เมื่อลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยของเหลวอุ่น ๆ บางอย่าง และมีพลังบางอย่างกําลังผลักนางอยู่ในเวลาเดียวกันด้วยนางมุดออกไปตามแรงนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าที่หัวของนางนั้นมีมือข้างหนึ่งคอยผลักนางเข้าไปข้างใน“โอ๊ย! เจ็บเหลือเกิน!”ขณะเดียวกัน เสียงร้องด้วยเจ็บปวดที่อ่อนเพลียก็ดังขึ้นจากนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท "พระสนม! ออกแรงเร็วเพคะ”“ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่มีแรงแล้วจริงๆ...”"พระสนม ห้ามท้อใจเด็ดขาดนะเพคะ พระสนม รีบออกแรงสิเพคะ!”ลู่ซิงหว่านถึงตระหนักถึงว่าตัวเองกลายเป็นทารกในครรภ์ไปแล้วเกิดอะไรขึ้น?นางกําลังข้ามทัณฑ์สายฟ้าฟาดอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือนี่จะเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากทัณฑ์ด้านจิตใจของนาง?แต่ว่า...นางลองแกว่งกําปั้นเล็ก ๆ ทั้งสองข้างไปมา อีกทั้งความเจ็บปวดจากการถูกบีบศีรษะก็ล้วนบอกนางว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่นางกลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังถูกคลอดออกมาจริง ๆเพราะฉะนั้น นางล้มเหลวในการข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าฟาดแล้วว่างั้นเถอะแต่นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตัวเองถึงได้กลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังจะเกิดแบบนี้
[ท่านแม่โปรดวางใจเถิด เดิมข้าควรจะถือกำเนิดนานแล้ว แต่เพราะแม่นมทำคลอดนั้นพยายามจะดันตัวข้าเข้าไปข้างในอยู่ตลอด ข้าจึงยังไม่ได้เกิดเสียที][แต่ตอนนี้แม่นมคนนั้นถูกจับไปแล้ว ไม่มีคนชั่วมาขัดขวาง ข้าคงจะได้เกิดซักที!]ในสมองของพระสนมเฉินได้ยินเสียงพูดอ้อแอ้อย่างมีความสุข ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกล่าวกับจิ่นซินว่า “ไม่เป็นไร ลูกใกล้จะคลอดออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมผ้าห่อตัว แล้วมาช่วยทำคลอดก็พอ”ลู่ซิงหว่านส่งกระแสจิตไปด้านนอก พบว่าจิ่นซินได้เตรียมการพร้อมแล้ว จึงตะโกนในใจด้วยความยินดี [ท่านแม่ เตรียมตัวอีกประเดี๋ยว เราใกล้จะได้พบกันแล้ว]......ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังรับฟังรายงานจากขุนนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยแล้ง สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนักแคว้นต้าฉู่ไม่มีฝนตกมาเกือบปีแล้ว ทุกหนแห่งล้วนแต่แห้งผากไปหมดต่อให้เป็นดินแดนทางใต้ที่ได้ชื่อว่าล่ำซำ พืชผลทางการเกษตรก็เผชิญกับภาวะน่าเศร้าที่ไร้ผลเก็บเกี่ยวถ้ายังไม่มีฝนตกอีก คาดว่าปีหน้าแคว้นต้าฉู่ คงต้องเผชิญกับความอดอยากหิวโหยที่น่ากลัวยิ่งแต่สวรรค์จะประทานฝนหรือไม่ ก็ใช่ว่าฮ่องเต้อย่างเขาจะกำหนดได้นี่นาฮ่องเต้ต้าฉ
หืม?ขณะที่พบว่าเสียงดังกล่าวนี้ดังขึ้นในสมองของตน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตกตะลึงพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย[ว้าว! ไอ้ท่ายักคิ้วนี่ ช่างดูเท่ห์ยิ่งนัก อะไรคือความเท่ห์เหลือใจ ก็คือประมาณนี้แหละ! สมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงเสน่ห์ในนิทานเรื่องนี้!][เพียงแต่ไม่รู้ว่า ฮ่องเต้แบบนี้ จะหลงลูกสาวตัวเองจนเป็นทาสลูกสาวหรือเปล่า?]นิทาน? ทาสลูกสาว?ฮ่องเต้ต้าฉู่มีสีหน้านิ่งเฉย ก้มหน้าลงไปดูทารกในอ้อมแขนดังนั้น เสียงที่อยู่ในสมองนี้ ก็คือเสียงของลูกสาวเขาหรือ?ฮ่องเต้ต้าฉู่เหลียวมองพระสนมเฉินเฟย เห็นนางมีสีหน้าปกติ ไม่มีอาการอื่นใด ก็แสดงว่าเสียงพูดในใจขององค์หญิงน้อยมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยินว่าแล้วเชียว การที่ตนสามารถเจอสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพวกนี้ได้ คงเพราะตนเป็นโอรสแห่งสวรรค์แน่นอนจากนั้นจึงได้เบิ่งตาพิจารณามองดูทารกน้อยที่ยกสองมือขึ้น ยังพยายามที่จะสัมผัสใบหน้าของตนอย่างไม่ยอมแพ้ฮ่องเต้ต้าฉู่เหยียดริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย พลางยกตัวนางขึ้นสูง และปล่อยให้นางสัมผัสใบหน้าตนตามอำเภอใจไม่ผิดจากที่คิด ใบหน้ากลมแป้นเล็ก ๆ เหยียดปาก พร้อมผุดรอยยิ้มที่ไร้ฟันออกมา[อุ๊ยตาย! ลูบได้แล้ว! ลูบได้แ
ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูลู่ซิงหว่านที่ชูกำปั้นน้อยสองข้างใบหน้ากลมปุ๊กพร้อมกับผิวเนียนใส แต่เพราะดูดนมเร็วเกินไปจึงมีอาการสะอึกเล็กน้อย ท่วงท่าน่ารักจนใครเห็นก็หัวใจแทบละลายทั้ง ๆ ที่เขามีลูกตั้งสิบกว่าคนแล้ว แต่ยังรู้สึกราวกับเพิ่งเป็นพ่อคนครั้งแรก สายตาจ้องมองลู่ซิงหว่านอย่างหลงใหล ประหนึ่งนอกจากนางแล้ว สิ่งอื่นใดในโลกก็ล้วนไม่อยู่ในสายตาอีกโหรวกุ้ยเหรินคุกเข่าลงที่พื้น จับตาทุกอิริยาบถของฮ่องเต้ต้าฉู่ แววตาเต็มไปด้วยความริษยาและโกรธแค้นเมิ่งฉวนเต๋อซึ่งสั่งให้ปิดปากโหรวกุ้ยเหรินเสีย เพราะเกรงว่าจะรบกวนลู่ซิงหว่านอีก มองเห็นแววตาของนางเข้า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบเตือนฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ โหรวกุ้ยเหรินผู้นี้...”ฮ่องเต้ต้าฉู่หันหน้ามา แววตาอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ลากตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้วโบยให้ตายซะ ส่วนตระกูลเดิมของนางให้ปลดเป็นไพร่ เนรเทศไปอยู่หอหนิงกู่!”“ฮือ ๆ ๆ...”สนมโหรวกุ้ยเหรินเบิกตาโพลงคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และถูกลากตัวออกไปในสภาพที่ปิดปากสนิทแบบนั้น[ว้าว! เสด็จพ่อทรงเท่ห์มากเลย!][แต่ว่า ในนิทานไม่ได้เขียนแบบนี้นี่นา โหรวกุ้ยเหริน
“ฝ่าบาท ฟ้าประทานหยาดฝน สายรุ้งเรืองรอง นี่คือประกาศิตจากสวรรค์ ว่าการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า คือวาสนาของแคว้นต้าฉู่เรานะพ่ะย่ะค่ะ!”เมิ่งฉวนเต๋อมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยปากทูล มหาขันทีผู้ชาญฉลาด ไม่รู้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ แต่ความรักที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มีแต่ลู่ซิงหว่าน เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาอยู่ ในยามนี้ พูดแต่เรื่องน่าฟัง ย่อมจะถูกใจคนฟังมากกว่า“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง การเกิดมาของหวานหว่าน คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อข้าจริง ๆ!”ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งฉวนเต๋ออยู่แล้ว ด้วยดีใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยปากต่อ “สั่งการลงไป คนในตำหนักชิงอวิ๋นทุกคน แจกรางวัลตอบแทนอย่างงามให้หมดทุกคน!”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”ความอารมณ์ดีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ยังคงมีต่อเนื่องจนไปถึงหน้าห้องทรงอักษรเท่านั้นแต่แล้วความปลาบปลื้มยินดีที่หวานหว่านนำมาให้เขาก็แทบจะหายไปทันที เมื่อมองเห็นร่างที่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษร“ถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”หรงอ๋องคุกเข่าลงพื้นพร้อมคำนับฮ่องเต้ตามธรรมเนียม“ลุกขึ้นเถิด!” ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้องเดินเข้าห้องทรงอักษร ตรัสถามหรงอ๋
หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกันพระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้วรุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ
ส่วนทางพระสนมเต๋อเฟยเมื่อกลับถึงตำหนักฉางชิว ก็ได้ขว้างปาเครื่องกระเบื้องไปหลายชิ้น จึงค่อยหายโกรธบ้าง“พระสนมใยต้องโกรธเช่นนี้ด้วยล่ะเพคะ” สาวใช้คนสนิทไป๋จื่อทุบไหล่ให้นางพลาง พร้อมกับกล่าวปลอบใจ “คนที่ตำหนักชิงอวิ๋นให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไหน นางก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ส่วนพระสนมน่ะมีองค์ชายตั้งสองคนนะเพคะ นางจะมาเทียบได้ยังไง?”พระสนมเต๋อเฟยได้ยินดังนี้แต่ไม่เห็นชอบด้วย “ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อนาง นางจะต้องกังลวไม่มีลูชายไปทำไมกัน? และตระกูลเดิมนางก็เป็นติ้งกั๋วโหวด้วย”ไป๋เวยอยู่ด้านข้างรีบเดินมา “ติ้งกั๋วโหวเป็นเพียงขุนนางบู๊ แต่ตระกูลเดิมของพระสนมเป็นถึงเสนาบดี ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทอีกนะเพคะ”“พวกเจ้าสองคนเอาใจข้าเก่งนัก” ภายใต้การปลอบโยนของสาวใช้ พระสนมเต๋อเฟยก็ค่อยหายขุ่นเคืองบ้างแต่พอนึกถึงเรื่องสนมโหรวกุ้ยเหรินเมื่อหลายวันก่อน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีก จึงให้ไป๋จื่อส่งข่าวถึงบิดา ว่าเลิกประชุมเมื่อไหร่ให้มาตำหนักฉางชิวสักครั้งไต้เท้าชุยรับจดหมายจากไป๋จื่อ เลิกประชุมจึงรีบมาทันที“ท่านพ่อ จัดการคนในครอบครัวของโหรวกุ้ยเหรินไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” พระสนมเต๋
ครึ่งเดือนถัดมา งานเลี้ยงครบเดือนขององค์หญิงหย่งอันก็ถูกจัดขึ้นเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่คิดจัดเป็นงานใหญ่ แต่ถูกพระสนมเฉินเฟยห้ามไว้ เหตุเพราะตำแหน่งของติ้งกั๋วโหว บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับรัชทายาท นางรู้สึกว่าฐานะล่อแหลม เป็นที่จับจ้องของทุกฝ่าย จึงอย่าให้เอิกเกริกจะดีกว่าเดิมฮ่องเต้ก็ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ความยืนกรานของพระสนมเฉินเฟย จึงตัดสินใจไม่เชื้อเชิญเหล่าขุนนางทั้งหลาย แค่ปิดตำหนักฉลองก็เพียงพอวันนี้อากาศไม่สู้ดีนัก เดิมทีพระสนมเฉินเฟยคิดจะไปคนเดียว ที่ไหนได้ขณะออกจากตำหนัก หูก็ได้ยินเสียงบ่นอ้อแอ้ของเด็กน้อย[วันนี้เป็นวันครบเดือนของเรา ซ้ำยังมีพิธีแต่งตั้งอีก ทำไมไม่พาเราไปด้วย ท่านแม่ไม่รักเราแล้วหรือ ฮือ ๆ ๆ...]พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ ก็หยุดชะงักที่หน้าประตู หันหน้ามามองลู่ซิงหว่าน พร้อมกับถอนหายใจ “พาหวานหว่านไปด้วยก็ได้มั้ง เพราะเป็นพิธีแต่งตั้งของนางเอง”[เย้ ท่านแม่น่ารักที่สุดในโลกเลย!” ]พระสนมเฉินเฟยยิ้มอย่างอ่อนใจ แต่ก็มีความสุขนักในวันนี้ ลู่ซิงหว่านในฐานะเจ้าของงาน ย่อมได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้นถึงคราวที่พระสนมเต๋อเฟยจะให้ของขวัญ ลู่ซิงหว่านดูแล้
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก
คิดในใจ ลู่ซิงหว่านจึงใช้ทั้งมือและเท้าเดินกลับไปหาหานซีเยว่อีกครั้ง แล้วประคองโต๊ะเล็กให้ลุกขึ้นตอนนี้หานซีเยว่เปิดกล่องนั้นแล้ว เป็นกําไลหยกที่โปร่งใสซ่งชิงเหยียนถึงยิ้มแล้วพูดต่อ “ไม่ถือว่าเป็นกําไลที่ดีอะไรหรอก แต่เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้”ลู่ซิงหว่านเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามือของหานซีเยว่ที่ถือกําไลนั้นถึงกับสั่นนางวางกําไลนั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วผลักไปตรงหน้าซ่งชิงเหยียน “พระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ หม่อมฉันไม่กล้ารับไว้จริงๆ”ซ่งชิงเหยียนกลับยิ้มพลางยืนขึ้น หยิบกําไลหยกนั้นไว้ในมือ เดินไปตรงหน้าหานซีเยว่ แล้วสวมแทนนาง “การแต่งงานของเจ้ากับองค์รัชทายาท พวกข้าพอใจมาก ฮองเฮาองค์ก่อนก็ต้องพอใจมากเช่นกัน”ตอนนี้เมื่อซ่งชิงเหยียนพูดถึงซ่งชิงหย่าอีกครั้ง นางก็รู้สึกสงบมากขึ้นกว่าเดิม“กําไลวงนี้เป็นของฮองเฮาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้ บอกว่าจะมอบให้ว่าที่ลูกสะใภ้ “น่าเสียดายที่นางเองไม่มีโอกาสได้มอบมันให้กับเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องให้น้องสาวอย่างข้าทําแทน”“เดิมทีจะมอบให้เจ้าในพิธีปักปิ่นของเจ้า แต่วันที่เจ้าเข้าพิธีปักปิ่นนั้น ข้าเกรงว่าจะมีธุระไม่สามารถไปถึงที่นั่นได้ ดังนั้นจึ
หลังจากได้ยินคําพูดของซ่งชิงเหยียน ฉยงหัวก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ“จะได้หรือ?” คําพูดของฉยงหัวแฝงความหมายหยั่งเชิงอยู่บ้าง นางย่อมยินยอมไปหลายวันมานี้นางก็คิดได้แล้ว ดีชั่วตอนนี้ตนเองสูญเสียพลังจิตวิญญาณไปแล้ว แทนที่จะมัวยึดติดกับการตามหาหวานหว่าน สู้สงบจิตสงบใจ เสพสุขกับชีวิตในตอนนี้จะดีกว่าบางทีหลังจากที่อาจารย์ของหวานหว่านออกจากการเก็บตัวแล้ว เห็นว่าตัวเองก็ไม่อยู่แล้ว ย่อมมาช่วยเองอยู่แล้ว“แน่นอน ข้าจะไปถามความหมายของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”“คิดว่าฝ่าบาทคงไม่ปฏิเสธแน่ ฝีมือการรักษาของแม่นางฉยงหัวยอดเยี่ยมมาก หากได้แม่นางฉยงหัวมาอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย นั่นคงจะดีไม่น้อย”แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของซ่งชิงเหยียนเท่านั้น ที่นางอยากพาฉยงหัวออกไปก็เพราะหวานหว่านหวานหว่านชอบพี่ฉยงหัวขนาดนี้ ย่อมต้องอยากอยู่กับนางตลอดไปอยู่แล้วจิ่นซินและจิ่นอวี้เก็บข้าวของเกือบทั้งคืน พวกนางเอาเข้าไป ซ่งชิงเหยียนเอาออกมา แบบนี้ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็ทิ้งกล่องใหญ่สองใบไว้ซ่งชิงเหยียนประนีประนอมแล้วนางพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ให้คนขับรถม้าของฝ่าบาทเหนื่อยหน่อยละกัน!ก่อนออกเดินทาง นางยังมีเรื่องสําคั
ต้องบอกว่าของข้างนอกอร่อยกว่าของในวังจริงๆในนิทานล้วนบอกว่าชีวิตของพระสนมหวงกุ้ยเฟยในวังนั้นงดงามและสบายแค่ไหน แต่ลู่ซิงหว่านกลับรู้สึกว่า ไม่ได้สบายอยู่ข้างนอก[ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็คงดีไม่น้อย ยังไงก็มีเงิน อยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย][อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย สามารถกินอาหารที่พ่อครัวทําได้มากมาย พ่อครัวทำขนมในวังเหล่านี้ ข้ากินจนเบื่อแล้ว][เสด็จย่ากินมาตั้งหลายปี ยังกินไม่เบื่ออีกหรือ?]ซ่งชิงเหยียนบ่นในใจว่า เบื่อสิ แน่นอนว่านางกินจนเบื่อแล้ว ขนมที่องค์หญิงใหญ่นํามาจากหอฝูหม่านครั้งที่แล้ว ไทเฮาพูดตรงๆ เลยว่าอร่อยตอนนี้ซิงรั่วเกือบจะส่งคนมาส่งที่วังทุกสองวันก็ถือว่ามีใจแล้วจริงๆ เมื่อซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่ ฉยงหัวก็มาหานางมองท่าทางของจิ่นซินและจิ่นอวี้ที่กําลังยุ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง"พระสนมหวงกุ้ยเฟยนี่คือ..."คําพูดที่เหลือฉยงหัวไม่กล้าพูดออกมา ถูกโจรปล้นหรือ?“พี่ฉยงหัว!” ลู่ซิงหว่านพูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง แล้ววิ่งไปหาฉยงหัวซ่งชิงเหยียนมองท่าทางคล่องแคล่วของลู่ซิงหว่านแล้วก็ตกตะลึงนางรู้ว่าหวานหว่านชอบพี่สาวฉยงหัวคนนี้มาก แต่เตียงนุ่มที่สูงขนาดนี้ น