“ขวัญ” เหมันต์เรียกชื่อหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ลดสายตาลงจับจ้องกลางกายสาว นิ้วโป้งสัมผัสไล้คลึงเนินเนื้อเบาๆ ก่อนจะกดแรงจนจมลงตามรอยปริแยก เพื่อสัมผัสกับเม็ดเนื้อนุ่มนิ่มที่ไวต่อการกระตุ้นเร้าทั้งที่ยังมีผ้าลูกไม้ขวางกั้นไว้
“คุณเหม” ร่างสาวสั่นสะท้าน นิ้วร้อนที่คลึงวนผ่านผ้าลูกไม้ให้ความรู้สึกสากระคายจนเกิดความเสียดเสียวแปลกใหม่ กายสาวจึงหลั่งน้ำหวานออกมาเอ่อซึมเปียกผ้าเนื้อบางจนชุ่มฉ่ำ เหมันต์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผ้าลูกไม้เบาบางยามเปียกชื้นน้ำหวานจากกายสาวช่างน่ามองเหลือเกิน
“นิดเดียวนะครับคนสวย ผมอยากกินคุณใจจะขาดอยู่แล้ว” ไม่ใช่ประโยคขออนุญาต แต่เป็นประโยคบอกเล่า เหมันต์กดนิ้วแรงบดขยี้ซ้ำ โน้มใบหน้าเข้าใกล้ดูดเม้มไปตามต้นขาเนียน จมูกโด่งซุกไซ้สูดดมเอาความหอมอย่างหิวกระหาย เพียงขวัญครางเสียงหวาน แอ่นสะโพกเด้งเข้าหานิ้วโป้งอย่างร้อนแรง สัมผัสจากนิ้วร้อนที่ผ่านผ้าบางๆมาช่างเร่าร้อนรุนแรง เหมันต์ขยับนิ้วเร่งจังหวะอีกไม่กี่ครั้ง เสียงหวานก็กรีดร้องดังก้องห้อง น้ำผึ้งหวานเอ่อล้นทะลักทะทายเปรอะเปื้อนผ้าลูกไม้สีสวย มือใหญ่สองข้างจับตรึงสะโพกมนไว้แน่น ชายหนุ่มซุก
“คุณเหม!” ใบหน้าสาวร้อนเห่อ ยิ่งเห็นรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว ยิ่งอยากจะรีบหนีหน้าไปไกลๆ เธอรู้ความหมายดีว่าเขาหมายถึงกางเกงชั้นในตัวบางที่เปียกชุ่มตัวนั้น เขาเป็นคนขี้แกล้งที่สุด “ผมจะซักไว้ให้นะ คุณจะได้ใส่มันอีก...คืนนี้” “คุณเหม!” เช้านี้เธอเรียกชื่อเขาไปกี่ครั้งแล้วนะ เพียงขวัญดึงสองแขนที่กอดเกี่ยวเอวคอดของตนออก ซึ่งเหมันต์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดี หญิงสาวหน้าแดงก่ำในตอนที่หันมาสบตากับเขา “ขวัญไม่พูดกับคุณเหมแล้ว” เพียงขวัญสะบัดหน้าหนี เปิดประตูแล้วก้าวเดินออกไปไม่เหลียวหลัง แต่ก่อนจะปิดประตู เธอทันได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะอย่างพึงพอใจของเขา คนบ้า คนขี้แกล้ง คนขี้เอา...แต่ใจหลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เหมันต์ก็ขับรถพาเพียงขวัญเข้าบริษัทก่อน ชายหนุ่มเคลียร์งานเซ็นเอกสารต่างๆ ในขณะที่หญิงสาวนั่งอ่านนิตยสารรอเขาอยู่ที่โซฟามุมห้อง&nb
“คุณฟ้า” มือใหญ่จับบ่าบอบบางเขย่าเบาๆ เพียงฟ้าปรือตาขึ้นมานิดเดียวแล้วก็หลับต่อ แต่เพียงครู่เดียวดวงตากลมโตก็ลืมขึ้นเต็มตา ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นนั่งกระถดถอยหนีอย่างหวาดหวั่นทันที เมื่อเห็นหน้าของคนที่นั่งอยู่บนเตียงเดียวกับตน“ไปอาบน้ำ ผมจะพาคุณไปเก็บของที่บ้านสวน และจะไปส่งที่กรุงเทพ” เพียงฟ้ากำผ้าห่มไว้แน่น มองคนที่ทำร้ายตัวเองด้วยแววตาเคียดแค้น“ฉันไม่ไปไหนกับแก ฉันจะไปหาพี่เหม ฉันจะฟ้องพี่เหมว่าแกข่มขืนฉัน”“ก็แล้วแต่นะ อยากให้คนอื่นรู้ว่าคุณเป็นเมียผมแล้วก็ป่าวประกาศบอกไปเลย หรือถ้ากลัวใครไม่เชื่อผมมีคลิปให้คุณเอาไปยืนยันด้วยนะ ทีนี้คงไม่ใช่เฉพาะคุณเหมที่รู้ คนทั้งประเทศก็คงได้รู้กันหมดว่าคุณเป็นเมียผม” เพียงฟ้ากลอกตาไปมาคิดตามที่นิธิพูด“คลิปอะไร แก...แกอัดคลิปไว้เหรอ ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว ฉันจะฆ่าแก กรี๊ดดด” เพียงฟ้าโถมเข้าหาร่างใหญ่ เธอเจ็บปวดทั้งกายทั้งใจเจียนตายที่ถูกย่ำยี แล้วนี่ยังถูกอัดคลิปไว้แบล็คเมล์ด้วยหรือ วันนี้ไม่เธอก็ไอ้คนเลวคนนี้ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าไปมองหน้าใครได้อีกแล้ว“ไอ้แก่ ไอ้เลว ฉันจะฆ่าแก ฮือๆๆ”
“ฟ้ากลับกรุงเทพแล้ว!” เพียงขวัญอุทานอย่างตกใจ หญิงสาวมองหน้าเหมันต์ ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร ชายหนุ่มยิ้มแล้วจูงจักรยานไปเก็บ ก่อนจะก้าวเดินไปทางศาลาเรือนไทยหลังเล็กที่อยู่ด้านหลังบ้าน“คุณนิธิเป็นคนขับรถไปส่ง” เหมันต์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากนั่งลงแล้วคว้าเอาข้อมือบางรั้งให้หญิงสาวนั่งลงข้างๆกัน“ทำไมฟ้าไม่บอกขวัญล่ะคะ” น้ำเสียงสงสัยของเพียงขวัญทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนตอบ“แล้วตอนมา เขาบอกคุณหรือเปล่าล่ะ”“คุณเหม!” เพียงขวัญมองค้อนคนช่างเหน็บแนม“เห็นคุณนิธิบอกว่า คุณฟ้าเขาบอกว่าเบื่อบ้านนอก อยากกลับกรุงเทพแล้ว”“แล้วทำไมฟ้าไม่นั่งเครื่องกลับล่ะคะ” เหมันต์รวบเอาคนช่างซักมานั่งบนตักของตัวเอง เขาเพิ่งบอกหญิงสาวว่าเพียงฟ้ากลับกรุงเทพไปแล้ว หลังจากกลับมาจากบ้านกำนันเกื้อ เพราะรู้ว่าเธอจะซักไซ้อย่างนี้ไง ขืนไปบอกตอนที่อยู่ต่อหน้าชาวบ้านเยอะแยะ มีหวังไม่ได้พูดได้จากับคนอื่นแน่ๆ“วันนี้เต็มทุกเที่ยวบิน น้องสาวคุณเขาใจร้อนยืนยันจะกลับวันนี้ ผมเลยให้คุณนิธิไปส่ง” เพียงขวัญเบี่ยงหน้ากลับมามองเจ้าของตักแกร่งที่ตัวเองนั่งอยู่“คุ
“ก็เมียสวยนี่ เลยต้องหวง”“สาวๆในหมู่บ้านก็สวยตั้งหลายคนค่ะ ไม่ต้องมาทำปากหวานแถวนี้เลย” เพียงขวัญเถียงยิ้มๆ“สาวคนไหนก็ไม่สวยเท่าคนนี้” จมูกโด่งกดหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่“เมียผมสวยที่สุด” เหมันต์กระซิบบอกแล้วรัดร่างในอ้อมกอดแน่นขึ้น แนบแก้มกับเรือนผมหอมกรุ่น แค่ได้กอดเธอไว้แบบนี้เขาก็รู้สึกดีจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆเพียงขวัญระบายยิ้มกว้างกับคำชม หญิงสาววางมือบางทาบลำแขนแกร่งที่โอบรัดตัวเองอยู่ รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากอกกว้างที่แผ่มายังร่างตน ต่างคนต่างนิ่งเงียบอยู่ในความคิดของตนเอง ถึงแม้ไม่ได้พูดอะไรกัน แต่หัวใจกลับพองโตฟูฟ่องอิ่มเอมจนเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว รัก...รู้สึกดีแบบนี้เองหรือเมื่อเพียงฟ้ากลับไปแล้วทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความปกติสุข เพียงขวัญโทรหามารดาบุญธรรม และรู้ว่าน้องสาวกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย จึงค่อยสบายใจ หญิงสาวใช้เวลาร่วมกับเหมันต์อย่างมีความสุข ทุกนาทีที่ผ่านไปทำให้หัวใจเธอรักเขามากขึ้นทุกวัน เธอได้เรียนรู้ว่าผู้ชายขี้เอาแต่ใจคนนี้ ใส่ใจเธอมากกว่าที่คิด ถึงแม้เขาจะปากร้ายแต่เหมันต์ไม่เคยทำร้ายเธอ เขาเป็นขี้อ
“ทำอะไรอยู่ครับแม่ติ๋ม อันนี้เหรียญเงินใช่มั้ยครับ”“จ้ะ ห่อเหรียญไว้โปรยทานงานแห่ผ้าป่าพรุ่งนี้” แม่ติ๋มตอบด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมเมื่อเอ่ยถึงงานบุญ สองมือของผู้สูงวัยจับเหรียญห้าบาทมาห่ออย่างชำนิชำนาญ“แม่ติ๋มห่อเองหมดนี่เลยเหรอครับ” บดินทร์ถามเพราะเห็นว่าจำนวนเหรียญที่ถูกห่อแล้วค่อนข้างเยอะ“เปล่าจ้ะ หนูขวัญกับแก้วห่อช่วยกันตั้งแต่เช้าแล้ว” ชื่อของผู้หญิงสองคนที่แม่ติ๋มเอ่ยถึงทำให้บดินทร์ชะเง้อชะแง้ขึ้นไปบนเรือน แม่ติ๋มชะเง้อคอมองตาม“มองหาอะไรหรือจ๊ะพ่อดิน”“เอ่อ...มอง...มองหา มองหาพ่อกำนันน่ะครับ”“แก้วกับหนูขวัญกำลังลองชุดสาวรำวงอยู่บนเรือน เดี๋ยวก็ลงมา” บดินทร์ยิ้มเจื่อนให้กับคนรู้ทัน“ส่วนพี่กำนันน่ะ อยู่วัด ถ้าพ่อดินอยากเจอก็ไปที่วัดนะ”“เอ่อ...ไม่ล่ะครับ ผมแค่ผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาคุยด้วยเท่านั้นเองครับ เอ่อ...แม่ติ๋มสอนผมหน่อยสิครับ ผมอยากช่วยพับเหรียญด้วย” ผู้สูงวัยมองหน้าชายหนุ่มยิ้มๆ นี่เหรอว่าที่ลูกเขย...แม่ให้ผ่านนะ แต่พ่อเขาจะว่ายังไง ไปหาทางทำคะแนนเองก็แล้วกัน“แม่! แก้วสวยมั้ย” เด็กสาวในชุดกระโปรงสั้นสีเขียว
“เสียงใครน่ะแก้ว” เพียงขวัญขยับตัวเข้าใกล้เด็กสาว แก้วใจถอนหายใจเบาๆ“เสียงพี่ดินค่ะ”“พี่ดิน!” เพียงขวัญเบิกตากว้าง มองตามเด็กสาวที่ลุกไปเปิดไฟแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะรีบลุกตามไปยืนข้างกัน ภาพบดินทร์กำลังใช้บันไดลิงพาดกับวงกบหน้าต่าง แล้วปีนขึ้นมาทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง“มาทำไม” แก้วใจถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะยังงอนเรื่องที่เขาชมคนอื่น ถึงจะเป็นคนอื่นที่เธอรักดังพี่สาวแท้ๆก็เถอะ เพียงขวัญมองหน้าเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันสลับกับมองบดินทร์ที่ตอนนี้มายืนอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว“คิดถึงแก้ว” บดินทร์รู้ว่าเด็กสาวงอนอยู่ก็ออกตัวอ้อนสุดตัว เด็กสาวถูกบอกคิดถึงยืนบิดกายอายม้วนต้วน สองหนุ่มสาวยืนมองหน้ายิ้มให้กันไม่พูดไม่จา“อะแฮ่ม!” เพียงขวัญกลายเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน กระแอมกระไอแสดงตนให้ทั้งสองสนใจเธอบ้าง“ขวัญ/พี่ขวัญ” สองหนุ่มสาวเรียกชื่อเธอขึ้นพร้อมกัน“ค่า...ยังมีขวัญอยู่ในห้องนี้อีคนหนึ่งค่ะ” บดินทร์ยิ้มเจื่อน ส่วนแก้วใจก้มหน้าเอียงอาย เพียงขวัญกระตุกแขนเสื้อชายหนุ่มดึงไปคุยกันที่มุมห้อง“พี่ดินปีนเข้าห้องแก้วแบบนี้ไม่ได้นะคะ
“บันไดของผมเองครับพ่อกำนัน” ร่างสูงใหญ่ของเหมันต์ปีนข้ามหน้าต่างลงมายืนในห้อง แล้วแจกยิ้มหวานให้ทุกคน เพียงขวัญและแก้วใจจ้องมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างโล่งอกโล่งใจ กำนันเกื้อมองเหมันต์อย่างระแวงสงสัย“คือผมว่าจะปีนมาเรียกขวัญกลับไปนอนบ้านด้วยกัน ก็เลยเอาบันไดมาพาดนี่แหละครับ” คิ้วเข้มตวัดเฉียงของกำนันเกื้อเลิกสูง“แล้วทำไมคุณเหมไม่เข้าประตูหน้าบ้านดีๆล่ะจ๊ะ” แม่ติ๋มถามด้วยความสงสัย“เกรงใจกำนันเกื้อกับแม่ติ๋มน่ะครับ ผมนึกว่าเข้านอนกันแล้ว อีกอย่าง...อยากจะลองปีนหาสาวดูบ้าง อยากรู้ว่ามันจะตื่นเต้นแค่ไหน เคยได้ยินแต่ชาวบ้านเขาลือกันเรื่องกำนันเกื้อปีนเข้าหาแม่ติ๋มสมัยยังสาวบ่อยๆ แล้วพ่อตาเอาปืนไล่ยิง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง คืนนี้เลยลองดูบ้าง ก็ตื่นเต้นท้าทายดีนะครับ” แก้วใจอ้าปากค้างมองหน้าพ่อกับแม่สลับกัน แม่ติ๋มอายลูกจนต้องหยิกสามีแก้เขิน“เห็นมั้ยพี่กำนัน ฉันบอกแล้วว่าอย่าปีนเข้าหา ชาวบ้านลือไม่เลิกเลย นี่แน่ะๆ” หยิกสามีแรงๆแล้วก็รีบเดินออกจากห้องนอนลูกสาวทันที ไม่สนใจรอคำตอบจากลูกสาวด้วยซ้ำ“เอ่อ...คุณเหมมารับหนูขวัญกลับไปนอนบ้านใช่มั้ยครับ เช
“หวงสิ ผมหวงคุณมาก ขอโทษที่เอาแต่ใจ” เหมันต์ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ สะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในไว้สุดๆ การไม่ได้กอดร่างนุ่มนิ่มมาหลายคืนทำให้เขาแทบคลั่ง คิดถึงใบหน้าหวานๆนี้แทบขาดใจ เกือบทำอะไรตามใจตนเองโดยไม่คิด ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของเขาก็จริง แต่เรื่องบังเอิญมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ อย่างคืนนั้นที่มีชาวบ้านมาเคาะประตูตอนที่เขากำลังจะเขมือบเธอทั้งตัวนั่นไง ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มขำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพียงขวัญสามารถเอาตัวรอดจากตนเองได้อย่างหวุดหวิดท่ามกลางแสงพระจันทร์เต็มดวง เพียงขวัญเงยหน้ายิ้มหวานให้เขา เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอยกโทษให้และไม่โกรธสักนิด แค่คำว่าหวงและคำขอโทษ หัวใจเธอก็อ่อนยวบแล้ว รอยยิ้มและดวงหน้าหวานกระจ่างในสายตาของคนมอง และชัดเจนในหัวใจแกร่ง จนเหมันต์อยากจะครอบครองรอยยิ้มนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงต่ำ แนบประกบริมฝีปากแสนหวานที่เขาลุ่มหลง คนที่คอยเอาแต่ห้ามปรามก็ลืมตัวลืมตน เผยอริมฝีปากรับอย่างเต็มใจ สายตาคมดุคู่นั้นราวกับมีเวทย์มนตร์สะกดให้เธอยอมตามใจเขาทุกอย่าง จุมพิตหวานล้ำ ชักนำให้เพียงขวัญลอยละล่องไปกับความหวามไหว หญิ
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค