คนอื่นยังไม่ทันได้พูดอะไร กลับเป็นสนมเหยาผินที่เอ่ยปากก่อน“พระพันปีโปรดระวังด้วย องค์หญิงหย่งอันซนจริงๆ จะเผลอทําร้ายพระพันปีเอาได้นะเพคะ”ลู่ซิงหว่านฟังจบก็ชําเลืองมองสนมเหยาผินสีหน้าเช่นนี้ของนางย่อมตกอยู่ในสายตาของไทเฮาผู้หญิงคนนี้ น่ารําคาญจริงๆ ทุกคําที่พูดออกมาล้วนน่ารําคาญมากแน่นอนว่าคนที่เกลียดประโยคนี้ของนางไม่ได้มีแค่ลู่ซิงหว่านคนเดียวเพียงแต่ไทเฮายังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ถูกฮองเฮาตัดบทเสียก่อน “หากสนมเหยาผินไม่มีธุระอะไร ก็กลับไปก่อนเถอะ”ตอนนี้เสิ่นหนิงมองทะลุปรุโปร่งแล้ว คนที่อยู่ข้างกายตนเหล่านี้ แต่ละคน สมองล้วนไม่ค่อยฉลาดทั้งนั้นเห็นอยู่ชัดๆ ว่าหย่งอันเป็นที่รักใคร่ในวัง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าซ่งชิงเหยียนเป็นคนที่ฮ่องเต้ฉู่โปรดปรานที่สุด ยังรนหาที่ตายอีกนางเหนื่อยจริงๆ แล้วสนมเหยาผินก็คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะพูดจาเย็นชากับตนเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางเอนหลังพิงฮองเฮาอยู่ จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงแค่ทําความเคารพแล้วเดินออกไปข้างนอกเสิ่นหนิงรีบพูดทันที “เรื่องขององค์ชายสามกับองค์หญิงสาม เป็นการตัดสินใจของฝ่าบาท เสด็จแม่ก็อย่าเสียใจเกินไปเลยเพคะ”ไทเฮากลับแค่ส่ายหน้าเบาๆ “ฮ
พวกเขามองไปทางเสนาบดีหลินอย่างงุนงง“พวกเจ้า พวกเจ้ามองข้าทําไม?” สายตาของพวกเขาทําให้เสนาบดีหลินรู้สึกขนลุก“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” ใต้เท้าเสิ่นพลันหัวเราะออกมา มองไปทางใต้เท้าหรง “ใต้เท้าหรง พวกเราสองคนแสดงออกว่าไม่ถูกกันขนาดนี้เลยหรือ? เมื่อครู่ท่านเสนาบดีหลินคงคิดว่าพวกเรากําลังต่อสู้กัน!”ใต้เท้าหรงถึงได้เข้าใจแล้วดึงเสนาบดีหลินมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเหอหย่ง "ท่านบอกว่าคนแบบนี้ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?"“เมื่อก่อนแม่นางเผยเป็นถึงหญิงสาวที่ดีเด่นในเมืองหลวง กลับถูกสัตว์เดรัจฉานชนิดนี้วางแผนทำร้ายเอาได้”ที่ใต้เท้าหรงแสดงอาการหุนหันเช่นนี้ ก็เพราะเมื่อก่อนตอนที่เผยเสียนยังไม่ออกเรือนนั้น เขาก็เคยหวั่นไหวกับนางมาก่อนแม้ว่าภายหลังนางจะเลือกเหอหย่ง แต่ใต้เท้าหรงก็อวยพรด้วยความจริงใจแต่นึกไม่ถึงว่าเหอหย่งคนนี้เพียงเพื่ออํานาจและตําแหน่งของจวนอันกั๋วกงเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกต่อนางแม้แต่น้อยทําไมผู้หญิงแบบนี้ถึงถูกทําลายด้วยน้ำมือของสวะแบบนี้ไปได้“ตามความเห็นของข้าน้อย ควรลงโทษเหอหย่งคนนี้ด้วยการใช้ม้าแยกเป็นห้าส่วนถึงจะได้นะขอรับ”เป็นครั้งแรกที่เสนาบดีหลินได้เห็นใต้เท้า
เมื่อลู่ซิงหว่านตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยของเหลวอุ่น ๆ บางอย่าง และมีพลังบางอย่างกําลังผลักนางอยู่ในเวลาเดียวกันด้วยนางมุดออกไปตามแรงนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่กลับพบว่าที่หัวของนางนั้นมีมือข้างหนึ่งคอยผลักนางเข้าไปข้างใน“โอ๊ย! เจ็บเหลือเกิน!”ขณะเดียวกัน เสียงร้องด้วยเจ็บปวดที่อ่อนเพลียก็ดังขึ้นจากนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท "พระสนม! ออกแรงเร็วเพคะ”“ข้าเหนื่อยมาก ข้าไม่มีแรงแล้วจริงๆ...”"พระสนม ห้ามท้อใจเด็ดขาดนะเพคะ พระสนม รีบออกแรงสิเพคะ!”ลู่ซิงหว่านถึงตระหนักถึงว่าตัวเองกลายเป็นทารกในครรภ์ไปแล้วเกิดอะไรขึ้น?นางกําลังข้ามทัณฑ์สายฟ้าฟาดอยู่ไม่ใช่หรือ?หรือนี่จะเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากทัณฑ์ด้านจิตใจของนาง?แต่ว่า...นางลองแกว่งกําปั้นเล็ก ๆ ทั้งสองข้างไปมา อีกทั้งความเจ็บปวดจากการถูกบีบศีรษะก็ล้วนบอกนางว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่นางกลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังถูกคลอดออกมาจริง ๆเพราะฉะนั้น นางล้มเหลวในการข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าฟาดแล้วว่างั้นเถอะแต่นางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ตัวเองถึงได้กลายเป็นทารกในครรภ์ที่กําลังจะเกิดแบบนี้
[ท่านแม่โปรดวางใจเถิด เดิมข้าควรจะถือกำเนิดนานแล้ว แต่เพราะแม่นมทำคลอดนั้นพยายามจะดันตัวข้าเข้าไปข้างในอยู่ตลอด ข้าจึงยังไม่ได้เกิดเสียที][แต่ตอนนี้แม่นมคนนั้นถูกจับไปแล้ว ไม่มีคนชั่วมาขัดขวาง ข้าคงจะได้เกิดซักที!]ในสมองของพระสนมเฉินได้ยินเสียงพูดอ้อแอ้อย่างมีความสุข ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกล่าวกับจิ่นซินว่า “ไม่เป็นไร ลูกใกล้จะคลอดออกมาแล้ว เจ้ารีบไปเตรียมผ้าห่อตัว แล้วมาช่วยทำคลอดก็พอ”ลู่ซิงหว่านส่งกระแสจิตไปด้านนอก พบว่าจิ่นซินได้เตรียมการพร้อมแล้ว จึงตะโกนในใจด้วยความยินดี [ท่านแม่ เตรียมตัวอีกประเดี๋ยว เราใกล้จะได้พบกันแล้ว]......ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้ต้าฉู่กำลังรับฟังรายงานจากขุนนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยแล้ง สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนักแคว้นต้าฉู่ไม่มีฝนตกมาเกือบปีแล้ว ทุกหนแห่งล้วนแต่แห้งผากไปหมดต่อให้เป็นดินแดนทางใต้ที่ได้ชื่อว่าล่ำซำ พืชผลทางการเกษตรก็เผชิญกับภาวะน่าเศร้าที่ไร้ผลเก็บเกี่ยวถ้ายังไม่มีฝนตกอีก คาดว่าปีหน้าแคว้นต้าฉู่ คงต้องเผชิญกับความอดอยากหิวโหยที่น่ากลัวยิ่งแต่สวรรค์จะประทานฝนหรือไม่ ก็ใช่ว่าฮ่องเต้อย่างเขาจะกำหนดได้นี่นาฮ่องเต้ต้าฉ
หืม?ขณะที่พบว่าเสียงดังกล่าวนี้ดังขึ้นในสมองของตน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ตกตะลึงพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อย[ว้าว! ไอ้ท่ายักคิ้วนี่ ช่างดูเท่ห์ยิ่งนัก อะไรคือความเท่ห์เหลือใจ ก็คือประมาณนี้แหละ! สมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงเสน่ห์ในนิทานเรื่องนี้!][เพียงแต่ไม่รู้ว่า ฮ่องเต้แบบนี้ จะหลงลูกสาวตัวเองจนเป็นทาสลูกสาวหรือเปล่า?]นิทาน? ทาสลูกสาว?ฮ่องเต้ต้าฉู่มีสีหน้านิ่งเฉย ก้มหน้าลงไปดูทารกในอ้อมแขนดังนั้น เสียงที่อยู่ในสมองนี้ ก็คือเสียงของลูกสาวเขาหรือ?ฮ่องเต้ต้าฉู่เหลียวมองพระสนมเฉินเฟย เห็นนางมีสีหน้าปกติ ไม่มีอาการอื่นใด ก็แสดงว่าเสียงพูดในใจขององค์หญิงน้อยมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยินว่าแล้วเชียว การที่ตนสามารถเจอสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นพวกนี้ได้ คงเพราะตนเป็นโอรสแห่งสวรรค์แน่นอนจากนั้นจึงได้เบิ่งตาพิจารณามองดูทารกน้อยที่ยกสองมือขึ้น ยังพยายามที่จะสัมผัสใบหน้าของตนอย่างไม่ยอมแพ้ฮ่องเต้ต้าฉู่เหยียดริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย พลางยกตัวนางขึ้นสูง และปล่อยให้นางสัมผัสใบหน้าตนตามอำเภอใจไม่ผิดจากที่คิด ใบหน้ากลมแป้นเล็ก ๆ เหยียดปาก พร้อมผุดรอยยิ้มที่ไร้ฟันออกมา[อุ๊ยตาย! ลูบได้แล้ว! ลูบได้แ
ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูลู่ซิงหว่านที่ชูกำปั้นน้อยสองข้างใบหน้ากลมปุ๊กพร้อมกับผิวเนียนใส แต่เพราะดูดนมเร็วเกินไปจึงมีอาการสะอึกเล็กน้อย ท่วงท่าน่ารักจนใครเห็นก็หัวใจแทบละลายทั้ง ๆ ที่เขามีลูกตั้งสิบกว่าคนแล้ว แต่ยังรู้สึกราวกับเพิ่งเป็นพ่อคนครั้งแรก สายตาจ้องมองลู่ซิงหว่านอย่างหลงใหล ประหนึ่งนอกจากนางแล้ว สิ่งอื่นใดในโลกก็ล้วนไม่อยู่ในสายตาอีกโหรวกุ้ยเหรินคุกเข่าลงที่พื้น จับตาทุกอิริยาบถของฮ่องเต้ต้าฉู่ แววตาเต็มไปด้วยความริษยาและโกรธแค้นเมิ่งฉวนเต๋อซึ่งสั่งให้ปิดปากโหรวกุ้ยเหรินเสีย เพราะเกรงว่าจะรบกวนลู่ซิงหว่านอีก มองเห็นแววตาของนางเข้า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก รีบเตือนฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ โหรวกุ้ยเหรินผู้นี้...”ฮ่องเต้ต้าฉู่หันหน้ามา แววตาอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ลากตัวผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้วโบยให้ตายซะ ส่วนตระกูลเดิมของนางให้ปลดเป็นไพร่ เนรเทศไปอยู่หอหนิงกู่!”“ฮือ ๆ ๆ...”สนมโหรวกุ้ยเหรินเบิกตาโพลงคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และถูกลากตัวออกไปในสภาพที่ปิดปากสนิทแบบนั้น[ว้าว! เสด็จพ่อทรงเท่ห์มากเลย!][แต่ว่า ในนิทานไม่ได้เขียนแบบนี้นี่นา โหรวกุ้ยเหริน
“ฝ่าบาท ฟ้าประทานหยาดฝน สายรุ้งเรืองรอง นี่คือประกาศิตจากสวรรค์ ว่าการถือกำเนิดขององค์หญิงเก้า คือวาสนาของแคว้นต้าฉู่เรานะพ่ะย่ะค่ะ!”เมิ่งฉวนเต๋อมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง พร้อมเอ่ยปากทูล มหาขันทีผู้ชาญฉลาด ไม่รู้ว่าจะพูดจริงหรือไม่ แต่ความรักที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มีแต่ลู่ซิงหว่าน เป็นสิ่งที่เขาเห็นกับตาอยู่ ในยามนี้ พูดแต่เรื่องน่าฟัง ย่อมจะถูกใจคนฟังมากกว่า“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง การเกิดมาของหวานหว่าน คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อข้าจริง ๆ!”ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของเมิ่งฉวนเต๋ออยู่แล้ว ด้วยดีใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยปากต่อ “สั่งการลงไป คนในตำหนักชิงอวิ๋นทุกคน แจกรางวัลตอบแทนอย่างงามให้หมดทุกคน!”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”ความอารมณ์ดีของฮ่องเต้ต้าฉู่ ยังคงมีต่อเนื่องจนไปถึงหน้าห้องทรงอักษรเท่านั้นแต่แล้วความปลาบปลื้มยินดีที่หวานหว่านนำมาให้เขาก็แทบจะหายไปทันที เมื่อมองเห็นร่างที่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษร“ถวายบังคมเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”หรงอ๋องคุกเข่าลงพื้นพร้อมคำนับฮ่องเต้ตามธรรมเนียม“ลุกขึ้นเถิด!” ฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้องเดินเข้าห้องทรงอักษร ตรัสถามหรงอ๋
หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกันพระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้วรุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ