“ผมกับญาติห่าง ๆ ช่างมีวาสนากันจริง ๆ เรือนหออยู่ชุมชนเดียวกัน แถมชั้นบ้านเลขที่ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าผมดูยูนิตผิดหรือเปล่า”ผมแอบส่งข้อความถึงแฟนสาวของผม ซูเสวี่ยเซียน บ่นถึงเรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาดนี้เพิ่งส่งไป ชิวเทียนหลางลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของผมก็พาว่าที่เจ้าสาวของเขาออกมาจากห้องนอนญาติ ๆ ต่างส่งเสียงร้องอย่างยกยอปอปั้น ว่าที่เจ้าสาวก็ปิดหน้าด้วยความเขินอายมีแต่ผมคนเดียวที่ยืนอึ้งอยู่กับที่เดิมจนกระทั่งแม่ใช้ศอกมาสะกิดผม แล้วพูดอย่างผิดหวังไม่ได้ดั่งใจว่า:“ดูแกสิ ลูกพี่ลูกน้องของแกคนนี้กำลังจะแต่งงานแล้ว แกลองมองตัวเอง วันวันบอกว่าจะพาแฟนที่ไม่มีตัวตนของแกกลับมา เมื่อไหร่จะให้ฉันได้เจอตัวเป็น ๆ ล่ะ?”แม่ แม่ได้เจอแล้วตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายคนอื่นด้วยท่าทีเขินอายก็คือแฟนของผม ซูเสวี่ยเซียนสุดท้ายผมไม่ได้พูดออกมา เพราะกลัวว่าแม่ของผมจะโกรธจนโรคหัวใจกำเริบตรงนี้ตอนที่ผมเข้ามาในชุมชนเมื่อครู่นี้ ผมก็รู้สึกประหลาดใจมากที่ตัวเองและลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ คนนี้จะมีวาสนากันขนาดนี้ ถึงกับเลือกเรือนหอในชุมชนเดียวกันเสียด้วยผลก็คือ ยิ่งเดินยิ่งบังเอิญมากขึ้น ยังเป็นยูน
ว่าที่เจ้าสาวพบปะทุกคนเสร็จแล้ว เตรียมที่จะไปร้านอาหารรับประทานอาหารกันเดิมทีผมอยากจะหาข้ออ้างขอตัวจากไปก่อนไม่คิดว่าซูเสวี่ยเซียนมาดึงผมอย่างลับ ๆ พาผมไปที่มุมหนึ่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนเมื่อครู่นี้ของเธอได้หายไปหมดแล้ว เธอขมวดคิ้วจ้องมองผม ราวกับกำลังมองศัตรูอยู่“ฉันรู้ว่าคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่ ฉันแค่ช่วยเพื่อนรับมือเรื่องที่ถูกเร่งรัดให้หาคู่แต่งงานเท่านั้น เขาไม่อยากให้พ่อกับแม่ของเขาเป็นห่วง และทำเพื่อความกตัญญูด้วย ฉันกำลังทำความดีนะ ถ้าคุณกล้าก่อกวนเราก็เลิกกันเลย”เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่ทำผิดคือเธอแต่เธอกลับเอาการเลิกรามาขู่กันได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นเพียงไพ่ในมือเธอที่สามารถทิ้งออกมาได้ตลอดเวลาผมมองเธอด้วยความเหลือเชื่อ:“แต่นี่คือเรือนหอของเรา คุณคือแฟนของผมนะ”ซูเสวี่ยเซียนไม่สนใจ“ก็บอกแล้วว่าแค่ช่วยเหลือเพื่อน เขาถูกพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงานจนเครียดเกินไป แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่เอามาใส่ใจ คุณจะคิดเล็กคิดน้อยอะไร ถ้าไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลานั้นก็ขายเรือนหอนี้ไปแล้วไปซื้อใหม่เถอะ การตกแต่งในตอนนี้ ฉันก็ไม่ถูกใจเท่าไหร่”บ้านที่เธอเอา
อันที่จริงวันนี้ควรจะเป็นวันที่ผมและซูเสวี่ยเซียนมีความสุขกัน ผมและซูเสวี่ยเซียนนัดกันว่าจะมาพบพ่อกับแม่ของผมเราคบกันมาสามปี แต่กลับเลื่อนวันพบพ่อแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าซูเสวี่ยเซียนมักจะมีข้ออ้างมากมายมาหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ตื่นเต้น งานยุ่ง รู้สึกไม่สบาย ปฏิทินโหราศาสตร์เขียนไว้ว่าวันนี้ไม่เหมาะที่จะพบผู้ใหญ่สามเดือนที่แล้ว เป็นครั้งที่พวกเราใกล้จะได้พบกับผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการมากที่สุดพ่อแม่ของผมต่างสวมเสื้อผ้าก้นหีบ และไปถึงห้องรับรองที่จองไว้แต่ซูเสวี่ยเซียนก็ยังไม่ปรากฏตัวสักทีผมโทรหาสายแล้วสายเล่าก็เป็นสายไม่ว่าง จนในที่สุดเธอก็ส่งข้อความมาฉบับหนึ่งว่า "เพื่อนของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์"เมื่อเห็นเหตุผลที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ผมก็รู้ว่าเธอกำลังหลบเลี่ยงอีกแล้วซูเสวี่ยเซียนเคยบอกผมว่าพ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน ดังนั้นเธอจึงกลัวการแต่งงานมาโดยตลอด และผมในเวลานั้นเพียงแค่กอดเธออย่างปวดใจ สัญญาว่าผมจะรอจนกว่าเธอจะพร้อมดังนั้นผมจึงรับความผิดที่แฟนสาวไม่ได้มาให้ตัวเองอีกครั้ง“ขอโทษครับ ผมแจ้งเวลากับเธอผิดไป และเธอบังเอิญมีประชุมมาไม่ทัน คราวหน้านะครับ คราวหน้านะ”แต่พ่อแม่
ผมยิ้มแย้ม“คุณได้ยินชัดแล้วไม่ใช่หรือไง? เราเลิกกันแล้ว”“คุณอย่ามางี่เง่าไร้เหตุผลนะ ถ้าพูดคำว่าเลิกกันแบบนี้ออกมาแล้วก็คืนคำไม่ได้แล้วนะ”ซูเสวี่ยเซียนมองผมอย่างจริงจังมากที่แท้เธอก็รู้ด้วยว่าเรื่องแบบนี้เอามาพูดไปเรื่อยไม่ได้เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็เลยกล้าเช่นนั้น“ผมไม่คิดจะคืนคำที่ผมพูดไป ตอนนี้เราเลิกกันแล้วจริง ๆ”ผมปิดประตูลง ในที่สุดก็แสดงท่าทีของผมอย่างชัดเจนพวกเราจบกันแล้ว……การหมดใจ ที่แท้ก็ใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียวก็ได้แล้ววันรุ่งขึ้น ผมย้ายออกจากบ้านที่ผมเคยอยู่มาสามปีกลับไปที่บ้านโดยไม่หันหลังไปมองพ่อกับแม่กำลังทำอาหารอยู่ เห็นผมขนย้ายสัมภาระที่มากมายปฏิกิริยาแรกคือเป็นห่วงมาก“ลูก เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือเปล่า? บอกพ่อแม่มา พวกเราจะช่วยลูกเอง ไม่มีปัญหาใดที่ก้าวผ่านไม่ได้หรอกนะ”ต่อหน้าพ่อแม่ ผมกลายเป็นเด็กอีกครั้งความคับข้องใจเมื่อวานในที่สุดก็กลายเป็นน้ำตาในวันนี้พวกท่านกอดผมอย่างปวดหัวใจมากยิ่งขึ้นผมสงบสติอารมณ์ลง แล้วค่อยเล่าเรื่องแฟนสาวของผมให้ฟังพ่อขมวดคิ้ว ท่านเป็นคนหัวโบราณ เมื่อได้ยินเรื่องพิลึกพิลั่นอย่างนี้เป็นครั้งแรก
อันที่จริงนี่เป็นเกมเล็ก ๆ ที่ผมและซูเสวี่ยเซียนตกลงกันถ้าฝ่ายหนึ่งโกรธ อีกฝ่ายกลับไม่รู้ว่าผิดอะไร ฝ่ายที่โกรธก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อให้อีกฝ่ายออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดได้แต่นั่นจำกัดไว้ตอนที่เรายังมีความรู้สึกกันเท่านั้นและมักจะเป็นผมฝ่ายเดียวที่เติมเงินต่ออายุเสมอซูเสวี่ยเซียนมีท่าทีที่เฉยเมยมาโดยตลอด มีแต่จะแข่งกับผมเพื่อดูว่าใครจะโกรธได้นานกว่ากันแต่ว่านะ จำนวนเงินในตอนนี้ดูยังไงมันก็ผิดปกติช่วงกำลังสงสัย เพื่อนไม่รู้เรื่องการเลิกราของผม จึงส่งอินสตราแกรมของซูเสวี่ยเซียนมาให้ผม หยอกล้อว่า“เจ๋งอะไรขนาดนั้น? อยากออกไปเที่ยวแล้ว”นั่นคือแบบฟอร์มใบเสนอราคาสำหรับกรุ๊ปทัวร์99,900 คือดูแลปกติสำหรับคนสองคน149,400 เป็นวีวีไอพีสำหรับสองคนซูเสวี่ยเซียนคำนวณได้ดีจริง ๆอยากใช้วิธีนี้เพื่อให้ผมเป็นฝ่ายขอโทษและขอคืนดี ในขณะเดียวกันถ้ามีเงินก็สามารถพาแฟนเก่าไปท่องเที่ยวแบบสวีทได้ผมหัวเราะเยาะ เป็นไปไม่ได้แล้วผมโพสต์ประกาศอย่างเป็นทางการโดยตรงบนอินสตราแกรม[กลับคืนสู่ความโสด อิสระภาพหมื่นปี!] ใต้คอมเม้นต์ต่างอวยพรให้ผมหลุดพ้นจากความทุกข์โศกผมมีความสุขมากด้วยเหตุนี้
ผมไม่ตอบ แต่สีหน้าที่เฉยเมยของผมได้ตอบทุกอย่างแล้วอดีตของผมกับเธอก็เหมือนหนังที่ฉาย และผมก็เป็นแค่ผู้ชมเท่านั้นตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับซูเสวี่ยเซียน ผมไม่สามารถรู้สึกถึงใจเต้นแรงได้อีกต่อไป มีเพียงความรำคาญ ซูเสวี่ยเซียนกลับอยากหันกลับมายื่นมือคว้าผมไว้ แต่เธอทำได้เพียงคว้าอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้นซูเสวี่ยเซียนจ้องมองมือของเธอด้วยความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“เพราะอะไร? เพราะอะไรกันแน่? แค่เพราะฉันให้ชิวเทียนหลางยืมเรือนหอ เล่นละครเป็นเพื่อนเขาเหรอ? แต่เขาก็เป็นญาติห่าง ๆ ของคุณเหมือนกันนะ ฉันแค่อยากช่วยจริง ๆ”“ผมรู้ว่าชิวเทียนหลางก็คือแฟนเก่าสมัยมหาวิทยาลัยของคุณ ซูเสวี่ยเซียนหยุดเสแสร้งได้แล้ว คุณรู้อยู่แก่ใจว่าตอนนั้นคุณกำลังคิดอะไรอยู่”ซูเสวี่ยเซียนยังคงปฏิเสธที่จะรับฟัง ตะโกนออกมาทันทีว่า“ฉันเติมเงิน ฉันเติมเงินได้ไหม? ฉันอยากได้ไอเท็มเกม ฟังก์ชั่นคือต้วนซานหมิงอย่าโกรธอีกต่อไป ฉันขอเติมเงินไอเท็มชิ้นนี้”น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยคำขอวิงวอน น้ำตาเอ่อคลอดวงตาแล้วไลน์ที่ยังไม่ได้บล็อคแสดงขึ้นมาว่า ซูเสวี่ยเซียนโอนเงิน 50,000 บาท – รอกดรับหัวใจของผมราวกับถูกแช่แข็งมานานแ
ซูเสวี่ยเซียนเดินมาอย่างเปียกโชกทั้งตัว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอถือร่มอยู่ในมือ แต่กลับเปียกโชกอย่างกับลูกหมาตกน้ำ ผมที่เปียกชุ่มของเธอแนบติดอยู่บนใบหน้าผมแทบจะจำไม่ได้แต่ใจของผมไม่มีความรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรถ้าเธอกลับไปก็มีชิวเทียนหลางคอยปลอบเธออยู่ดีเรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับผมเรื่องของผมก็ด้วย“ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณรีบไปให้พ้นเลย”ความสุขของผมที่ได้กลับมาพบกับเจี่ยงชิงชิงถูกเธอทำลายโดยสิ้นเชิงอยากจะหนิบไม้กวาดในบ้านมาไล่คนซูเสวี่ยเซียนพูดขึ้นอย่างน้อยใจว่า“ฉันแค่เห็นว่าฝนตกแล้ว กังวลว่าคุณไม่มีร่ม เลยอยากจะเอาร่มไปให้คุณ”เจี่ยงชิงชิงที่อยู่ด้านข้างฟังจบก็หัวเราะออกมา“เธอจะบอกว่า เธอรอเอาร่มให้ที่หน้าประตูบ้านเขางั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่ไปที่ธนาคารแล้วขอให้ธนาคารโอนเงินให้คุณเลยล่ะ”คำอุปมาแปลก ๆ ของเธอทำให้ผมหัวเราะออกมาด้วยใช่แล้ว วันที่ฝนตกหลายครั้งก่อนหน้านี้ ซูเสวี่ยเซียนไม่เคยที่จะแยแสเลยหากมีร่มเพียงคันเดียว เธอจะแย่งร่มเกือบทั้งคัน กลัวว่าตัวเองจะเปียก ไม่สนใจตัวของผมที่เลยออกไปด้านนอกแม้แต่น้อยและตอนนี้เธอก็แสร้งทำเป็นรอเอาร่มมาส่งถึ
วันรุ่งขึ้น ผมไปตรวจสอบเรือนหอไม่คิดว่ากุญแจถูกเปลี่ยนไปแล้วมีเสียงชายและหญิงหยอกล้อเล่นกันดังมาจากข้างในอย่างเลือนลางด้วยคำเตือนของเจี่ยงชิงชิง ผมได้คิดมาตรการตอบโต้ในใจไว้แต่แรกแล้วผมโทรหาญาติสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่อย่างใจเย็น นัดพวกเขาออกมาโดยอ้างว่ามอบของขวัญให้ลูกพี่ลูกน้องพวกเราหลายคนยืนอยู่ที่หน้าประตู และเคาะประตูชิวเทียนหลางใช้เวลาสักพักจึงจะออกมาเปิดประตู เผยน้ำเสียงรำคาญอย่างมาก“ใครเนี่ย? เดลิเวอรี่เหรอ?”เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย แค่ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวบรรดาป้าขมวดคิ้วทันทีเสียงของผู้หญิงดังมาจากในบ้านว่า“เทียนหลาง ใครเหรอ?”ผมฟังออกว่านี่ไม่ใช่ซูเสวี่ยเซียนบรรดาป้าหูดีมาก ฟังออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกท่านผลักชิวเทียนหลางออกไปแล้วเข้าไปทันที“แกที่เป็นผู้ชายที่กำลังจะแต่งงาน แกจะทำเรื่องที่ไม่ดีไม่ได้ นี่ทำให้ตระกูลของเราอับอาย”"อ๊า--"ในห้องที่รกรุงรัง มีเสียงกรีดร้องดังมาจากโซฟา ผู้หญิงคนนั้นตัวเปลือยเปล่า หลบไปซ่อนตัวอยู่ในห้องอย่างเร่งรีบจับได้คาหนังคาเขา“ชิวเทียนหลาง แกนี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้วจริง ๆ!”“ฉันโตมาขนาดนี้ นี่เป็นคร
ซูเสวี่ยเซียนเดินมาอย่างเปียกโชกทั้งตัว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธอถือร่มอยู่ในมือ แต่กลับเปียกโชกอย่างกับลูกหมาตกน้ำ ผมที่เปียกชุ่มของเธอแนบติดอยู่บนใบหน้าผมแทบจะจำไม่ได้แต่ใจของผมไม่มีความรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรถ้าเธอกลับไปก็มีชิวเทียนหลางคอยปลอบเธออยู่ดีเรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับผมเรื่องของผมก็ด้วย“ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณรีบไปให้พ้นเลย”ความสุขของผมที่ได้กลับมาพบกับเจี่ยงชิงชิงถูกเธอทำลายโดยสิ้นเชิงอยากจะหนิบไม้กวาดในบ้านมาไล่คนซูเสวี่ยเซียนพูดขึ้นอย่างน้อยใจว่า“ฉันแค่เห็นว่าฝนตกแล้ว กังวลว่าคุณไม่มีร่ม เลยอยากจะเอาร่มไปให้คุณ”เจี่ยงชิงชิงที่อยู่ด้านข้างฟังจบก็หัวเราะออกมา“เธอจะบอกว่า เธอรอเอาร่มให้ที่หน้าประตูบ้านเขางั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่ไปที่ธนาคารแล้วขอให้ธนาคารโอนเงินให้คุณเลยล่ะ”คำอุปมาแปลก ๆ ของเธอทำให้ผมหัวเราะออกมาด้วยใช่แล้ว วันที่ฝนตกหลายครั้งก่อนหน้านี้ ซูเสวี่ยเซียนไม่เคยที่จะแยแสเลยหากมีร่มเพียงคันเดียว เธอจะแย่งร่มเกือบทั้งคัน กลัวว่าตัวเองจะเปียก ไม่สนใจตัวของผมที่เลยออกไปด้านนอกแม้แต่น้อยและตอนนี้เธอก็แสร้งทำเป็นรอเอาร่มมาส่งถึ
ผมไม่ตอบ แต่สีหน้าที่เฉยเมยของผมได้ตอบทุกอย่างแล้วอดีตของผมกับเธอก็เหมือนหนังที่ฉาย และผมก็เป็นแค่ผู้ชมเท่านั้นตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับซูเสวี่ยเซียน ผมไม่สามารถรู้สึกถึงใจเต้นแรงได้อีกต่อไป มีเพียงความรำคาญ ซูเสวี่ยเซียนกลับอยากหันกลับมายื่นมือคว้าผมไว้ แต่เธอทำได้เพียงคว้าอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้นซูเสวี่ยเซียนจ้องมองมือของเธอด้วยความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย“เพราะอะไร? เพราะอะไรกันแน่? แค่เพราะฉันให้ชิวเทียนหลางยืมเรือนหอ เล่นละครเป็นเพื่อนเขาเหรอ? แต่เขาก็เป็นญาติห่าง ๆ ของคุณเหมือนกันนะ ฉันแค่อยากช่วยจริง ๆ”“ผมรู้ว่าชิวเทียนหลางก็คือแฟนเก่าสมัยมหาวิทยาลัยของคุณ ซูเสวี่ยเซียนหยุดเสแสร้งได้แล้ว คุณรู้อยู่แก่ใจว่าตอนนั้นคุณกำลังคิดอะไรอยู่”ซูเสวี่ยเซียนยังคงปฏิเสธที่จะรับฟัง ตะโกนออกมาทันทีว่า“ฉันเติมเงิน ฉันเติมเงินได้ไหม? ฉันอยากได้ไอเท็มเกม ฟังก์ชั่นคือต้วนซานหมิงอย่าโกรธอีกต่อไป ฉันขอเติมเงินไอเท็มชิ้นนี้”น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยคำขอวิงวอน น้ำตาเอ่อคลอดวงตาแล้วไลน์ที่ยังไม่ได้บล็อคแสดงขึ้นมาว่า ซูเสวี่ยเซียนโอนเงิน 50,000 บาท – รอกดรับหัวใจของผมราวกับถูกแช่แข็งมานานแ
อันที่จริงนี่เป็นเกมเล็ก ๆ ที่ผมและซูเสวี่ยเซียนตกลงกันถ้าฝ่ายหนึ่งโกรธ อีกฝ่ายกลับไม่รู้ว่าผิดอะไร ฝ่ายที่โกรธก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อให้อีกฝ่ายออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดได้แต่นั่นจำกัดไว้ตอนที่เรายังมีความรู้สึกกันเท่านั้นและมักจะเป็นผมฝ่ายเดียวที่เติมเงินต่ออายุเสมอซูเสวี่ยเซียนมีท่าทีที่เฉยเมยมาโดยตลอด มีแต่จะแข่งกับผมเพื่อดูว่าใครจะโกรธได้นานกว่ากันแต่ว่านะ จำนวนเงินในตอนนี้ดูยังไงมันก็ผิดปกติช่วงกำลังสงสัย เพื่อนไม่รู้เรื่องการเลิกราของผม จึงส่งอินสตราแกรมของซูเสวี่ยเซียนมาให้ผม หยอกล้อว่า“เจ๋งอะไรขนาดนั้น? อยากออกไปเที่ยวแล้ว”นั่นคือแบบฟอร์มใบเสนอราคาสำหรับกรุ๊ปทัวร์99,900 คือดูแลปกติสำหรับคนสองคน149,400 เป็นวีวีไอพีสำหรับสองคนซูเสวี่ยเซียนคำนวณได้ดีจริง ๆอยากใช้วิธีนี้เพื่อให้ผมเป็นฝ่ายขอโทษและขอคืนดี ในขณะเดียวกันถ้ามีเงินก็สามารถพาแฟนเก่าไปท่องเที่ยวแบบสวีทได้ผมหัวเราะเยาะ เป็นไปไม่ได้แล้วผมโพสต์ประกาศอย่างเป็นทางการโดยตรงบนอินสตราแกรม[กลับคืนสู่ความโสด อิสระภาพหมื่นปี!] ใต้คอมเม้นต์ต่างอวยพรให้ผมหลุดพ้นจากความทุกข์โศกผมมีความสุขมากด้วยเหตุนี้
ผมยิ้มแย้ม“คุณได้ยินชัดแล้วไม่ใช่หรือไง? เราเลิกกันแล้ว”“คุณอย่ามางี่เง่าไร้เหตุผลนะ ถ้าพูดคำว่าเลิกกันแบบนี้ออกมาแล้วก็คืนคำไม่ได้แล้วนะ”ซูเสวี่ยเซียนมองผมอย่างจริงจังมากที่แท้เธอก็รู้ด้วยว่าเรื่องแบบนี้เอามาพูดไปเรื่อยไม่ได้เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเองก็เลยกล้าเช่นนั้น“ผมไม่คิดจะคืนคำที่ผมพูดไป ตอนนี้เราเลิกกันแล้วจริง ๆ”ผมปิดประตูลง ในที่สุดก็แสดงท่าทีของผมอย่างชัดเจนพวกเราจบกันแล้ว……การหมดใจ ที่แท้ก็ใช้เวลาเพียงเสี้ยวเดียวก็ได้แล้ววันรุ่งขึ้น ผมย้ายออกจากบ้านที่ผมเคยอยู่มาสามปีกลับไปที่บ้านโดยไม่หันหลังไปมองพ่อกับแม่กำลังทำอาหารอยู่ เห็นผมขนย้ายสัมภาระที่มากมายปฏิกิริยาแรกคือเป็นห่วงมาก“ลูก เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือเปล่า? บอกพ่อแม่มา พวกเราจะช่วยลูกเอง ไม่มีปัญหาใดที่ก้าวผ่านไม่ได้หรอกนะ”ต่อหน้าพ่อแม่ ผมกลายเป็นเด็กอีกครั้งความคับข้องใจเมื่อวานในที่สุดก็กลายเป็นน้ำตาในวันนี้พวกท่านกอดผมอย่างปวดหัวใจมากยิ่งขึ้นผมสงบสติอารมณ์ลง แล้วค่อยเล่าเรื่องแฟนสาวของผมให้ฟังพ่อขมวดคิ้ว ท่านเป็นคนหัวโบราณ เมื่อได้ยินเรื่องพิลึกพิลั่นอย่างนี้เป็นครั้งแรก
อันที่จริงวันนี้ควรจะเป็นวันที่ผมและซูเสวี่ยเซียนมีความสุขกัน ผมและซูเสวี่ยเซียนนัดกันว่าจะมาพบพ่อกับแม่ของผมเราคบกันมาสามปี แต่กลับเลื่อนวันพบพ่อแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าซูเสวี่ยเซียนมักจะมีข้ออ้างมากมายมาหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ ตื่นเต้น งานยุ่ง รู้สึกไม่สบาย ปฏิทินโหราศาสตร์เขียนไว้ว่าวันนี้ไม่เหมาะที่จะพบผู้ใหญ่สามเดือนที่แล้ว เป็นครั้งที่พวกเราใกล้จะได้พบกับผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการมากที่สุดพ่อแม่ของผมต่างสวมเสื้อผ้าก้นหีบ และไปถึงห้องรับรองที่จองไว้แต่ซูเสวี่ยเซียนก็ยังไม่ปรากฏตัวสักทีผมโทรหาสายแล้วสายเล่าก็เป็นสายไม่ว่าง จนในที่สุดเธอก็ส่งข้อความมาฉบับหนึ่งว่า "เพื่อนของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์"เมื่อเห็นเหตุผลที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ผมก็รู้ว่าเธอกำลังหลบเลี่ยงอีกแล้วซูเสวี่ยเซียนเคยบอกผมว่าพ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน ดังนั้นเธอจึงกลัวการแต่งงานมาโดยตลอด และผมในเวลานั้นเพียงแค่กอดเธออย่างปวดใจ สัญญาว่าผมจะรอจนกว่าเธอจะพร้อมดังนั้นผมจึงรับความผิดที่แฟนสาวไม่ได้มาให้ตัวเองอีกครั้ง“ขอโทษครับ ผมแจ้งเวลากับเธอผิดไป และเธอบังเอิญมีประชุมมาไม่ทัน คราวหน้านะครับ คราวหน้านะ”แต่พ่อแม่
ว่าที่เจ้าสาวพบปะทุกคนเสร็จแล้ว เตรียมที่จะไปร้านอาหารรับประทานอาหารกันเดิมทีผมอยากจะหาข้ออ้างขอตัวจากไปก่อนไม่คิดว่าซูเสวี่ยเซียนมาดึงผมอย่างลับ ๆ พาผมไปที่มุมหนึ่งรอยยิ้มอันอ่อนโยนเมื่อครู่นี้ของเธอได้หายไปหมดแล้ว เธอขมวดคิ้วจ้องมองผม ราวกับกำลังมองศัตรูอยู่“ฉันรู้ว่าคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่ ฉันแค่ช่วยเพื่อนรับมือเรื่องที่ถูกเร่งรัดให้หาคู่แต่งงานเท่านั้น เขาไม่อยากให้พ่อกับแม่ของเขาเป็นห่วง และทำเพื่อความกตัญญูด้วย ฉันกำลังทำความดีนะ ถ้าคุณกล้าก่อกวนเราก็เลิกกันเลย”เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่ทำผิดคือเธอแต่เธอกลับเอาการเลิกรามาขู่กันได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นเพียงไพ่ในมือเธอที่สามารถทิ้งออกมาได้ตลอดเวลาผมมองเธอด้วยความเหลือเชื่อ:“แต่นี่คือเรือนหอของเรา คุณคือแฟนของผมนะ”ซูเสวี่ยเซียนไม่สนใจ“ก็บอกแล้วว่าแค่ช่วยเหลือเพื่อน เขาถูกพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงานจนเครียดเกินไป แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่เอามาใส่ใจ คุณจะคิดเล็กคิดน้อยอะไร ถ้าไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลานั้นก็ขายเรือนหอนี้ไปแล้วไปซื้อใหม่เถอะ การตกแต่งในตอนนี้ ฉันก็ไม่ถูกใจเท่าไหร่”บ้านที่เธอเอา
“ผมกับญาติห่าง ๆ ช่างมีวาสนากันจริง ๆ เรือนหออยู่ชุมชนเดียวกัน แถมชั้นบ้านเลขที่ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าผมดูยูนิตผิดหรือเปล่า”ผมแอบส่งข้อความถึงแฟนสาวของผม ซูเสวี่ยเซียน บ่นถึงเรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาดนี้เพิ่งส่งไป ชิวเทียนหลางลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของผมก็พาว่าที่เจ้าสาวของเขาออกมาจากห้องนอนญาติ ๆ ต่างส่งเสียงร้องอย่างยกยอปอปั้น ว่าที่เจ้าสาวก็ปิดหน้าด้วยความเขินอายมีแต่ผมคนเดียวที่ยืนอึ้งอยู่กับที่เดิมจนกระทั่งแม่ใช้ศอกมาสะกิดผม แล้วพูดอย่างผิดหวังไม่ได้ดั่งใจว่า:“ดูแกสิ ลูกพี่ลูกน้องของแกคนนี้กำลังจะแต่งงานแล้ว แกลองมองตัวเอง วันวันบอกว่าจะพาแฟนที่ไม่มีตัวตนของแกกลับมา เมื่อไหร่จะให้ฉันได้เจอตัวเป็น ๆ ล่ะ?”แม่ แม่ได้เจอแล้วตอนนี้คนที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายคนอื่นด้วยท่าทีเขินอายก็คือแฟนของผม ซูเสวี่ยเซียนสุดท้ายผมไม่ได้พูดออกมา เพราะกลัวว่าแม่ของผมจะโกรธจนโรคหัวใจกำเริบตรงนี้ตอนที่ผมเข้ามาในชุมชนเมื่อครู่นี้ ผมก็รู้สึกประหลาดใจมากที่ตัวเองและลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ คนนี้จะมีวาสนากันขนาดนี้ ถึงกับเลือกเรือนหอในชุมชนเดียวกันเสียด้วยผลก็คือ ยิ่งเดินยิ่งบังเอิญมากขึ้น ยังเป็นยูน