วริญญาเงียบเสียงของตัวเองลงไป เพราะรู้สึกตกใจที่ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังประสบกับปัญหาเรื่องใดอยู่ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้ความเป็นไปและความเคลื่อนไหวของบิดาของเธอเป็นอย่างดี“คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณพ่อมีปัญหาเรื่องการเงิน เส้นทางการเงินของท่านมันแปลกๆ ถึงตอนนี้ฉันจะยังหาสาเหตุของมันไม่ได้แต่เชื่อว่าอีกไม่นานฉันคงจะรู้ทุกอย่าง”“คุณไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้น หากผมสามารถจะพาคุณไปดูต้นเหตุ ของการถูกสับเปลี่ยนช่องทางทางการเงินได้ คุณจะไปหรือเปล่า?”“คุณเอาอะไรมาพูดฮะ! เรื่องแบบนั้นไม่มีใครที่จะทำได้นอกเสียจากคุณพ่อ บัญชีทุกบัญชี รหัสปลดล็อคอยู่ที่คุณพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น ตัวคุณเองต่างหากที่มันน่าสงสัยที่สุด ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้เรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างละเอียด ทั้งที่ไม่ใช่คนภายในองค์กร บอกมานะว่าคุณเองใช่หรือเปล่า ที่เป็นต้นเหตุทำให้เรื่องราวทุกอย่างมันดูวุ่นวาย”“อย่าเหมาเอาข้างเดียวสิ ผมเคยเตือนคุณหลายครั้งแล้วว่าให้ระวังคนรอบตัว แล้วคุณดูสารรูปของคุณในตอนนี้สิ มันแทบจะเหมือนกับคนป่วยอาการหนัก”วริญญาแอบมองหน้าตนเองในกระจกเงาที่ติดอยู่อีกฝั่ง แล้วมันก็เป็นอย่างที่ชางว่าไว้จริงๆ เพราะใบหน้า
ก็อกๆๆๆ!เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ชวนให้คนทั้งคู่หันไปมองที่ประตูพร้อมกัน โดยที่วริญญายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อจากนั้น“นั่น...นมนิ่มกำลังจะเข้ามาแล้วนะ ถ้าเขาเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่กับฉัน มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ”“ก็ไม่เห็นจะแคร์ ผมเองก็อยากจะมีเรื่องกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้วด้วย” ชางยักไหล่ทำท่าไม่สนใจอย่างที่เห็น“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ ทำไมคุณถึงต้องมาคอยหาเรื่อง กับคนในครอบครัวของฉันไปเสียทุกคนนะ ได้เวลาออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว”วริญญาใช้ฝ่ามือบางดันไปที่อกกว้างอย่างไร้กำลัง ชางเองก็ยังนึกแค้นใจเมื่อได้เห็นเพราะในเวลานี้เขาไม่สามารถอยู่ดูแลหญิงสาว ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายได้ หรืออีกอย่างนั่นเป็นเพราะตัวของเธอเองที่ยังไว้ใจเขาไม่มากพอทั้งอย่างนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะยอมถอยออกไปจากห้อง มือใหญ่ของเจ้าตัวก็ไวพอที่จะคว้าเอารูปถ่าย ของเด็กชายที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนติดมือกลับไปด้วย แต่วริญญาดันหันมาเห็นเขาในจังหวะนั้นเข้าพอดี“หยุดนะชาง! เอารูปของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”“งั้นเหรอ นี่เป็นรูปของคุณอย่างนั้นใช่ไหม? ผมเห็นรูปเด็กนี่เข้า มันก็เลยมีคำถามที่อยากจะถามคุณกลับไปบ้าง เอาไว้คุ
“ปกติบัญชีพวกนี้เวลาที่ได้รับเงินมาแล้ว เราจะต้องเอาไปที่ไหนหรือคะ? เรื่องนี้ฉันเองก็ว่าจะถามคุณอเนกอยู่หลายครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที ฉันพอจะจำได้ว่าเงินในส่วนนี้ คุณพ่อจะนำไปช่วยมูลนิธิ ที่คุณพ่อเป็นคนสร้างมันขึ้นมา กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พักหลังๆ หนูกลับไม่เคยเห็นยอดเงินที่มันเข้าออกบัญชีเหมือนอย่างที่คุณพ่อเคยทำ” วริญญาเอ่ยถามอเนกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่สายตาก็ยังหันไปหาอนุวัฒน์เชิงปรามว่าห้ามพูดแทรก“เมื่อก่อนผมเป็นคนเก็บเองครับ แต่ตอนนี้กลายเป็นลูกชายของแม่นม เอกสารและยอดเงินตัวจริงทั้งหมดที่ผมไปตามเก็บรายละเอียดมาจากร้านค้า ที่เราตามเก็บค่าคุ้มครองอยู่ในนี้ทั้งหมด ส่วนยอดเงินที่เข้าผมคิดว่าคุณหนูน่าจะเห็นแล้วจากการปรับบัญชีกระแสรายวัน เพราะยอดที่เก็บมาได้ เราจะต้องเอาเข้าธนาคารก่อนเวลาสองทุ่มของทุกวัน”เป็นจริงอย่างอเนกพูดมา เพราะวริญญาจะทำงานอยู่จนกระทั่งดึกดื่น โทรศัพท์มือถือก็จะมีข้อความเข้ามาเตือน เมื่อมีเงินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และเธอสามารถไล่เช็คได้อย่างละเอียด เนื่องจากเมื่อเกิดความไม่โปร่งใสในบัญชี เธอจึงเริ่มนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ เพราะ
ภาพที่หญิงสาวตบหน้าลูกชายของแม่นมเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง แม้ในใจวริญญาจะยังคงเกรงแม่นมของตนโกรธแต่จะมาโทษเธอก็ไม่ได้ เพราะที่เธอทำลงไปนั่น ก็เพื่อเป็นการปกป้องตัวเองอนุวัฒน์ยังคงอาศัยสิทธิ์ของการเป็นลูกชาย ยืนทำหน้าไม่สะทกสะท้านตามสันดานของตนเอง พร้อมกับตะเบงเสียงถามด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด“จะเล่นตัวไปถึงไหนฮะ! แม่บอกให้ยัยคุณหนูของแม่ยอมรับสถานภาพจริงๆ ของตัวเองเสียที ผมเบื่อที่จะเล่นบทบาทซ้ำซากจำเจแบบนี้อีกต่อไปแล้วนะแม่!”“แกพูดเรื่องบ้าอะไรของแกออกมาฮะอนุวัฒน์ แกเข้ามาทำอะไรไม่ดีกับคุณหนูใช่มั้ย!? ไอ้ลูกชั่ว! นายใหญ่เสียไปไม่เท่าไหร่แกก็กล้าเข้ามาก่อเรื่องในนี้อีก แล้วแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?”“ไส่หัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ! ก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากแกออกไปไอ้อนุวัฒน์” อเนกตะโกนตามมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแทนคนเป็นเจ้านาย ที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูกกับเรื่องราวที่เหนือความคาดหมาย และทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ขบวนการทางความคิดของอนุวัฒน์ที่ทำลงไปนั่น มันดูคล้ายเป็นการจูงใจ และเหมือนกับเจ้าตัวได้เตรียมการเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้าวริญญาก็พอจะมองออกว่า ค
หัวใจของวริญญาเหมือนกับกำลังถูกตาข่ายสีดำคลุมลงมาอย่างช้าๆ เนื่องจากคนที่กำลังพูดกันอยู่ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเป็นใคร มันทำให้เธอนึกถึงคำพูดในประโยคบอกเล่า เชิงเอ่ยเตือนภัยจากผู้ชายคนนั้น มันก็เริ่มจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาส่วนหนึ่ง ซึ่งอนุวัฒน์เองก็ไม่เคยให้ความยำเกรงในตัวของวริญญามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเชื่อมั่นว่าแม่นมของเธอ คงจะไม่ให้ท้ายลูกชายของนางจนเกินไปค่ำวันนั้นเธอเผลอนอนหลับไปทั้งที่ยังคงครุ่นคิดอยู่ในใจ หญิงสาวผุดลุกขึ้นมานั่งกลางดึก ก่อนจะแต่งตัวออกจากห้องของตน เพราะต้องการจะเข้าไปค้นหาหลักฐาน ที่อาจจะซ่อนอยู่ในห้องทำงานของบิดาอีกครั้งแต่เมื่อชะโงกหน้าลงไปมองยังห้องที่อยู่ด้านล่าง กลับพบว่าอเนกกำลังยืนพูดบางอย่างอยู่กับแม่นม ด้วยท่าทางที่ต่างไปจากเดิมคิ้วเรียวสวยกระตุกถี่ พร้อมกับหัวใจที่กำลังเต้นรัวเร็วของหญิงสาว เหมือนกำลังล่วงหล่นตกลงสู่ก้นเหวลึก เธอรู้สึกหวาดระแวงและสงสัยในพฤติกรรมของคนทั้งคู่ ก่อนจะถอยหลังแล้วกลับเข้าสู่ห้องนอนของตนเองตามเดิม‘ปกติก็ไม่เคยเห็นจะพูดคุยอะไรกันเลย ส่วนตัวนมนิ่มเองก็เคยบอกอยู่ตลอดเวลา ว่าคุณอเนกก็ไม่ค่อยจะญาติดีกับตนและลูก
หญิงสาวเริ่มตระหนักดีว่าตนเองไม่น่าจะอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ทั้งที่มันเป็นบ้านของตัวเองแท้ๆ เมื่อเสร็จธุระแล้วเตรียมตัวกำลังจะเดินขึ้นรถ แต่เธอกลับพบว่ารถคันที่เธอนั่งมา ได้ขับหายไปจากจุดที่มันเคยอยู่ “นี่มันอะไรกัน? รถของฉันไปไหน?” หญิงสาวบ่นระคนประหลาดใจ ก่อนกวาดตามองหารถยนต์ของตนไปทั่วทั้งถนน แต่ไม่ทันไร ด้านข้างของถนนอีกฝั่ง ก็มีรถสีดำคันโตอีกคันกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ เมื่อมันจอดสนิทประตูที่ถูกเปิดออกทำให้วริญญาต้องตกตะลึงตาค้าง เพราะคนที่นั่งอยู่ภายในห้องผู้โดยสารทางฝั่งของที่นั่งด้านหลังของรถตู้ นั่นก็คือ เหวินชาง “ผมโทรหาทำไมคุณถึงไม่ยอมรับสาย แถมไม่ยอมโทรกลับ นั่นแสดงว่าคุณเตรียมตัวตายเอาไว้แล้วใช่ไหม?” คำพูดที่แสดงออกมานั่น ราวกับต้องการจะทักทาย แต่หากหญิงสาวรู้ว่าเขากำลังประชดใส่ “คุณกำลังพูดเรื่องอะไรของคุณ? ขอร้องว่าอย่ามากวนประสาทฉันได้ไหม? ตอนนี้ฉันไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับใครทั้งนั้นแล้ว” เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งร่างกายรวมไปถึงจิตใจ จนไม่มีอารมณ์ที่อยากจะพูดกับใครแล้วจริงๆ “เสียใจเหรอ เสียใจที่รู้ตัวว่าคนรอบข้างคิดไม่ซื่อกับตนอย่างนั้นสินะ” หญิงสาวอ้าปากค้างมองเขาด้วยสา
“ผมคงปล่อยให้คุณกลับไปที่นั่นอีกไม่ได้แล้ว พวกมันเล่นงานคุณหนักข้อมากกว่าที่เคยทำกับคุณพ่อของคุณมาก”“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ใครกันที่จะทำร้ายฉัน”เธอพยายามเปล่งเสียงขึ้นมาถามเขาเสียงผะแผ่วแต่ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรกลับไป เพราะมองเห็นอาหนานกำลังส่งสัญญาณมือมาให้ ตามที่ได้นัดหมายกัน เมื่อหลักฐานสำคัญกำลังจะเปิดเผยตัว ชางจึงค่อยๆ พยุงร่างของคนตัวเล็กกว่าให้ขึ้นมานั่งบนตักของตนทั้งที่หญิงสาวก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น แต่เพราะไม่มีแรงต้านทานมันก็เลยไม่สามารถจะขัดขืนเขาได้ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะเพิ่มภาระให้กับร่างกายของตัวเอง ในที่สุดร่างบอบบางถูกเขารวบกอดสิ้นฤทธิ์อยู่ในอ้อมอก ชายหนุ่มกดปลายจมูกโด่งและริมฝีปากลงมากระซิบข้างพวงแก้มอ่อนใส“คุณดูซิ ดูให้ชัดๆ คนที่อยู่บนเรือสองคนนั่นเป็นใคร? ““ฉันไม่ดูอะไรทั้งนั้น? คุณอย่ามาบงการฉันนะ!”เขาไม่ฟังเสียงของวริญญาแต่จับเอาหูฟังแบบระบบเชื่อมต่อบลูธูท ใส่เข้ามาที่หูทั้งสองข้างของหญิงสาว มันช่างเป็นเรื่องราวที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีความสามารถติดตั้งเครื่องดักฟังบนเรือขององค์กรเมฆครามได้แต่ในจังหวะที่หญิงสา
วริญญารู้สึกหมดแรงจนถือกล้องในมือต่อไปไม่ไหว ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย ที่ทำให้สะเทือนใจของหญิงสาวอย่างแรง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้วริญญา ต้องถูกปิดหูปิดตาอย่างนี้ได้ตลอดไป“ผมรู้ว่ามันอาจจะทำร้ายความรู้สึกของคุณมาก เพราะคนพวกนั้นก็เท่ากับเป็นอีกครึ่งหนึ่ง ของคนในครอบครัวที่คุณเคยอยู่ด้วยกันมาตลอด แล้วทีนี้คุณพอจะเข้าใจแล้วหรือยังว่าเพราะอะไร ถึงทำให้คุณพ่อของคุณต้องเสียชีวิตไป”“คุณอย่ามาโกหกฉันดีกว่า นี่คุณคงจะส่งคนเข้าไปแทรกซึม จนกระทั่งยุยงส่งเสริมให้คนภายในครอบครัวของฉัน แตกคอกันเองแบบนี้ใช่ไหมละ?”ชางทิ้งลมหายใจออกไปหนักๆ อย่างรู้สึกอ่อนใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่เขาก็ยังไม่ได้นับเขาสู้อุตส่าห์พาเธอมาให้เห็นกับตาอีกทั้งยังได้ยินกับหู แต่เจ้าตัวก็ยังดื้อแพ่งไม่ยอมเชื่ออะไรในตัวเขาบ้างเลย“ถ้าผมจะชั่ว ผมคงไม่ปล่อยไอ้พวกที่ทำตัวไม่รู้จักบุญคุณพวกนี้ให้มีชีวิตรอด ในเมื่อขนาดนายของมันเองพวกมันยังกล้าเนรคุณ แล้วคุณคิดบ้างไหมว่าผมจะกล้าเลี้ยงพวกมันเอาไว้ใกล้ตัว” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอำมหิตมันชวนให้วริญญารู้สึกขนลุกและหวาดกลัว เมื่อค่อยๆ เบนหน้าหันกลับมามองเข
เด็กชายเคยไฝ่ฝันว่าตนอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่คอยดูแลใกล้ๆ ไม่ใช่เด็กที่มีเพียงแค่ยายไปรับส่งที่โรงเรียน ในวันเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีคนในครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าและไม่อ้างว้างเดียวดาย แต่เด็กชายก็ยังมีความตื่นกลัวตามประสา เพราะไม่เคยเห็นหน้าพ่อของตนมาก่อนเลย“ไปหาแด๊ดดี้สิคะลูก หนูไม่อยากจะไปเล่นเบสบอลกับแด๊ดดี้แล้วเหรอคะ?” วริญญาเอ่ยย้ำถึงกิจกรรมที่ลูกชายอยากจะทำนักหนา แต่ทว่ายังหาคนสอนไม่ได้ แล้วมันก็ข้าทางกับสถานะการณ์ในตอนนี้พอดี“ลุงคนนั้นเป็นแด๊ดดี้ของผม จริงๆ หรือครับมัม” เชนเงยหน้าขึ้นมาถามตามประสา พร้อมกับมีรอยยิ้มน่ารักตามมา เมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยยืนยันกับเขาว่า“ใช่สิคะลูก ผู้ชายคนนี้คือแด๊ดดี้ของหนู เขาเองก็ตามหาพวกเรามานานแล้วนะ ไปสิจ๊ะ ไปกอดแด๊ดดี้อย่างที่หนูเคยอยากจะทำไง...”ชางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด เมื่อได้ยินประโยคที่วริญญาพูดออกมา นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาเธอกับลูกจะต้องอยู่กับความอ้างว้าง ซึ่งมันไม่ต่างจากเขา ที่เฝ้าตามหาหญิงสาวมาชั่วชีวิตเช่นเดียวกันชางเบี่ยงองศาหน้าหันไปทางอื่น เพราะต้องการกลืนน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
หญิงสาวจึงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ เชิงออกคำสั่งให้เปิดเทปบันทึกเสียง และภาพจากคลิปวีดีโอ ที่มีเสียงสนทนาระหว่างอเนก และอนุวัฒน์ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ที่ท่าเรือ เพียงแค่ได้ยินเสียงของคนเป็นลูกชาย นมนิ่มถึงกับไปไม่เป็น อีกทั้งยังมีสีหน้าซีดเผือดอย่างที่เห็น“บอกมาได้ไหมคะ ว่าคนที่เห็นอยู่ในคลิปและเทปบันทึกเสียงนี่ ใช่เสียงของลูกชายนมหรือเปล่า?”“มันเป็นหลักฐานปลอมใช่ไหมคุณหนู มันเป็นเรื่องไม่จริงหรอกค่ะ ใครจะกล้าไปคิดต่ำทรามกับผู้มีพระคุณได้ นมเคยสอนคนหนึ่งไว้ว่ายังไงก็สอนลูกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน”คำแก้ตัวของนมนิ่ม ทำให้วริญญาอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ เพราะจนถึงขนาดนี้นางก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะยอมรับความผิดที่ตนได้เป็นคนก่อไว้ข่าวการตายของอเนกและอนุวัฒน์ในเวลานี้ กำลังขึ้นไปอยู่หน้าหนึ่งของสื่อทุกสำนักนักข่าวเริ่มขุดคุ้ยและหาหลักฐานซึ่งเชื่อกันว่าในอีกไม่นาน ก็ต้องตามมาถึงตัวของแม่นมของเธออย่างไม่ต้องสงสัยวริญญา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ แล้วค่อยๆ ยกเอาถาดอาหารออกมา ก่อนจะวางมันลงตรงหน้านมนิ่ม พร้อมกับรอยยิ้มการค้า จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้านมบริสุทธิ์ใจจ
อนุวัฒน์เคยบอกแม่ของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า อเนกเป็นคนที่คิดจะดีดตัวออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มแผนการ ถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะต้องเสียท่าให้แก่องค์กรฝั่งตรงข้าม แต่อย่างน้อยที่สุดก็ได้รู้แล้วว่า หากจะต้องตายมันก็ต้องตายตกตามกันไป เพราะถึงยังไงมันก็ได้ชั่วด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้น “มึงเอง ก็อย่าหวังว่าจะเอาตัวรอดได้เลยไอ้อเนก”ปัง!อนุวัฒน์ใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่ เหนี่ยวไกปืนแล้วเล็งไปที่ศีรษะของอเนก แต่ตัวของอเนกเองกลับไวกว่า เขาจึงยิงรัวเข้าไปที่ร่างของอนุวัฒน์เพื่อให้มันได้ตายสมใจ แต่ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดลง อนุวัฒน์ได้เหนี่ยวไกปืนแล้วยิงใส่อเนกได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าลูกปืนมันจะไม่ได้เข้าไปที่ส่วนศีรษะของอเนกอย่างที่ตนตั้งใจ แต่กระสุนก็ยิงเข้าไปที่ชายโครงของอเนกจึงเป็นเหตุให้อเนกเสียการควบคุมพวงมาลัยรถที่กำลังบังคับอยู่ รถที่กำลังแล่นไปบนถนนใหญ่ด้วยความเร็วสูงเกินพิกัด ซึ่งเมื่อขาดคนบังคับมันจึงหลุดออกนอกเส้นทาง คล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดให้รถคันที่เห็น กระเด็นออกมาจากถนนเส้นหลัก จากนั้นจึงพลิกคว่ำแล้วกลิ้งตกลงไปในแม่น้ำกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จมหายลงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับเห็นกลุ่มเลือ
“จัดการส่งคนเข้าไปลากคอพวกมันมา ฉันไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ เดินตามแผนการณ์ของเราที่วางเอาไว้ อย่าจับตายจำเอาไว้ว่าฉันต้องการเห็นพวกมันตัวเป็นๆ ““รับทราบครับเจ้านาย”หลังจากที่นั้นเรือลำนั้นแล่นออกไป ก็มีเรืออีกลำซึ่งใหญ่กว่าค่อยๆ ชะลอตัวเข้ามาจอดยังชายหาดด้านข้าง นั่นมันทำให้วริญญารู้สึกเอะใจ แล้วหันกลับไปมองหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย“ชาง!...คุณเตรียมแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วใช่มั้ย!? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะชาง!”วริญญาแว๊ดใสหน้าชางอย่างจะเอาเรื่อง เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงรีบรับสารภาพกับเธอทันที“บอกเดี๋ยวนี้แล้วครับเมีย....ผมแค่อยากให้คุณทำใจได้ เพราะอันที่จริงแล้วการที่ผมจะฆ่าพวกมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจที่คุณมีให้กลับมาทำร้ายคุณเอง ผมรู้ดีว่าในตอนที่คุณยังรังเกียจผมอยู่ถ้าผมทำอะไรรุนแรงกับคนพวกนั้นลงไป คุณก็คงจะไม่มีวันให้อภัยผมไปชั่วชีวิต”เขาเหมือนกับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในความคิดและความรู้สึกของเธอ วริญญาตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไรผู้ชายที่กำลังนั่งกอดเธออยู่ในตอนนี้ถึงได้เข้าใจหัวอกของเธอเสียทุกอย่างชายหนุ่มประคอ
หญิงสาวเพียงแค่ใช้ส้อมที่อยู่ในมือจิ้มลงไปในอาหาร แล้วนำมันขึ้นมาใส่ปากรับประทาน จึงพบว่ารสชาดนั้นไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอเคยกินอาหารฝีมือของแม่นม มันช่างน่าประหลาดเพราะมันเป็นรสชาดที่เธอลืมไปนาน หรือเป็นเพราะเธอกินอาหารฝีมือของแม่นมของเธอมานานจนเกินไป“มันไม่มีกลิ่นที่เหมือนกับอะไรบางอย่าง รบกวนจมูกของเราฉันพูดถูกหรือเปล่า?” ชางเอ่ยถามเพราะต้องการความเห็น“ทำไมคุณถึงได้รู้ ทุกครั้งที่ฉันได้กินกับข้าวฝีมือของแม่นมนิ่ม อาหารพวกนั้นจะมีกลิ่นบางอย่าง มันหมือนกับฉันเคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นของอะไร?”ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาว่า“สารปรอทยังไงล่ะ เหมือนกับตอนที่คุณพ่อของคุณโดน”ถ้วยอาหารในมือของหญิงสาวถึงกับร่วงตกลงไปบนพื้น ชางรู้ดีว่าเธอคงจะตื่นตกใจ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถ้วยนั้นขึ้นมาเคาะไล่สิ่งสกปรกแล้วใช้กระดาษซับมันที่มีอยู่ในถุงเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะตักอาหารลงไปให้ใหม่อีกครั้ง“คุณจะพูดล้อเล่นไปถึงไหน? ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณ กับแม่นมของฉันมีปัญหาอะไรกันถึงขนาดจะต้องตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณพ่อด้วย?”“ห
ท่อนแขนกำยำทั้งสองข้าง ยังคงกอดประคองร่างกายของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่นผิวเนื้อเนียนนุ่มยังคงเบียดเสียดถูไถกันจนกระทั่งบางครั้งยังเข้าใจว่า ร่างกายของเธอและเขาอาจจะลุกไหม้ขึ้นมาได้ ในช่วงจังหวะนั้นมีหลายครั้งที่เธอกับเขาได้ประสานสายตา และก็มีบางคราที่วริญญาเธอเผลอยิ้มให้เขาอย่างลืมตัว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่ห่างหาย ชางจึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่เคยลืมเขาไปจากหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว“ผมรักคุณ รักทั้งหมดของคุณ ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อา…คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”“ปล่อยฉันสักทีเถอะค่ะ ฉันสู้แรงคุณไม่ไหวแล้วนะ กี่ครั้งแล้วคะนี่”“ผมไม่สนใจ จะกี่ครั้งมันก็เป็นของผม อย่างนี้!”ชายหนุ่มโจนจ้วงเข้าไปจนสุดลำโคน จนโดนกำปั้นบอบบางทุบเข้าที่กลางหลัง จากนั้นจึงต่อว่าตามมาเสียงดัง“นิ้คุณ! คิดจะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไงฮะ!? คุณเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”“ก็ตั้งแต่ตอนที่ผมตามหาคุณไม่เจอ ตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นว่าคุณมีผู้ชายคนอื่น”วริญญาไม่กล้าพูดอะไรต่อ หญิงสาวได้แต่หลับตาและปล่อยให้เขาตักตวงเอากับร่างกายของเธอต่อไป พร้อมกับฟังเสียงคำรามของอีกฝ่ายที่ระบาย
ชางกระชากเอาร่างบางเข้ามากอดแนบกาย พร้อมกับสายตาที่รู้สึกปวดร้าว เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยความขุ่นเคือง“ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าผมกับไอ้ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกคุณ ใครมันจะลีลามัดใจคุณได้มากกว่ากัน!”“คิดจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันนะ! ชาง ฉันไม่! อื้ออ...”อย่างไม่ทันจะได้อ้าปากอธิบาย ริมฝีปากหยักได้รูปก็บดจูบลงมาอย่างรุนแรง รุกเร้าและเอาแต่ใจมากกว่าทุกครั้งวริญญาขยุ้มเสื้อของร่างหนาจนมันแทบจะขาดคามือซะให้ได้ อีกทั้งลมหายใจยังติดขัดเมื่อถูกเขาบดจูบลงมาอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้จะขบริมฝีปากตัวเองแน่นๆ แล้วก็ตามริมฝีปากอิ่มร้อนยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตามแรงขัดขืนของอีกฝ่ายที่แสดงออกไปแต่ชางรู้นี่ว่าต้องทำยังไงวริญญาถึงจะยอมทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเขาสามารถบังคับมันได้อย่างน่ากลัวอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำแล้วหญิงสาวก็เห็นลางแพ้เขามาตลอด...แบบนี้....จากมือที่กำเสื้อของร่างใหญ่ไว้จนยับย่น เปลี่ยนเป็นวางทาบมือลงบนบ่ากว้าง จากที่เบี่ยงหนีก็กลายเป็นยอมรับทุกการกระทำของชางอย่างเผลอตัววริญญาพยายามดึงสติของตน เมื่อเห็นอีกคนค่อยๆ วางร่างของเธอให้นอนหงายลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่สามารถฝืนความต้องกา
“คุณทำดีมากเลยนะริญ ชนเข้าจนได้สิ พอทีเหอะ! โทรศัพท์มือถือของผมก็ไม่ได้เอามาด้วย มันอยู่กับลูกน้องบนเรือลำนั้น แล้วทีนี้เราจะกลับกันได้ยังไงฮึ?”วริญญารู้สึกว่าตนเองทำอะไรเหมือนกับคนที่ไม่มีสมอง ไม่รู้จักตริตรองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเรื่องที่ตนเองก่อไว้ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ความอับอายที่ได้รับ จึงทำให้ร่างบางรู้จักสำนึกผิดคิดขึ้นมาได้ แต่จะให้เอ่ยวาจาว่าขอโทษมันก็ดูกระไร เธอจึงทำได้แค่ไม่พูดไม่จา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอ่ยปากต่อว่า เพราะไม่ต้องการทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องเสียกำลังใจ“สงสัยเราคงจะต้องไปอาศัยนอนบนเกาะนู้นแล้ว เห็นหรือเปล่า?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นจรดปลายนิ้วชี้ไปยังเกาะซึ่งมีขนาดเล็ก อยู่ห่างจากเรือไม่มากนัก หากต้องว่ายน้ำไปก็คงจะไหวอยู่ “เราจะไปได้ยังไงกัน แล้วเกาะเล็กแค่นั้นมันจะมีบ้านของชาวบ้านอยู่ได้ยังไงกันคะ ดูไปแล้วเหมือนเกาะที่เรือแค่วิ่งผ่านเท่านั้นเอง” วริญญาแย้งขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย“หรือคุณจะอยู่บนนี้รอให้เรือมันจมซะก่อนละ ชนดังซะขนาดนั้นใต้ท้องเรือคงทะลุไปแล้วมั้ง น้ำกำลังซึมเข้ามานั่นคุณเห็นมันรึเปล่าละ? เรามีห่วงยางแล้วก็มีเครื่องชูชีพขนาดกลาง ตอนนี้เราต้องไปขึ้
“ผมไม่สามารถเป็นคนเลวกับผู้มีพระคุณได้ และผมก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งผู้หญิงที่ผมรักเพียงคนเดียวได้ลงคอ”ประโยคต่อมาที่วริญญาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าของร่างใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี“คุณอาจจะเคยคิด ว่าผมเลวที่เคยทอดทิ้งคุณไป แต่คงไม่มีใครรู้หรอกว่าผู้ชายสารเลวคนนี้มันใช้เวลาที่มีอยู่ทุกนาที ตามหาผู้หญิงที่เป็นเจ้าของหัวใจมาโดยตลอด ถ้าผมจะต้องยกหัวใจและชีวิตให้กับใครสักคน มันคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหัวใจของผม มากไปกว่าคุณอีกแล้ว”มันเป็นคำหวานของผู้ชายป่าเถื่อน ซึ่งวริญญาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นอ้อมแขนแกร่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาโอบกระชับร่างบางของเธออย่างอ่อนโยนในวันที่หัวใจถูกทิ้งขว้าง มีเพียงตนกับลูกในท้องที่กลายเป็นส่วนเกินในชีวิต ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและพ่อ แต่พอมาวันนี้เขากลับมาพูดในสิ่งที่เธอได้เคยตัดมันทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว“ฉันไม่เชื่อถือคำพูดของคุณ เพราะสิ่งที่คุณทำให้ฉันต้องไปเผชิญมา มันโหดร้ายเกินไป พอเถอะชาง ต่อให้ฉันต้องถูกคนพวกนั้นตามจองล้างจองผลา