้วมันยังไง?) พยัคฆ์ : (เอ่อ…แต่ผู้ชายคนที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ที่เธอทำงานอยู่ คือ เอ่อ…ยังอยู่เฝ้าเธอที่ห้องครับ) เจได : (อะไรนะ!) เขาพูดกดเสียงต่ำ หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันราวกับผูกโบว์ พยัคฆ์ : (ครับ ตอนนี้อยู่กันตามลำพังสองต่อสองในห้องพักคนป่วย ขะ ครับ…) ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด!! เขากดวางสายทันทีในขณะที่พยัคฆ์ลูกน้องคนสนิทยังพูดไม่จบประโยค “ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีธุระด่วน” น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นก่อนจะสาวเท้ายาวๆเดินออกไปอย่างรีบร้อน “พี่เจไดคะ!!” ณิชาเรียกชื่อเขาขึ้น แต่เจไดไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง “เจ้าลูกคนนี้หนิ ธุระอะไรสำคัญนักหนา” คุณหญิงสุดารัตน์บ่นตามหลังลูกชายอย่างเอือมระอาให้กับความไม่ไว้หน้าแขก เจ
ตอนที่50 สามเดือนต่อมา… งานแต่งงานได้ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมฐานะของตระกูล งานแต่งครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวที่สามารถรองรับแขกที่มาร่วมงานได้จำนวนมาก งานแต่งในครั้งนี้ต่างมีแขกมาร่วมงานทั้งแวดวงธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทาที่มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งเพื่อนสนิทที่จะพลาดงานสำคัญแบบนี้ไม่ได้ก็คืออาชา คีตภัทร กฐินและเพื่อนร่วมงานร้านคาเฟ่ นอกจากนั้นยังมีบิ๊กเอ็มผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อหน้าตี๋ที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ก็ตาม กว่างานในช่วงเย็นจะเสร็จก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวป้ายแดงเหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว เนื่องจากคอยต้อนรับแขกเหรื่อในงานตั้งแต่เช้า และกว่าจะเสร็จพิธีแต่ละขั้นตอนจนถึงช่วงส่งตัวเข้าหอก็ทำเอาเจ้าบ่าวเจ้าสาวแทบจะหมดเรี่ยวแรง หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพแล้ว เจไดจ้องมองภรรยาสาวที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกใบโตด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีความสุขและมันยิ่งกว่าคำว่าความสุขด้วยซ้ำที่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าสำคัญสำหรับเขามากเพียงใด แต่เขารู้เพี
ตอนที่ 49 ~1 เดือนผ่านไป~ ตอนนี้ลูกหว้ามีอายุครรภ์เข้าเดือนที่แปดแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างนับวันรอที่จะได้เจอหน้าทายาทคนแรกของตระกูลกันอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดวันนี้เราก็ได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในขณะที่เจไดกับลูกหว้าถือทะเบียนสมรสเดินออกมาจากสำนักงานเขตใกล้ๆบ้านด้วยใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มสดใสอย่างมีความสุข โดยมีแม่ของลูกหว้ามาเซ็นยินยอมให้เพราะเธอยังอายุไม่ครบ20ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีอาชาและคีตภัทรเพื่อนสนิทมาเป็นพยานให้เช่นกัน “นาง นริศรา ศิริพงษ์ไพบูลย์ หนูเหมือนคนแก่จังเลยค่ะ” ลูกหว้าอ่านชื่อและนามสกุลของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนสมรสขึ้นมาอย่างไม่คุ้นชินกับคำนำหน้าชื่อสักเท่าไหร่ “สักวันก็ต้องแก่เหมือนแม่อยู่แล้วลูก” แม่ของลูกหว้าพูดขึ้นพลางเอามือลูบศีรษะลูกสาวเบาๆด้วยความรักและเอ็นดู “ไม่เห็นแก่ตรงไหนเลยครับ มีลูกมีผัวแล้วก็ต้องใช้คำนำหน้าว่านางแหละถูกต้องแล้ว จะให้ใช้นางสาวเหมือนเดิมได้ยังไงครับ ที่สำคัญจะแก่หรือไม่แก่พี่ก็รักเธอคนเดียวเหมือนเดิม และมีจะแต่รักเพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวัน” เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานออกมาด้วยค
ตอนที่48 หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้วทั้งสองจึงขึ้นไปนอนบนห้อง ลูกหว้ายอมให้พ่อของลูกย้ายขึ้นมานอนบนห้องของเธอได้ เพราะถึงยังไงเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการกอด “เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำก่อนเลยนะคะ หนูว่าจะพับเสื้อผ้าจัดเข้าตู้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอาบค่ะ” “มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ แล้วเราค่อยไปอาบน้ำด้วยกัน” เขาพูดพลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาคงไม่ใช่แค่จะอาบน้ำกับเธออย่างเดียวแน่ๆ อีกทั้งสรรพนามที่เขาเปลี่ยนมาพูดแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเดิมนั่นอีก มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเธอและเขาไม่ได้ดูห่างเหินเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว “หนูรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรไม่ดีกับหนู” เธอพูดขึ้นอย่างรู้ทันในความเจ้าเล่ห์ของเขา เพราะคนอย่างเขาหื่นแค่ไหนเธอเคยเจอมาหมดแล้ว “สำหรับเธอพี่คิดแต่เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างยียวนประกอบกับสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวที่ส่งมาหาเธออย่างยั่วยวน ก่อนจะหันมาช่วยคนตัวเล็กพับเสื้อผ้าจนเสร็จ ซ่าส์…. เสียงสายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมาไม่ขาดสายชโลมสองร่างเปลือยเปล่าที่โอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างชุ่ม
ตอนที่47 “เธอจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้นะลูกหว้า แต่ฉันขออย่างเดียว…อย่าไล่ให้ฉันไปไหนเลยนะ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ข้างๆเธอ ได้ดูแลเธอกับลูกของเรา เธออย่าผลักไสฉันให้ออกไปจากชีวิตเธอเลย เพราะฉันเองคงไปไหนไม่ได้ถ้าที่ที่ฉันจะไปมันไม่มีเธอไปกับฉันด้วย..” “……” “เธอจะให้ฉันก้มลงกราบเธอก็ได้ถ้ามันจะทำให้เธอให้อภัยและให้โอกาสคนเลวๆอย่างฉันได้มีโอกาสได้แก้ตัวอีกสักครั้ง...” พูดจบสองขาแกร่งก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าลงไปกับพื้น ก่อนจะพนมมือหนาทั้งสองข้างขึ้นมาและโน้มตัวลงตั้งท่าจะก้มลงกราบเธอ สองมือเรียวสวยรีบคว้ามือหนาของเขาเอาไว้แน่นก่อนที่เขาจะก้มลงกราบเธอซะก่อน ลูกหว้าเองเมื่อเห็นคนตัวโตกระทำเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตกใจมาก จนต้องรีบห้ามไว้ก่อนที่คนอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้กับเธอจริงๆ “คุณจะทำอะไรคะ คุณจะลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวคุณเองมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเสียงสั่น น้ำตาหยดใสๆที่พยายามสะกัดกลั้นเอาไว้หลายครั้งต่างไหลลงมาอาบแก้ม ผู้ชายที่ตัวเธอเองนั้นคิดและบอกกับตัวเองมาตลอดว่าเกลียดเขาที่สุดกำลังจะยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อเธอ ซึ
ตอนที่46 สองอาทิตย์ผ่านไป… อึก โอ้กก อ้ากก!! แค่ก แค่ก!! “เมื่อไหร่จะหายสักทีวะไอ้อาการแฮงค์เหล้าเนี่ย เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่มสักหน่อยตอนเช้าก็ยังต้องตื่นมาอ้วกอีก” เขาสบถออกมาเบาๆคนเดียว นอกจากเขาจะต้องตื่นมาอาเจียนในกลางดึกเพราะอาการพะอืดพะอมและเวียนหัว ตอนนี้อาการของเขากลับเริ่มหนักขึ้นจนต้องตื่นมาอาเจียนในทุกๆเช้าอีกด้วย อาจจะเป็นเพราะหลายเดือนที่ผ่านมาเขาดื่มหนักเกินไปก็เลยเกิดผลข้างเคียงตามมาทีหลัง “คุณเจจะรับกาแฟไหมคะ” สมปองถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ดูซีดเซียวเหมือนคนนอนไม่อิ่ม “ไม่ล่ะ ฉันไม่ถูกกับกาแฟมาสักพักแล้ว ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก! ขอเป็นชามะนาวแล้วกัน” “ได้ค่ะ” สมปองได้แต่ตอบรับอย่างงุนงงเพราะปกติเมื่อตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นเจ้านายหนุ่มทานกาแฟในทุกเช้า มาคราวนี้บอกจะอ้วกทำอย่างกะคนกำลังแพ้ท้องแทนเมียซะอย่างนั้น สมปองได้แต่พูดคนเดียวในใจ หลังจากที่เขาได้จิบชามะนาวแล้วจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ก่อนคนตัวสูงจะลุกขึ้นเดินไปทำหน้าที่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้แทนลูกหว้า เพราะถ้าปล่อยให้เธอมาทำเอง
ตอนที่45 หนูหว้าดูแลตัวเองและตาหนูของย่าด้วยนะลูก เดี๋ยวเดือนหน้าแม่กับคุณพ่อจะมาเยี่ยมใหม่” “ค่ะคุณแม่ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์โอบกอดว่าที่ลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายหัวดื้อ “ดูแลหนูหว้ากับหลานแม่ให้ดีๆละตาเจ” “ครับคุณแม่” “ส่วนเรื่องงานบ้านพวกแกห้ามช่วยลูกชายฉันนะสมปอง ประหยัด!” “ค่ะ/ครับ คุณผู้หญิง” “เฮ้อ! ทีเรื่องนี้ล่ะไม่ลืม” เจไดได้แต่บ่นเบาๆให้กับผู้เป็นแม่ ก่อนท่านมานพ คุณหญิงสุดารัตน์และจินตะลูกชายคนเล็กจะเดินทางกลับกรุงเทพ ตอนนี้จะเหลือก็แค่เจได ลูกหว้า และสมปองกับตาประหยัดที่คอยดูแลลูกหว้าอยู่ที่บ้านหลังนี้ “ฉันก็คงจะช่วยแกได้เท่านี้ล่ะนะตาเจ ที่เหลือแกก็ต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ” คุณหญิงได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้ว ถึงแม้เจไดจะทำผิดอย่างเกินที่จะให้อภัยได้ แต่คุณหญิงเองยังอยากจะให้หลานเกิดมามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก หวังว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะไม่ทำให้คำว่าครอบครัวพังเป็นครั้งที่สองอีก “เย็นนี้คุณหว้าอยากจะทานอะไรคะเดี๋ยวสมปองจะทำให้ทานค่ะ” “อืม อยากกินอาหาร
ตอนที่44 เช้าของวันใหม่… แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องกระทบใบไม้ในยามเช้าเป็นประกายระยิบระยับ ประกอบกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วขับกล่อมเบาๆสายลมพัดโชยเย็นสบายพาเอาความสดชื่นมาให้ ท้องฟ้าสีครามสดใสที่มีเมฆลอยฟ่องเป็นบางกลุ่ม ดอกไม้หลากสีสันต่างก็บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่งทั้งบริเวณบ้าน อากาศบริสุทธิ์แบบนี้ทำให้รู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ เช้านี้ลูกหว้าตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้อย่างเช่นทุกๆวัน เธอหยิบตะกร้าใบเล็กๆติดมือมาด้วยเพื่อจะเก็บดอกมะลิไปร้อยพวงมาลัยไว้สำหรับไหว้พระ เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเห็นบุคคลผู้มาใหม่ที่ยืนมองเธอด้วยสายตาวูบไหว ก่อนเขาจะค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ ดวงตาคมยืนจ้องมองคนที่เขาตามหามาตลอดเวลาหลายเดือนด้วยความคิดถึง และตอนนี้เธอดูอวบอัดมีน้ำมีนวลขึ้นตามประสาคนท้อง แววตาท่าท่างของเธอดูมีความสุขมาก และอาจจะมากกว่าตอนที่เธอนั้นอยู่กับเขาซะอีก และนั่นกลับทำให้เขามีสีหน้าที่เศร้าหมองลงทันที พรืด!! “ว๊ายยยย!!” เธอร้องขึ้นมาเสียงดังเมื่อจู่ๆเธอก็เกือบจะล
ตอนที่43 ~4เดือนผ่านไป~ ลูกหว้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรดน้ำต้นไม้ในยามเช้าอย่างเช่นทุกวัน เธอให้สมปองและตาประหยัดซื้อต้นไม้และดอกไม้นาๆชนิดหลากหลายสายพันธุ์มาปลูกไว้รอบๆบ้าน ยิ่งในยามเช้าๆแบบนี้กลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้ต่างก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน ตอนนี้เธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นเนื่องจากท้องกำลังจะเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว และเธอกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์และท่านมานพต่างตื่นเต้นดีใจที่ลูกสะใภ้มีหลานชายคนแรกให้กับตระกูล ทั้งคุณปู่และคุณย่าต่างช่วยกันเดินหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนและของเล่นเด็กด้วยตัวเอง ซื้อจนแทบไม่มีที่จะเก็บอยู่แล้ว ท่านทั้งสองมีความสุขทุกครั้งที่ได้เลือกของทุกชิ้นด้วยตัวเองเพื่อหลานชายคนแรกที่ใกล้จะถึงกำหนดออกมาลืมตาดูโลกแล้ว เป็นเวลากว่าหลายเดือนแล้วที่เธอเองไม่ได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีกเลยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ เธอพยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าไปนึกถึงผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนนั้น แต่ในบางครั้งเธอก็ยังเผลอนึกไปถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา พอเผลอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลา
ตอนที่42 เจไดสั่งให้ลูกน้องบางส่วนของเขาไปหาข้อมูลที่น่าจะเป็นไปได้ว่าลูกหว้าหายไปอยู่ที่ไหน ส่วนเขาได้แต่เทียวขับรถไปดูที่หอพักที่เธอเคยพักอยู่กับเพื่อนแม้แต่กฐินเพื่อนสนิทของเธอเองก็เพิ่งจะทราบข่าวว่าเพื่อนหาย กฐินต่อว่าเขาไปเยอะมากแต่คนขี้โมโหอย่างเขากลับได้แต่ฟังและนิ่งเงียบ ซึ่งสร้างความน่าแปลกใจให้กับกฐินเป็นอย่างมากเพราะปกติคนขี้โมโหอย่างเขาคงจะโวยวายไปแล้ว เจไดขับรถแวะมาดูที่ร้านคาเฟ่ที่ลูกหว้าเคยทำงาน และตามไปสืบดูถึงบ้านผู้จัดการหนุ่มที่เขาไม่ชอบขี้หน้า แม้กระทั่งบ้านเกิดของเธอที่ร้อยเอ็ดก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอเลย “เธอหายไปไหนของเธอนะยัยเด็กบ้าเอ้ยย!!” สองมือหนาทุบลงไปบนพวงมาลัยรถอย่างคนหัวเสียด้วยความโมโหที่ไม่สามารถตามหาตัวเธอเจอ เธอหายไปโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้ตามสืบได้เลย ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่จู่ๆเธอจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ “ต้องมีใครสักคนที่พาเธอหนีฉัน” เขาสบถออกมาเบาๆด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเคร่งเครียด สองอาทิตย์ต่อมา…. เจไดตามหาลูกหว้ามาสองอาทิตย์แล้ว เขาไปทุกๆที่ที่คิดว่าเธอจะไป จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอแม้แต่