ขณะที่มือของชายหนุ่มกำลังจะล้วงเข้าไปในกระโปรง ทันใดนั้นพลันมีเสียงร้องโอดโอยดังขึ้นมา ชายหนุ่มตกใจจนมือสั่นนัยน์ตาของเสิ่นเหมียนทอประกายดีใจ เค้นลำคอตะโกนออกไปว่า “ช่วยด้วย!”วินาทีต่อมา ชายหนุ่มที่คร่อมทับบนร่างก็ถูกกระชากออกไปอย่างรุนแรง เสื้อตัวนอกของผู้ชายถูกโยนมาคลุมร่างกายของเสิ่นเหมียนเอาไว้กลิ่นไม้เย็น ๆ พลันโชยเข้ามาในจมูก อารมณ์ตรึงเครียดของเสิ่นเหมียนพลันผ่อนคลายลง“หลับตาลง อย่ามอง!”เสียงอบอุ่นของชายหนุ่มดังขึ้นมาข้างหูเสิ่นเหมียนอดมองชายหนุ่มไม่ได้“พี่ฟู่?”เธอไม่อยากจะเชื่อทำไมบังเอิญขนาดนี้“อืม ฉันเอง คนดี หลับตานะ ฉันจะอุ้มเธอไปที่รถฉัน” ดวงตาดำขลับของฟู่จือกุยอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวลเสิ่นเหมียนกัดริมฝีปาก อยากพูดอะไรออกไปแต่สุดท้ายก็ไม่พูด หลับตาลงแต่โดยดีข้างหูยังคงมีเสียงร้องน่าอนาถดังขึ้นมาเสิ่นเหมียนกำหมัดแน่นทันที พูดเสียงเบาว่า “พี่ฟู่ ช่วยฉันแจ้งความที ฉันจะแจ้งจับพวกมัน!”“เธอไม่ต้องออกโรงเองฉันก็จะส่งพวกมันเข้าคุกอยู่แล้ว! ไม่ต้องห่วงนะ” เสียงอ่อนโยนของฟู่จือกุยดังขึ้นข้างหู เสิ่นเหมียนซาบซึ้งในใจ จึงพูดขอบคุณเสียงเบา “พี่ฟู่ ขอบคุณนะ!
ช่วงหลายวันมานี้ได้ยินคนในสำนักกฎหมายพูดคุยถึงสำนักทนายความฉี่หมิงที่เพิ่งเปิดใหม่ แถมยังบอกว่าเจ้าของเป็นเด็กจบนอก เพราะงานยุ่งเธอจึงไม่มีเวลาว่างไปสนใจเรื่องนี้ ไม่คิดเลยว่าเจ้าของจะเป็นฟู่จือกุยขอบเขตธุรกิจของตระกูลฟู่คือสายการบินไม่ใช่เหรอ?ทำไมจู่ ๆ ถึงเปิดสำนักงานเกี่ยวกับกฎหมายได้ล่ะ?“ดูเหมือนเธอจะได้ยินมาแล้วสินะ! ใช่ ฉี่หมิงคือสำนักงานกฎหมายที่ฉันเปิดเอง”“ฉันจำได้ว่าพี่ฟู่เองก็เป็นนักศึกษาเรียนดีของสาขากฎหมายเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นพี่เป็นทนายความ ไม่แน่พวกเราอาจจะกลายเป็นคู่แข่งกันก็ได้!”“ต่อให้ฉันเป็นทนายจริง ๆ เราก็ไม่มีทางเป็นคู่แข่งกันหรอก!” ฟู่จือกุยแอบพูดในใจเงียบ ๆ ฉันมีแต่จะช่วยเธอ ทำให้เธอสมหวัง!ในตอนนี้เอง เสียงของเซิ่งเซี่ยก็ดังขึ้นมากะทันหัน“เหมียนเหมียน เหมียนเหมียน เธออยู่ไหน!”อีกฝ่ายค่อนข้างควบคุมอารมณ์ไม่ได้เสิ่นเหมียนซึ้งใจ จึงยกแขนขาว ๆ ขึ้นพยายามโบกไปมา “เสี่ยวเซี่ย ฉันอยู่นี่!”บริเวณไม่ไกล รถคันหนึ่งค่อย ๆ จอด กระจกรถลดลง เจียงฉีหานมองหญิงสาวในอ้อมแขนของชายหนุ่มด้วยใบหน้าเย็นชา บนนิ้วยังใส่แหวนแต่งงานของพวกเขาอยู่แท้ ๆเหอะ…ไฉนเลยที่เสิ่
ตอนที่เสิ่นเหมียนเห็นพาดหัวข่าว สมองพลันขาวโพลนในชั่ววินาทีกำไลสืบทอดจากบรรพบุรุษของตระกูลเจียงผู้อาวุโสเจียงบอกว่าฝากเจียงฉีหานเอามาให้เป็นของขวัญวันเกิดเธอไม่ใช่เหรอ?เสิ่นเหมียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ข่มอารมณ์ความรู้สึกในใจเอาไว้ แล้วเปิดข่าวเวลาที่ลงข่าวคือครึ่งชั่วโมงที่แล้วหรือก็คือเที่ยงคืนที่ผ่านมาเมื่อครู่เธอจำได้ วันนี้คือวันเกิดของเวินเจี่ยนเธอเห็นผู้ชายในรูป เขานั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย สวมกำไลข้อมือให้หญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนหญิงสาวที่พิงหัวเตียงยิ้มหวานออกมา ท่าทางดูเหมือนสาวน้อยผู้มีความสุขล้นเปี่ยม เสิ่นเหมียนกำโทรศัพท์ เนื้อข่าวเขียนว่าอะไรบ้าง เธอเองก็ไม่ได้อ่านต่อ เพียงรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่างกายเจียงฉีหานเอากำไลของเธอไปให้เวินเจี่ยน!และในตอนนี้เอง เสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้นมาเมื่อเปิดดู ก็พบว่าเป็นข้อความจากเบอร์แปลก...ในรูปคือมือข้างหนึ่ง มีกำไลสืบทอดจากบรรพบุรุษของตระกูลเจียงใส่อยู่บนข้อมือ ประกอบด้วยข้อความว่า กำไลสวยไหม?ใบหน้าของเสิ่นเหมียนซีดเผือดไร้สีเลือดเธอรู้ว่าเวินเจี่ยนเป็นคนส่งข้อความมา กำลังโอ้อวดเธอและยั่วยุอย่างไร้เสียงว
เธอตกใจรีบกดโทรเบอร์ฉุกเฉิน 120เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เสิ่นเหมียนก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเซิ่งเซี่ยเดินวนไปมาหน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งกังวลและกลัวถ้าเสิ่นเหมียนเป็นอะไรไป จะทำยังไง!*ภายในห้องผู้ป่วยวีไอพีของโรงพยาบาลเหรินเหอในเครือของช่วงซื่อ เจียงฉีหานยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยด้วยไอเยือกเย็น ในมือถือโทรศัพท์ กำลังดุเวินเจี่ยน “เธอตั้งครรภ์อยู่ กลางคืนไม่หลับนอนมัวแต่ทะเลาะกับเสิ่นเหมียน ใช้ไม่ได้เลยนะ!”เวินเจี่ยนขอบตาแดงก่ำอย่างน้อยใจ “เมื่อกี้เสิ่นเหมียนโทรมา ฉันเห็นนายไม่อยู่ กลัวว่าเธอจะมีเรื่องด่วนเลยกดรับ ใครจะไปรู้ว่าเธอจะด่าว่าฉันหน้าไม่อาย บอกว่าฉันแย่งกำไลสืบทอด แถมบอกว่าฉันแย่งสามีของเธอด้วย! ฉันทนไม่ได้เลยแขวะเธอกลับไป ใครจะไปรู้ว่าเธอจะบอกว่าจะแฉฉันบนอินเตอร์เน็ต! ไม่ให้ฉันได้มีโอกาสได้ยืนอยู่บนเวทีอีกต่อไป!”“ฉีหาน ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอโทษนะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่รับโทรศัพท์ของนายอีกแล้ว”“ฉันจะนอนเดี๋ยวนี้ นายอย่าโกรธเลยนะ”พูดจบก็ยื่นมือเช็ดน้ำตา ดึงมาห่มมาคลุมโปงเจียงฉีหานก้มลงไปดึงมุมผ้าห่มออก จนเผยให้เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเวินเจี่ยน เขาจึงเสียงอ่อนลงในทันที “เธอท
“รีบนอนได้แล้ว ส่วนเรื่องเสิ่นเหมียนเธอคงตัดสินใจเอง เธอจะไปกังวลแทนเธอทำไม!” เจียงฉีหานยื่นมือออกไปห่มผ้าให้เธอ “ดึกมากแล้ว ฉันจะงีบบนโซฟาสักพัก”น้ำเสียงเรียบเฉยของชายหนุ่ม เวินเจี่ยนแทบจะแยกอะไรไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยผ่านไป“ถ้าอย่างนั้นนายรีบพักผ่อนเถอะ ฉันเองก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”พูดจบเธอก็หลับตาลงเจียงฉีหานยืนอยู่ข้างเตียงสักพัก จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยเขาเดินออกไปนอกประตูได้ไม่ทันไร เวินเจี่ยนก็ลืมตาขึ้นมาเสิ่นเหมียน เธอคอยดูเถอะ ฉันจะแย่งเจียงฉีหานกลับมาให้ได้นอกประตูห้องผู้ป่วย เจียงฉีหานกำลังโทรหาซางอู่*ตอนที่เสิ่นเหมียนฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย กลิ่นยาฆ่าเชื้อเข้มข้นตลบอบอวลกลางอากาศจนต้องขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ทำไมมาที่โรงพยาบาลอีกแล้วล่ะ“เหมียนเหมียน ฟื้นแล้วเหรอ รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?”เมื่อได้ยินเสียง เสิ่นเหมียนก็เงยหน้ามองไปทางเซิ่งเซี่ยที่เดินเข้ามาทางประตู ในมือหิ้วถุงจากร้านโจ๊กสวีจี้ดูจากท่าทางแล้วคงไปซื้อโจ๊กมาให้เธอ“ฉันเป็นอะไรไป?” ถามจบ เธอก็ทวนความทรงจำอย่างอดไม่ได้ จำได้เพียงคำพูดเหล่านั้นที่เวินเจี่
เสิ่นเหมียนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนตอนที่กลับมาถึงบ้านของเซิ่งเซี่ย มีคนเอาโทรศัพท์มาให้เมื่อคิดออกแล้ว เธอก็กดรับสาย“ญาติของหยางชิงรีบมาที่โรงพบาบาลด่วน หยางชิงอยู่ในห้องฉุกเฉิน จำเป็นต้องให้คุณมาเซ็นรับรองค่ะ”เสียงของพยาบาลฟังดูเย็นชาหัวใจของเสิ่นเหมียนลนลาน รีบตอบกลับไป “ได้ค่ะ! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”หยางชิงคือยายของเธอตอนเด็กเธอเคยไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณยาย ซึ่งคุณยายดีกับเธอมากไม่กี่ปีก่อนคุณยายล้มป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล และต้องพึ่งยาบำรุงกับยาเฉพาะทางเพื่อประคองชีวิตเธอไปเยี่ยมคุณยายเมื่อไม่กี่วันก่อน รู้สึกว่าอาการของคุณยายไม่เลว เธอยังคิดว่าคุณยายดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลทำไมจู่ ๆ เข้าห้องฉุกเฉินอีกแล้วล่ะ?เซิ่งเซี่ยเห็นเธอรีบร้อนลงจากเตียง จึงเข้าไปกอดเธอไว้ “หมอบอกว่าเธอต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสองวันเพื่อดูอาการ เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”เสิ่นเหมียนก้มหน้ามองเซิ่งเซี่ย ขอบตาแดงเล็กน้อย “ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่ายายของฉันเข้าห้องฉุกเฉิน ให้ฉันไปเซ็นรับรอง”เซิ่งเซี่ยได้ยินคำพูดนี้ ก็ต้องปล่อยมือออก “ถ้าอย่างนั้นเธอไม่ต้องรีบ รอฉันเก็บของก่อน ฉั
ร่างกายของเสิ่นเหมียนเสียการทรงตัวเซิ่งเซี่ยรีบเข้าไปประคองเธอไว้“เหมียนเหมียน เธอโอเคไหม?”เสิ่นเหมียนยิ้มให้เซิ่งเซี่ยเล็กน้อย จากนั้นก็พูดว่า “หมอคะ เรื่องยาฉันจะพยายามหาวิธีดูอีกที ตอนนี้ฉันไปเยี่ยมคุณยายก่อน ขอตัวนะคะ”พูดจบเธอก็ลากเซิ่งเซี่ยออกไปหมอมองตามแผ่นหลังของเธอ แล้วถอนหายใจยาวออกมาทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเงินทำได้เพียงประคองชีวิตคุณยายและยื้อเวลาแค่เท่านั้น แต่กลับดึงดันไม่ยอมปล่อยชีวิตของเธอไป ทำให้ตัวเองลำบากถึงขนาดนี้ไปทำไมก็ไม่รู้!หมอไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เสิ่นเหมียนต้องการยื้อไว้ไม่ใช่แค่ชีวิตของคุณยายอย่างเดียว ยังมีคำว่าครอบครัวอยู่ด้วยหากคุณยายจากไป เธอก็จะไม่เหลือครอบครัวเลยใช้ชีวิตคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว มันน่าหดหู่ยิ่งกว่าภายในห้องผู้ป่วย คุณยายยังไม่ฟื้นขึ้นมา ยังนอนบนเตียง มีสายท่อระโยงระยางเสียบทั่วร่างกายหลายปีมานี้ อาการของเธอแย่ลงทุกครั้งจนผอมแห้งติดกระดูกเสิ่นเหมียนยืนอยู่ข้างเตียง ขอบตาแดงก่ำเซิ่งเซี่ยกอดเธอไว้ ปลอบใจเสียงเบา “เหมียนเหมียน เธออยู่คุยกับคุณยายนะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก!”เสิ่นเหมียนขานรับ ก้มลงนั่งข้างเตียง กุมมือของคุณย
ตราบใดที่เธอไม่รับฟังเรื่องของเจียงฉีหานกับเวินเจี่ยน อารมณ์ของเธอก็จะดีขึ้นมากเธอเพิ่งเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ประตูก็เปิดออกพอดีใบหน้าของเวินเจี่ยนปรากฏอยู่ตรงหน้าเสิ่นเหมียนชะงักไปเล็กน้อยช่างบังเอิญเหลือเกิน“เสิ่นเหมียน เธอก็มาหาฉันเหมือนกันเหรอ” เวินเจี่ยนเดินเข้ามาคล้องแขนเธออย่างสนิทสนม น้ำเสียงอ่อนโยน ฟังดูเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมากเสิ่นเหมียนดึงมือออกอย่างแนบเนียน ก่อนจะเอ่ยว่า “มีลูกความของฉันคนหนึ่งกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ ฉันเลยแวะมาดูอาการสักหน่อย”ลึก ๆ ในใจเธอไม่อยากให้เวินเจี่ยนรู้ว่าคุณยายของเธอก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ด้วย จึงเผลอพูดอธิบายเพิ่มเติมออกไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว“ไม่เป็นไรหรอกถ้าเธอไม่ได้มาหาฉัน แต่ไหน ๆ ก็เจอกันแล้ว ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยเถอะ ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอตั้งเยอะเลย!” เวินเจี่ยนมองเสิ่นเหมียนด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน ราวกับไม่ทันได้เห็นสีหน้าที่เย็นชาของอีกฝ่ายเลยสักนิดเสิ่นเหมียนก้มลงมองเธอ มุมปากมีรอยยิ้มเย้ยหยัน “ถึงเจียงฉีหานจะนอนกับเธอแล้วก็มอบกำไลมรดกตกทอดของตระกูลเจียงให้ แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่หย่ากับเจียงฉีหาน เธอก็เป็นได้แค่ชู้หน้า
“ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านายที่มาใหม่เป็นใคร ทำซะลึกลับมาก แต่ว่าไม่รีบ พรุ่งนี้ก็จะได้เห็นตัวจริงแล้ว!”“ฉันยังได้ยินพวกเขาคุยกันอีก ว่าเจ้านายที่มาใหม่รับซื้อหัวเหิงเพื่อเป็นของขวัญมอบให้ว่าที่คู่หมั้น! ไม่ลงรอยปุ๊บก็ส่งมาที่สำนักงานกฎหมายเลย! การเป็นว่าที่คู่หมั้นของเจ้านายนี่มันโชคดีจริงๆ!”“พี่เสิ่น พี่หน้าตาดีขนาดนี้ ต่อไปคงจะหาสามีที่ร่ำรวยได้แน่นอน”เสิ่นเหมียนเม้มริมฝีปาก หลินม่านพูดถูกแล้ว เธอหาสามีที่ร่ำรวยพบแล้วจริงแต่ว่าสามีของเธอไม่รักเธอ“จริงสิพี่เสิ่น คืนนี้กินอาหารเย็นที่ภัตตาคาร เวลาจองเป็นตอนหกโมงเย็น เมื่อกี้ฉันมัวแต่คุยเล่นกับพี่จนเกือบลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปซะแล้ว!”เสิ่นเหมียนค่อนข้างอิจฉาในความมองโลกในแง่ดีและความร่าเริงของหลินม่าน อยู่สำนักกฎหมายมาสองปี ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังทุกวันเธอเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าปีเองแท้ ๆ แต่กลับเคยสัมผัสถึงความผ่านร้อนผ่านหนาวของมนุษย์โลก สภาพจิตใจก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว“พี่เสิ่น พี่อารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า? ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?” หลินม่านถามอย่างสงสัย “ทุกคนต่างก็คาดเดากันว่าเจ้านายคนใหม่จะต้องเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้พวก
ถ้าเจียงฉีหานกระทำรุนแรงจนทำร้ายเด็กจะทำอย่างไร?เจียงฉีหานเห็นท่าทางราวกับผู้หญิงที่รักษาพรหมจรรย์ของเธอ ความโกรธที่อยู่ในใจก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น “เสิ่นเหมียน พวกเรายังไม่ได้หย่ากัน ทำไมฉันจะแตะต้องตัวเธอไม่ได้แล้ว!”เสิ่นเหมียนหายใจเข้าลึก ๆ และเบิกตากว้างมองเขา “เพราะฉันคิดว่าคุณสกปรก!”มีลูกกับเวินเจี่ยนแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะแตะต้องตัวเธออีก!เจียงฉีหานหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง อ้าปากและกัดเข้าที่ติ่งหูอันอวบอิ่มของเธอ “เธอบอกว่าฉันสกปรกฉันก็จะทำกับเธอ!”เสิ่นเหมียนหัวใจกระตุกวูบ และกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “ถ้าคุณไม่พอใจเพราะเวินเจี่ยนท้อง ฉันช่วยคุณหาคนอื่นได้ รับรองว่าสะอาด!” พูดจบ ในหัวของเธอก็เต็มไปด้วยภาพที่ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกันเรื่องที่เจียงฉีหานเคยทำกับเธอ ก็เคยทำกับเวินเจี่ยนเช่นเดียวกัน!คิด ๆ ดูก็รู้สึกขยะแขยง!อารมณ์โกรธในตัวเจียงฉีหานนั้นรุนแรงมาก “คุณผู้หญิงเจียงใจกว้างแบบนี้ ฉันควรชื่นชมที่เธอรู้จักคิด และรู้ว่าเมื่อไรควรรุกเมื่อไรควรรับด้วยไหม?”เสิ่นเหมียนหันหน้าหนี “ฉันแค่คิดแทนคุณเท่านั้น”ยังมีอีกคือ เธอไม่เต็มใจมีอะไรกับเขาเจียงฉีหานส่งเสียงในลำคอ และใช้น
ร่างกายกระแทกกับโต๊ะประชุม จนรู้สึกเจ็บเสิ่นเหมียนเจ็บจนขอบตาแดงเจียงฉีหานโน้มตัวเข้ามากดทับ และยื่นมือยกปลายคางของเธอเชิดขึ้น สายตาแฝงไปด้วยแววกระหายเลือด “เธอนอบกับฉันหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นพ่อแม่เธอก็พาคนมาเคาะประตูโรงแรม แถมยังหยิบรูปภาพที่ถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายข่มขู่ให้ฉันแต่งงานกับเธอ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเอารูปภาพไปเปิดเผยต่อสาธารณะ!”“ฉันรับปากจะแต่งงานกับเธอ ตระกูลเสิ่นขอสินสอดแล้วห้าสิบล้าน แต่งงานสามปี ฉันลงทุนในบริษัทของตระกูลเสิ่นไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ยังมีค่าใช้จ่ายที่ยายเธออยู่โรงพยาบาลอีก ฉันยังอ้างว่าทำวิจัยด้วยร่างกายที่ป่วยของเธอจึงลดค่ารักษาลงครึ่งหนึ่ง”“หลังแต่งงาน ทำอาหาร ซักผ้าให้สามี ดูแลสามีในเรื่องอาหารและการใช้ชีวิตประจำวัน ล้วนเป็นสิ่งที่ภรรยาทุกคนควรทำไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวเธอเอาเงินฉันไปเยอะขนาดนั้น แถมยังได้รับผลประโยชน์จากฉันไปมากขนาดนั้นอีก เธอดูแลฉันอย่างดีไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำเหรอ?”“แต่งงานสามปีเธอล้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ตอนนี้ได้ยินว่าฟู่จือกุยกลับมาเธอก็พยายามทุกวิถีทางเพื่ออยากจะหย่ากับฉัน! อยากจะหย่ากับฉันแล้วไปใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา
คิ้วโค้งเรียวของเจียงฉีหานเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มที่ล้ำลึกตกไปอยู่บนใบหน้าของเสิ่นเหมียนนี่เป็นความคิดของผู้หญิงคนนี้เหรอ?เสิ่นเหมียนสบตาเข้ากับเจียงฉีหาน ด้วยสายตาที่เปล่งประกาย “ฉันไม่เคยคิดแบบนี้เลย!”คุณปู่พูดแบบนี้ เจียงฉีหานคงจะคิดว่าเป็นความคิดของเธออย่างแน่นอนตอนที่เพิ่งแต่งงานกับเจียงฉีหานเมื่อสามปีก่อน เธอยังคงอยากจะประกาศอย่างเป็นทางการเธอรักเจียงฉีหาน แน่นอนว่าอยากจะให้คนทั้งโลกรู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วแต่ในคืนวันแต่งงาน เจียงฉีหานพ่นประโยคหนึ่งออกมาว่า “เรื่องที่พวกเราแต่งงานกันฉันไม่อยากให้ใครรู้! เธอก็ระวังด้วย!”หลังจากนั้นก็จากไปแล้วคืนวันนั้น จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้กลับมาในคืนแต่งงานของพวกเขา เธอผ่านมาด้วยการอยู่ในที่ห้องว่างเปล่าเพียงลำพังหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยคิดจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกเลยตอนนี้เธอวางแผนจะหย่าแล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องการให้คนจำนวนมากรู้ถึงช่วงแต่งงานของทั้งสองถือว่าเป็นการรักษาหน้าของกันและกันบ้างแล้วกัน“อะไรคือไม่เคยคิด! ยัยหนูเหมียน เธอต่างหากที่เป็นภรรยาท่านประธานของช่วงซื่อ การทำความรู้จักกับทุกคนมันผิดตรงไหน! ฉีหาน แกรี
“คุณปู่ไม่เป็นไร…” เจียงฉีหานมองมั่วเฟยแวบหนึ่ง ก็เปิดปากขัดคำพูดของเธอ “ผมจะให้ซางอู่ส่งคุณกลับไป”ตอนนี้คุณปู่เป็นแบบนี้ การโอนหุ้นคงทำไม่ได้แล้วอย่างแน่นอน“รอคุณปู่ฟื้นขึ้นมาฉันก็จะกลับ ไม่อย่างนั้นฉันไม่วางใจ” เสิ่นเหมียนยังคงกังวลต่อสุขภาพของคุณท่านอาวุโส เมื่อไม่เห็นกับตาให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร เธอก็คงรู้สึกไม่สบายใจดวงตาสีเข้มของเจียงฉีหานหยุดอยู่บนใบหน้าของเธอนานมาก จากนั้นก็เม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไรสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมาคงกำหนดนิสัยของเขาให้เย็นชาใส่ทุกคนคงไม่ใช่เพราะเสิ่นเหมียนเป็นภรรยาของเขา เขาถึงจะกระตือรือร้นต่อเธอเช่นกัน“ถึงผู้อาวุโสจะฟื้นก็ไม่มีทางโอนหุ้นให้เธอ กลับไปซะ!” มั่วเฟยขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเสิ่นเหมียนไม่ได้สนใจเธอนี่คือห้องทำงานของเจียงฉีหาน ตราบใดที่เจียงฉีหานไม่เอ่ยปากไล่เธอ เธอจะไม่สนใจก็ได้มั่วเฟยเห็นเสิ่นเหมียนไม่สนใจเธอก็โมโห แต่เจียงฉีหานอยู่ ถึงเธอจะโมโหก็ไม่กล้าระบายออกมา “ซางอู่ เชิญคุณนายเจียงกลับไป!” เจียงฉีหานใบหน้าเย็นชา น้ำเสียงก็ดูเรี
ก่อนที่เธอจะมาเพื่อคืนกำไลข้อมือก็โทรศัพท์ไปหาแม่สามี ตอนนี้แม่สามีน่าจะขึ้นไปแล้ว ถ้าเจียงฉีหานขึ้นไปอีก จะไม่ทำลายแผนการใหญ่ของแม่สามีเหรอ!ไม่ได้ เจียงฉีหานไปไม่ได้!เจียงฉีหานหันหน้ามา สายตาตกไปอยู่ที่มือของเธอ แฝงไปด้วยความเย็นชาจนถึงกระดูกอยู่หลายส่วน “ฉันเคยบอกแล้ว ว่าสุขภาพไม่ดีก็พักผ่อนอยู่ในบ้าน! อย่าวิ่งไปทั่ว! เด็กเป็นคนที่เธอต้องคลอดออกมา เธอจะต้องมีความรับผิดชอบต่อเด็ก! เข้าใจไหม?”เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกกดดันเวินเจี่ยนตกใจจนชักมือกลับ กัดริมฝีปาก น้ำตาแห่งความน้อยใจเอ่อคลออยู่ที่เบ้าตา “ฉันแค่กังวลว่าเสิ่นเหมียนกับนายจะทะเลาะกัน เลยตั้งใจเข้ามาคืนกำไลข้อมือให้นาย ไม่ได้จะไม่ทะนุถนอมสุขภาพของตัวเองเลย”“ต่อไปอยากจะรู้อะไรโทรศัพท์มาหาฉันโดยตรง อย่าทำให้ซางอู่ลำบากใจ!” คำพูดของเจียงฉีหานตรงไปตรงมามาก ไม่มีการรักษาน้ำใจให้เธอเลยเวินเจี่ยนเคยช่วยชีวิตเขา จึงรู้สึกขอบคุณเวินเจี่ยน ปกติก็ยอมอ่อนข้อให้เวินเจี่ยน แต่จะไม่ยอมทนให้เวินเจี่ยนแตะต้องขอบเขตของเขาอย่างเด็ดขาด!เวินเจี่ยนหัวใจตื่นตระหนก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดในชั่วพริบตาก่อนเธอจะเข้าบริ
ได้ยินคำพูดของคุณปู่เจียง มั่วเฟยรู้สึกเหมือนพลังงานทั้งหมดจู่ ๆ ก็ถูกดึงออกไป ไม่มีชีวิตชีวาเลย“การตายของเจ๋อเฉิงเป็นความผิดของฉันเอง! เป็นฉันที่ทำร้ายเขาจนเสียชีวิตเอง!”เธอพูดพึมพำคุณปู่เจียงเห็นจนรู้สึกหงุดหงิด จึงตะโกนว่า “รีบไปซะ อย่ามาเกาะอยู่ที่นี่! เรื่องที่ฉันตัดสินใจ แกห้ามไปก็ไร้ประโยชน์!”เจียงฉีหานอายุเกือบสิบขวบจึงจะถูกรับกลับมายังตระกูลเจียง ในระหว่างที่เขาเจริญเติบโตมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นเจียงฉีหานจึงไม่ไว้ใจใคร และปฏิเสธการเข้าใกล้จากคนอื่นปีนั้นตอนเขาเห็นเสิ่นเหมียนเป็นครั้งแรกก็คิดว่า เสิ่นเหมียนจะสามารถเดินเข้าไปในใจของเจียงฉีหานได้ทั้งสองแต่งงานกันมาสามปี เจียงฉีหานไม่ได้แสดงออกถึงความใส่ใจต่อเสิ่นเหมียน แต่อย่างน้อยทุกคืนก็จะกลับมานอนที่บ้านเขาไม่ปฏิเสธเสิ่นเหมียน และยินดีเข้าใกล้เสิ่นเหมียนแต่ตอนนี้จู่ ๆ เวินเจี่ยนก็ตั้งครรภ์ เจียงฉีหานใส่ใจท่าทีของเวินเจี่ยนมากเกินไป อย่าว่าแต่คนภายนอกจะลือกันถึงความไม่ชอบมาพากลของทั้งสอง แม้แต่เขายังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นผิดปกติ เขาให้หุ้นเสิ่นเหมียน อย่างแรกคืออยากรั้งเธอไว้ อย่างที่สองคื
“หนูแต่งงานกับฉีหานมาสามปีแล้ว พวกหนูควรจะมีลูกได้แล้ว เอางี้ หนูลาออกจากงานแล้วเตรียมตัวตั้งครรภ์อยู่ในบ้านก่อนเถอะ? รอคลอดลูกเสร็จหนูค่อยกลับไปทำงาน เป็นยังไง?“ ผู้อาวุโสคาดหวังอย่างยิ่งว่าเสิ่นเหมียนจะคลอดลูกสักคน เพราะตราบใดที่เสิ่นเหมียนมีลูก ความคิดของเจียงฉีหานก็จะถูกดึงกลับมาเสิ่นเหมียนหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่ายหน้า และยังไม่ทันเปิดปาก ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังลอดขึ้นมา “คุณพ่อคะ ได้ยินว่าคุณพ่อต้องการจะโอนหุ้นของช่วงซื่อให้เสิ่นเหมียน ฉันไม่เห็นด้วย!”เมื่อได้ยินเสียง เสิ่นเหมียนก็เงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่สามีของเธอเดินเข้ามาจากประตูด้วยความเกรี้ยวกราด เธอดูอ่อนล้าเหมือนเพิ่งกลับมาจากการทำงานต่างที่คุณปู่เจียงใบหน้าบึ้งตึง “หุ้นของฉัน อยากจะให้ใครก็ให้คนนั้น! แกไม่เห็นด้วยแล้วจะมีประโยชน์อะไร!”มั่วเฟยเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเหมียน สายตาที่แหลมคมก็พิจารณาเธอไปด้วย “เสิ่นแหมียน ถ้าเธอรับหุ้นพวกนั้น เช่นนั้นก็หย่ากับฉีหาน!”เธอรู้ดีว่าเสิ่นเหมียนใส่ใจเจียงฉีหานมากแค่ไหนดังนั้นเธอจึงแน่ใจว่าเสิ่นเหมียนจะปฏิเสธหุ้นเหล่านี้เพื่อเจียงฉีหานได้เสิ่นเหมียนยิ้มอย่างเรียบเฉย “หากคุณแม
เวินเจี่ยนมองเจียงฉีหานอย่างน่าสงสาร น้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงสะอื้น “ฉีหาน ไม่เกี่ยวกับเสิ่นเหมียน เป็นฉันเองที่ไม่ระวังชนเธอจนล้ม ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก!”เมื่อได้ยินคำพูดเสแสร้งของเวินเจี่ยน เสิ่นเหมียนก็ไม่ได้ส่งเสียงขัดเวินเจี่ยนอยากจะเสแสร้งก็ปล่อยเธอเสแสร้งไปตราบใดที่ไม่ทำให้เธอลำบากใจ จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น!เจียงฉีหานมองเสิ่นเหมียน “เธอเดินไม่มองทางเลยเหรอ?”เสิ่นเหมียนขี้เกียจทะเลาะกับเขา จึงตอบรับเสียงหนึ่ง “ได้ ต่อไปฉันจะมองทางแล้วกัน!”เห็นได้ชัดว่าเวินเจี่ยนชนเธอ ทำไมถึงกลายเป็นเธอเดินแล้วไม่มองทาง!เจียงฉีหานเกลียดชังเธอ แม้แต่ลมหายใจก็ยังผิดคุณปู่เจียงทำบึ้งอยู่ตลอดเวลา และมองเวินเจี่ยนด้วยสายตาที่แหลมคมเธอพูดจากำกวม ก็แค่อยากให้เจียงฉีหานเข้าใจผิดเล่ห์เหลี่ยมนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลยยัยหนูเสิ่นเหมียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้อย่างไร!เมื่อรับรู้ถึงสายตาของผู้อาวุโสเจียง หัวใจของเวินเจี่ยนก็กระตุกวูบ ทำไมเธอถึงลืมตาแก่ตายยากนี่ไปได้นะเขาจะต้องได้ยินคำพูดเกินจริงของเธออย่างแน่นอนหากเขาพูดออกมาจะทำอย่างไร?เมื่อคิดถึงข้อนี้ เธอก็ไม่กล้าเสแสร้งอีกต่อไป รีบลุกขึ้นจา