สายตาเจ้าชู้ของไรเฟิลปรับเปลี่ยนเป็นหวานที่สุดเมื่อมองความสวยงามตรงหน้าที่เขาบอกตัวเองได้ว่านี่ไม่ใช่ความใคร่ ไม่ใช่เพียงความหลงใหลในเรือนร่างของอินถวา เพราะผู้หญิงที่สวยกว่ามีสัดส่วนอะร้าอร่ามกว่าอินถวาเขาก็ผ่านมามาย จะดารา นางแบบ นักร้อง แม้แต่ในสังคมไฮโซด้วยกันเอง เขาเลือกได้เสมอ สิ่งที่เขารู้สึกกับอินถวาอยู่ในขณะนี้มันคือ ‘ความรัก’ สายตาที่เขามองเธอ เขารู้สึกได้ถึงความเต็มตื้นในหัวใจ รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนยามแตะต้องเธอ แม้เขาจะรุนแรงกระแทกกระทั้นเธอบ้างเป็นบางเวลาก็ตาม แต่นั่นก็มาจากแรงบีบคั้นจากความรักที่อยากจะระเบิดออก อินถวาสวยไปทุกสัดส่วน สวยไปจนถึงหัวใจของเธอ ผู้หญิงเจ้าแผนการที่ทำเป็นอ่อนโยน บั้นคำพูดให้เขาอยากตามติดเธอตลอด แต่จริงๆ แล้ววางขั้นตอนการยั่วยวนเขาไว้ทุกจุด เขาไม่ใช่วัวแก่ที่จะถูกหญ้าอ่อนๆ มาพลิ้วไหวเรียกไปกลืนกิน แต่เขาเป็นวัวหนุ่มที่จะไล่ต้อนเลาะเล็มหญ้าอ่อนจนระทวย เธออยากยั่วเขาก็ปล่อยให้เธอยั่ว แต่เมื่อถึงเวลาเอาคืน อินถวาก็ต้องครวญครางอยู่ใต้ร่างเขา ผู้หญิงแปลกๆ มีอะไรน่าค้นหาได้ตลอดเวลาแบบนี้ เขาจะไม่รักเธอได้ยังไง ไรเฟิ
“ทำไมไม่ได้ ก็แค่เดินไปดูให้ฉันหน่อย มันจะหนักอะไรนักหนา นี่ถ้าไรเฟิลรับโทรศัพท์ฉัน ฉันจะต้องให้พวกเธอไปดูมั้ย อาซูไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันสั่งให้เธอไปเดี๋ยวนี้” ซินเทียยังคงกราดเกรี้ยวพร้อมกับเพิ่มคำสั่งกับอาซู เพราะท่าทางของอาหนิงนั้นแข็งข้อกับเธอมากกว่า และก็ได้ผลเพราะอาซูสั่นงันงกขึ้นมาทันทีพร้อมกับทำท่าว่าจะเดินออกไป แต่เสียงเรียกของอาหนิงก็ทำให้อาซูชะงักไว้ก่อน “ไม่ต้องไปอาซู อยากถูกไล่ออกเหรอ” “นี่มันอะไรกันอาหนิง อ๋อ... นี่เธอคงคิดว่ายัยอินถวาจะได้เป็นคุณนายลีจริงๆ ใช้มั้ย เธอคิดผิดแล้ว คอยดูล่ะกันว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไปดูไรเฟิลให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันสั่งได้ยินมั้ย” “ได้ยินค่ะ แต่พวกเราไปไม่ได้จริงๆ คุณชายสั่งห้ามพวกเราไม่ให้ไปยุ่มย่ามที่ตึกเล็ก ถ้าคุณชายยังไม่ออกมาก็ห้ามใครไปตามค่ะ” “ทำไม นี่ยัยอินถวามันมีอิทธิพลมากขนาดนั้นเชียวเหรอ” “ไม่ใช่ค่ะ แต่เพราะคุณชายท่าน... เอ่อ... คุณซินเทียก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว เอ... หรือว่าไม่ทราบคะว่า คุณชายท่านชอบทำกิจกรรมไปทุกที่ พวกเราเลยถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปใกล้ตึกเล็กน่ะค
กริ๊งงงงง... กริ๊งงงงง... เสียงจากปลายสายเป็นสัญญาณยาวที่ดังอย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่มีคนรับ ก่อนที่อินถวาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อนาฬิกาที่หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเกือบตี 2 ของฮ่องกง ซึ่งนั่นก็หมายถึงที่เมืองไทยก็ใกล้จะตี 1 แล้วเช่นกัน “ป่านนี้แม่คงจะนอนแล้ว” ตามองหน้าจอโทรศัพท์พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะยิ้มเมื่อหน้าจอเปลี่ยนเป็นสัญญาณตอบรับและนาฬิกาจับเวลาสนทนาเริ่มเดิน “แม่คะ! ดีใจจังเลย พุดคิดว่าแม่นอนแล้วเสียอีก” น้ำเสียงสดใสส่งผ่านไปยังคนปลายสายเพราะนี่แหละคือคนที่เธอต้องการระบายความทุกข์ใจด้วย แม้ว่าแม่อาจจะตกใจที่เธอหลงรักหนุ่มฮ่องกงไปแล้วก็ตาม ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับกลายเป็นเสียงของคนที่เธอไม่อยากจะคุยด้วยเลย “อ้อ... น้าอิฐเหรอคะ พุดคิดว่าแม่ค่ะ” ใจจริงเธออยากจะถามว่าแม่อยู่ไหม แต่ก็ไม่กล้า เพราะคงลืมไม่ได้ว่าน้าอิฐทำอะไรไว้กับเธอบ้าง และทำให้แม่ต้องเสียใจมากแค่ไหน “แม่นอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ น้าก็เลยให้กินยาแล้วนอน นี่น้าก็นั่งเฝ้าอยู่” “แม่... แล้วแม่เป็นมากมั้ยคะ
‘ประเทศไทย’ อิฐมองหน้าจอโทรศัพท์ที่อินถวากดตัดสายไปแล้ว ก่อนจะหันมองคนด้านหลังที่ขยับตัว “อ้าว... พี่อรตื่นแล้วเหรอ” เขาเอ่ยทักอิงอรที่ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง “อื้อ... ตื่นนานแล้วล่ะ ตั้งแต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์” อิงอรยิ้มทั้งน้ำตา แม้จะอยากรับโทรศัพท์ของลูกสาวด้วยตัวเอง แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของอิฐที่คุยกับอินถวา เธอก็เลือกที่จะนอนฟังอยู่เงียบๆ และเดาได้ว่าอินถวากำลังมีปัญหาเรื่องความรัก แต่สิ่งที่อิฐแนะนำหลานไปนั้นถูกที่สุดแล้ว เพราะแม้ว่าเธอจะเป็นแม่ หรืออิฐที่เป็นน้า ก็ไม่สามารถไปกะเกณฑ์ชีวิตของอินถวาได้ เพราะลูกโตจนเดินทางไปทำงานต่างประเทศได้ รับผิดชอบและหาเงินมาไถ่หนี้ให้กับครอบครัวได้ ทุกสิ่งในชีวิตของลูก ลูกก็ต้องตัดสินใจเอง คนเป็นแม่ เป็นน้า ทำได้เพียงชี้แนะและให้กำลังใจเท่านั้น “พี่ขอบใจนะอิฐ” “ขอบใจเรื่องอะไรกันพี่” อิฐถามทั้งๆ ที่ดวงตายังทิ้งร่องรอยความชื้น “ขอบใจที่อิฐรักพี่ รักหลาน พี่ขอบใจจริงๆ” “โธ่พี่! ก็เรามีกันแค่สามคนนี่ ทีพี่อรยังไม่ทิ้งฉันเลย แล้
“อืม... ไรเฟิลขา... ซินเทียต้องการคุณเหลือเกิน ให้ซินเทียนะคะ อืม... โอว... ใหญ่มาก ซินเทียอยากกลืนกินคุณเดี๋ยวนี้” ไม่พูดเปล่าแต่ซินเทียค่อยๆ ย่อกายลงนั่งตรงหน้าเขา ใช้สองมือลูบคลำที่จุดนั้นก่อนจะซุกหน้าลงไป อินถวาหมดความอดทน เธอไม่อาจทนดูภาพบาดตาบาดใจนั้นได้ เพราะที่เธอเห็นก็คือ ไรเฟิลยืนหลับตานิ่งเหมือนคนข่มอารมณ์เต็มที่ แต่เขากลับไม่สะบัดปัดป้องหรือยันยัยซินเทียไปให้ไกลจากตัวเขา แต่เขากลับยืนนิ่ง นั่นก็แปลว่าเขาชอบที่ซินเทียทำให้แบบนั้น สิ่งที่เธอยังไม่เคยทำให้เขา มีแต่เขาที่ทำให้เธอตลอด เรือนร่างงามหันกลับเธอคงจะอยู่ดูจนถึงขั้นตอนนั้นไม่ได้ ทว่าวัตถุบางอย่างที่โดดเด่นกระจ่างอยู่ในความมืดก็ทำให้อินถวายิ้มออกมาได้ “อืม... ไรเฟิลขา... สุดยอด ยิ่งใหญ่เหลือเกิน อืม... ขอซินเทียกินคุณนะคะ” ซินเทียซุกริมฝีปากไปที่จุดนั้น เธอเรียนรู้ว่าควรจะ ‘ทำ’ ในเวลาที่เหมาะสม บางสิ่งควรจะกระตุ้นให้อยากมากๆ เพราะเมื่อความอยากทะลักอก ความมันส์อย่างที่สุดก็จะตามมา และในเวลานี้ความแข็งแกร่งที่ถูกห่อหุ้มก็ขยายใหญ่ได้ที่แล้ว นิ้วเรียวย
“อื้อ... ห้ามจูบพุดนะ คุณชาย! ไม่! ไรเฟิล! อย่ามาจูบพุด! พุดไม่ให้” “อ้าว... ยังไม่หลับเหรอเนี่ย ว่าจะลักหลับสักหน่อย” “ไม่ต้องมาเฉไฉ พุดไม่ให้จูบ” เขายังคงปล้ำจะจูบเธอให้ได้ “ทำไมล่ะ ผมรู้ว่าพุดซ้อนชอบให้ผมจูบ จูบทีไรสู้ลิ้นทุกที” “บ้า! ไม่ต้องมาพูดแบบนี้นะ ยังไงพุดก็ไม่ให้จูบ” “ทำไมล่ะ” สีหน้าของเขาคล้ายจะงุนงงสลับกับยิ้มยั่วจนอินถวาอยากจะกรีดร้อง เพราะสรุปว่าเขารู้ว่าเป็นเธอหรือไม่รู้กันแน่ แต่ยังไงเธอก็จะไม่ยอม ก็ใครจะไปยอมล่ะ “ทำไมล่ะครับ ผัวอยากจูบ ถ้าไม่ให้จูบปากงั้นผัวจูบที่...” สายตาไรเฟิลไล่ต่ำจากริมฝีปากลงมาที่ปลายคาง ต้นคอ อกอวบ และไปจนถึงที่ตรงนั้น ทำให้อินถวาสะท้านเพราะก็อยากให้เขาทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มันต้องไม่ซ้ำรอยซินเทีย “ก็คุณเพิ่งจูบกับซินเทียมา เรื่องอะไรจะมาจูบพุดต่อ” พูดออกไปแล้วก็ได้รอยยิ้มกว้างเป็นรางวัล และยิ้มหวานหล่อทะลุ 3 โลกของไรเฟิลก็ทำให้เธอร้อนไปทั้งร่าง ยิ้มของเขามีความหมายเดียวว่าจะกินเธอให้ได้และนั่นก็คือเวทมนต์ให้
“โอว... โอว... ไรเฟิลขา... โอว... พุดไม่ไหวแล้ว โอว... พุดไม่ไหวแล้ว อ๊ายยยยย... อ๊ายยยยย กรี๊ดดดดด...” อินถวากรีดร้องกับบทลงโทษครั้งแรกเพราะสุดจะทนได้ไหว แต่ไรเฟิลก็ยังไม่หยุดลงลิ้น เขายังทำต่อราวกับจะฆ่าเธอให้ตายคาปลายลิ้น เธอจึงได้แต่ร่ำร้องบอกเขา “โอว... ไรเฟิลขา... พอก่อน อื้อ... พอก่อน ไม่ไหว พุดไม่ไหว พุดเสียว อื้อ... ไรเฟิล! พอ โอว... โอว... พอ! ไรเฟิล! อ๊ายยยยย... อ๊ายยยยย... กรี๊ดดดดด...” อีกครั้งที่ความสุขสมอย่างรุนแรงแล่นกระทบดอกไม้บานก่อนจะกระจายวาบไปทั่วทั้งร่างจนอินถวากรีดร้องไม่หยุด ร่างกายสั่นสะท้านและตอดตุบอย่างรับรู้ได้ และเมื่อปลายลิ้นของเขายังกดเน้นที่ยอดเกสร เธอก็ได้คราง คราง และก็ครางอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น “อื้อ... พุดเหนื่อย... อื้อ...” นั่นคือประโยคแรกเมื่อไรเฟิลละใบหน้าออกจากดอกไม้บานของเธอแล้วเคลื่อนขึ้นมาคร่อมร่างทาบทับเธอไว้ เขาจูบเธอ และเธอก็จูบตอบ จนรับรู้ได้ถึงน้ำหวานของตัวเองที่ฉ่ำหวานอยู่ในอุ้งปากของเขา ความรู้สึกซ่านเสียวคล้ายจะเกิดขึ้นอีก เมื่อรับรู้ได้ว่าเธอกำลังกลืนกินน้
จูบแสนหวานเคลื่อนจากส่วนหัวไปตามความยาวจนถึงโคน ก่อนจะไล่ขึ้นจากโคนมาถึงส่วนหัว และจูบย้ำๆ ซ้ำๆ จนได้ยินเสียงครางต่ำในลำคอของไรเฟิลดังขึ้น อืม... เขาพอใจ ความลิงโลดเพิ่มพูนให้อินถวากล้าทำมากขึ้น ปลายลิ้นอ่อนชื้นของเธอจึงแลบออกมาอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ แตะ ค่อยๆ สัมผัสที่ส่วนหัว และก็รับรู้ถึงอาการสะดุ้งเล็กๆ ของไรเฟิล กับเสียงครางต่ำที่บ่งบอกถึงความซ่านเสียวสุดๆ จนเธออดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมองดูเขา ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรที่แหงนขึ้นสูง กัดปาก สูดปาก พ่นลมหายใจแห่งความอัดอั้นออกมา สิ่งที่ไรเฟิลเป็นยิ่งทำให้เธอรู้ว่ามาถูกทาง เธอทำให้เขามีความสุขได้อย่างแน่นอน จากปลายลิ้นที่ค่อยๆ แตะ จึงเพิ่มเป็นไล้เลียให้ทั่วส่วนของปลายหัว ไล้วนรอบขอบจนรับรู้ถึงรสชาติความหวานของหยาดน้ำใสที่เอ่อซึมออกมา “กระดกลิ้นขึ้นลง” เสียงนำทางดังขึ้นและอินถวาก็ทำตาม ปลายลิ้นอ่อนที่เลียไล้ไปทั่วเปลี่ยนเป็นตวัดขึ้นตวัดลงจนได้ยินเสียงครางของเขาดังเพิ่มขึ้นอีก ทั่วทุกส่วนของความแข็งแกร่งจึงถูกปลายลิ้นของเธอเขาไปแตะต้อง จนวกมาถึงส่วนหัวที่เธอมองเห็นส่วน
“ได้สิครับ ผมสัญญาจะทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นจากส่งเมียจ๋าขึ้นสวรรค์ก่อน” “อ่ะ! ว้าย! ไรเฟิล...” อินถวาหมดหนทางจนต้องอุทานเพราะสิ่งที่เธอควรทำก็คือปิดริมฝีปากของตัวเองที่จะกรีดร้องจากความเสียวซ่านนั้นออกมา เพราะไรเฟิลวาดลวดลายผ่านปลายลิ้น ตั้งแต่ทั่วพื้นที่ของอกอวบจนดูดดุนเบาๆ ที่ยอดอก ก่อนจะลากริมฝีปากและปลายลิ้นมาตามร่องอกมาคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องที่ยื่นนูน จนคนที่อยู่ด้านในประท้วงตอดตุบๆ “ลูกจ๋า... พ่อจะเข้าไปเยี่ยม” “ไรเฟิล... บ้าจริง...” “บ้าที่ไหนกันครับ ผมจะไปเยี่ยมลูก ลูกจ๋า... รอพ่อนะครับ” “อื้อ... บ้า...” ไรเฟิลหัวเราะพาริมฝีปากไปสู่จุดหมายที่อินถวารอคอย ก่อนจะชะงักเพราะดอกไม้งามสีชมพูอ่อนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูอูมใหญ่กว่าเดิม รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า เพราะรูปร่างที่เต็มไม้เต็มมือขึ้นกว่าเดิมบวกกับอวัยวะที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับชีวิตน้อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรือนร่างของคุณแม่มือใหม่นี้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจืออยู่ก็ทำให้ไรเฟิลอดใจไว้ไม่ไหว จมูกโด่งจึงจดลงดอมดมควา
ไรเฟิลประคองร่างอวบอิ่มของอินถวามานั่งที่โต๊ะยาวด้านข้าง เขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เธอรับรู้ เริ่มตั้งแต่ค่ำคืนแห่งการดินเนอร์นั้น นั่นคือแผนการของพ่อแม่ เพื่อให้ท่านยอมรับในตัวของอินถวา และยอมรับว่าความรักของเขาคือความจริง ไม่ใช่เพียงหลงเสน่หาชั่วครั้งชั่วคราว เริ่มจากอินถวารักเงินหรือว่ารักตัวเขากันแน่ ซึ่งเธอก็พิสูจน์แล้วว่าเงินจำนวน 50 ล้านที่พ่อเขาเขียนเช็คให้เธอนั้น อินถวาไม่แม้แต่จะเปิดดู ด่านแรกเธอผ่านไปได้ แต่ด่านที่ 2 ที่ใช้ระยะเวลาเป็นตัวชี้วัด ใน 3 เดือนที่ต้องจากกันอย่างเข้าใจผิด อินถวาจะยังซื่อสัตย์กับเขาหรือไม่ ทั้งๆ ที่เธอก็เห็นว่าเขานั้นทรยศเธอไปแล้ว และอินถวาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย จากข่าวที่ได้รับจากเหมยอิงและมาร์กอส นั่นคืออินถวาไม่มีใครเลย เธอตั้งหน้าตั้งตาสร้างธุรกิจขนมไทยร่วมสมัยและใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวเขาเองก็ต้องอดทนกับการไม่ได้เห็นหน้าเธอ เขาต้องไปทำงานทุกวัน ต้องอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงที่สวยงามมากมาย ทั้งซินเทียก็มาคลอเคลียกับเขาไม่ห่าง ใน 3 เดือน หากเขายังยึดมั่นอยู่กับอินถวา พ่อกับแม่ถึงจะ
ทว่าดวงตาสวยหวานของอินถวากลับหลับพริ้มแต่ก็ยังเห็นว่ามีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ ระยะเวลา 3 เดือนที่จากกัน เขารู้ว่าเธอก็ทุกข์ ส่วนเขานั้นก็ทุกข์อย่างแสนสาหัสเพราะนี่คือ บทพิสูจน์ที่จะทำให้พ่อแม่ยอมรับเธอ “พุดซ้อนครับ ได้โปรดลืมตาขึ้นมองผม ผมอยากเห็นดวงตาของคุณ อยากเห็นผมอยู่ในนั้น อยู่ในสายตาของคุณอีก พุดซ้อนครับ ได้โปรดเถอะ” อินถวากลั้นสะอื้น แค่ได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือปนเว้าวอนอย่างนั้น เธอก็แทบจะซุกซบใบหน้าลงกับอกของเขา เพราะเธอเองก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เวลา 3 เดือนที่ผ่านไปทำให้เธอมองเห็นโลกในต่างมุมมากขึ้น อารมณ์ชั่ววูบของเธอในวันนั้นทำให้ผลุนผลันจากมา แต่เมื่อคิดคำนวณทุกเหตุการณ์ก็จะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นช่างประจวบเหมาะ นั่นเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องการให้เกิดอยู่แล้ว และเป็นเธอเองที่ติดกับดักที่ท่านสร้างขึ้น เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไรเฟิลที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงของซินเทียนั้น คนทั้งคู่เมคเลิฟกันจนเหนื่อยอ่อน หรือว่านั่นคือไรเฟิลถูกทำให้หลับ เพราะกับเธอนั้น เขาก็ไม่เคยเหนื่อยจนสลบถ้ายังไม่ถึงเช้า และหากเรื่องราวเป็นไปอย่างที่เธอคาดเดา
“ค่ะแม่ พุดก็ว่าจะรับอีกแค่สองคนเท่านั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นพุดจะดูแลไม่ทั่วถึง ถ้าขนมไม่ได้คุณภาพจะกลายเป็นผลเสียแทน แล้วน้าอิฐล่ะคะ เช้านี้พุดยังไม่เห็นเลย ไปธนาคารเหรอคะแม่” เธอถามหาน้าชาย เพราะปกติจะเห็นอยู่ในออฟฟิศฝั่งตรงกันข้าม แต่เช้านี้เธอยังไม่เห็นเลย “ไปสนามบินน่ะ” “ไปทำไมคะ มีอะไรเหรอ” “ก็เรื่องที่น้าอิฐเขาจะนำเข้าอะไหล่รถนั่นแหละ วันนี้ทางนั้นเขาบินมา น้าอิฐก็เลยไปรับ” น้ำเสียงเศร้าๆ ของแม่ทำให้อินถวาโอบกอดรอบเอวเจ้าเนื้อของแม่เอาไว้ เธอรู้ว่าแม่รักธุรกิจเต็นท์รถมือสองนี้มาก เพราะนี่คือสิ่งที่สร้างรายได้จนแม่สามารถส่งเสียเธอเรียนจนจบ และก็เป็นเหตุผลหลักที่เธอไปทำงานที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องสูญเสียสิ่งนี้ไป แต่วันเวลาก็ไม่แน่นอน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รถยนต์มือสองขายยากและก็ยังหาซื้อมาใส่เต็นท์ได้ยากเช่นกัน น้าอิฐจึงปรึกษากับแม่ว่าควรลดซื้อรถยนต์แต่เปลี่ยนมานำเข้าอะไหล่แทน และหากมีคู่ค้าอยู่ที่จีนหรือที่ญี่ปุ่นก็จะดีมาก เพราะการสั่งนำเข้าหรือการหาอะไหล่ที่ยากๆ ก็จะทำได้อย่างเร่งด่วน และตอนนี้แม่ก็วางมื
“ถ้าถือว่าผมเป็นเพื่อน ให้เพื่อนคนนี้ไปส่งให้ถึงเมืองไทยนะครับ เพื่อนจะได้สบายใจ ว่าได้ส่งเพื่อนถึงสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ลำบากหรอกครับ” อินถวาพยักหน้ารับดวงตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ก่อนจะขอตัวไปซื้อพลาสเตอร์แปะแก้เมาเครื่องบินก่อน โดยมีมาร์กอสมองตามร่างงามระหงที่เดินตรงไปยังร้านขายยา ดวงตาสีฟ้ามีแววกังวลใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่สั่นไม่หยุดขึ้นมา ‘ไรเฟิล’ แม้หน้าจอโทรศัพท์จะระบุชื่อคนโทรเข้าแบบนั้น แต่มาร์กอสกลับเลือกที่จะปิดเครื่อง เพราะในเวลานี้ทุกคนควรได้รับโอกาสในการไตร่ตรอง เกือบ 3 ชั่วโมงจากฮ่องกงมาเมืองไทย อินถวาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงน้ำตาของเธอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวไม่หยุด ทว่าเพียงถึงจุดหมายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดก็ฉายชัดขึ้น ดั่งว่าเธอคนนี้ไม่ได้นำความทุกข์ใจกลับมาจากฮ่องกงด้วย “ส่งฉันเพียงเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ฉันถึงบ้านแล้ว ฝากคุณมาร์กอสขอโทษคุณวิคเตอร์กับคุณนายลีแทนฉันด้วยนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ฉันเสียมารยาทไว้ และฝากขอโทษคุณแม่บ้านใหญ่ ลุงฉี อาซู กับอาหนิงที่ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา” “แล้วคุณไรเฟิลล่ะครับ คุ
“ถ้าเราท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ไรเฟิลจะหาว่าเรามีลูกเพื่อไว้จับเขาหรือเปล่า และพ่อแม่เขาอีกล่ะ เขาจะทำยังไงกับเรา”อินถวาพึมพำก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เธอรีบเดินไปที่โทรศัพท์แต่ยังไม่วายจะชำเลืองมองไปที่ตึกใหญ่ เพราะคนที่โทรมาคือคนในตึกนั้น ดวงตาสวยมีแววเศร้ามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจเพราะไรเฟิลไปดินเนอร์กับครอบครัวที่ตึกใหญ่และสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งที่เธอเองก็เผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าคงไม่เร็วแน่ เธอก็ไม่อยากได้ยินว่าเขาจะขออยู่ต่ออีกกี่ชั่วโมง จะกลับดึกกว่านี้ หรือว่าค่ำคืนนี้จะไม่กลับ “ฮัลโหล...” เสียงหวานเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช้ ‘ไหว’ ที่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เพราะคิดว่าคนที่โทรมาในยามดึกนี้คงมีแค่ไรเฟิลคนเดียวเท่านั้น ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับทำให้อินถวารีบคว้าเสื้อคลุมและเดินออกจากตึกเล็กมุ่งตรงไปสู่ตึกใหญ่ในทันที เพียงไม่นานเธอก็มาถึงจุดหมายที่ใครคนนั้นบอกเอาไว้ ห้องนอนชั้น 2 ของปีกซ้าย ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ทำให้อินถวาถือวิสาสะเดินเข้าไปทันที ในนาทีที่หัวใจเธอใกล้จะระเบิดก็ขอให้เธอได้เห็นกับตาตัวเอง และสิ่งที่มองเ
“ฉันจะให้หนูห้าสิบล้าน เพื่อซื้อศักดิ์ศรีของหนู และเพื่อให้หนูไปจากชีวิตของไรเฟิล เพราะยังไงแล้วฉันก็จะไม่รับสะใภ้คนอื่นนอกจากซินเทียเท่านั้น ถ้าหนูยังอยู่กับไรเฟิล หนูก็จะเป็นได้แค่เมียเก็บเท่านั้น รับเงินไปเถอะ นี่จะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะได้เงิน” “หนู...” “อย่าปฏิเสธตอนนี้ หนูควรกลับไปคิดดูก่อน ถ้าหนูคิดว่าหนูรักไรเฟิลจริง หนูก็ควรจะให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสม ฉันพูดตรงๆ นะ ฉันต้องการให้ไรเฟิลแต่งงานกับซินเทียเท่านั้น เพราะนั่นคือธุรกิจที่จะมั่นคงขึ้นหากสองตระกูลมาเสริมกัน พูดแค่นี้หนูคงจะเข้าใจนะ” “ค่ะ” อินถวารับคำน้ำตารื้นจนแทบจะไหลออกมา “ฉันหวังว่าเรื่องนี้ไรเฟิลจะไม่รู้ เอ่อ... แต่ขนมอร่อยมากๆ ถ้าหนูจะอยู่กับไรเฟิลที่นี่ในฐานะเมียเก็บ ฉันก็จะไม่ขัดขวาง เพราะผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งทำขนมอร่อยก็เหมาะที่จะเป็นเมียและเป็นแม่ของลูกจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่สำหรับตระกูลลีไม่ได้ต้องการผู้หญิงหลังม่านก็เท่านั้น” อินถวารับรู้ได้ถึงลมที่ร้อนวูบอยู่ในหูและความร้อนผ่าวในอก เมื่อต้องรับฟังสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สามารถโต้แย้งอะ
มาร์กอสมองฝ่ามือบอบบางที่หยิบจับกระทงใบตองขึ้นมา ก่อนจะตักข้าวเหนียวมูนใส่ในกระทงเพียงค่อนใบ จากนั้นก็ตักสิ่งที่เขาเรียกว่าทอปปิ้งเพราะเธอนำมาราดไว้ที่ด้านหน้าของข้าวเหนียวจริงๆ “ลองดูนะคะ อันนี้เรียกว่า ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา ฉันทำแบบไม่หวานมากค่ะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยน” “อืม... อร่อยมาก อร่อยมากจริงๆ ครับ ลองอีกครับ ผมอยากลองอีก” อินถวานึกขำกับท่าทางของเขา แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และ หน้ากุ้ง จึงถูกเสิร์ฟให้มาร์กอสได้ลิ้มรสจนครบ ไรเฟิลชะงักกับภาพที่เห็น อินถวายิ้มอย่างมีความสุขขณะอธิบายส่วนผสมของขนมหลากหลายอย่างที่เธอทำให้กับมาร์กอสที่ช่างซักช่างถามไม่หยุด “มาร์กอสดูมีความสุขนะคะ คงจะเจอคนถูกใจถึงได้คุยมากยิ้มมากขนาดนั้น” “ก็คงอย่างนั้น” ไรเฟิลพูดแล้วก็เดินตรงเข้าไปในครัว ปล่อยให้ซินเทียฟึดฟัดอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดอย่างที่ซินเทียคิด แต่เขาคิดไปมากกว่านั้น และซินเทียเองนั่นแหละที่ทำให้ความคิดเขาเปลี่ยนไป ‘คุยมากยิ้มมาก’ นั่นน่ะไม่ใช่นิสัยของมาร์กอสสัก
“เอาล่ะๆ เสียบรรยากาศหมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวพาแม่หนูนั่นไปพบพ่อที่ในสวนก็แล้วกัน พ่อจะคุยกับเธอเอง” “สรุปว่าพ่อเข้าใจผมใช่มั้ยครับ” “เข้าใจ แต่ไม่ได้เห็นด้วยนะ ยังไงก็ต้องให้พ่อคุยกับเธอก่อน” “ผมมั่นใจว่าพ่อต้องชอบพุดซ้อนแน่ๆ” ไรเฟิลพูดอย่างมั่นใจก่อนจะลอบถอนหายใจเพราะเสียงแม่ที่พูดแย้ง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณต้องไม่ชอบ เพราะฉันยังไม่ชอบเลย” “แต่ผมกับคุณ ชอบอะไรที่แตกต่างกันเสมอนะเชอร์รี่” “ฉันจะคอยดู อีกอย่างคุณคิดเหรอวิคเตอร์ว่าลูกชายจอมเจ้าชู้ของคุณจะหยุดได้ที่เธอคนนั้น สุดท้ายเมียก็ช้ำใจไม่ต่างกันหรอก ลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ พ่อยังไง ลูกก็คงไม่แตกต่าง” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ พ่อยังไง ลูกก็คงอย่างนั้น เพราะถึงผมจะเจ้าชู้ แต่ผมก็เป็นคนรักใครแล้วรักเลย รักคนเดียวตลอดไป แม้เธอจะ...” “ขี้เกียจฟัง แล้วฉันจะรอฟังข่าวว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณ” เชอร์รี่ลุกขึ้นพรวดพูดแล้วยิ้มเหยียดก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้วิคเตอร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ เพราะสุดท้ายเชอร์รี่ก็ยังรั้นตามเดิม เธอไม่รอให้เขาพูดให้จบด้วยซ้ำ