เมื่อวางร่างหญิงสาวลงบนที่นอนแล้ว นิธิก็เอนตัวลงนอนเคียงข้าง หนุ่มใหญ่นอนตะแคงเท้าแขนไว้ที่แก้ม จ้องมองใบหน้าเนียนใสไม่วางตา
“ปิดไฟสิคะลุงนิ” เพียงฟ้าบอกเมื่อสามีเอาแต่จ้องมองเธอราวกับจะกลืนกินอยู่อย่างนั้น
“ฟ้าไม่อยากจัดงานแต่งเหมือนคุณขวัญหรือคะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฟ้าอยากเก็บเงินไว้ให้ลูกเยอะๆ” มือบางลูบคลำหน้าท้องที่นูนเล็กน้อยของตน
“จัดเล็กๆก็ได้ ค่าใช้จ่ายไม่เท่าไรหรอก” นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามแก้มเนียนแผ่วเบา
“ไม่เอาหรอกค่ะ เล็กน้อยยังไงก็ตังค์ ลุงนิหาตังค์คนเดียว อะไรที่ประหยัดได้เราก็ควรประหยัด” นิธินึกขำภรรยา เจ้าหล่อนตัดพ้ออยู่บ่อยๆเวลาเขาซื้ออะไรมาให้ บ่นว่าเสียดายตังค์ บ่นว่ากลัวเงินเดือนจะไม่เหลือเก็บ แล้วเตือนเขาว่าห้ามรูดบัตรเครดิตซื้อของสุรุ่ยสุร่าย ภรรยาเขายังไม่รู้ว่าเงินที่สามีหามาทั้งชีวิตนั้นมีถึงแปดหลักปลายๆ และเงินเดือนเลขหกหลักก็เหลือเก็บจนไม่รู้ว่าจะจัดสรรยังไง เพราะเขาเองก็แทบไม่มีเวลาดูแลเลย ชีวิตที่มีแต่งานมาตลอด ทำให้เขาไม่ใส่ใจเรื่องการลงทุนการเก็บออมเท่าไร
“น่ารักจัง เมียใครเนี่ย” นิธิยิ้มเอ็นดู เพียงฟ้าเงยหน้าขึ้นสบตา
“โอ๋ๆ ไม่เอาไม่ร้อง เดี๋ยวนี้เลยจ้ะ แต่ต้องช้าๆ ระวังหน่อยนะคะ” ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ดึงสองขาเรียวมาพาดบนท่อนแขนแกร่ง โหย่งกายเข้าหา ค่อยๆสอดแทรกเชื่องช้า เพียงฟ้าหงุดหงิดจนต้องยันกายลุกขึ้น นั่งคร่อมร่างใหญ่ มือบางจับบ่าแกร่งสองข้างไว้แน่น ก่อนกดสะโพกแรงๆคราเดียวจนสุดทาง“อ๊าย!” ใบหน้าสวยแหงนเชิดไปด้านหลัง ทั้งเจ็บจุกแต่เสียวซ่านสะใจ“ฟ้า!” นิธิรวบกอดเอาร่างที่แอ่นโค้งไว้แน่น เรียกเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะเกรงว่าภรรยาจะเจ็บมาก“ดีจังเลยค่ะลุงนิ ฟะ...ฟ้าขยับนะคะ ได้ไหม” นิธิเบิกตากว้าง รีบพยักหน้ารับเร็วๆ“ได้ค่ะ ขยับได้เลยตามใจฟ้า” หนุ่มใหญ่ละล่ำละลักตอบด้วยน้ำเสียงยินดี เมื่อได้รับคำอนุญาตเพียงฟ้าก็ขยับร่ายรำอย่างใจต้องการ สะโพกสวยกดแรงไม่กลัวเจ็บ ส่ายร่อนหมุนวนในจังหวะที่ตนเองพอใจ ใบหน้าหวานก้มลงจูบสามีอย่างที่เขาทำกับตัวเอง เสียงครางอื้ออึงในลำคอของคนทั้งสองดังประสานกับเสียงเนื้อหนังกระทบกันในจังหวะเร่าร้อน อกอวบเสียดสีไปกับแผ่นอกกว้าง เพียงฟ้าจิกเล็บลงบนบ่าแกร่ง หญิงสาวกำลังโจนทะยานไปสู่จุดสุดยอดของบทเพลงกามา ใบหน้าสวยหวานสะบัดหนีจูบของสามี คร
“ฟ้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ น่าอายจังเลย” เพียงฟ้าซุกหน้ากับอกสามีอย่างอับอายเธอร่านร้อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอเช้ามาก็ยังใจกล้ากินสามีด้วยท่าทางน่าอายแบบนั้นอีก“อายทำไม เป็นผัวเมียกันเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ”“แต่ฟ้าเริ่มเองทุกครั้งเลย ลุงนิเต็มใจหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เต็มใจที่สุด และชอบที่ฟ้าเป็นแบบนี้มากๆค่ะ” นิธิจูบขมับสวย ลูบไล้แผ่นหลังเนียนเบาๆ“ลุงนิอย่ามาใกล้ฟ้าบ่อยๆนะคะ เวลาได้กลิ่นลุงนิแล้ว ฟ้าจะรู้สึกอยากรักทุกทีเลย” เพียงฟ้าพูดอย่างไม่อาย เธอกลัวกว่าสามีจะหาว่าเธอมักมากในเพศรส“จะเข้าใกล้บ่อยๆ จะอยู่ใกล้ๆทั้งวัน ลุงนิอยากให้ฟ้ารัก” เพียงฟ้าเงยหน้ามองสามี ตากลมโตเบิกกว้าง“ได้ทีเลยนะคะ” แก้มป่องๆหน้างอนๆ ทำให้นิธิกดจมูกโด่งหอมแรงๆ“ก็คนมันอดมานานนี่นา”“ตาแก่ลามก” นิธิหัวเราะจนอกกระเพื่อม“ใครแก่คะ แถวนี้มีแต่คนเหล็กฆ่าไม่ตาย” มือใหญ่จับมือเล็กให้สัมผัสลำกายที่ขยายพองอีกแล้ว“ฆ่าไม่ตายจริงด้วย เดี๋ยวฟ้าจะจัดการมันเองนะคะ” นิธิเต็มใจยิ่งกว่าเต็มใจ ยอมให้ภรรยาจัดการโดยไม่มีปากเสียงใดๆ แบบนี้ดีจัง
“พี่ดินเป็นเกษตรอำเภอที่นี่ ยังโสด ไม่มีแฟน ฉันแอบไปสัมภาษณ์พี่เขามาแล้ว คนอะไรดูไกลๆก็หล่อ ยิ่งพอไปดูใกล้ๆนะแกเอ๊ย! ฉันนี้แทบละลาย” เพื่อนสาวที่นั่งร่วมโต๊ะเอ่ยด้วยใบหน้าเพ้อฝันแก้วใจใบหน้าบูดบึ้งลงทันทีที่เพื่อนพูดจบ อะไรกัน โสดเหรอ ไม่มีแฟน อ้อ! ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งแล้วนี้ คงลืมเด็กกะโปโลอย่างเธอแล้วล่ะสิ หญิงสาวจับจ้องมองแผ่นหลังกว้างราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผู้ชายนิสัยเสีย รักง่ายหน่ายเร็ว ไหนบอกว่าจะรอ ไหนบอกว่ารักแก้วคนเดียว มือบางเผลอยกขึ้นถูแก้มเนียนแรงๆด้วยความโกรธ แก้มเนียนข้างนี้ไงที่ถูกเขาหอมฟอดใหญ่ เธอยังจำสัมผัสร้อนผ่าวนั้นได้ดี ทั้งที่ไม่ควรจะจำเลย เพราะเขาเองก็คงลืมเธอไปแล้ว เจ็บใจที่สุด“เฮ้ย! แก้วเป็นอะไรถูแก้มจนแดงเถือกไปหมดแล้ว” แก้วใจชะงักมือน้อย กวาดสายตามองเพื่อนที่จ้องเธอเป็นตาเดียวกัน“เอ่อ...ไม่มีอะไร เราขอตัวแป๊บนึงนะ” หญิงสาวลุกขึ้นเดินหนีไปจากกลุ่มเพื่อน เมื่อมาถึงหลังบ้านที่มีต้นมะขามใหญ่ และมีชิงช้าผูกกิ่งมะขามไว้สำหรับนั่งเล่น แก้วใจก็นั่งลงบนชิงช้าเหม่อมองออกไปยังทุ่งกว้างหลังบ้าน“มีอะไรหรือเปล่าลูก” แม่ติ๋มสังเกตเห
“น่ารักจะตาย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้แก้วใจหันกลับไปมอง แววตาล้อเลียนนั้นทำให้ใบหน้าสาวร้อนเห่อ“พี่ดิน เอ่อ...แก้วไปหาเพื่อนก่อนนะ” แก้วใจเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ร่างสูงใหญ่ก็เดินมาขวางไว้“ถอยไปนะ แก้วจะไปหาเพื่อน”“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”“ไม่เห็นมีอะไรจะต้องคุย”“มีสิ เยอะแยะเลย พี่มีเรื่องจะเล่าให้แก้วฟังเยอะแยะเลย ฟังหน่อยนะ”“อุ๊ย!” ร่างเล็กถูกดึงไปกอดแนบอก แก้วใจพยายามขืนตัวดิ้นยุกยิก แต่ก็ไม่สามารถจะหลุดพ้นจากอ้อมกอดแข็งแรงได้ บดินทร์กดศีรษะทุยเบาๆให้ใบหูเล็กแนบไปกับอกกว้าง“เดี๋ยวพ่อมาเห็น” แก้วใจอุบอิบบอก“นิดเดียวนะ พี่คิดถึงแก้วมาก ใจแทบขาด จนต้องทำงานหนักๆจะได้ลืมความคิดถึง มันเป็นความทรมานอย่างที่สุดเลยนะ แก้วรู้ไหม” แก้วใจอยากบอกเหลือเกินว่าเธอเองก็ทรมานไม่ต่างไปจากเขา คิดถึงแทบขาดใจ“แก้วก็ทรมาน คิดถึงพี่ดิน” วงแขนเรียวกอดรัดร่างใหญ่ไว้แน่น อบอุ่นและคุ้นเคย อยากอยู่แบบนี้ตลอดไป“พี่จะให้พ่อกับแม่มาสู่ขอแก้วนะ เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”“แก้วยังไม่ได้รับปริญญาเลยนะ”“เรียนจบแล้วนี่
หลังจากนั้นไม่ว่าคุณหมอบอกให้ทำอย่างไรเธอก็ทำตาม คุณหมอบอกให้เบ่งเธอก็เบ่ง บอกให้หยุดเบ่งเธอก็หยุด เหมันต์จับจ้องใบหน้าภรรยา สลับกับมองดูคุณหมอเป็นระยะ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนที่ภรรยาออกแรงเบ่งเขาเองก็ครางในลำคอช่วยเบ่งด้วยอีกแรง จนกระทั่งเสียงร้องของทารกน้อยดังขึ้น“ผู้หญิงนะคะ แข็งแรง สมบูรณ์ดีค่ะ” คุณหมออุ้มเด็กทารกน้อยที่ยังเปื้อนคราบเลือดขึ้นมา ให้ทั้งสองดูเพศของเด็กหญิงผู้เป็นสายใยรักของเขาและเธอเพียงขวัญและเหมันต์จับจ้องภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม น้ำตาเม็ดใสๆกลิ้งลงตรงหางตาของคนที่ได้เป็นแม่เต็มตัว คุณแม่คุณพ่อมือใหม่หันมาสบตากันเมื่อคุณหมอส่งทารกน้อยให้พยาบาลนำไปทำความสะอาด เหมันต์จูบซับน้ำตาให้ภรรยาเบาๆ“ขอบคุณนะครับที่รัก เมียผมเก่งที่สุดในสามโลก” เพียงขวัญยิ้มให้สามี ยิ้มด้วยความเหนื่อยล้าแต่ก็แฝงไว้ด้วยความปลาบปลื้มยินดี“ผมรักคุณนะขวัญ” เหมันต์ลูบศีรษะและปัดเส้นผมที่ระใบหน้าเนียนออกอย่างเบามือ ชายหนุ่มจุมพิตที่หน้าผากมนแทนคำขอบคุณอีกครั้ง“ขวัญก็รักคุณเหมนะคะ รักลูกสาวของเราด้วย” สองสามีภรรยายิ้มให้กัน เหมันต์แนบใบหน้ากับแก้มชื้นเหงื่อของภร
“ขา...” หญิงสาวขานรับเสียงอ่อนเสียงหวาน ด้วยเพราะเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชาย และยิ่งเป็นมนุษย์สามีของเธอด้วยแล้ว เธอรู้สึกเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อย“ผมจะไม่อดทนแล้วนะ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมากระซิบบอกแนบใบหูเล็ก เพียงขวัญหัวเราะคิก เพราะสามีเป่าลมร้อนใส่หูเธอ“ลูกอยู่ด้วยนะคะ” มือบางยันบ่ากว้างไว้เมื่อคนตัวโตทำท่าว่าจะไม่อดทนแล้วจริงๆ“ผมจะทำเบาๆ” เขากำลังจะขาดใจตาย ต้องตายแน่ๆ ถ้าช้าไปกว่านี้“คุณเหม อื้อ!” จุมพิตอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนปิดกั้นข้ออ้างทั้งหมดจากปากเล็กของภรรยา เหมันต์ดูดซับเอาความหอมหวานที่เขาหลงใหล จ้วงลิ้นร้อนเข้าสู่โพรงปากนุ่มอุ่นที่แสนคิดถึง ตะโบมจูบเอาๆ จนสาแก่ใจจึงยอมถอนจูบ แต่ก็ยังคงอ้อยอิ่งขบเม้มกลีบปากอิ่มดูดดึงหยอกล้อไม่ยอมผละหนี“คุณเหม” เพียงขวัญเรียกสามีเบาๆ เมื่อรับรู้ว่าเขากำลังแกะกระดุมชุดนอนของตน“อืม” ชายหนุ่มขานรับในลำคอ ขณะเลื่อนใบหน้าลงซุกไซ้ลำคอหอมกรุ่น และแล้วกระดุมเม็ดสุดท้ายของชุดนอนแสนเกะกะก็หลุดออก สาบเสื้อถูกแยกออกจากกัน เพียงขวัญสะดุ้ง รีบกอบเอาใบหน้าของสามีที่กำลังจะเลื่อนลงต่ำไว้ด้วยสองมื
“ขวัญ” เหมันต์ขยับกายขึ้นมาหอมแก้มเนียนของคนที่ยังล่องลอยอยู่ท่ามกลางความสุขสม“ก็ยังเหมือนเดิมนะ” เพียงขวัญขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าสามีหมายถึงอะไร“อะ...อะไรคะยังเหมือนเดิม” ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็กบาๆ เพียงขวัญเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน อยากจะหยิกเนื้อคนช่างสำรวจแรงๆนัก“ก็ขวัญไม่มั่นใจ ผมเลยต้องบอกให้คุณมั่นใจไง ว่ามันเหมือนเดิม แผลฝีเย็บคุณหมอทำได้เนียนมาก แล้วตรง...” มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากไว้ก่อนที่เขาจะพูดต่อ“พอเลยค่ะ ขวัญเพิ่งรู้ว่าคุณเหมเป็นผู้ชายขี้เม้าท์” เหมันต์หัวเราะเบาๆ“ผมรักคุณนะ” เพียงขวัญยิ้ม จับประคองใบหน้าสามีไว้ด้วยมือสองข้าง โน้มลงมาใกล้กับใบหน้าตัวเอง“ขวัญก็รักคุณเหมค่ะ” คำบอกรักแว่วหวานนัก หากแต่รสจูบกลับหวานซ่านกว่า หวานจนหัวใจสั่นสะท้าน ต่างคนต่างบรรจงถ่ายทอดความรู้สึกแห่งรักให้กันผ่านทางกาย สัมผัสอ่อนโยนทะนุถนอมราวกับว่าเธอคือสิ่งมีค่าสำหรับเขา ทำให้เพียงขวัญตอบสนองอย่างน่ารัก และเมื่อสองร่างค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างเล็กก็ผวากอดรัดเอาร่างของคนตัวโตไว้เต็มอ้อมกอด
“อยากรักขวัญทั้งวันทั้งคืน ห่างไปตั้งนาน แทบจะลงแดงตาย” เหมันต์กระซิบเสียงพร่าขณะที่พรมจูบไปทั่วใบหน้าภรรยาแล้วมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากนุ่มหวานละมุนลิ้น เพียงขวัญไม่ขัดสามี เธอเข้าใจและเห็นใจเขา หญิงสาวจูบตอบ กอดรัดเขาไว้แน่น ขยับสะโพกรับจังหวะรุกจากเขาอย่างเท่าเทียม บทเพลงรักเร่าร้อนจากคนช่างเรียกร้องทำเอาคุณแม่ยังสาวแทบจะละลายกลายเป็นวุ้นคาอกสามี เพียงขวัญกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถูกส่งไปยังปลายทางของห้วงอารมณ์รักนับครั้งไม่ถ้วน เหมันต์เก็บตกจัดเต็มทุกท่วงท่า เท่าที่ห้องน้ำจะเอื้ออำนวยให้เขาทำได้ สุดท้ายจบลงที่อ่างอาบน้ำ ชายหนุ่มชำระล้างร่างกายให้ตนเองและภรรยาหลังจากจบสิ้นภารกิจทวงคืนพื้นที่ส่วนตัวจากลูกสาวตัวน้อย กว่าเขาจะพาร่างอ่อนปวกเปียกออกมาจากห้องน้ำก็ล่วงเลยเวลาไปเกือบสามชั่วโมงเพียงขวัญในชุดนอนใหม่หลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน เหมันต์จูบหน้าผากมนแผ่วเบา รู้สึกรักและหวงแหนเธอมากกว่าที่เคยรู้สึก“ผมรักคุณนะขวัญ” แววตาอ่อนโยนทอดมองใบหน้าของภรรยาอย่างแสนรักเสียงอ้อแอ้ของลูกสาวทำให้เหมันต์ละสายตาจากภรรยา ชายหนุ่มลุกไปหยิบขวดนมที่เตรียมการเอาออกมาจากตู้เย็นตั
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค