“ทำอะไรอยู่ครับแม่ติ๋ม อันนี้เหรียญเงินใช่มั้ยครับ”
“จ้ะ ห่อเหรียญไว้โปรยทานงานแห่ผ้าป่าพรุ่งนี้” แม่ติ๋มตอบด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมเมื่อเอ่ยถึงงานบุญ สองมือของผู้สูงวัยจับเหรียญห้าบาทมาห่ออย่างชำนิชำนาญ
“แม่ติ๋มห่อเองหมดนี่เลยเหรอครับ” บดินทร์ถามเพราะเห็นว่าจำนวนเหรียญที่ถูกห่อแล้วค่อนข้างเยอะ
“เปล่าจ้ะ หนูขวัญกับแก้วห่อช่วยกันตั้งแต่เช้าแล้ว” ชื่อของผู้หญิงสองคนที่แม่ติ๋มเอ่ยถึงทำให้บดินทร์ชะเง้อชะแง้ขึ้นไปบนเรือน แม่ติ๋มชะเง้อคอมองตาม
“มองหาอะไรหรือจ๊ะพ่อดิน”
“เอ่อ...มอง...มองหา มองหาพ่อกำนันน่ะครับ”
“แก้วกับหนูขวัญกำลังลองชุดสาวรำวงอยู่บนเรือน เดี๋ยวก็ลงมา” บดินทร์ยิ้มเจื่อนให้กับคนรู้ทัน
“ส่วนพี่กำนันน่ะ อยู่วัด ถ้าพ่อดินอยากเจอก็ไปที่วัดนะ”
“เอ่อ...ไม่ล่ะครับ ผมแค่ผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาคุยด้วยเท่านั้นเองครับ เอ่อ...แม่ติ๋มสอนผมหน่อยสิครับ ผมอยากช่วยพับเหรียญด้วย” ผู้สูงวัยมองหน้าชายหนุ่มยิ้มๆ นี่เหรอว่าที่ลูกเขย...แม่ให้ผ่านนะ แต่พ่อเขาจะว่ายังไง ไปหาทางทำคะแนนเองก็แล้วกัน
“แม่! แก้วสวยมั้ย” เด็กสาวในชุดกระโปรงสั้นสีเขียว
“เสียงใครน่ะแก้ว” เพียงขวัญขยับตัวเข้าใกล้เด็กสาว แก้วใจถอนหายใจเบาๆ“เสียงพี่ดินค่ะ”“พี่ดิน!” เพียงขวัญเบิกตากว้าง มองตามเด็กสาวที่ลุกไปเปิดไฟแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนจะรีบลุกตามไปยืนข้างกัน ภาพบดินทร์กำลังใช้บันไดลิงพาดกับวงกบหน้าต่าง แล้วปีนขึ้นมาทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง“มาทำไม” แก้วใจถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะยังงอนเรื่องที่เขาชมคนอื่น ถึงจะเป็นคนอื่นที่เธอรักดังพี่สาวแท้ๆก็เถอะ เพียงขวัญมองหน้าเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันสลับกับมองบดินทร์ที่ตอนนี้มายืนอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว“คิดถึงแก้ว” บดินทร์รู้ว่าเด็กสาวงอนอยู่ก็ออกตัวอ้อนสุดตัว เด็กสาวถูกบอกคิดถึงยืนบิดกายอายม้วนต้วน สองหนุ่มสาวยืนมองหน้ายิ้มให้กันไม่พูดไม่จา“อะแฮ่ม!” เพียงขวัญกลายเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน กระแอมกระไอแสดงตนให้ทั้งสองสนใจเธอบ้าง“ขวัญ/พี่ขวัญ” สองหนุ่มสาวเรียกชื่อเธอขึ้นพร้อมกัน“ค่า...ยังมีขวัญอยู่ในห้องนี้อีคนหนึ่งค่ะ” บดินทร์ยิ้มเจื่อน ส่วนแก้วใจก้มหน้าเอียงอาย เพียงขวัญกระตุกแขนเสื้อชายหนุ่มดึงไปคุยกันที่มุมห้อง“พี่ดินปีนเข้าห้องแก้วแบบนี้ไม่ได้นะคะ
“บันไดของผมเองครับพ่อกำนัน” ร่างสูงใหญ่ของเหมันต์ปีนข้ามหน้าต่างลงมายืนในห้อง แล้วแจกยิ้มหวานให้ทุกคน เพียงขวัญและแก้วใจจ้องมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างโล่งอกโล่งใจ กำนันเกื้อมองเหมันต์อย่างระแวงสงสัย“คือผมว่าจะปีนมาเรียกขวัญกลับไปนอนบ้านด้วยกัน ก็เลยเอาบันไดมาพาดนี่แหละครับ” คิ้วเข้มตวัดเฉียงของกำนันเกื้อเลิกสูง“แล้วทำไมคุณเหมไม่เข้าประตูหน้าบ้านดีๆล่ะจ๊ะ” แม่ติ๋มถามด้วยความสงสัย“เกรงใจกำนันเกื้อกับแม่ติ๋มน่ะครับ ผมนึกว่าเข้านอนกันแล้ว อีกอย่าง...อยากจะลองปีนหาสาวดูบ้าง อยากรู้ว่ามันจะตื่นเต้นแค่ไหน เคยได้ยินแต่ชาวบ้านเขาลือกันเรื่องกำนันเกื้อปีนเข้าหาแม่ติ๋มสมัยยังสาวบ่อยๆ แล้วพ่อตาเอาปืนไล่ยิง แต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง คืนนี้เลยลองดูบ้าง ก็ตื่นเต้นท้าทายดีนะครับ” แก้วใจอ้าปากค้างมองหน้าพ่อกับแม่สลับกัน แม่ติ๋มอายลูกจนต้องหยิกสามีแก้เขิน“เห็นมั้ยพี่กำนัน ฉันบอกแล้วว่าอย่าปีนเข้าหา ชาวบ้านลือไม่เลิกเลย นี่แน่ะๆ” หยิกสามีแรงๆแล้วก็รีบเดินออกจากห้องนอนลูกสาวทันที ไม่สนใจรอคำตอบจากลูกสาวด้วยซ้ำ“เอ่อ...คุณเหมมารับหนูขวัญกลับไปนอนบ้านใช่มั้ยครับ เช
“หวงสิ ผมหวงคุณมาก ขอโทษที่เอาแต่ใจ” เหมันต์ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ สะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในไว้สุดๆ การไม่ได้กอดร่างนุ่มนิ่มมาหลายคืนทำให้เขาแทบคลั่ง คิดถึงใบหน้าหวานๆนี้แทบขาดใจ เกือบทำอะไรตามใจตนเองโดยไม่คิด ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของเขาก็จริง แต่เรื่องบังเอิญมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ อย่างคืนนั้นที่มีชาวบ้านมาเคาะประตูตอนที่เขากำลังจะเขมือบเธอทั้งตัวนั่นไง ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มขำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพียงขวัญสามารถเอาตัวรอดจากตนเองได้อย่างหวุดหวิดท่ามกลางแสงพระจันทร์เต็มดวง เพียงขวัญเงยหน้ายิ้มหวานให้เขา เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอยกโทษให้และไม่โกรธสักนิด แค่คำว่าหวงและคำขอโทษ หัวใจเธอก็อ่อนยวบแล้ว รอยยิ้มและดวงหน้าหวานกระจ่างในสายตาของคนมอง และชัดเจนในหัวใจแกร่ง จนเหมันต์อยากจะครอบครองรอยยิ้มนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงต่ำ แนบประกบริมฝีปากแสนหวานที่เขาลุ่มหลง คนที่คอยเอาแต่ห้ามปรามก็ลืมตัวลืมตน เผยอริมฝีปากรับอย่างเต็มใจ สายตาคมดุคู่นั้นราวกับมีเวทย์มนตร์สะกดให้เธอยอมตามใจเขาทุกอย่าง จุมพิตหวานล้ำ ชักนำให้เพียงขวัญลอยละล่องไปกับความหวามไหว หญิ
“ขวัญก็รักคุณเหมค่ะ” เพียงขวัญเหนื่อยแทบขาดใจ หลังจากที่เหมันต์อุ้มเธอเข้ามาในห้องนอนแล้ว เขาก็จับเธอกินแบบนอนสต๊อป นับรอบไม่ถ้วน เขาให้เหตุผลว่าต้องชดเชยคืนที่ไม่ได้นอนด้วยกัน เธอพยายามประท้วงแล้ว ดิ้นรนต่อต้านด้วยแรงน้อยนิดก็แล้ว แต่ในที่สุดคนช่ำชองก็ล่อลวงเธอด้วยสัมผัสสิเน่หาอย่างมีชั้นเชิง จนเธอหลงเพริดเตลิดไปกับความหวานซ่านที่เขาป้อนเปรอให้ สุดท้ายไม่ว่าเขาจะให้ทำอะไร สั่งให้เธออยู่ในท่าไหน เพียงขวัญก็ได้แต่ทำตามด้วยความเต็มใจ แถมบางครั้งเธอยังเป็นฝ่ายเร่งเร้าเขาอย่างน่าอายด้วยเหมันต์ขยับกายนำพาความกร้าวแกร่งออกมาจากความคับแน่นอุ่นร้อน ชายหนุ่มพลิกกายลงนอนเคียงข้างร่างบางที่ดูเหมือนจะหลับลึกไปทันที หลังจากที่บอกรักเขาครั้งสุดท้ายในค่ำคืนนี้ วงแขนแกร่งโอบกอดเธอไว้เต็มอก ชายหนุ่มสูดเอาความหอมของพวงแก้มนุ่มไว้เต็มปอด ก่อนจะแนบแก้มกับเรือนผมนุ่มสลวย แล้วหลับตาลงด้วยความสุขอิ่มเอมเต็มหัวใจ“ขวัญไม่กินไข่ลวก!” เพียงขวัญตื่นสาย ทำให้พ่อครัวตัวใหญ่สร้างสรรค์เมนูอาหารตามใจตัวเอง หนึ่งในเมนูนั้นคือไข่ลวกที่เธอเคยบอกเขาแล้วว่าไม่ชอบกิน“งอแงเป็นเด็กไปได
“ช้าๆนะครับที่รัก เดี๋ยวจุก” เพียงขวัญใช้กำปั้นน้อยทุบที่บ่ากว้างแรงๆ ก่อนจะใช้สองแขนเรียวโอบรอบลำคอหนา ซุกหน้าลงกับซอกคอนั้น เลี่ยงการสบสายตากับพ่อครัวจอมหื่น“ขยับหน่อยนะขวัญ ผมกำลังจะขาดใจ”“คุณเหม” เพียงขวัญครางเรียกจมบงการแผ่วพร่า เธอเริ่มขยับช้าๆ มือใหญ่ลูบล้วงผ่านเสื้อยืดสีสวยเข้าไปกอบกุมเต้าทรวงอวบอิ่มทั้งสองข้าง เหมันต์ปล่อยให้เธอเป็นผู้ควบคุมจังหวะเอง ปลดปล่อยอารมณ์ร้อนแรงให้เธอเป็นผู้นำพาไป ไม่ว่าจะพาขึ้นสวรรค์ลงนรกก็เขาก็ยินดี“อา...ขวัญจ๋า ดีเหลือเกิน” เพียงขวัญขยับโยกช้า เสียดสีความอ่อนนุ่มกับความแข็งกร้าวรุ่มร้อน บดเบียดขยี้อย่างที่ตัวเองต้องการ สะโพกสวยกดลงแนบแน่นหมุนวนเนิบนาบ จนคนใจร้อนต้องเอ่ยปากเตือน“ขวัญครับ แรงๆสิครับ โอย...ผมกำลังจะขาดใจตายเพราะคุณ” เมื่อคำอ้อนวอนไม่ได้ทำให้หญิงสาวผู้กำลังละเลียดเอาความหวามซ่านจากจุดกึ่งกลางกายเร่งจังหวะขึ้นเลย เหมันต์จึงตะปบสะโพกมนหวังจะขยับยก ควบคุมจังหวะรักเอง“คุณเหม!” เพียงขวัญแหวเสียงดัง พร้อมกับตีมือใหญ่สุดแรง เหมันต์สะดุ้ง กะพริบตามองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาน่าสงสาร เขาเหมือนเด็กท
“ขอบคุณมากเลยนะครับ เรื่องคืนก่อนที่ช่วยเหลือผม ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่ๆ”“แก้วยังเด็กนะคุณดิน ยังมีอนาคตอีกไกล ผมไม่อยากให้แก้วถูกชาวบ้านนินทา”ในฐานะที่เหมันต์อายุมากกว่า และเอ็นดูแก้วใจเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เขาจึงเอ่ยปากเตือนชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยความหวังดี“ผมไม่ทำแบบนั้นแล้วล่ะครับ ผมรักแก้วจริงๆ รักแล้วก็ต้องรอได้ ถึงแม้จะทรมานแค่ไหนก็ตาม” บดินทร์ตบบ่าแกร่งของชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างให้กำลังใจเมื่อพิธีเปิดงานรำวงโบราณเริ่มขึ้น หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างจับจองนางรำที่ตนเองหมายตาไว้ และแน่นอนสาวรำวงที่มีสามีขี้หวงถูกห้อมล้อมจากผู้ชายหลายคน เหมันต์เดินดุ่มเข้าไปหาแสดงความเป็นเจ้าของทันที ร่างสูงใหญ่กว่าทุกคนทำให้หนุ่มน้อยมองแหยงๆ หนุ่มใหญ่ก็ถอดใจเพราะรู้ดีว่าเหมันต์คือเจ้าของตัวจริง“คุณเหมน่ะ อายคนอื่นเค้านะคะ ดูซิ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ขวัญเลย” เพียงขวัญรำไปบ่นไป เหมันต์รำเก้ๆกังๆซ้อนอยู่ด้านหลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และไม่ว่าจะรอบไหนๆ สาวรำวงหน้าหวานกระโปรงบานสั้นๆก็มีเพียงคนตัวโตเหมารอบอยู่คนเดียว ชาวบ้านพากันซุบซิบแล้วหัวเราะคิกคัก เพียงขวัญอายจนไปไม่รู้จะอ
“เหนื่อยมั้ยครับ” เด็กสาวส่ายหน้าเร็วๆ ยิ้มหวานให้คนเป็นห่วง“พี่ไม่ได้รำกับแก้วเลยเหมือนแม่ติ๋มจะคอยกันท่ายังไงก็ไม่รู้” ชายหนุ่มพูดเศร้าๆ“แต่พ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องของเรานี่จ๊ะ แม่จะทำอย่างนั้นทำไม น่าจะเพราะว่าคนเยอะมากกว่า พี่ดินอย่าคิดมากสิ”“พี่เห็นเด็กหนุ่มๆแย่งกันมารำคู่แก้วตั้งเยอะ อยากจะชกหน้าพวกนั้นนัก อยากจะเอาป้ายมาแปะไว้หน้าผากตรงนี้ ว่าแก้วมีแฟนแล้ว” นิ้วเรียวยาวจิ้มเบาๆตรงหน้าผากมนเกลี้ยง เด็กสาวก้มหน้าเอียงอาย“บ้า! ใครเขาจะยอมให้เอาป้ายมาแปะหน้าผากกันเล่า” บดินทร์หัวเราะในลำคอกับท่าทางของเด็กสาว อยากจะกอดแน่น หอมแก้มเนียนใสแรงๆ แต่ฝ่ายธรรมะในจิตใจก็ส่งเสียงเตือนมาเป็นระยะว่าอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ มันไม่งาม“คืนนี้พี่ขอไปหาแก้วได้มั้ย” ถึงจะรับปากกับเหมันต์ไปแล้วว่าจะไม่ทำให้เด็กสาวต้องเสื่อมเสีย แต่พอเอาเข้าจริงๆเขากลับห้ามใจตัวเองไม่ได้ อยากจะอยู่ใกล้ชิด อยากจะกอดไว้ไม่ให้ห่างกาย แต่ก็คอยเตือนตัวเองไว้เสมอว่าหากรักก็ต้องถนอม ไม่หักหาญน้ำใจอย่างเด็ดขาด“แต่แก้วกลัวพ่อจับได้ ช่วงนี้พี่ดินอย่าเพิ่งไปหาแก้วที่บ้านเลยนะ” บด
“อีกนิดนะครับ ยังไม่อิ่มเลย” ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น มือหนาลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม แก่นกายแข็งขึงยังคงบดเบียดอยู่กับกลีบกุหลาบฉ่ำน้ำในจังหวะเนิบช้า เสียงครางในลำคอที่บ่งบอกว่าพึงพอใจของคนตัวโตดังอยู่เป็นระยะ“อื๊อ! พอแล้วค่ะ ขวัญจะรีบอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวไปไม่ทันกินข้าวเที่ยงกับคุณแม่นะคะ” เพียงขวัญพยายามกระถดสะโพกหนี มือบางดันบ่าแกร่งด้วยน้อยนิดที่เหลืออยู่“ฮื้อ! อย่าขัดใจสิครับ” คนขี้เอา...แต่ใจบอกเสียงเข้ม เพียงขวัญถอนหายใจเบาๆ“ขวัญเหนื่อยแล้วนะคะ ไม่เอาอีกแล้วนะคะคุณเหม”“ใจร้าย ทำให้รักให้หลงแล้วก็มาผลักไสไล่ส่ง” เหมันต์ผงกศีรษะขึ้นสบตากลมโต แล้วเอ่ยถ้อยคำกล่าวหาด้วยใบหน้าเศร้าน่าสงสาร“ที่นี่บ้านคุณเหม ไม่ใช่บ้านขวัญซะหน่อย ขวัญไม่มีสิทธิ์ผลักไสไล่ส่งคุณเหมหรอกค่ะ” ความเจียมตัวของคนพูดทำให้ดวงตาคมดุจ้องมองเธอนิ่ง หญิงสาวผู้ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดถึงกับหน้าเจื่อนไป“ห้ามพูดแบบนี้อีก” เหมันต์สั่งเสียงเข้ม ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่ง รวบเอาร่างบางขึ้นมานั่งเกยบนตักในท่านั่งคร่อมน่าหวาดเสียว“คุณเหม...” เพีย
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค