"โอ๊ย…เจ็บ!" เสียงหวานร้องออกมาเมื่อสองมือของรณพีร์เลื่อนขึ้นมากอบกุมทรวงอกอวบของตนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเคลื่อนกายใหญ่โตพร้อมกับโน้มใบหน้าคมลงมาดูดกลืนเม็ดเชอร์รีสีหวานอย่างหิวกระหาย ทั้งริมฝีปากหนา มือ และเอวสอบต่างทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี
"อ้า! หวานเป็นบ้าเลยม่านทิวา"
ละปากออกจากทรวงอกอวบอิ่มก่อนก้มจูบตักตวงความหวานจากริมฝีปากบางกระจับของหญิงสาวอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ก่อนจะผละออกอย่างเสียดายเพราะเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ
รณพีร์กระแทกความแข็งขึงเข้ามาในกายสาวจนหน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมไหวไปตามแรงทำให้หญิงสาวเจ็บจุกและเสียดเสียวท้องน้อยในเวลาเดียวกัน
คนตัวโตถอนกายออกมาก่อนกระแทกเข้าไปอีกครั้งทำเอาหญิงสาวเกือบเสร็จเก็บเสียงครางรัญจวนเอาไว้ไม่อยู่ เขาทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาก่อนเปลี่ยนท่าทำรักใหม่ตามที่ใจเขาต้องการ ไม่สนว่าคนตัวเล็กจะเหน็ดเหนื่อยหรือไม่
"คุณสอง...พอแล้ว...ฉันเหนื่อยแล้ว" เสียงหอบหายใจแรงเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน แต่มีหรือคนที่ความต้องการสูงอย่างเขาจะยอม อีกทั้งเมียยังพยายามหลบหน้ามาเกือบอาทิตย์ สิ่งที่สั่งสมในกายจึงต้องการการปลดปล่อยอย่างเ
หลบหน้า 1"อาม่านอยู่ไหนค้า..." เสียงเจื้อยแจ้วของหนูพาลิกาดังขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา ในมือของหนูน้อยมีหนังสือนิทานเล่มเดิมถือติดมาด้วย"คุณย่าขา...อาม่านอยู่ไหนค้า" เสียงเล็ก ๆ เอ่ยถามคนเป็นย่าตาแป๋วคนเป็นย่าสอดส่ายสายตามองหาลูกสะใภ้คนเล็กที่ยังไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้า นางเลยร้องถามแม่บ้านเก่าแก่อย่างแม่เจียมจิต"แม่เจียม หนูม่านอยู่ในครัวหรือเปล่า" ร้องถามพร้อมกับชะเง้อคอมองหา"ไม่เห็นคุณม่านเลยค่ะ ตั้งแต่เช้าแล้ว ปกติคุณม่านจะลงมาเตรียมอาหารก่อนเจียมและเด็ก ๆ อีกนะคะ" คนถูกถามออกความเห็นด้วยความสงสัยไม่แพ้เจ้านาย"นั่นน่ะสิ นี่ก็จะสิบโมงเช้าแล้วนะ…หรือว่าออกไปทำงานแล้ว" คุณนายสรวงสุดาตั้งข้อสังเกตด้วยความแปลกใจ ปกติลูกสะใภ้มักจะตื่นเช้ามากไม่ว่าจะกลับบ้านดึกขนาดไหนก็ตาม"วันนี้วันหยุดนะคะคุณนาย" สาวใช้เอ่ยเตือน"งั้นเธอขึ้น..." ยังไม่ทันที่คุณนายสรวงสุดาจะเอ่ยจบประโยค รณพีร์ก็พี่เอ่ยแทรกเข้ามาเสียก่อน“มีอะไรกันเหรอครับเสียงดังกันเชียว” รณพีร์ที่ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านตั้งแต่เช้าเพิ่งจะกลับมานั้นถามขึ้
หลบหน้า 2“โถ…หนูม่าน! แม่อยากให้หนูลาออกได้แล้ว หนูนอนดึกตื่นเช้าทุกวันร่างกายมันจะแย่เอานะ” นางลูบศีรษะทุยได้รูปของหญิงสาวด้วยความเอ็นดูระคนเป็นห่วงเป็นใย“ม่านอยากทำงานค่ะ” หญิงสาวตอบสั้น ๆสาเหตุที่เธอต้องทำงานหนักและกลับดึกทุกวันเพราะไม่อยากให้ใครมาว่าเธอได้ว่าหวังรวยทางลัด หวังเงินทองของคนในบ้านหลังนี้ เพียงแค่นามสกุลของคนในตระกูลนี้ช่วยปกป้องเธอจากแม่เลี้ยงและน้องสาวนอกไส้ได้เท่านี้ก็พอแล้ว“อาม่านมาแล้ว” หนูน้อยพาลิกาที่ถูกมารดาพาออกไปเดินเล่นข้างนอกเข้ามาเห็นม่านทิวาก็รีบวิ่งมาหาทันที“น้องพายอย่าวิ่งลูก” บอกบุตรสาวตัวน้อยก่อนเอ่ยทักทายน้องสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณม่าน”“สวัสดีค่ะคุณมายด์” ทักทายเสร็จก็ย่อตัวลงมาหาเจ้าตัวน้อยที่ทำตาแป๋วใส่อย่างออดอ้อน“จ๊ะเอ๋! ว่าไงคะคนสวย”“อาม่านมาแล้ว น้องพายอยากฟังนิทานจังค่า” หนูน้อยพาลิกาบอกเสียงใส“ได้สิคะ” ม่านทิวาตอบกลับเสียงหวานตามใจหลานสาวตัวน้อยทุกอย่าง“น้องพายรอหนูม่านเล่านิทานให้ฟังตั้งแต่เมื่อวานน่ะ แม่ก็เลยบอกว่าวันนี้ค่อยให้ห
หลบหน้า 3โดยไม่ลืมที่จะบอกมธุรินว่าช่วงบ่ายเธอไม่ได้อยู่อ่านนิทานให้หนูน้อยพาลิกาฟังเพราะมีธุระด่วนต้องรีบไปทำ ทิ้งให้ร่างสูงของรณพีร์ยืนหัวเสียไม่น้อยที่ถูกเมียเมินมาหลายต่อหลายครั้งชายหนุ่มรีบต่อสายหาลูกน้องคนสนิทและสั่งการบางอย่างทันที ส่วนตัวของเขานั้นต้องกลับไปสะสางงานต่อให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องอื่นที่ทำให้กวนใจค่อยว่ากันเพราะตอนนี้งานสำคัญกว่าคาเฟที่ตกแต่งอย่างน่ารักใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังเป็นสถานที่นัดพบกันของเหล่าเพื่อนสาวในวันนี้...ม่านทิวายืนชั่งใจอยู่หน้าร้านครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าด้วยการผ่อนลมหายใจเข้าและออกอย่างช้า ๆ ถ้าหากเธอคิดไม่ผิด เหล่าสี่สาวน่าจะมีเรื่องเม้าท์มอยมากมายหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมานาน นับจากวันที่เธอจดทะเบียนสมรสกับรณพีร์มาก็รวมเวลาสามเดือนแล้ว เธอนั้นแทบไม่ได้ออกมาพบปะเพื่อนสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าหากพบกันแล้วก็คงไม่วายที่จะซักถามเรื่องการย้ายบ้านของเธอเป็นแน่ เพราะเท่าที่เห็นนั่งคุยกันในกรุปไลน์ก็พากันคุยเรื่องของเธอเสียส่วนใหญ่ ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้างไม่ได้เจอกันหลายเดือนแ
"เม้าท์ฉันอีกแล้วนะ" คนตัวเล็กมุ่ยหน้ามองเพื่อนพลางทำท่าทางแสนงอน"ช่วยไม่ได้ ก็แกอยากมีเรื่องให้พวกฉันเมาท์ทำไมล่ะยะ"“เฮ้อ!” ม่านทิวาถอนหลายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมเพื่อนเธอถึงอยากรู้อยากเห็นอะไรกันขนาดนี้น้า"ว่าแต่เรื่องของแก เป็นจริงอย่างที่ยัยวีวี่มันพูดหรือเปล่า...ที่ว่าแกมีผัวแล้วน่ะ" คำถามขอธาริกาทำเอาม่านทิวาแทบสำลักอเมริกาโนเย็นที่เพิ่งเอามาเสิร์ฟเมื่อครู่นี้แค่ก ๆ"เอาอะไรมาพูด" ม่านทิวาพยายามบ่ายเบี่ยง สายตาหวานเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาเพื่อนทั้งสี่คนที่จ้องเธออย่างคาดคั้น"ก็ยัยวีวี่มันเล่าให้ฟังว่าแกมีผัวแล้ว ตอนที่แกไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อคราวก่อน" อัญญ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสมองไปทางวีรพล"ใช่! อย่ามาตอแหลนะนังม่าน เพราะวันนั้นที่แกกับฉันจะไปวัดด้วยกันอะ ฉันโทร.หาแกแต่คนรับสายเป็นผู้ชาย ฉันสงสัยก็เลยรีบไปเคาะประตูที่ห้องพักของแก แต่คนที่เปิดเป็นผู้ชาย สูง ขาว หล่อล่ำ แต่หน้าดุไม่ค่อยยิ้ม พอฉันถามว่าเป็นใคร...เขาบอกว่าเป็นผัวแก" วีรพลอธิบายยาวเหยียดให้ม่านทิวาและเพื่อน ๆ ได้ฟังอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตนพูดจริง ๆ ไม่ได้โกหก
ม่านทิวาส่ายหน้าให้กับคำตอบของเพื่อนก่อนหันไปจ่ายค่าเครื่องดื่มให้กับพนักงาน"ฉันง่วงไม่ไหวแล้วอะ ขอกลับก่อนนะ"ม่านทิวาบอกกับเพื่อนเสียงงัวเงียทางอ่อนเพลีย เธอขอตัวกลับทันทีเพราะตอนนี้เริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเสียมารยาทมากแค่ไหนที่เธอนั้นมาทีหลังยังจะขอกลับก่อน"แล้วจะกลับยังไง ให้พวกฉันไปส่งไหม"วีรพลขันอาสาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าง่วงแบบนี้ให้กลับเองไม่ดีแน่ ทว่าอีกใจคืออยากเห็นบ้านสามีเพื่อนด้วยนั่นแหละ ว่าบ้านสามีของเพื่อนสาวจะใหญ่อลังการหรือเปล่า ในจังหวะที่ม่านทิวากำลังจะตอบกลับ เสียงเข้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ“ถ้าง่วงก็กลับบ้าน"ม่านทิวาที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ต้องชะงัก เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเสียงนั้นใช่คนที่เธอคิดไว้หรือไม่ใช่...เขาคือคนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด นั่นก็คือรณพีร์ แต่จะว่าไปเขามาอยู่อะไรที่นี่"คุณสอง""ฉันมารับกลับบ้าน" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อนหันมาบอกเพื่อนของเธอ "ขอตัวพาภรรยากลับบ้านก่อนนะครับ" พูดจบก็คว้ามือเรียวของคนตัวเล็กออกจากร้านท่ามกลางความมึนงงของสาว
ม่านทิวาถูกร่างสูงของสามีกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากร้านกาแฟที่ชายหนุ่มให้ลูกน้องคนสนิทตามมาดูว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน หลังจากที่เขาจัดการงานของตนเองเสร็จเรียบร้อยจึงตามออกมา ในจังหวะที่เขาเข้ามาในร้านก็ได้ยินม่านทิวากำลังพูดเรื่องลับ ๆ ระหว่างเราอยู่พอดี ใจก็อยากจะเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องนี้จะมีคนรู้มากกว่าที่ควรแต่ไม่รู้เหตุใดทำไมเขาถึงกลับใจยืนหลบมุมคอยฟังว่าสาวเจ้าจะพูดอะไรบ้าง จะรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้หรือไม่ แต่แล้วเธอก็ทำแบบนั้นจริง ๆ บอกกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงนิดหนึ่งแล้วก็ปิดบังความจริงส่วนใหญ่เอาไว้ตามสัญญา"คุณสอง...ปล่อยฉันค่ะ ฉันเจ็บนะ” คนตัวเล็กอ้อนวอนและพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนาทันทีที่เดินมาถึงรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มเปิดประตูและผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกำชับว่าหากลงมา ‘โดนดีแน่’ม่านทิวาจึงอยู่นิ่ง ๆ บนรถตามคำขู่ของคนใจร้าย และนั่งนิ่งอยู่ภายในรถด้วยความร้อนอกร้อนใจ"ทำไมเธอไม่ถอดแหวนแต่งงานออกตามที่ฉันสั่ง" ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันทีที่เข้ามานั่งเบาะฝั่งคนขับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้า
ม่านทิวาเดินตามหลังชายหนุ่มโดยเว้นระยะห่างตามที่เขาเคยสั่งเธอไว้ คนตัวเล็กมองรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราน่าอยู่ โทนสีขาวตัดกับสีเทาให้ความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับของเจ้าของบ้าน เท้าเรียวเดินมาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ไม่ได้เดินตามเขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยแต่อย่างใดมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ถ้าเดินตามเขาเข้าไปชายหนุ่มคงไม่พอใจเธอแน่ ๆ และยังคงจดจำข้อตกลงของเขาได้เป็นอย่างดี เธอรออยู่ตรงนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดเวลาผ่านไปม่านทิวาจึงเดินมานั่งบนโซฟาหรูที่ยังคงห่อหุ้มด้วยพลาสติกอย่างถือวิสาสะ ในใจยังกังวลว่าเจ้าของบ้านเห็นเข้าจะต่อว่าเอาได้ แต่เธอนั้นเมื่อยขาเกินกว่าที่จะยืนไหว นั่งไม่นานก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียจับใจ"งั้นรบกวนคุณจัดการแก้ไขและเปลี่ยนตามที่ผมบอกด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับคนที่เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านและอินทีเรียที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขาเอง"ได้ครับคุณรณพีร์ เดี๋ยวพวกผมจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อย ไม่เกินหนึ่งเดือนครับ""ครับ" เจ้าของบ้านหนุ่มหล่อพยักหน้ารับอย่างขอบคุณตอนนี้ก็เวลาราว ๆ สี่โม
"อะไรก็ได้ค่ะ…แล้วแต่คุณสองเลยค่ะ"ม่านทิวาไม่อยากเรื่องมากกับเขา และการรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เราสองคนรับประทานกันอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้รอบกายจะมีเสียงดังรบกวนไม่น้อยสายตาของม่านทิวาเหลือบมองไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เธอตกใจไม่น้อย...ไม่คิดว่าจะได้พบรวิดาที่นี่"วิ!" ม่านทิวาอุทานเรียกเบา ๆ ราวละเมอ"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่ม่าน"น้ำเสียงกระแนะกระแหนของรวิดาดังขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่หน้าพี่สาวนอกไส้ทันที ก่อนหันไปมองรณพีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับม่านทิวา"สวัสดีค่ะพี่สอง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีไหม" รวิดาหันมาถามรณพีร์อย่างสนิทสนมเป็นการจงใจทำให้ม่านทิวาเข้าใจผิด"สบายดี" รณพีร์ตอบอย่างไร้เยื่อใยใบหน้านิ่งขรึม ไม่ใส่ใจรวิดาเท่าที่ควร"ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมาเจอกันที่นี่ พี่ม่านมีเงินกินของหรู ๆ แพง ๆ แบบนี้ด้วยเหรอคะ" เสียงค่อนแคะที่ค่อนข้างดังทำให้คนภายในร้านจ้องมองมาที่โต๊ะของรณพีร์ทันทีรณพีร์กำลังจะอ้าปากตอบคำถามของคนรักเก่าแทนม่านทิวา แต่ไม่ทันเพราะหญิงสา
ธาริกาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนคนที่เพิ่งจะจบการสนทนาเมื่อครู่ด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนหันไปหาม่านทิวาและชวนเข้าไปในห้องด้วยกัน เธอไม่ค่อยไว้ใจให้เพื่อนยืนรอหน้าห้องเท่าไร เพราะมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินวนเวียนอยู่ไม่ห่าง"สวัสดีค่ะคุณนที" น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่ได้เห็นของเลขานุการสาวนอกเวลางาน…เอ่ยทักเจ้านายทันทีที่มาถึง ทำให้สี่หนุ่มที่นั่งสังสรรค์พร้อมกับสาว ๆ ข้างกายเงยหน้าขึ้นมามองเป็นตาเดียว"สายไปห้านาที" นทีต่อว่าด้วยความเขี้ยว"ฉันก็มีธุระของฉันนี่คะ คุณนทีรีบเซ็นเอกสารเถอะค่ะ ฉันจะได้รีบไป" หญิงสาวย่อตัวลงวางเอกสารให้เจ้านายหนุ่มเซ็นแต่นทีกลับไม่ยอมทำตาม อีกทั้งถามกลับเสียงแข็ง "ไปไหน""ไปไหนไม่สำคัญค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงเรียบก่อนหันไปหาม่านทิวาที่สะกิดเรียก"หือ..มีอะไร?""ฉันกลับไปรอที่ห้องนะ" ม่านทิวาบอกกับเพื่อนสาว ทั้ง ๆ ที่สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างสูงของรณพีร์ที่กำลังกอดผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนข้างกายธาริกาพยักหน้าอนุญาตแล้วหันกลับมามองเอกสารสำคัญที่เจ้านายหนุ่มเพิ่งจรดปากกาเซ็นช
เวลาสามทุ่มกว่าของคืนวันเดียวกัน ภายในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานผสมผสานเคล้าคลอกับเครื่องดื่มชั้นดีที่ธาริกาจัดมาให้เพื่อน หญิงสาวเลือกโต๊ะที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวน"โต๊ะที่คุณผู้หญิงจองไว้ทางร้านจัดให้เรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานชายของร้านบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ขอบคุณค่ะ อย่าลืมของที่สั่งไว้นะคะ"ธาริกาย้ำเตือนกับพนักงานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายรูปโต๊ะที่จองไว้ ส่งให้เพื่อนในไลน์กรุปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาเดินออกไปรับ ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอัญญ์ : ถึงแล้ว กำลังจะเข้าไปธาริกา : โอเค รีบมาฉันรออยู่อัญญ์ส่งสติกเกอร์ยิ้มแฉ่งแข่งตะวันมาให้ธาริกาธาริกา : แล้วคนอื่นล่ะ? ยัยวีวี่ ยัยปอ ยัยม่านถ้าแกไม่มาฉันจะโกรธจริง ๆ ด้วยม่านทิวาส่งสติกเกอร์การ์ตูนรูปหน้าผู้หญิงหัวเราะชอบใจเป็นการตอบกลับวีรพล : กำลังจะเข้าไปปอแก้ว : กำลังถึงเช่นกันจ้า รอแป๊บน
“ไม่ใช่ครับ แต่มีเรื่องจะถามนิดหน่อย” ตอบพร้อมกับมองหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยความสงสัย “บัญชีงบประมาณที่คุณทำอยู่เสร็จหมดหรือยังครับ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”“เดือนหน้าคุณม่านไม่ต้องมาทำงานแล้วนะครับ”“ทำไมคะ?” หญิงสาวถามเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสงสัยว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้“พอดีสามีคุณทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อยแล้วครับ” ม่านทิวาตกใจพอ ๆ กับพนักงานหลายคนที่ได้ยินเรื่องน่าตกใจของเธอในคราวเดียวกันถ้าเดือนหน้าไม่ต้องมาทำงาน เช่นนั้นเธอจะเหลือเวลาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เพียงสามวันเท่านั้น…สายตาหวานมองไปรอบ ๆ สายตาพนักงานคนอื่นต่างมองมาที่เธอรณพีร์! นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน!“ขอบคุณคุณหิรัญมากนะครับที่อนุมัติให้ภรรยาผมลาออกอย่างกะทันหัน” รณพีร์หันไปคุยกับหิรัญโดยไม่สนสายตาขุ่น ๆ ของม่านทิวาเลย“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” หิรัญตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของม่านทิวาขอตัวกลับ เขาเดินผ่านคนตัวเล
เกือบ ๆ สี่เดือนที่ผ่านมา...ในยามเช้าของต้นสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำงานของใครหลาย ๆ คน เช่นเดียวกันกับม่านทิวาและรณพีร์ สองร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่าย ๆใบหน้าสวยหวานกะพริบตาเล็กน้อยเพื่อหลีกหนีแสงสว่างที่สาดส่องผ่านผ้าม่านโปร่งแสงสีเทาเข้ามา ก่อนเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาดูก็ต้องตกใจกับเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ร่างเล็กรีบดีดกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคนที่นอนกอดทันที คว้าผ้าขนหนูมาพันกายในจังหวะที่จะเดินเข้าห้องน้ำ"จะรีบตื่นไปไหน" รณพีร์ยกศีรษะขึ้นมาถามคนที่กำลังเร่งรีบเมื่อครู่"ไปทำงานค่ะ" ร่างเล็กตอบกลับโดยไม่หันมามอง"เพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง…จะรีบตื่นทำไม" คนตัวโตยันกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สองมือรองที่ท้ายทอยถามด้วยท่าทางสบายใจไม่ได้เร่งร้อนใจเหมือนม่านทิวา"ฉันจะลงไปช่วยป้าเจียมเตรียมอาหารเข้า และฉันก็ไม่อยากไปทำงานสายค่ะ" บอกอย่างเร่งรีบก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวของตนรณพีร์ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก จากนั้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืน
ม่านทิวาส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธออยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า ทั้งสองคนจึงพากันกลับบ้านทันที กว่าจะถึงบ้านก็เวลาราว ๆ สองทุ่ม"กลับมากันแล้วเหรอ" รณวีร์ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามคนเป็นน้องชายตอบรับในลำคอเท่านั้น ส่วนคนที่เดินตามหลังมาพยักหน้าเป็นคำตอบเช่นกัน"ตาสองกับหนูม่าน...มาทานอาหารเย็นด้วยกันสิลูก"คุณนายสรวงสุดาเดินออกมาจากครัวเอ่ยชวน วันนี้นางเป็นคนลงมือเข้าครัวเองเพราะอยากทดลองทำอาหารเมนูใหม่ ๆ เอาใจสามี และให้บุตรชายกับลูกสะใภ้ได้ลิ้มลอง"คุณแม่ทานเลยครับ ผมเพิ่งทานมาเมื่อกี้นี้เอง" รณพีร์ตอบอย่างถนอมน้ำใจมารดา"แล้วหนูม่านล่ะลูก" นางหันไปถามลูกสะใภ้คนเล็กด้วยความเป็นห่วง"ทานพร้อมคุณสองมาแล้วค่ะคุณแม่" หญิงสาวตอบกลับแม่สามีด้วยความเกรงใจไม่ต่างกัน"ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับมารดาก่อนเดินขึ้นชั้นสองไปม่านทิวากำลังจะก้าวเท้าขึ้นตามคนที่เป็นสามีไป อยู่ ๆ เสียงเจื้อยแจ้วของน้องพายก็ดังขึ้นพร้อมกับวิ่งมากอดขาเรียวของเธอ"อาม่านมาแล้ว" น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจทำเอาม่านทิวายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"อะไรก็ได้ค่ะ…แล้วแต่คุณสองเลยค่ะ"ม่านทิวาไม่อยากเรื่องมากกับเขา และการรับประทานอาหารมื้อนี้เป็นอีกมื้อที่เราสองคนรับประทานกันอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้รอบกายจะมีเสียงดังรบกวนไม่น้อยสายตาของม่านทิวาเหลือบมองไปเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เธอตกใจไม่น้อย...ไม่คิดว่าจะได้พบรวิดาที่นี่"วิ!" ม่านทิวาอุทานเรียกเบา ๆ ราวละเมอ"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะพี่ม่าน"น้ำเสียงกระแนะกระแหนของรวิดาดังขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่หน้าพี่สาวนอกไส้ทันที ก่อนหันไปมองรณพีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับม่านทิวา"สวัสดีค่ะพี่สอง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีไหม" รวิดาหันมาถามรณพีร์อย่างสนิทสนมเป็นการจงใจทำให้ม่านทิวาเข้าใจผิด"สบายดี" รณพีร์ตอบอย่างไร้เยื่อใยใบหน้านิ่งขรึม ไม่ใส่ใจรวิดาเท่าที่ควร"ไม่คิดเลยนะคะว่าจะมาเจอกันที่นี่ พี่ม่านมีเงินกินของหรู ๆ แพง ๆ แบบนี้ด้วยเหรอคะ" เสียงค่อนแคะที่ค่อนข้างดังทำให้คนภายในร้านจ้องมองมาที่โต๊ะของรณพีร์ทันทีรณพีร์กำลังจะอ้าปากตอบคำถามของคนรักเก่าแทนม่านทิวา แต่ไม่ทันเพราะหญิงสา
ม่านทิวาเดินตามหลังชายหนุ่มโดยเว้นระยะห่างตามที่เขาเคยสั่งเธอไว้ คนตัวเล็กมองรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราน่าอยู่ โทนสีขาวตัดกับสีเทาให้ความสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับของเจ้าของบ้าน เท้าเรียวเดินมาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน ไม่ได้เดินตามเขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยแต่อย่างใดมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ถ้าเดินตามเขาเข้าไปชายหนุ่มคงไม่พอใจเธอแน่ ๆ และยังคงจดจำข้อตกลงของเขาได้เป็นอย่างดี เธอรออยู่ตรงนี้น่าจะเป็นการดีที่สุดเวลาผ่านไปม่านทิวาจึงเดินมานั่งบนโซฟาหรูที่ยังคงห่อหุ้มด้วยพลาสติกอย่างถือวิสาสะ ในใจยังกังวลว่าเจ้าของบ้านเห็นเข้าจะต่อว่าเอาได้ แต่เธอนั้นเมื่อยขาเกินกว่าที่จะยืนไหว นั่งไม่นานก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความเพลียจับใจ"งั้นรบกวนคุณจัดการแก้ไขและเปลี่ยนตามที่ผมบอกด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบอกกับคนที่เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านและอินทีเรียที่เป็นพนักงานในบริษัทของเขาเอง"ได้ครับคุณรณพีร์ เดี๋ยวพวกผมจัดการทั้งหมดให้เรียบร้อย ไม่เกินหนึ่งเดือนครับ""ครับ" เจ้าของบ้านหนุ่มหล่อพยักหน้ารับอย่างขอบคุณตอนนี้ก็เวลาราว ๆ สี่โม
ม่านทิวาถูกร่างสูงของสามีกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากร้านกาแฟที่ชายหนุ่มให้ลูกน้องคนสนิทตามมาดูว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน หลังจากที่เขาจัดการงานของตนเองเสร็จเรียบร้อยจึงตามออกมา ในจังหวะที่เขาเข้ามาในร้านก็ได้ยินม่านทิวากำลังพูดเรื่องลับ ๆ ระหว่างเราอยู่พอดี ใจก็อยากจะเข้าไปกระชากตัวหญิงสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องนี้จะมีคนรู้มากกว่าที่ควรแต่ไม่รู้เหตุใดทำไมเขาถึงกลับใจยืนหลบมุมคอยฟังว่าสาวเจ้าจะพูดอะไรบ้าง จะรักษาคำพูดที่เคยให้ไว้หรือไม่ แต่แล้วเธอก็ทำแบบนั้นจริง ๆ บอกกับกลุ่มเพื่อนสนิทเพียงนิดหนึ่งแล้วก็ปิดบังความจริงส่วนใหญ่เอาไว้ตามสัญญา"คุณสอง...ปล่อยฉันค่ะ ฉันเจ็บนะ” คนตัวเล็กอ้อนวอนและพยายามบิดข้อมือออกจากมือหนาทันทีที่เดินมาถึงรถยนต์คันหรู ชายหนุ่มเปิดประตูและผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่งในรถทันที พร้อมกำชับว่าหากลงมา ‘โดนดีแน่’ม่านทิวาจึงอยู่นิ่ง ๆ บนรถตามคำขู่ของคนใจร้าย และนั่งนิ่งอยู่ภายในรถด้วยความร้อนอกร้อนใจ"ทำไมเธอไม่ถอดแหวนแต่งงานออกตามที่ฉันสั่ง" ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทันทีที่เข้ามานั่งเบาะฝั่งคนขับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้า
ม่านทิวาส่ายหน้าให้กับคำตอบของเพื่อนก่อนหันไปจ่ายค่าเครื่องดื่มให้กับพนักงาน"ฉันง่วงไม่ไหวแล้วอะ ขอกลับก่อนนะ"ม่านทิวาบอกกับเพื่อนเสียงงัวเงียทางอ่อนเพลีย เธอขอตัวกลับทันทีเพราะตอนนี้เริ่มจะง่วงขึ้นมาอีกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเสียมารยาทมากแค่ไหนที่เธอนั้นมาทีหลังยังจะขอกลับก่อน"แล้วจะกลับยังไง ให้พวกฉันไปส่งไหม"วีรพลขันอาสาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ถ้าง่วงแบบนี้ให้กลับเองไม่ดีแน่ ทว่าอีกใจคืออยากเห็นบ้านสามีเพื่อนด้วยนั่นแหละ ว่าบ้านสามีของเพื่อนสาวจะใหญ่อลังการหรือเปล่า ในจังหวะที่ม่านทิวากำลังจะตอบกลับ เสียงเข้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ“ถ้าง่วงก็กลับบ้าน"ม่านทิวาที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ต้องชะงัก เงยหน้าขึ้นมาดูว่าเสียงนั้นใช่คนที่เธอคิดไว้หรือไม่ใช่...เขาคือคนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด นั่นก็คือรณพีร์ แต่จะว่าไปเขามาอยู่อะไรที่นี่"คุณสอง""ฉันมารับกลับบ้าน" ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเข้มก่อนหันมาบอกเพื่อนของเธอ "ขอตัวพาภรรยากลับบ้านก่อนนะครับ" พูดจบก็คว้ามือเรียวของคนตัวเล็กออกจากร้านท่ามกลางความมึนงงของสาว