หน้าหลัก / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 10 พี่ไม่อยากเป็นเจ้านาย - 70%

แชร์

บทที่ 10 พี่ไม่อยากเป็นเจ้านาย - 70%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-22 19:00:05

นฤเบศร์ลุกขึ้นแล้วเดินนำทุกคนไปยังห้องทำงานที่อยู่ถัดไปจากห้องรับแขก เมื่อทุกคนเข้ามาภายในห้องแล้วเขาก็ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านมาแอบฟังโดยเฉพาะมัลลิกา

"ตาเบศร์ แม่ดา ฉันมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วยสักหน่อย" โฉมฉายเอ่ยเรื่องที่ต้องการพูดทันที สองสามีภรรยามองหน้ากันก่อนจะหันไปผงกศีรษะให้ผู้อาวุโส

"พวกเรายินดีครับคุณท่าน อยากให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลย"

คืนนั้น หลังจากที่มัลลิกาจัดห้องให้คุณย่าเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ขึ้นมาบนห้องของตัวเอง พอดีกับที่มีข้อความจากภาวินส่งเข้ามา

Phawin: ถึงบ้านแล้วใช่ไหมครับ พี่เห็นรถของคุณพ่อหนูจอดอยู่

Jasmine: ถึงแล้วค่ะ

Phawin: สะดวกคุยไหม พี่จำได้นะว่าหนูมีอะไรจะบอก

Jasmine: สะดวกค่ะ ความจำดีจัง

Phawin: พี่ยังไม่แก่นี่นาจะได้ขี้หลงขี้ลืม ถ้างั้นพี่โทร. ไปนะ

มัลลิกายังไม่ทันปิดแชต ภาวินก็โทรศัพท์เข้ามาด้วยความรวดเร็ว ครั้นพอหญิงสาวกดรับสาย ประโยคแรกจากเขาก็ทำให้เธอถึงกับหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน

"คิดถึงจัง" เสียงทุ้มของชายหนุ่มฟังราวกับ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 10 พี่ไม่อยากเป็นเจ้านาย - 100%

    ปรีชญากับอรุณวตีไม่พูดอะไรอีก ทั้งสองคนได้แต่นั่งไปเงียบ ๆ มีเพียงเสียงของมัลลิกาที่คอยบอกทางโชเฟอร์ไปจนกระทั่งถึงบริษัทที่ต้องมาฝึกงานหลังจากจ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อยแล้วมัลลิกาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"เฮ้อ...ในที่สุดก็มาถึงได้ทันเวลา นึกว่าจะสายเสียแล้ว""งั้นพวกเราเข้าไปกันเถอะ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ยายแพต! แกไม่คิดจะทิ้งแก้วกาแฟรึไงยะ" อรุณวตีขมวดคิ้วมุ่นพลางเท้าสะเอวมองเพื่อน"ต้องทิ้งด้วยหรือ มันยังไม่หมดเลย" ปรีชญามองแก้วกาแฟในมือที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว"เอ๊านังนี่ แกมาสมัครงาน มาสัมภาษณ์งาน แกจะถือแก้วกาแฟเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ด้วยรึไงยะ" อรุณวตีกลอกตามองฟ้าอย่างอ่อนใจ ขณะที่มัลลิกาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวสุดท้ายปรีชญาก็ต้องทิ้งแก้วกาแฟไปอย่างเสียดาย จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเข้าไปแลกบัตรประชาชนไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ป้อมที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าบริษัท"โห คลังสินค้าเขาใหญ่มากเลยเนอะ ฉันเพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย" ปรีชญามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ"นั่นสิ ดูยิ่งใหญ่และเป็นระบบมากเลยละ แค่รถส่งสินค้าก็มีเป็นสิบ ๆ คันแล้ว ว่าแต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-23
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 11 เดตแรก - 35%

    มัลลิกาอมยิ้มเมื่อเห็นข้อความที่อรุณวตีส่งมา หญิงสาวนึกย้อนไปตอนที่นั่งรถออกมาจากบริษัท จำได้ว่าไม่เห็นเพื่อนทั้งสองคนเดินอยู่ริมทาง นั่นก็หมายความว่าทั้งคู่แอบมองตนกับภาวินอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพราะตอนที่ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดหน้าคลังสินค้า อรุณวตีกับปรีชญายังแลกบัตรอยู่ที่ป้อมรักษาความปลอดภัยอยู่เลยหญิงสาวลอบถอนหายใจ เพราะใจจริงแล้วอยากให้ทั้งสองคนเห็นเจ้านายรูปหล่อในวันเริ่มงานวันแรกมากกว่า แต่ในเมื่อทั้งสองคนเห็นแล้วว่าเจ้านายของตนไม่ใช่ผู้ชายวัยกลางคนอย่างที่คิดไว้ เธอจึงไม่ปิดบังอีกJasmine: หนุ่มรูปหล่อที่เธอเห็นก็คือเจ้านายของพวกเรายังไงล่ะปุ๊กกี้ ว่าที่มิสทิฟฟานีคนต่อไป: กรี๊ดดดดดด! ยายมะลิ หล่อนถามเขาสิว่าเริ่มงานพรุ่งนี้เลยได้ไหมปุ๊กกี้ ว่าที่มิสทิฟฟานีคนต่อไป: ไหนแกบอกว่าเขาแก่แล้ว โกหกกันนี่นา จะกั๊กไว้กินเองละสิท่าJasmine: ฉันบอกตอนไหนว่าเขาแก่แล้วปุ๊กกี้ ว่าที่มิสทิฟฟานีคนต่อไป:

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-23
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 11 เดตแรก - 70%

    ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นมาทันทีพร้อมกับยื่นมือไปยีผมเธอเล่นอย่างอดไม่อยู่ ใจนึกอยากจะนั่งกุมมือเธอไว้แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรุกเร็วเกินไปจนทำให้เธอผวากับความใจเร็วด่วนได้ของเขาแม้ใจจริงเขาอยากจะทำมากกว่าแค่จับมือก็เถอะ"เป็นอะไรของแกยายแพต นั่งเงียบเชียว" อรุณวตีพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้"เปล่า" ปรีชญาปฏิเสธพลางหลุบตาลงมองจานข้าวตรงหน้าตน"เรื่องยายมะลิละสิ ฉันเดาถูกไหม" อรุณวตีถามไปตามตรง"ในเมื่อแกรู้อยู่แล้ว แล้วจะมาถามฉันทำไมอีก""ฉันไม่เข้าใจเลยว่ะยายแพต นี่ถามจริงเถอะ ยายมะลิมันไปทำอะไรให้แกนักหนาวะ ถึงได้..." อรุณวตียังพูดไม่ทันจบ ปรีชญาก็ขัดขึ้นเสียก่อน"แกจะบอกว่าฉันอิจฉามันใช่ไหม พวกแกก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบมองฉันในแง่ร้ายอยู่เรื่อย มีเรื่องอะไรก็เข้าข้างแต่ยายมะลิทั้งที่ฉันก็เป็นเพื่อนพวกแกเหมือนกันนะ"อรุณวตีถอนหายใจพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วนั่งกอดอก"นี่นังแพต ฉันจะบอกอะไรให้นะ เพื่อนน่ะเขาไม่แทงข้างหลังกันหรอก คิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าแกเล่นงานยายม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-23
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 11 เดตแรก - 100%

    "ตอนที่พี่ยังเป็นนักบิน พี่เคยคบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเดียวกัน ก็แม่หนูพราวนั่นแหละ คบมาได้ปีกว่าจู่ ๆ เขาก็บอกเลิกพี่แล้วก็ลาออกไป พี่เองก็เสียศูนย์อยู่พักหนึ่ง ตัดสินใจไม่รับรู้ข่าวคราวของเขาจนผ่านมาหลายปี มีอยู่วันหนึ่งพี่ไปหาเพื่อนที่บริษัท หนูจำพี่ชินได้ไหม คนที่มาหาพี่ที่บ้านวันที่หนูมาถ่ายแบบลิปให้พี่น่ะ""จำได้ค่ะ ที่มากับแม่ เอ่อ...น้าของหนูพราว" เธอตอบ"นั่นแหละ พี่ไปหาชินที่บริษัท แล้ววันนั้นคุณจันทร์เขามีความจำเป็นต้องพาหนูพราวไปเลี้ยงที่ทำงานด้วย หนูรู้ไหมว่าหนูพราวแกเป็นคนเดินมาทักพี่ก่อนเลยนะ และคำแรกที่เขาเรียกพี่ก็คือ...คุณพ่อขา"ภาวินยิ้ม สีหน้าแววตาดูมีความสุขตอนที่นึกย้อนไปถึงวันแรกที่เขาได้พบหน้าบุตรสาวผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเป็นครั้งแรก เขายังจำความรู้สึกนั้นได้ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เขากลับรู้สึกถูกชะตาจนต้องหยุดคุยด้วย และเหนืออื่นใดคงมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกเหมือนมีสายใยบาง ๆ มาพันผูกตนเข้าไว้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น"ตอนแรกพี่แปลกใจมากที่จู่ ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งมาเรียกตัวเองว่าพ่อ พอพี่นั่งลง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-23
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 12 คนสองบุคลิก - 35%

    ภาวินขับรถมาจอดก่อนถึงประตูรั้วบ้านของมัลลิกาในเวลาประมาณหกโมงเย็น ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวพลางหันไปมองหน้าหญิงสาวที่นั่งข้างตัว...ทำไมวันนี้รถไม่ติดวะ ขัดใจจริง ๆ เลย...มัลลิกาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงความคิดเขา"ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อออกมาเห็น"...เห็นก็ดีสิ จะได้สมัครตำแหน่งลูกเขยซะเลย...หญิงสาวได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พลางดึงมือของตัวเองออกจากมืออุ่นร้อนของชายหนุ่ม แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย ทั้งยังยกมือเธอขึ้นแล้วทำท่าจะก้มลงมาจูบจนต้องรีบห้ามเขาไว้แล้วฉุดมือตัวเองลงมา"พี่วิน! นี่หน้าบ้านหนูนะ"มัลลิกาหันมองไปรอบตัวอย่างระแวงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้ มีเพียงรถเบนซ์ติดฟิล์มดำคันหนึ่งจอดชิดทางเท้าฝั่งตรงข้ามเท่านั้น"สนใจเริ่มงานพรุ่งนี้เลยไหม" เขาถามพลางปล่อยมือของมัลลิกาอย่างอ้อยอิ่ง หญิงสาวส่ายหน้าหวือแล้วว่า"ไม่ดีกว่าค่ะ วันจันทร์หน้านั่นแหละดีแล้ว ช่วงนี้หนูขอนอนขี้เกียจอยู่บ้านดีกว่า"ภาวินได้ยินก็ยิ้มกว้าง "ขี้เกียจมาก ๆ ระวังหลังยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 12 คนสองบุคลิก - 70%

    และก็เป็นดังคาด เพราะทันทีที่เห็นว่าเป็นมัลลิกากับชายหนุ่มคนหนึ่ง นฤเบศร์ก็ก้าวยาว ๆ มาทางหน้าประตูด้วยความเป็นห่วง ครั้นพอเห็นว่าเป็นชายหนุ่มที่ตนคุ้นหน้าดีจึงค่อยวางใจ"เธอเองหรือ" นฤเบศร์พยักหน้าให้ตติยะเมื่ออีกฝ่ายยกมือไหว้ทำความเคารพ"ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็เลยแวะมาหามะลิน่ะครับ" เขายิ้ม จากนั้นก็หันไปพูดกับมัลลิกาด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน"เราไปก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน ผมไปก่อนนะครับคุณอา สวัสดีครับ"ประโยคหลังเขาพูดกับพ่อเลี้ยงของหญิงสาว จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถที่จอดไว้แล้วค่อย ๆ ขับออกไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วเพราะฟิล์มรถดำมืดจึงทำให้คนภายนอกไม่เห็นสภาพภายในรถ ซึ่งขณะนี้คนที่นั่งหลังพวงมาลัยกำลังหน้าบิดเบี้ยวดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด มือทั้งสองข้างที่จับพวงมาลัยก็เกร็งจนเส้นเลือดปูดโปน หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงราวกับหอบหายใจ"โกหก...นังคนโกหก!""เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีด"นฤเบศร์ถามลูกเลี้ยงด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงมัลลิกายกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองแล้วบอก "คงเพราะ...กลัวมั้งคะ"

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 12 คนสองบุคลิก - 100%

    หญิงสาวพยายามนึกถ้อยคำที่ได้รับโจทย์มาเพื่อปลุกปลอบเขา แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส แม้จะต้องพักฟื้นร่างกายอีกหลายวัน แต่เมื่อนึกถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะได้รับหลังจบงาน "คู่ซ้อม" ตรงนี้ไปก็ถือว่าการเจ็บตัวครั้งนี้คุ้มค่า ทนทรมานแค่สองชั่วโมงแต่ได้เงินมาร่วมแสน ฉะนั้นเธอจึงยอมตติยะจอดรถริมทางเท้าย่านชานเมืองในช่วงกลางดึก เขาปลดล็อกรถเพื่อให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลงจากรถไป แต่ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถเขาก็พูดขึ้น"ขอบคุณมาก และก็ขอโทษด้วยที่วันนี้หนักมือไปหน่อย""ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นงานของฉันอยู่แล้ว ถ้าวันไหนคุณต้องการใช้บริการอีกก็โทร. มาเรียกได้นะคะ"ชายหนุ่มพยักหน้า รอจนกระทั่งหญิงสาวลงจากรถและปิดประตูให้แล้วจึงขับออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาขับไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ครั้นพอมองกระจกหลังก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเงาที่สะท้อนออกมานั้นกำลังเหยียดยิ้มมองตนอย่างดูแคลน"เป็นไงไอ้ขี้แพ้!"คนในกระจกส่งเสียงทักทายมา ตติยะจึงรีบจอดรถเข้าข้างทางทันที"มึงสิไอ้ขี้แพ้ กูจะไม่ให้มึงออกมาก่อความเดือดร้อนให้ใครอีกแล้ว" ชายหนุ่มตะคอกกลับไป"โถ ๆ ช่างเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 13 แทงข้างหลัง - 35%

    วันนี้เป็นวันที่มัลลิกาต้องเริ่มฝึกงานวันแรก หญิงสาวแต่งตัวด้วยเดรสลายขวางสีขาวแดงแล้วคลุมทับด้วยคาร์ดิแกนสีขาวกับรองเท้าคัตชูส้นเตี้ย และเพราะแต่งหน้าไม่เป็น เธอจึงทาเพียงครีมกันแดดที่เป็นเมกอัปเบสในตัวแล้วลงแป้งฝุ่นทับ จากนั้นก็ทาลิปกลอสสีแดงอมส้มที่ภคินีมารดาของภาวินให้มาเมื่อวันก่อนเพื่อให้หน้าดูมีสีสันขึ้นมาบ้าง เสร็จเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งลงมาข้างล่างเพื่อหาอะไรรองท้อง"ค่อย ๆ เดินลงมาก็ได้แม่มะลิ เดี๋ยวก็หกล้มหัวร้างค่างแตกจนได้หรอก"เสียงบ่นของผู้เป็นย่าดังมาตั้งแต่ยังไม่เจอตัว มัลลิกามองหา เมื่อเห็นว่าท่านกำลังเดินเข้ามาในบ้านจึงปรี่เข้าไปกอดอย่างออดอ้อน"คุณย่าจะกลับแล้วจริง ๆ หรือคะ น่าจะอยู่ต่ออีกสักเดือน""มากไปย่ะ ยังไงย่าก็ต้องกลับไปดูบ้านบ้าง ทิ้งมาหลายวันแล้ว เช้านี้จะกินอะไรก่อนไปทำงานล่ะ" โฉมฉายถามหลานสาวคนโปรด แต่เจ้าตัวส่ายหน้าแล้วว่า"คงแค่นมกล่องเดียวก็พอค่ะ ไปถึงที่ทำงานค่อยหาอะไรกินแถวนั้น เพราะฝั่งตรงข้ามบริษัทเป็นตลาดค่ะคุณย่า ของกินเพียบ" ผู้เป็นย่าพยักหน้ารับรู้ เป็นเวลาเดียวกับที่นฤเบศร์เดินลงมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-24

บทล่าสุด

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 35%

    ความเจ็บปวดรวดร้าวที่แผ่ลามไปทั่วร่างราวกับทุกชิ้นส่วนของร่างกายกำลังถูกจับแยกออกจากกันทำให้คนที่หลับใหลไปหลายวันในห้องผู้ป่วยวิกฤติค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่น เปลือกตาหนักอึ้งเปิดปรือขึ้นอย่างยากลำบาก กลิ่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของโรงพยาบาลทำให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝันรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหนเสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกจากลำคอ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง มัลลิกาพยายามมองไปรอบด้าน แต่เพราะนอนสลบไปหลายวันสายตาจึงยังปรับระยะได้ไม่ดีนัก จนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งที่ไม่เจ็บเท่าไรขึ้นมาวางทาบที่เปลือกตาทั้งสองข้างตามความเคยชินทว่าตอนที่เอามือปิดตานั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนผิวแก้มข้างซ้ายของตน เธอทั้งเจ็บทั้งตึงบริเวณนี้จึงลองวางมือทาบลงไปบนสิ่งที่ติดอยู่บนแก้มอะไรน่ะ ผ้าปิดแผลหรือ ทำไมใหญ่จัง...มัลลิกาขมวดคิ้วมุ่น พยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ล่าสุดที่ตนพอจะจำได้อยู่เป็นนาน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านกับภาวิน นั่งดูพราวนภาตีแบดมินตัน และหลังจากนั้น...จำได้แล้ว! เธอถูกรถชนนั่นเองตอน

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 100%

    นฤเบศร์ขับรถไปส่งภรรยาที่บ้าน จากนั้นก็ขับต่อไปยังโรงพยาบาลทางจิตเวชที่ตติยะถูกกักตัวไว้เพื่อทำการทดสอบสภาพจิต เมื่อไปถึงเขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนขอเข้าเยี่ยม เจ้าหน้าที่จึงพาเขาไปนั่งรออยู่ในห้องห้องหนึ่ง จากนั้นไม่นาน ตติยะก็เดินเข้ามาในห้องโดยไร้เครื่องพันธนาการร่างกาย แต่มีเจ้าหน้าที่ชายคอยตามประกบอยู่สองคนนฤเบศร์มองคนที่กำลังยกมือไหว้ตนด้วยสายตาเย็นชา จนกระทั่งตติยะนั่งลงแล้วเขาจึงเอ่ยปากพูด"ดูท่าทางสุขสบายดีนะ""ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้ทำ ผมรักมะลิจะตายใคร ๆ ก็รู้ คุณอาลองไปถามเพื่อนของเธอดูก็ได้ ผมไม่มีทางทำร้ายมะลิแน่นอน ไอ้คนที่ทำ...""มันก็คือมึงนั่นแหละ!"นฤเบศร์ตบโต๊ะเสียงดังอย่างเหลืออดจนตติยะสะดุ้ง เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้เพราะเกรงว่าเขาจะทำอันตรายผู้ต้องหา นฤเบศร์จึงหันไปบอกกับสองคนนั้น"ผมไม่ทำอะไรมันหรอกไม่ต้องห่วง แม้ว่าผมอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือก็เถอะ" จากนั้นก็หันมาเล่นงานตติยะต่อด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว"มึงมันฉลาดดีนี่ ฆ่าคนมาเท่าไรแล้วล่ะ พอโดนจับได้ก็มาบอกว่าเป็นโรคจิตจำอะไ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 70%

    "แกไม่ต้องห่วงแม่ดากับหนูมะลิหรอกนะ แม่รับปากว่าจะทำตามที่แกขอเอาไว้ แม่เลี้ยงหนูมะลิมาตั้งหลายปีแม่ก็รักมะลิเหมือนหลานแท้ ๆ นั่นแหละ"มัลลิการ้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากโฉมฉาย"คุณย่าขา หนูก็รักคุณย่านะคะ"ครั้นพอหญิงสาวร้องไห้ออกมา จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานไปทั้งร่างราวกับร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แขนขาหนักอึ้งกระดิกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ขมับทั้งสองข้างจากน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงไปรวมกันอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญ นอกจากจะเจ็บไปทั่วทั้งตัวแล้วมัลลิกายังรู้สึกว่าบนใบหน้าซีกหนึ่งปวดตุบ ๆ อยู่ตลอดเวลาเหมือนเมื่อครั้งที่ตนตกจากต้นไม้แล้วหัวเข่าเป็นแผล เพียงแต่ครั้งนี้เจ็บกว่านั้นมากนักพิษจากบาดแผลและความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้สติสัมปชัญญะของมัลลิกาค่อย ๆ เลือนไปจนทุกอย่างดับวูบไปอีกครั้ง"หลายวันแล้วนะเบศร์ ทำไมยายหนูยังไม่ฟื้นสักที" มัญชุดาได้แต่ยืนมองบุตรสาวที่ยังหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายมีบาดแผลและร่องรอยฟกช้ำไปทั่วร่าง ขาข้างหนึ่งต้องใส่เฝือก สายน้ำเกลื

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status