“พี่แมธผมกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะ” “หรือแกจะไม่ช่วยฉันก็ได้นะ” “ไม่ต้องมาส่งสายตาดุ ๆใส่ผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว แค่อยากจะบ่นให้ฟังเฉย ๆ ” “ดี ไว้ฉันจะตอบแทนแล้วกัน ชิปปี้คะ นี้ลุงมาร์คค่ะ วันนี้หนูอยู่กับลุงมาร์คก่อนนะคะ” “ค่ะ แล้วพ่อแมธจะไปไหนคะ แล้วแม่ของปี้ล่ะทำไมแม่ไม่มาอยู่กับปี้คะ” “หื้ม..พ่อแมธ! เอาดี ๆ พี่แมธพี่จะเซอร์ไพรที่บ้านแบบนี้ไม่ได้นะครับ” “หุบปากนายได้แล้วมาร์ค แล้วพูดกับเด็กให้มันเพราะ ๆ ด้วยนะ อย่าให้ฉันได้ยินว่าเธอพูดคำหยาบ” “ หึ หึ ครับพ่อแมธ” “ชิปปี้คะพอดีว่าวันนี้แม่ของชิปปี้ต้องช่วยพ่อทำงานจนดึกเลยครับ ฉะนั้นวันนี้ชิปปี้ต้องนอนที่นี้และเป็นเด็กดีของลุงมาร์คนะคะ” “งื้อ..ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้พ่อแมธต้องรีบมารับหนูนะคะ หนูจะรอค่ะ” “ได้ค่ะ วันนี้หนูเก่งมากดังนั้นห้ามดื้อหรืองอแงกับลุงมาร์คนะครับ งั้นพ่อไปก่อนนะครับ ฝากด้วยนะมาร์ค” “ครับ พ่อแมธ” “หึ!ยังจะเล่นอีกนะแกเดี๋ยวเหอะ” “บ๊ายบายค่ะพ่อ” เขาหันไปสบตาเด็กสาวก่อนจะยิ้มและจิ้มแก้มยุ้ย ๆ ของเธอ “เหลือแค่เราสองคนแล้วป่ะ เดี๋ยวลุงมาร์คพาไปหาพี่สาวคนสวยค่ะ” “ห
“เมื่อเช้าผมได้ยินเรื่องพี่แพงไม่ค่อยดีเท่าไร คือพวกพนักงานเขาลือกันว่าเมื่อวานพี่ถูกลากไปข่มขืนช่วงที่จัดงานสัมมนา แล้วพี่มาร์คก็ไปกระทืบพนักงานคนนั้นปางตาย พี่มาร์คก็บอกให้พี่แมธปิดข่าวไม่ให้มีใครรู้ มันเรื่องจริงไหมพี่แพง” “ข่าวนายเว่อร์มากเลยนะไมค์ แล้วถ้าจริงในเมื่อพี่แมธปิดข่าวทำไมนายถึงรู้เรื่องพวกนี้” “ใช่ไหม ผมก็ว่ามันแปลก ๆ แล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไงครับเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ” “ไม่มีอะไรแค่มีคนเข้าใจกันผิดนิดหน่อย พี่มาร์คเขาก็คงหึงมั่ง ไม่ต้องห่วงพี่หรอกหรอกและอย่าไปฟังอะไรให้มาก เรื่องพวกนี้ไม่มีสาระอะไรสำคัญกับชีวิตเราเลย รู้ไปก็เครียดเปล่า ๆ ” “ผมก็ว่ามันดูเกินจริงไปนิดและพี่มาร์คไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ อ้อเมื่อเช้าผมเห็นพี่มาร์คอุ้มเด็กผู้หญิงออกไปด้วย ใครเหรอ” “แกคุยอะไรกับแพง” “เปล่าครับ พี่แพงผมไปจากตรงนี้ก่อนนะครับ รู้สึกเหมือนจะมีเจ้าที่ขี้หวง โอ๊ะ! ขี้หึงไม่สิคงทั้งหวงทั้งหึงเลยเล่นจ้องผมเขม็งขนาดนี้ ” “ไมค์! อยากตายใช่ไหม” “อุ้ย แบร่ ๆ” “แกนี้มัน..” “พี่มาร์คก็ไปแกล้งน้อง” “แพงก็ดูสิแสบขนาดนั้น ต้องโดนสักทีพี่ว่า” เธอดึงเขาให้นั่งลงข้าง ๆ ก่อน
“หน้าบูดมาแต่ไกลเลยนะแกเป็นอะไร” “แพงเขางอนผม” “หึ ไปทำอะไรให้น้องแพงเขาโกรธอีกล่ะ” “เรื่องที่ผมไม่ให้เธอไปซื้อของข้างนอกกับคนอื่น” “ไปซื้ออะไร แล้วทำไมแกไม่พาเธอไป โทรมาบอกฉันก็ได้แล้ว ปกติแกก็หนีงานประจำอยู่แล้วนิ” “เอ่อ..ก็จริง ทำไมผมไม่ไปกับเธอนะแต่ถ้าผมไปใครช่วยงานพี่ ไหนจะรถเจ้าไมค์ที่พนักงานคนนั้นขับไปพังอีก แต่ของที่ไปรับก็เป็นของที่ใช้ในงานด้วย ทำไมผมไม่ใช้เป็นข้ออ้างออกเที่ยวกับเธอนะ” “บ่นพึมพำอะไรของแก แล้วที่พูดหมายความว่ายังไง ยิ่งฟังฉันยิ่งงงสรุปแล้วใครใช้ใครไปเอาของ” “ช่างมันเถอะพี่แมธ ผมคงห่วงแพงมากไปมั่ง เฮ้อออ..ทำไงดีพี่ ตอนนี้แพงงอนผมจนไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เธอด้วยเนี่ย” “แกก็ลองอ้อนทำหน้าหงอย ๆ เหมือนตอนขอตังแม่ดูสิ ฉันว่าพอแกทำแบบนั้นทีไรมันได้ผลตลอดเลยนะ” “ชม?” “แล้วแต่แกจะคิด” “ครับผม แล้วเรื่องชิปปี้กับแม่ของเธอยังไง ๆ เรื่องของพี่ก็ใหญ่เหมือนกันนะและผมก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะถ้าพี่จะให้ผมปิดบังเรื่องนี้กับคนในครอบครัว” “เรื่องนี้ฉันต้องพิสูจน์ความจริงก่อน ไม่อยากทำอะไรชุ่ย ๆ เหมือนนาย” “ครับ ท่านประธาน ผมเบื่อจะคุยกับพี่แล้วไปหาเจ้าไมค์ดีกว
“ห้ะ ว่าไงนะคะ” “ทำใจดี ๆ ไว้แพง พอดีพีพีเขาสลบไปแล้วพี่เลยพาเขามาส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาการเขายังวิกฤตอยู่..” “แพง ๆ เป็นอะไร” พอเธอได้ยินประโยคที่ว่าน้องชายกำลังอยู่ในอาการถึงขั้นวิกฤต เธอก็เป็นลมเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปกับพื้น เขาที่ตกใจก็รีบประคองเธอไปที่เตียงเรียกสติเธอ พอเธอตื่นขึ้นมาได้ก็ปล่อยโฮ่ร้องไห้พรั่งพรูออกมาและยังกอดเขาไว้แน่นเขาก็ได้แต่กอดเธอทั้งยังใช้นิ้วปาดน้ำตาให้เธอ “ฮื่อ..พี่มาร์คช่วยพีด้วยค่ะ ฮื่ออ” “ใจเย็น ๆ ก่อนเกิดอะไรขึ้น” “ไม่ได้ ๆ แพงต้องกับไปหาพีตอนนี้ พี่มาร์คพาแพงกลับกรุงเทพตอนนี้นะคะ ฮื่อ” “แพง ๆ นั่งก่อนมองหน้าพี่ หายใจเข้าลึก ๆ นั่งก่อนนะเดี๋ยวพี่จัดการเอง” “ฮื่ออ ค่ะ” แม้เธอจะมีอาการกระวนกระวายแต่เธอก็เชื่อฟังเขาอย่างว่าง่ายเพราะเธอรู้ว่าตอนนี้เธอเหมือนคนสติแตก เขาเดินไปหยิบมือถือของเธอและกดไปเบอร์ที่โทรเข้ามาล่าสุดไม่นานปลายสายก็รับสายเขาทันที “แพงเธอโอเคหรือเปล่า พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจเมื่อกี้ทำไมสายตัดไปเลยอ่า” “แกหรอไอ้วิน” “มาร์ค! แกอยู่กับแพงใช่ไหม เฮ้อ..ตอนนี้แพงเป็นยังไงบ้าง” “ยังช็อคอยู่ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” “โอเค
ขณะที่พวกเขากำลังไปรอหน้าห้องผู้ป่วยเป็นจังหวะเดียวกันที่คุณหมอแจ้งว่าจะย้ายพีพี ไปอยู่ห้องผู้ป่วยรวม “หมอครับ ถ้าผมจะขอย้ายผู้ป่วยเข้าห้องพักพิเศษให้คนไข้ ยังพอจะมีห้องว่างอยู่ไหมครับ” “เอ่อ ถ้ามีห้องว่างก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายลองไปคุยกับห้องการเงินก่อนนะครับ” “ได้ครับ ขอบคุณครับ” “พี่มาร์ค แพงว่าลดขนาดเป็นห้องพิเศษรวมสองคนดีไหม ค่าห้องจะได้ถูกลง” “ไม่เป็นอะไรหรอกอาการของน้องชายแพงพี่ว่าเราต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด ส่วนเรื่องเงินแพงไม่ต้องกังวลนะ” “แต่แพงไม่อยากใช้เงินของพี่นิคะ ถ้างั้นเอาเงินแพงไปจ่ายก็ได้ค่ะ แพงยังพอมีอยู่ไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องนี้” “ไม่ต้องหรอกพี่จัดการเองดีกว่า” “หือ..ไม่ได้ค่ะ แพงขอร้องนะคะเขาเป็นน้องชายแพงแพงต้องรับผิดชอบเขาค่ะ จะว่าไปนี้มันก็เงินพี่อยู่ดี” “เชิญญาติคนไข้ไปชำระค่าใช้จ่ายที่ห้องการเงินหมายเลข 2 ค่ะ” ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกันเรื่องค่าใช้จ่ายของน้องชาย พยาบาลก็มาตามให้พวกเขาไปชำระค่าใช้จ่ายเบื้องต้นก่อน ซึ่งคนที่จ่ายก็เป็นเธอ “พี่มาร์คกลับคอนโดไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวแพงรอพ่อกับแม่ก่อนมาค่ะ”
“พีเป็นไงบ้างหิวไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า” “ไม่ค่อยหิวเท่าไรครับ พี่แพงกินข้าวมาหรือยัง แล้วนี้หอบอะไรมาเยอะแยะครับเนี่ย” “พี่กินข้าวมาแล้ว ส่วนนี้ของพีกับของแม่ แม่ล่ะไปไหนเหรอ” “น่าจะลงไปซื้อของครับ เพิ่งออกจากห้องไปไม่นาน” “พีเจ็บมากไหม” “งือ ทำไมน้ำเสียงสะอื้นแบบนี้ ผมแค่เจ็บนิดหน่อยครับ แล้วนี้พี่แพงร้องไห้หนักเลยใช่ไหมเนี่ย ตาบวมขนาดนี้มาให้ผมกอดปลอบใจอีกรอบมา” “ก็พีเป็นน้องชายคนเดียวของพี่นิ ฮื่อ” ท่ามกลางความมืดมนเธอรู้ว่าเธอจะต้องเข้มแข็งเพื่อคนที่เธอรักและเธอจะต้องเป็นเสาหลักให้น้องชายในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะซ่อนความเศร้าโศกของตัวเองและแสดงความเข้มแข็งหวังให้น้องชายเธอได้เห็นแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายกำแพงพวกนั้นก็พังทลายจนเธอต้องร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ส่วนน้องชายของเธอเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเขารู้เรื่องที่ตัวเองป่วยเป็นมะเร็งเมื่อไม่กี่วันมานี้ พอเขารู้เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองนั้นกำลังแบกโลกทั้งใบที่หนักอึ้งอยู่บนบ่า เขารู้สึกกลัวและเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตว่าใครจะดูแลพี่สาวไหนจะความสัมพันธ์ครอบครัวของพ่อแม่และพี่สา
หลังจากเขาทำงานเสร็จเขาก็รีบมารับเธอที่คณะเหมือนเดิมพร้อมทั้งซื้อขนมและนมกล่องไว้ให้เธอ “รอนานไหมคะ” “ไม่นานเลยพี่ก็เพิ่งถึงครับ พี่ซื้อนมกับขนมมาแพงกินลองท้องไปก่อนนะคะ” “ ขอบคุณค่ะ เราไปโรงพยาบาลเลยนะคะ” “ครับ” “อ้อ! พี่มาร์คแพงจะรบกวนพี่ขึ้นไปรอแพงที่ห้องพีเอาของไปไว้ที่ห้องให้พีหน่อยนะคะ พอดีวันนี้แพงนัดกับคุณหมอคุยเรื่องแผนการรักษาและเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ” “ได้ครับ พี่โอนเงินให้แพงเอาไว้สำรองไปจ่ายค่ารักษาน้องชายของแพงไว้ก่อนให้แล้วนะ” “ทำไมต้องโอนมาด้วยคะ” “เอาไว้เป็นเงินสำรองไว้ก่อนเพื่อต้องใช้เวลาจำเป็นค่อยกดก็ได้ ไว้แพงทำงานมีเงินเดือนก็ค่อยมาคืนพี่” “หื้ออ..แพงรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ พี่ไม่ต้องโอนมาก็ได้ ไม่งั้นก็เดี๋ยวเขียนสัญญากู้ยืมกันไปเลยพี่มาร์คจะคิดดอกเบี้ยได้เลยนะคะ” “งั้นแพงก็ส่งดอกให้พี่แล้วกัน” “พี่จะคิดร้อยละเท่าไรคะ” “พี่คิดเป็นรอบนะสิ” “พี่มาร์ค! เดี๋ยวเถอะค่ะ” ฮ่า ฮ่า พอเธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรก็หน้าแดงขึ้น ก่อนจะหรี่ตาดุ ๆ ให้เขา ส่วนเขาก็หัวเหราะลั่นอย่างชอบใจ จนในที่สุดพวกเขาก็ถึงโรงพยาบาล เธอเดินแยกตัวไปพบคุณหมอตามนัดส่วนเขาก็เดินขึ้
ณ บริษัท เวลา 21:00 นาฬิกามาร์คที่มานั่งโซฟ่าที่ห้องทำงานพี่ชายด้วยใบหน้าที่เศร้าเพราะเขาไม่อยากเห็นแพงเสียใจ ไหนจะน้องชายเธอที่พูดออกมาแบบนั้นเขารู้สึกว่าใครจะกล้าในเมื่อเด็กนั้นเป็นน้องของคนที่รัก เขาไม่อยากจะทำให้เธอลำบากใจเลยสักนิด พี่ชายที่เลิกประชุมเสร็จก็ได้แต่ขมวดคิ้วงงว่าทำไมเขาถึงมานั่งทำหน้าแบบนั้นที่ห้องของเขา “ทำหน้าเหมือนแพงปฏิเสธรักแกอีกแล้วเลยนะ” “ถึงไม่ใช่ก็ไม่ต่างกันครับ พี่แมธวันนี้ผมขอกลับบ้านพร้อมพี่นะ” “ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี่ย แกเนี่ยนะจะกลับบ้านเป็นอะไรมาอีกรอบนี้” “น้องชายแพงนะสิ เด็กนั้นมันไม่ชอบผมมันบอกว่ามันจะให้แพงไปคบกับไอ้วิน แถมยังให้ผมเลิกยุ่งกับแพงอีก ผมก็ไม่เข้าใจทำไมผมต้องรู้สึกหนักใจหรือต้องไปยอมมันด้วยนะ ก่อนหน้านี้มันก็เคยไล่ผมแต่ผมกับไม่รู้สึกเจ็บหรือรู้สึกแย่เหมือนครั้งนี้เลยว่ะพี่แมธ” “เพราะแกเป็นคนที่มีหัวใจและคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง เป็นไงรสชาติของรักแท้ ผู้ชายดี ๆ เขาก็ควรรักและให้เกียรติอีกคนยิ่งรักมากเท่าไรการเสียสละก็ต้องมีมากขึ้นกว่าเดิม พอเราต้องคิดถึงใจอีกคน มันเลยทำให้แกรู้สึกว่าบ้างอย่างแกก็ไม่มีสิทธิทำตามใจตัวเองได้ โตข
3 ปีต่อมา “สวัสดีครับคุณทนายสุดหล่อ วันนี้มาฟังคำพิพากษาใช่ไหมครับ” “ สวัสดีครับ ใช่ครับผม พี่ครับพอดีว่ารบกวนพี่หน้าบัลลังช่วยเช็คให้หน่อยได้ไหมครับว่าท่านผู้พิพากษาจะลงบัลลังกี่โมง พอดีว่าผมจะขอแวะไปส่งเอกสารอีกคดีที่บัลลังก์ 7 ครับ ผมเลยไม่รู้ว่าคดีผมที่บัลลังก์ 5 ท่านจะเริ่มกี่โมง” “จะไปนานเหรอครับคุณทนาย ได้ครับ ๆ งั้นเดี๋ยวผมจะเอาคดีของคุณทนายไว้เป็นคดีสุดท้ายช่วงเช้าเลยนะครับ แต่มันจะมีคดีที่สืบพยานกันอยู่อีกหนึ่งคดี ยังไงผมจะแจ้งผู้พิพากษาเจ้าของคดีให้ทราบนะครับ” “ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะรีบกลับมานะครับ” “ได้ครับ” ไมค์ยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ศาลก่อนที่จะเดินไปอีกห้องเพราะตอนนี้เขากลายเป็นทนายหนุ่มไฟแรงสุดฮอตที่กำลังเร่งทำงานอย่างตั้งใจ เขาพยายามค้นหาตัวเองและก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตให้ผ่านไป ขณะที่เขาจบคดีที่บัลลังก์ 7 ก็รีบเดินกลับมาที่บัลลังก์ 5 ซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้า คือผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยรักอย่างสุดหัวใจ กำลังนั่งอยู่คอกพยาน “พยานกำลังจะอ้างว่าภาพถ่ายที่พยานโอบกอดสามีของโจทก์อยู่นั้นไม่ใช่พยานอย่างนั้นเหรอครับ” “ค่ะ” “งั้นผมขอถามว่าพยานกั
บนโต๊ะอาหารตอนนี้ต่างก็ดูวุ่นวายเพราะไมค์ที่เริ่มได้ที่ก็พูดไม่หยุดเดินไปชวนคนนั้นคนนี้มาชนแก้วกับเขา ทุกคนที่จากตอนแรกจะทานข้าวกลายเป็นว่าตอนนี้ต่างก็ดื่มเป็นเพื่อนไมค์กันแต่เช้า หากมีเพียงแมธที่นั่งทานข้าวเสร็จก็กลับไปนั่งทำงานมองดูสถานการณ์ห่าง ๆ กับภาพครอบครัวที่ต้องบอกว่าหาดูได้ยากที่จะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและเมากันได้ที่ขนาดนี้ 3 ปีต่อมา “มาร์คยังไม่มารับแพงอีกเหรอ” “ยังค่ะพี่แมธ พอดีเท้าแพงบวมมาก แพงเลยให้พี่มาร์คไปเอารองเท้าคู่ใหม่มาให้แพงค่ะ” “ท้องดูโตขึ้นเยอะแล้วนะ” “ค่ะ ไปนั่งที่ห้องพี่ก่อนไหม จะได้นั่งโซฟ่าสบายขึ้น” “ไม่เป็นไรค่ะ แพงนั่งทำงานที่นี้ทั้งวันอยู่แล้วเดี๋ยวพี่มาร์คก็มาค่ะ” “ถ้างั้นเข้าไปดูเอกสารให้พี่หน่อยแล้วกันนะ” “ก็ได้ค่ะ” แม้ว่าเธอจะรู้ว่าจุดประสงค์ของแมธคืออยากให้เธอไปได้พักมากกว่าที่จะอยู่ห้องทำงานในแผนกนิติกรของบริษัท พอย้อนอดีตตอนที่เธอเข้ามาฝึกงานอยู่ที่นี้จนครบกำหนดและหลังเรียนจบที่มหาลัยเธอก็เปลี่ยนเป้าหมายเข้ามาสมัครงานเป็นพนักงานที่นี้อย่างเต็มตัว ซึ่งปัจจุบันเธอก็ตั้งท้องลูกของมาร์คได้ 4 เดือนพอพวกเขารู้ว่าเธอท้องทุกคนในครอ
เธอได้แต่ยิ้มและรู้สึกได้ถึงไออุ่นของครอบครัวเขา ที่มันอาจจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนที่ปรารถนาครอบครัวแบบนี้ หากแต่ชีวิตของเธอและใครหลายคนที่เลือกเกิดไม่ได้คงไม่ได้โชคดีแบบนี้สักเท่าไร หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จเธอก็นั่งรอเขาที่เตียงนอนไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงมีคนเปิดประตู แกร๊ก “ยังไม่นอนเหรอคะ” “แพงกำลังรอพี่อยู่ค่ะ เป็นไงบ้างคะเรียบร้อยดีไหม” “ครับ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะคะ” “ค่ะ” ขณะที่เธอยังไถมือถือเล่นระหว่างรอเขา พอเขาอาบน้ำเสร็จเขาก็รีบกระโดดขึ้นเตียงมานอนหนุนตักเธอ พร้อมกับเอาหน้าซุกพุ่งน้อย ๆ ของเธอทั้งยังทำหน้าอ้อน ๆ ให้เธออีก “พี่มาร์คง่วงนอนหรือยังคะ เรานอนกันเลยไหมคะ” “เราทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” “ หื้อ แพงว่า..อย่าเลยดีกว่าค่ะ แพงอายคนอื่นเขาผู้ใหญ่ก็อยู่ในบ้านด้วย แพงไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีเลยค่ะ รอบก่อนก็อายพี่แมธจะตายอยู่แล้ว” “หื้อ..อายทำไมเรื่องธรรมชาติไหมคะ” “ไม่ต้องเลยค่ะเรานอนกันได้แล้ว” “ขอนอนหนุนตักนุ่ม ๆ นี้ก่อนได้ไหมครับ” “เอ้..มาลูบท้องแพงแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” “พี่แค่คิดว่าถ้าเรามีลูกด้วยกันเขาจะหน้าตาหล่อสวยเหมือนพี่ไหมนะ”
“พวกเราทุกคนรู้ดีว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พี่แมธและมาร์คเองก็เล่าเรื่องของหนูมาให้น้าฟังเยอะพอสมควร ถ้าหนูยังไม่พร้อมหรือขาดเหลืออะไรก็บอกน้าได้เลยนะลูก ให้น้าไปขอกับพ่อกับแม่เราเถอะนะทุกอย่างจะถูกต้อง” “อันที่จริง ครอบครัวของแพงก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวคนอื่นเท่าไร ถ้าคุณน้าทั้งสองจะคุยกับครอบครัวแพง แพงก็ไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่แพงอยากจะบอกคือแพงไม่ได้ต้องการให้ครอบครัวแพงได้เงินจากครอบครัวของคุณน้าแม้แต่บาดเดียว เงินที่จะสร้างครอบครัวแพงขอให้มาจากพี่มาร์คและแพงเท่านั้นนะคะ” “แพง..เอาจริงดิ ตอนนี้เงินติดบัญชีพี่มันแทบไม่เหลือแล้วนะ แถมโดนเจ้าไมค์ปล้นไปอีก” “ค่ะพี่มาร์ค คุณน้าทั้งสองอาจจะมองว่าแพงอวดดี แต่แพงไม่ได้มีเจตนานะคะ มันคือความตั้งใจของแพงว่าถ้าแพงจะสร้างครอบครัวจริง ๆ แพงก็อยากจะสร้างความทรงจำและสร้างอนาคตกับคนที่แพงรักด้วยตัวของพวกเราเองค่ะ” “เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหมคะ เงินพ่อกับแม่ก็มีจะเสียเวลาทำไมคะ” เขาพยายามจะต่อรองกับเธอเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้เธอก็ต้องการจะสารภาพความในใจให้หมดเลย “เอาสิลูก น้องแพงมาใก
“เปล่า.. ” “ตาแดงขนาดนั้นยังจะโกหกอีกนะคะ” หมับ เขากอดเธอไว้แน่นเพื่อไม่เธอหันมาเห็นน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะเอามือปาดน้ำตาตัวเอง “แพงอย่าพูดแบบนี้กับพี่ได้ไหม พี่ไม่ชอบเลย” “แพงพูดแบบไหนคะ” “ก็ที่บอกว่าจะไม่อยู่กับพี่แล้วไง พี่ขอโทษ ขอโทษกับทุก ๆ การกระทำของตัวเองเลย แพงอย่าโกรธพี่เลยนะ” “ก็ได้ค่ะ ไหนหันหน้ามาให้แพงดูหน่อย โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะครั้งนี้แพงจะไม่โกรธพี่ก็ได้ค่ะ พี่มาร์คก็ปล่อยแพงได้แล้วแพงอายคนอื่นเขา อีกอย่างคนที่พี่ควรจะขอโทษก็คือน้องไมค์ พี่พูดแบบนั้นออกมาได้ไงคะ น้องเขารักพี่ขนาดไหนพี่รู้ไหม พี่มาร์คไม่คิดว่าไมค์จะเสียใจบ้างเหรอคะอย่าลืมไปขอโทษน้องนะคะ” “ครับ” “อีกเรื่องนะคะ แพงเองก็ไม่ได้ชอบเพลงขวัญแต่ที่พี่ทำแบบนั้นกับผู้หญิงมันจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวพี่ไป คนที่โดนพี่ทำร้ายร่างกายสักวันมันอาจจะเป็นแพงก็ได้ฉะนั้นช่วยเลิกใจร้อนมือเร็วแบบนั้นด้วยนะคะ” “ครับ ปกติพี่ก็ไม่ได้ทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ แต่เด็กนั้นมันน่าโดนนิ แม่พี่เดินมาแล้วเราหายงอนกันได้แล้วใช่ไหม” โอ้ยยย.. “มี้ครับผมเจ็บ ปล่อยมือก่อนครับ หูผมจะหลุดแล้วเนี้ย” “ยังจะกล้าบอกว่าเจ็บอีกเหร
คำพูดที่แสนจะธรรมดาของแม่มาร์คมันเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจเธอจนเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาและชาไปทั้งใจ เธอเองก็ไม่เคยนึกถึงอนาคตตัวเองเลยด้วยซ้ำตั้งแต่สูญเสียน้องชายเธอไป เป้าหมายในชีวิตที่เคยคิดไว้มันพังทลายไปแล้วจริง ๆ เธอจึงไม่มาสามารถตอบคำถามใด ๆ ได้เลย เขาหันหน้าไปมองเธอก็เห็นถึงแววตาที่ไร้จุดหมายและปนเศร้าอยู่หน่อย ๆ เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอเพื่อให้กำลังใจ “ถ้าแพงยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต พี่จะสร้างเป้าหมายในชีวิตให้แพงเอง แพงอย่าเศร้าไปเลยนะ” พรวด! แค่ก แค่ก “เอาตัวเองให้รอดก่อนไหมมาร์ค นายเองก็ยังไร้จุดหมายในชีวิตเหมือนกันเท่าที่ฉันเห็นแกหนักกว่าน้องแพงเยอะเลยนะ” “ผมก็ช่วยงานพี่อยู่นี้ไง” “มองดูก็รู้ว่าที่ทำอยู่เนี่ยทำเพราะไม่มีอะไรทำ หึ!” “พ่อว่าหนูแพงไปเรียนต่อโทที่ฝรั่งเศสไหมหรือเยอรมันก็ดีนะ เผื่อเจ้าไมค์จะไปเรียนต่อน้องจะได้มีเพื่อนด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าเทอมพ่อดูแลเอง” “ผมไม่อนุญาตครับ” “ถามน้องแพงยัง แม่ว่าน้องอาจจะอยากไปเรียนต่อก็ได้” “งืออ” “แพงขอบคุณคุณน้าทั้งสองคนมาก ๆ นะคะที่เอ็นดูแพงแต่เรื่องนี้แพงขอยังไม่รับน้ำใจนะคะ แพงอยากลองพึ่งพาตัวเองก่
เธอรีบลงจากตึกคณะวิ่งมาหาเขาที่รถทันที หลังจากบอกลาเพื่อน ๆ พอเธอเห็นหน้าเขาเธอก็ส่งร้อยยิ้มให้เขาทันที “รอนานไหมคะ” “ไม่ครับ แพงหิวไหม” “ไม่ค่อยเท่าไรค่ะ” “วันนี้แม่พ่อพี่กลับมาไทยพวกท่านอยากเจอแพงด้วยตอนเย็นเราไปกินข้าวกับท่านทั้งสองคนนะ” “แต่แพงยังไม่พร้อมเลยนะคะ อีกอย่างแพงก็ไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไงด้วย” “พ่อกับแม่พี่ท่านเป็นคนง่าย ๆ แพงไม่ต้องตื่นเต้นหรือเป็นกังวลไป” “ยังไงนี้ก็เป็นครั้งแรกแพงก็ต้องกังวลอยู่ดีค่ะ อีกอย่างเสื้อผ้าแพงก็ไม่ได้มีชุดที่เรียบร้อยเท่าไรในตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เสื้อผ้าเก่า ๆ พี่มาร์คไปเถอะค่ะแพงอยู่ห้องคนเดียวได้ค่ะ” “พี่ก็ไปด้วยนะ ยังไงพี่ก็ไม่ทำให้เราขายหน้าหรอก..งั้นตอนนี้เราไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็ได้ค่ะ” เขาจ้องหน้าเธอทำหน้าไม่พอใจและพยายามบังคับเธอให้ไปด้วย ก่อนที่จะซะงักและเปลี่ยนการกระทำเป็นกระพริบตาถี่ ๆ แววตาออดอ้อน พอเธอเจอไม้ตายนี้ที่ไรเธอก็ต้องใจอ่อนอยู่ดี “ค่ะ งั้นก็ไปซื้อกันเลยดีกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเวลา ขอบคุณนะคะ” “เก่งมากครับว่าที่ภรรยา” “ว่าที่สามีอ้อนขนาดนี้มีเหรอว่าแพงจะไม่ตามใจ” พอเขาได้ยินคำว่า “ว่าที่สามี” เขา
พอพ่อกับแม่เธอเห็นว่าเช็คใบดังกล่าวอยู่ในมือเขาทุกคนต่างก็จ้องตาเป็นมันก่อนที่พ่อเธอจะดึงแขนเธอเดินแยกออกมาคุย “ทำไมแกต้องให้คนนอกถือเช็คด้วย ต่อให้เป็นแฟนกันก็เถอะไว้ใจได้ที่ไหน ไม่รู้เหรอว่าถ้าเป็นเช็คเงินสดแล้วเกิดมันเอาไปขึ้นเงินแล้วหนีไปจะทำไง” “หึ! ทำไมคะกลัวไม่ได้เหรอ แพงไม่โลภหรอกค่ะ” “พ่อไม่ได้หมายถึงแก แต่พ่อหมายถึงแฟนแก ยังไง ๆ ก็ควรเอามาไว้กับคนในครอบครัวดีกว่า ถ้าแกไม่ถือก็เอามาฝากไว้ที่พ่อเพราะของพ่อกับเพลงขวัญร่วมกันก็30 % เหมาะสมที่จะถือมากกว่า” เธอได้แต่นึกสมเพชและรู้สึกสงสารพีที่มีพ่อแบบนี้ เงิน 100,000 บาทก่อนหน้านี้พ่อเขาก็เลือกที่จะไม่ให้เธอ แต่พี่มาร์คที่เป็นคนนอกที่พ่อเธอหมายถึงกับโอนเงินให้เธอ1,000,000 บาทโดยไม่ได้เอ่ยขอคืนจากเธอสักคำแล้วเหตุผลอะไรที่พี่เขาจะมาขโมยเช็คแค่ใบเดียว “พ่อไม่อายเหรอคะ ตอนแพงขอเงินมารักษาน้อง พ่อมีเหตุล้านแปดที่จะไม่ให้แพงมาจ่ายค่ารักษา แต่พอเห็นเงินแค่นี้พ่อกับกลัวไม่ได้ ปล่อยค่ะ แพงจะไปเตรียมงาน” พ่อเธอที่ได้ฟังคำพูดของเธอก็สะอึกและชะงักนิ่งไป เธอที่ไม่อยากเห็นหน้าพ่อตัวเองจึงจะเดินหนีออกจากตรงนี้ “แล้วแกจะไปขึ้นเงิ
จนเกือบจะหกโมงเช้าเขาสะกิดเรียกเธออีกครั้ง “แพงเราไปข้างในโรงพยาบาลก่อนไหม แม่แพงมาแล้วนะ” “ค่ะ พี่มาร์คแพงยังไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ของแพงเลย แพงขอมือถือหน่อยค่ะแพงจะได้โทรบอกน้ำค้าง” “ครับ งั้นพี่ไปซื้ออาหารเช้าให้แม่แพงก่อนนะ เราก็นั่งรอพี่ที่นี้ก่อนห้ามไปไหนเข้าใจไหม” “ค่ะ” หลังจากนั้นเธอก็กดเบอร์โทรไปหาน้ำค้างทันที “อื้อ..มีอะไรโทรหาฉันแต่เช้าเลยนะแก” “พีเสียแล้วนะน้ำ” “หื้อ..แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนอยู่กับใครฉันจะรีบไปนะ” “ฉันอยู่โรงพยาบาลกับพี่มาร์คแกไม่ต้องรีบก็ได้มันยังเช้าอยู่เลย” “แล้วแกได้โทรบอกผักกับโต้หรือยัง” “ยังเลย” จากน้ำเสียงที่งัวเงียของน้ำค้างพอทราบข่าวของพีเธอก็สดุ้งตัวตื่นขึ้นมาทันที “โอเค เดี๋ยวฉันจะรีบไปหาแกนะส่วนสองคนนั้นฉันจะโทรบอกเอง ฉันแสดงความเสียใจอีกครั้งด้วยนะแพง” “ขอบใจแกนะน้ำค้าง” “ไว้เจอกันนะ” “อืม” เธอมองเขาที่กำลังถืออาหารเช้ามาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แค่เสี้ยววินาทีเธอก็เริ่มรู้ตัวว่าควรจะจัดการเรื่องของน้องชายเธอให้แล้วเสร็จและราบรื่นก่อน เพราะน้องชายเธอไม่เหลือใครที่จะจัดการเรื่องที่เหลือได้อีก เขาเดินมาจับมือเธอเดินเข้าไปในโ