อีกทั้งเมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความเย็นชาและเฉยเมย ไล่ไปอีกฝั่งหนึ่งก็มีร่างหนาใหญ่ที่ชื่ออินซอฟยืนคุมเชิงอยู่อีกคน“ฉันไม่เข้าใจ พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันแน่”น้ำเสียงแข็งกร้าวดังจากริมฝีปากอวบอิ่ม อีกทั้งดวงตากลมโตเป็นประกายแข็งกร้าวและไม่ยอมคน สมองคมปลาบพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะดึงเอาตัวปิยาพัชรออกจากแขนแกร่งคู่นั้นได้“ผู้ชายสารเลว คิดว่าฉันเป็นคนโง่ ถึงมองไม่ออกว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ คิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมปล่อยน้องสาวให้อยู่ในกำมือหรือไง คิดผิดเสียแล้ว” เอ่ยเสียงลอดไรฟัน“ปล่อยน้องสาวฉันได้แล้ว...คุณฟารฮาน”กัญญาพัชรย้ำน้ำเสียงหนักและเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ใจร้อนรุ่มเหมือนกับมีเพลิงไฟสุมอยู่ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างใหญ่ยังคงนั่งยิ้มเฉย ราวกับกำลังถูกใจอะไรสักอย่างฟารฮานฉีกยิ้มกว้าง ชื่นชอบและชื่นชมในความฉลาดและกล้าหาญของแม่สาวตรงหน้า คิดไม่ผิดเลยที่เลือกกัญญาพัชรให้ไปช่วยงานพี่ชาย“คุณฉลาดและก็ดูว่าจะเข้าใจอะไรได้ง่ายเหลือเกิน ผมก็จะขอพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมละกัน อย่างแรกก็คือผมชอบน้องสาวคุณ และอย่างที่สองคือผมต้องการให้คุณช่วยงานอะไร
“คิดให้ดีๆ นะคุณมัดหวาย ไม่ใช่ว่าผมจะข่มขู่ ผมจะทำเองก็ได้งานนี้ แล้วพาน้องสาวคุณไปอยู่ที่ไหนก็ได้ และผมเชื่อว่าถึงคุณจะเก่งและมีคนช่วยเหลือมากแค่ไหนก็หาไม่เจอแน่”กัญญาพัชรหงุดหงิดและไม่ไว้วางใจในตัวฟารฮานเอาเสียเลย ก็ไอ้ลูกกะตาวาววับ ใบหน้าคมคร้ามนั้นดูเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกิน แต่ถ้าไม่รับปากทำงานให้ก็ไม่รู้จะเอาตัวน้องสาวออกจากอ้อมแขนใหญ่นั้นได้อย่างไร ลมหายใจหญิงสาวหอบแรง คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นเป็นโบขนาดใหญ่ ฟันขาวขบกัดลงบนริมฝีปากอย่างไม่รู้สึกเจ็บ“อย่างนี้มันข่มขู่กันชัดๆ ถ้าฉันตกลงทำงานให้ ฉันจะมั่นใจได้ไงว่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่ น้องสาวฉันจะไม่ถูกรังแกน่ะ อีกอย่างเหมือนจันตีพูดก็ถูก ถ้าฉันทำงานให้คุณไม่สำเร็จ คุณก็เอาข้ออ้างนี้ดึงเอาตัวน้องสาวฉันไว้ ในกรณีกลับกันถึงฉันทำงานสำเร็จ จะรู้ได้ไงว่าคุณจะรักษาคำพูดน่ะ”ฟารฮานถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ยิ่งได้พูดคุยก็ยิ่งชื่นชมในความกล้าหาญและฉลาดเฉลียวของกัญญาพัชร“อันนี้ฉันก็ให้คำตอบเธอไม่ได้หรอกนะมัดหวาย”ปิยาพัชรที่นิ่งเงียบมานาน เพราะต้องการใช้เวลาครุ่นคิดถึงเหตุผลหลายๆ ด้าน แล้วก็เป็นจริงตามที่จันฑีราและพี่สาวพูด ยังไงซะเธ
“แต่มัดหมี่ไม่อยากให้พี่มัดหวายไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้น แล้วก็ไม่อยากให้จันตีต้องมาเดือดร้อนเพราะมัดหมี่ด้วยนี่คะ” ปิยาพัชรพูดเสียงอ่อยๆ ใบหน้าขาวสวยเศร้าและหม่นหมอง ด้วยความคิดว่าเพราะเธอคือสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน ดวงตากลมโตชื้นด้วยหยาดน้ำตา ก้มมองนิ้วมือตัวเองที่กำลังถูไถไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี“ไม่ใช่นะมัดหมี่ ไม่มีใครคิดแบบนั้นเลย แกก็อย่าโทษตัวเองซิ” มือเล็กยื่นมาจับมือเรียบและบีบเบาๆ ให้กำลังใจ ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นซับน้ำตาบนใบหน้าขาว และพยายามดึงเอาเรื่องอื่นๆ หันเหความรู้สึกเศร้าของเพื่อนรัก “ฉันว่าแกน่ะคิดมากไปเองมัดหมี่ ถึงไม่มีแก ยังไงซะนายพวกบ้าสองคนนั้นก็คงยังจะหาทางเล่นงานฉันกับพี่มัดหวายก็ได้ แล้วอาจจะแรงกว่านี้อีกใช่ไหมคะพี่มัดหวาย” ท้ายสุดจันฑีราก็หันไปหาลูกคู่ที่ยังคงเดินวนไปเวียนมาไม่ยอมหยุด“นั่นซิมัดหมี่ พี่ก็คิดเหมือนกับจันตีนะ” ร่างโปร่งเดินเข้ามาหาน้องสาว แขนยาวเรียววางบนบ่ากว้าง มือตบบนศีรษะทุยได้รูปเบาๆ “อีกอย่างพี่เชื่อว่าถ้าพี่ตั้งใจทำอะไรแล้วต่อให้มีอุปสรรคเป็นภูเขาสูง หรือแม้ทะเลทรายขวางหน้า พี่ก็จะฝ่าฟันมันไปจนได้นั่นแหละ น้องสาวคนสวยของพี่
“เอาน่า ยังไงซะแคว้นซัลจาร์บาเมียก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก การติดต่อสื่อสารก็สะดวก ฉันจะให้มัดหมี่ติดต่อพี่สาวบ่อยๆ ดีไหม ว่าแต่ตอนนี้คนน่ารักไปนอนก่อนดีกว่าไหม ตื่นมาพรุ่งนี้ไปส่งพี่สาวจะได้หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ขืนไปหน้าโรยเดี๋ยวพี่มัดหวายเป็นกังวลนะ”“ค่ะ” แขนเรียวยาวยกขึ้นโอบรอบคอแกร่ง เมื่อเห็นว่ากายใหญ่โน้มตัวลงและตวัดเอาร่างบอบบางขึ้นจากพื้น และก้าวเดินไปที่เตียงใหญ่อย่างมั่นคงฟารฮานวางร่างบอบบางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ริมฝีปากหนาประทับบนหน้าผากกว้างพร้อมรอยยิ้มหวาน “หลับเถอะมัดหมี่ ฉันสัญญาว่าคืนนี้จะไม่ทำอะไรเธอ”‘แต่หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เตรียมตัวรับมือฉันให้ดีนะสาวน้อย เพราะเธอจะไม่ได้นอนสบายๆ ในอ้อมกอดของฉันอีกแล้ว’ ร่างหนาใหญ่ทอดกายนอนเคียงร่างบอบบาง มือใหญ่จับรั้งศีรษะทุยให้วางบนแขนแข็งแกร่ง และอีกข้างก็โอบรัดกายบาง และหลับตาไปพร้อมๆ กับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า“ดูแลตัวเองดีๆ นะมัดหมี่ น้องสาวคนเก่งของพี่จะต้องไม่มีน้ำตาให้พวกคนใจร้ายเห็น” มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าขาวเนียนของน้องสาวอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล พร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจ มือเรียวจับมือเล็กและเย็นเฉียบ
“คุณฟารฮานคะ” หน้านวลเบี่ยงหนีจนจมูกโด่งคม พลาดเลยไปที่ลำคอระหงแทน มือเรียวเย็นเฉียบวางทับบนมือใหญ่ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มสลับอ้าออกจะพูดบางอย่าง แต่ก็ยังกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วจะทำให้ฟารฮานไม่พอใจ แล้วทำให้คนที่รักเป็นอันตราย แต่ถ้าไม่พูดไปเธอก็จะอึดอัดและคับแค้นใจอยู่ไม่สุข“หืม...” มือใหญ่ช้อนปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายเว้าวอน ดวงหน้าขาวซีดหม่นหมองจนใจแข็งแกร่งถึงกับอ่อนยวบลง “มีอะไรล่ะมัดหมี่ กลัวอะไรหรือคนดี” แขนใหญ่โอบรัดร่างบอบบางเข้ามาแนบกาย จนร่างเล็กเคลื่อนขึ้นมานั่งบนตักกว้าง“มัดหมี่เป็นห่วงพี่มัดหวายกับจันตี คุณฟารฮานอย่าทำอะไรพี่สาวและเพื่อนรักของมัดหมี่นะคะ” ในที่สุดปิยาพัชรก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ดวงตากลมโตแฝงรอยเศร้าหม่นหมอง มือเล็กเรียวเย็นเฉียบวางทับบนมือใหญ่ที่ขยับเคลื่อนไหวแผ่วพลิ้วตามเรือนกาย ไม่ว่าแตะต้องไปยังส่วนใดก็ทิ้งความร้อนผ่าวและปลุกเร้าเพลิงปรารถนาให้ค่อยๆ ลุกโชนอย่างรวดเร็ว“ฉันให้สัญญาไม่ได้นะมัดหมี่ เพราะคนที่จะดูแลสองคนนั้นไม่ใช่ฉัน”ปลายนิ้วยาวเรียวลูบไล้ใบหน้าขาวเนียน ริมฝีปากหนาประทับบนหน้าผากกว้าง แล้วขยับ
ถ้าไม่ทำแบบนี้แม่เสือสาวที่หวงน้องราวกับจงอางหวงไข่ก็ต้องคอยกีดกันน่ะซิ ไม่ใช่ว่าเขาจะจัดการเองไม่ได้ แต่เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปวุ่นวายคอยจัดการคนขี้หวงเองล่ะ สู้ส่งไปให้พี่ชายจัดการ ส่วนตัวเขาเองขอมีความสุขกับแม่เนื้อสมันน้อยแสนหวานดีกว่าเป็นไหนๆ ฟารฮานคิดอย่างคนเห็นแก่ตัว“มัดหมี่” จันฑีรามองตามร่างเพื่อนสาวที่เดินกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของเสือตัวใหญ่และแข็งกร้าวอย่างงุนงงและไม่เข้าใจ แต่การคบหากันมากับปิยาพัชรนานเกือบยี่สิบปี ก็ทำให้รู้ได้อย่างหนึ่งว่าเพื่อนจะต้องมีเหตุผลในการกระทำ อีกอย่างตอนนี้เธอคงจะมัวไปคิดถึงเรื่องของคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะศัตรูมายืนยิ้มแฉ่งอยู่เบื้องหน้าใบหน้าขาวสวยเชิดขึ้นสูง ดวงตาเป็นประกายมั่นคง สองแขนเรียวยกขึ้นเท้าสะเอว สองเท้าขยับยืนแยกห่างกันเล็กน้อย อย่างเตรียมพร้อมที่จะสู้เพื่อหาทางเอาตัวรอดจากอินซอฟให้ได้ แล้วค่อยย้อนกลับไปช่วยเหลือปิยาพัชรทีหลัง“จะรีบไปไหนล่ะจันตี ไม่อยู่คุยกันก่อนหรือไง”อินซอฟเอ่ยถามเสียงทุ้ม สองมือใหญ่ยกขึ้นกอดอก ขาแข็งแกร่งข้างหนึ่งก้าวล้ำมาด้านหน้า ใบหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ดวงตาคมกวาดมองสาวน้อยตรงหน้าดว
“อ๊ะ...ถ้าไม่หยุดนะสาวน้อย ฉันจะจูบเธอตรงนี้แหละ ไม่สัญญาด้วยนะว่าจะหยุดตัวเองได้หรือเปล่า แบบว่าเธอก็ร้อนแรงเหลือเกิน จนฉันหยุดไม่ได้แสดงบทรักแบบไม่อายเพื่อนๆ ที่รอคอยอยู่กับพวกเทวดาอารักษ์ที่รักษาที่นี่อยู่ก็ได้”ชายหนุ่มเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อีกทั้งริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประทับบนลำคอระหงแผ่วเบาและนุ่มนวล แล้วค่อยเคลื่อนไปด้านบนขบเม้มติ่งหูนุ่ม ปลายลิ้นสากระคายสอดไซ้กระเซ้าเย้าแหย่ช่องหูนุ่มขนบนเรือนกายบอบบางลุกซู่ ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ลมหายใจหอบแรงจากทั้งการหนีเอาตัวรอดและอารมณ์ปรารถนาที่พลุ่งพล่านขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าขาวสวยเห่อแดงระเรื่อ“หยุดแล้ว...ฉันหยุดทำร้ายนายละ...แล้ว นายก็ปล่อยฉัน...ได้แล้วสิอินซอฟ” จันฑีรารวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาตวาดใส่ไอ้คนใจร้ายเสียงเขียว สองมือเรียวแกะมือใหญ่ออกจากตัวอย่างรีบเร่ง“เสียใจด้วยนะจันตี เราสองคนมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ ไหนจะโทษทัณฑ์ที่เธอกล้าพาผู้หญิงของนายฉันหนีล่ะ แล้วยังจะทำร้ายฉันต่างๆ นานาอีกด้วย”ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่ม แขนใหญ่ช้อนร่างบอบบางพาเดินไปขึ้นรถ ซึ่งตอนนี้เพื่อนเปิดประตูรอรับอย
“อย่างคุณฟารฮานน่ะ คงป้อนและขอรางวัลเสียจนมัดหมี่เหลือแต่กระดูกแน่เลย” สองมือเรียวแบออกอย่างยอมแพ้ ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยิบระยับ“ว้า...เสียดายจังเลยแฮะ มัดหมี่ไม่น่ารู้ทันเลย”ปิยาพัชรอมยิ้มแก้มตุ่ย ดวงตากลมโตคู่นั้นยิ่งส่องแสงกะพริบระยิบระยับแข่งกับแสงไฟ มือเรียวแกะแขนใหญ่ออกจากเอว แต่มีหรือที่ฟารฮานจะยินยอมง่ายๆ ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับบนลำคอระหงและขบเม้มไล่ไปขนถึงใบหูนุ่ม“เรื่องอะไรล่ะมัดหมี่ รู้ไหมฉันรอวันนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่เจอหน้าเธอไม่เคยมีคืนไหนที่จะนอนหลับ”มือใหญ่ไล้ไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่มระหว่างเอวเล็กคอด ขยับเคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนช้าๆ ใบหน้าคมคร้ามยิ้มกริ่ม ดวงตาเป็นกายพราวระยับและเจ้าเล่ห์แสนกล อีกทั้งปลายลิ้นสากระคายหยอกเย้าช่องหูนุ่ม ก่อนประพรมจุมพิตไปตามแก้มนุ่มหอมสองมือเล็กเรียวรีบยกขวางเอาไว้ หัวใจเต้นตึกตักๆ เหมือนกับมีใครเอากลองเพลมาตีอยู่ภายใน ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ สมองก็ครุ่นคิดหาทางเอาตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือเสือร้าย ที่จ้องขย้ำกลืนกินเนื้อสมันน้อย“มะ...ไม่นะคะคุณฟารฮาน ไหนสัญญาแล้วว่าจะไม่รังแกและไม่ทำอะไร ถ้ามัดหมี่ไม่ยอมไงคะ
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว
“ยานี่จะช่วยให้เจ้าดีขึ้นและหายดีในเร็ววันนะ” แม้จะไม่หมดทั้งถ้วยแต่ยาที่เข้าไปจะทำการขับพิษที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายกัญญาพัชรให้ออกมาอย่างช้าๆ และหมดในที่สุด มือใหญ่ปิดปากเรียวยาวไม่ให้หญิงสาวพ่นยากลับออกมาจนกว่ายาทั้งหมดจะหายเข้าไปในกาย“อือ...” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นจิกทึ้งดึงมือใหญ่ออกจากใบหน้า เจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมาจากกระบอกตากับเรี่ยวแรงที่ชายหนุ่มกดลงไป และยังฝืดๆ และเหม็นเน่ากับสิ่งที่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกาย“อดทนนิดมัดหวาย อีกไม่นานเจ้าก็หายแล้วคนดี ยานี้จะเป็นยารักษาให้เจ้าหายจากอาการบาดเจ็บและพิษร้ายที่เข้าสู่ร่างกายนะคนดี”“พิษร้ายหรือเพคะ หมายความว่า...”“ใช่ คมมีดที่บาดลงไปในเนื้อของเจ้าอาบด้วยยาพิษร้ายแรง ถ้าเป็นเราอาจจะเพียงแค่หมดแรง จนกลายเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตได้ แต่กับเจ้ามันทำให้เจ้าเกือบจะจากเราไปตลอดชีวิต...รู้ไหม”“แต่หม่อมฉันว่ามันก็คงดีกว่าตื่นมาเป็นตัวตลก เป็นผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งในสายตาของพระองค์ไม่ใช่หรือเพคะ” กัญญาพัชรเอ่ยถามอย่างน้อยอกน้อยใจ หลายครั้งที่เธอลืมตาตื่นมาแล้วก็มีเพียงแค่ความเงียบของห้อง และยังมีคนแปลกหน้าที่คอยทำอะไรกับร่างกายก็ไม่รู้ จับพ
“มัดหมี่ทำใจดีๆ และฟังฉันให้ดีนะ” ร่างหนานั่งลงหน้าปิยาพัชรด้วยร้อนรนกระวนกระวายใจและหวาดหวั่น กลัวหญิงสาวจะรับไม่ได้กับข่าวที่จะได้ยินต่อไปนี้ แต่ถึงจะกลัวเพียงใดเขาก็จำเป็นต้องบอกให้หญิงสาวได้รับรู้ สองมือใหญ่จับรั้งมือเล็กเรียวและบีบเบาๆ“ค่ะ มีอะไรหรือคะคุณฟารฮาน” หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดเหลือเกิน แล้วเมื่อครู่อินซอฟที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเลยสักนิด“เราต้องเดินทางไปแคว้นซัลจาร์บาเมียอย่างด่วนที่สุด”“อืม...ก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ คุณฟารฮานเป็นคนที่นั่น เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านก็ไม่เห็นแปลก”ปิยาพัชรตอบกลับ แม้จะใจหายๆ ที่ต้องจากชายหนุ่มไป แต่ก็เข้าใจว่ากัญญาพัชรอาจจะทำงานเสร็จแล้ว หรือไม่ฟารฮานก็ต้องเดินทางไปเพราะงาน แต่เขาจะต้องกลับมาอีก“ไม่ใช่อย่างนั้นนะมัดหมี่...มัดหวายบาดเจ็บ”“พะ...พี่มัดหวายบาดเจ็บ” สองมือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยื่นไปจับแขนใหญ่และเขย่าแรงๆ“ตอนนี้พี่มัดหวายเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บตรงไหน ใครเป็นคนทำ และบาดเจ็บได้ยังไง มีใครดูแลพี่มัดหวายอยู่” หญิงสาวถามยาวน้ำเสียงสั่นเทาน้ำตาอุ่นร้อนไหลอา
“แน่ใจหรือองค์ประมุขนาสเซอร์ ว่าพระองค์จะเอาชีวิตรอดจากคนของเราได้น่ะ ในเมื่อตอนนี้คนของเราล้อมสถานที่จัดงานในวันนี้ไว้หมดแล้ว” เจ้ากรมมหาดไทยเอ่ยถาม ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่ยังไงเขาก็ยังมีไม้ตายซ่อนอยู่และนาสเซอร์ก็คิดไม่ถึงแน่“ได้ซิท่านเจ้ากรมมหาดไทย” ชายหนุ่มที่เข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหลายคนที่ถูกมัดและลากมาเป็นพรวน“ตอนนี้ข้างนอกนั้น คนที่ท่านวางไว้ถ้าไม่ตายก็หลบหนีไป บ้างก็ถูกจับอย่างเจ้าพวกนี้ไง” กาซิมเอ่ยพูดอย่างหัวเสีย เพราะคนที่หายไปบางคนจะเป็นตัวการใหญ่ๆ นับรองจากเจ้ากรมมหาดไทยและเจ้ากรมการคลังเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นจะต้องคอยแอบซุ่มอยู่เพื่อที่จะทำให้แผนการสำเร็จลง อาจไม่ใช่วันนี้แต่ก็เชื่อว่าในไม่นานแน่ เพราะถ้าปล่อยให้เนิ่นนานไปเขาและทุกคนที่ยังจงรักภักดีจะต้องตามจับตัวมาลงโทษได้“นาสเซอร์ระวัง...” มือเรียวข้างหนึ่งผลักร่างหนาใหญ่ให้ออกห่างและเอาตัวเองเข้าไปรับปลายมีดแหลมคมที่พุ่งมาจากผู้หญิงร่างอวบอัดซึ่งยืนอยู่ในระยะกระชั้นชิดและอีกมือก็สวนหมัดหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะหันตัวหลบแล้วแต่ปลายมีดก็ยังถากแขนเรียวยาวไปแต่กัญญาพัชรก็ไม่มี