บทที่ 33 หญิงงามบ้านน้องสาวเจ้าสิ!
“ข้าดีใจยิ่งขึ้นที่เจ้ากลับมา นานมากแล้วน้องชายที่เราไม่ได้เจอกัน” เพียงแค่ไม่นานนักจางหลงกับคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึง ก่อนที่สองพี่น้องจะสวมกอดกันเบาๆ ตามประสาพี่น้องที่สนิทกันมาก “ว่าแต่เจ้าดูตัวโตขึ้นมากเลยนะ เมื่อก่อนก็ว่าโตมากแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต่างจากหมีป่าเลยทีเดียว”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“ท่านไม่ต้องมาล้อข้าหรอกน่า ข้าเพียงแค่โชคดีนิดหน่อย ทำให้ได้ฝึกฝนวรยุทธ์มาบ้าง ร่างกายของข้าที่เคยโตมากอยู่แล้ว มันก็เลยเติบโตขึ้นตามไปด้วยมันก็เท่านั้นแหละ”
“จริงหรือ!” อีกคนหนึ่งที่ตามมาด้วยก็ถึงกับตาเบิกกว้าง สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างพวกเขาแล้ว การที่จะโชคดีได้รับเลือกเข้าสำนักยุทธนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ
“สมแล้วกับที่ได้รับฉายาพญาเสือ”
“...”
“...”
“...”
ถึงแม้จะจากไปนานปี แต่จางหู่ก็เช่นเดียวกับจางหลง ด้วยอุปนิสัยที่ใจดีและเป็นคนตรงไปตรงมา แม้เขาจะอายุยังน้อยเพียงแค่ห้าสิบต้นๆ แต่ก็เป็นที่รักและเคารพของผู้คนในหมู่บ้านเช่นเดียวกัน
“เรื่องนั้นเราค่อยเอาไว้มาคุยกันหลังจากที่ไปขนของกลับมาแล้วเถอะ ข้าจ้างผู้คุ้มกันมาส่งเสบียงอาหารให้มาส่งอยู่ข้างนอกหมู่บ้าน และสัญญาจ้างก็กำลังจะหมดลงไปในไม่กี่ชั่วยามแล้ว เราออกไปช่วยขนมันมากันเถอะ”
“ดีดี ว่าแต่สิ่งของที่เจ้าพากลับมานั้นเยอะหรือไม่ แล้วมีอะไรบ้างที่เจ้าพากลับมา”
“มันก็คงไม่มากมายเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะพอดูแลพวกเราทั้งหมู่บ้านในหนาวนี้อยู่ท่านพี่ ส่วนว่ามีอะไรบ้างนั้นเดี๋ยวพวกเราไปดูกันด้วยตาตัวเองกันเลยดีกว่า พอดีว่าท่านอาจารย์ตามข้ามาที่เมืองด้วย ส่วนสิ่งของทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ของข้าจัดหามาให้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง ส่วนจำนวนนั้นก็น่าจะประมาณห้าสิบเล่มเกวียนเห็นจะได้”
“ต้องเหนื่อยเจ้าแล้วน้องชาย” จางหลงตบไหล่น้องชายที่ตัวสูงกว่าเบาๆสองสามครั้ง ก่อนที่จะหันไปบอกทุกคนที่ตามมาด้วย “เดี๋ยวพวกเจ้าส่งสามคนช่วยแยกออกไปแจ้งคนในหมู่บ้านหน่อย ว่าให้ตามคนมาเพิ่ม พวกเราต้องการผู้ใหญ่อีกประมาณร้อยคน เนื่องจากพวกเราไม่ได้มีม้าอสูร หรือวัวอสูรที่เอาไว้ใช้ลากจูง แล้วก็ให้อีกสักคนไปแจ้งคุณหนูด้วยว่า น้องชายของข้ากลับมาแล้ว และเขาได้นำสิ่งของต่างๆกลับมาด้วย เผื่อว่านางอยากจะลงมาดูว่ามีของอะไรที่นางต้องการบ้าง...
อ้อ...และถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากขอร้องให้คุณหนูช่วยส่งเจ้าสังมาให้พวกเราด้วย อย่างน้อยที่สุดมีมันมาช่วยคุ้มกันเสบียงอาหารมันก็คงเป็นเรื่องดีกว่า”
““ขอรับ””
มีสามเสียงรับคำแล้วพยักหน้าให้กับจางหลง แล้วต่างคนต่างก็แยกไปทำหน้าที่ของตนเอง โดยที่มีจางหู่มองมาหาพี่ใหญ่ของตนกับผู้คนในหมู่บ้านด้วยความฉงนสนเท่ เขาอยากรู้นักว่าคุณหนูคนนั้นคือใคร แล้วทำไมทั้งพี่ใหญ่ของเขาและทุกคนในหมู่บ้านถึงได้เรียกนางอย่างเคารพเช่นนั้น
“คือว่าพี่ใหญ่...”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะถามเรื่องอะไร เดี๋ยวพวกเราคุยไปเดินทางไปก็แล้วกัน เจ้าเป็นคนบอกเองมิใช่หรือว่าพวกเรามีเวลาเพียงแค่ไม่นานแล้ว”
ในระหว่างที่เดินทางไปยังช่องเขา ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับโลกภายนอก จางหู่ก็ได้รับรู้เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องราวการมาถึงของเด็กหญิงแปลกหน้าพร้อมกับหมาตัวเขื่อง ซึ่งในตอนแรกผู้คนในหมู่บ้านก็ต่างหวาดกลัวนางเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากที่นางคอยมอบอาหาร ของกินเล่นเล็กๆน้อยๆ ให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน ความเป็นอริศัตรูระหว่างนางและผู้คนในหมู่บ้านก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นเด็กหญิงก็เริ่มมีการจ้างวานเหล่าผู้ปกครองของเด็กๆ แต่ละคน ให้ทำงานเล็กๆน้อยๆ ให้แก่นาง โดยค่าแรงที่นางจ่ายออกให้นั้นเป็นหัวพืชชนิดหนึ่งที่มีรสชาติดีมากและให้พลังงานสูง กับเนื้อสัตว์ที่หาได้ยากยิ่งในหมู่บ้านแห่งนี้
แรกเริ่มด้วยการที่ให้แผ้วถางป่าแลกกับอาหารการกินเพียงพอต่อผู้คนทั้งครอบครัวในหนึ่งวัน จนกระทั่งให้ทำเรื่องต่างๆมากมายจนตีนเขาด้านหลังหมู่บ้าน กลายเป็นมีบ้านหลังเล็กๆ อยู่ติดกับลำธาร เช่นเดียวกับพื้นที่หน้าบ้านที่กว้างยาวราวหนึ่งลี้เห็นจะได้
ในช่วงเวลานั้นผู้คนต่างเรียกนางว่าเด็กหญิงประหลาด ที่มาพร้อมกับหมายักษ์ตัวหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือนางนั้นเป็นที่รักของเด็กๆ ทุกคนในหมู่บ้าน
ตามมาด้วยเรื่องราวการเพาะปลูกมันทั้งสองชนิด ที่ทั้งโตเร็วมีรสชาติดีแล้วยังให้พลังงานสูง ยังไม่รวมกับที่หัวมันทั้งสองชนิดนั้น ในตลอดระยะทางที่ปลูกมันทั้งสองชนิด ผืนดินที่เคยแห้งแล้งเเข็งกระด้าง ก็ได้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นที่ดินที่ชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ และสายน้ำที่เหือดแห้งไปนานนับสิบปีค่อยๆกลับมาเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าด้วยความสงสัยของจางหู่ เขาย่อมต้องถามออกไปว่าเด็กหญิงตัวน้อยนั้นเอาอาหารมากมายมาจากไหน เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถมีอะไรบางอย่าง ซึ่งจุอาหารได้มากมายขนาดที่สามารถเลี้ยงดูผู้คนทั้งหมู่บ้านได้นานนับเดือน แม้แต่ตัวเขาที่เป็นศิษย์เอกของท่านอาจารย์ และได้ออกไปท่องโลกภายนอกมานานปี ก็ยังไม่เคยเห็นสมบัติวิเศษใดๆ ที่สามารถมีความจุได้มากมายเช่นนั้นเลย แม้แต่ครั้งเดียว
“ข้าเองก็สงสัยไม่ต่างจากเจ้าเหมือนกัน แต่คำถามนั้นก็ไม่เคยมีคำตอบให้พวกเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“...”
“แต่ว่านะจางหู่ ยังมีหลายเรื่องหลายราวที่ข้าคงจะต้องอธิบายให้เจ้าได้เข้าใจทีหลัง แต่อย่างน้อยที่สุดข้าอยากให้เจ้าเข้าใจว่านางนั้นเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเราทั้งหมู่บ้านเอาไว้ แล้วยังเป็นคนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อพวกเราและเด็กๆทุกคนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะรู้สึกกับนางเช่นไร แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นเหมือนกับพี่รองของเจ้าที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับนางไปแล้ว”
“... พี่รองอย่างงั้นหรือ”
“เจ้ายังไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้นในตอนนี้หรอก อย่างที่พี่ได้บอกไป มิใช่ว่าพี่หลงในสิ่งที่นางทำเป็นหน้ามืดตามัว แต่ว่าตัวนางนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่พวกเรารู้เกี่ยวกับนาง ข้าหวังว่าเจ้าและนางจะเข้ากันได้เป็นอย่าง”
“พี่ก็รู้ว่าสำหรับข้าแล้ว ถ้าหากใครดีกับหมู่บ้านของเรา ข้าก็พร้อมจะดีกับคนนั้นเช่นเดียวกัน”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
“ข้าอยากรู้จริงๆว่านางนั้นเป็นคนเช่นไร ทำไมถึงทำให้แม้แต่คนอย่างท่านพี่ถึงได้กล่าวเช่นนี้ออกมา” จางหู่กล่าวติดตลก “หรือว่าคุณหนูท่านนี้ที่พี่กล่าวถึงจะเป็นหญิงงามกัน”
“หญิงงามบ้านน้องสาวเจ้าสิ นางเป็นเพียงแค่เด็กแปดขวบ”
“ห๊ะ!!”
…………………………
บทที่ 34 หา!!“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาจารย์ของเจ้า จะใจดีถึงขนาดซื้อของมากมายขนาดนี้ มอบให้แก่เจ้าเป็นของขวัญกลับบ้าน มันจะต้องใช้อีแปะมากมายเท่าไหร่กัน...”มองเห็นสิ่งของที่อัดแน่นเต็มจนล้นทั้งห้าสิบเล่มเกวียน จางหลงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมากับน้องชาย หากเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขายังไม่เจอกับนางเซียนน้อย เขาก็คงจะดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปแล้ว...“เรื่องนั้นท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ถึงแม้อาจารย์ของข้าจะไม่ใช่คนที่ร่ำรวยที่สุดในสำนัก แต่ถึงอย่างนั้นการซื้อของเพียงแค่นี้ เขาสามารถจ่ายออกได้อย่างสบายๆ” จางหู่ตอบยิ้มยิ้ม “แล้วที่สำคัญก็คืออาจารย์ของข้ามิได้ใช้ตำลึงหรือเงินอีแปะ แบบที่พวกเราใช้แต่อย่างใด แต่ท่านตายออกด้วยหินวิญญาณก้อนเล็กที่สุดเพียงแค่หนึ่งก่อน ก็สามารถซื้อสิ่งของมากมายที่ท่านเห็นได้เลย”“หินวิญญาณอย่างนั้นหรือ... เจ้าไปอยู่ในสำน
บทที่ 35 สัตว์อสูร“...”จางหู่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี รู้สึกเขินอายจนแทบจะไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเช่นไรดีในเวลาแบบนี้ จึงพยายามอธิบายแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง “ก็ข้าไม่รู้นี่ ใครจะไปคิดว่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะไม่อยู่ในหมู่บ้านของเรา”ฮุม...เจ้าสังที่เพิ่งมาถึงครางฮูมในลำคอเบาๆ พลางบ่ายหน้าไปทางหมู่บ้าน ส่งสัญญาณให้ทุกคนเป็นเชิงบอกว่าต้องรีบกลับแล้ว“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเอาไว้คุยรายละเอียดกันทีหลัง ในตอนนี้เราทุกคนรีบกลับหมู่บ้านกันก่อน ก่อนที่จะมืดค่ำเถิดพวกเรามีเวลาอีกราวครึ่งชั่วยาม...” จางหลงกล่าวพลางหันไปหาเจ้าสังที่มองมาที่เขาอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน “ข้าขอให้ท่านช่วยปิดท้ายขบวนหน่อยนะครับ”“...”เจ
บทที่ 36 พี่น้อง“เสี่ยวเฉินคุณหนูยังไม่มาหรือ”พวกเขาเดินทางเร็วกว่ากำหนดนิดหน่อย จนสามารถเดินทางมาถึงหมู่บ้านก่อนเวลาพรบค่ำ จางหลงที่สอดส่ายสายตาไปมาก็ไม่พบเห็นเด็กหญิงเลย จึงได้เอ่ยถามเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่“คุณหนูยังไม่มาขอรับ เห็นพี่ต้าพังบอกว่าคุณกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนตำรา น่าจะยังไม่ลงมาวันนี้ขอรับ” เด็กชายตัวน้อยกล่าว “ท่านลุงหลงมีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าไปเล่นก่อนเถอะ แต่ว่าเจ้าอย่าลืมกลับไปที่บ้านก่อนค่ำล่ะ เพราะว่าอีกเดี๋ยวมันก็จะค่ำแล้ว”“ทราบแล้วขอรับ” เด็กชายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะวิ่งแจ้นหายลับไปเล่นกับเพื่อนๆ“จางหู่พี่ ขอให้เจ้าช่วยเก็บของทั้งหมดเอาไว้เปิดพรุ่งนี้ได้หรือไม่ ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่หาสิ่งของทั้งหมดนี้มา แต่
บทที่ 37 ม้วนตำรา“ในที่สุดก็เสร็จสิ้นสักที นึกว่าข้าจะตายก่อนเสียแล้ว” หลังจากที่เขียนตัวอักษรสุดท้ายลงบนม้วนตำราเรียบร้อยแล้ว นางก็ถึงกับถอนหายใจยาวแล้วนอนแผ่กายลงบนฟูกหนังสัตว์ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา นางลงมือลงแรงไปกับสิ่งที่เรียกว่าม้วนตำรานี้มากที่สุด เพราะหลังจากที่นางคิดใคร่ครวญมาพักใหญ่ และทบทวนความทรงจำที่มีอยู่ในตอนนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมตัวนางถึงสามารถจำมันได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเข้าใจ อ่านออก เขียนได้ ทั้งๆที่ก่อนนางจะตายนั้นนางไม่เห็นจะจำได้เลยว่านางเคยเรียนรู้ภาษาจีนไปตั้งแต่เมื่อไหร่และตอนไหนแต่ในที่สุดนางก็สามารถสร้างม้วนตำรา ที่จะเอาไว้ใช้สอนเด็กๆได้สำเร็จย้อนความกลับไปก่อนหน้า ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่นางก็พอจะจดจำได้ว่านางได้เรียนรู้วิธีการสร้างม้วนตำรานี้มาจากอินเทอร์เน็ต
บทที่ 38 ใจกลางความมืดมิด(1)“ต้าพัง วันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปเล่นกับคุณหนูสนุกไหม”ในทันทีที่จางต้าพังกลับมาถึงบ้าน เสียงที่ดูใจดีเป็นพิเศษของจางเหว่ยก็ลอยเข้ามา เมื่อเด็กชายหันไปเห็นบิดาที่กำลังนั่งเอนหลับตานิ่งอยู่บนเก้าอี้ ก็รีบตอบรับด้วยความตื่นเต้น เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินน้ำเสียงใจดีของบิดา วันนี้จึงเป็นวันที่เด็กชายมีความสุขเป็นพิเศษ“สนุกมากเลยขอรับ วันนี้ในช่วงเช้าคุณหนูได้เริ่มสอนเรื่องตัวอักษร ให้พวกเราทุกคนในเรื่องเรียนกันบ้างแล้ว เห็นว่าพี่จางหลัว พี่จางซิ่ว นั้นมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้สูงมาก คุณหนูก็เลยอยากจะสอนให้ทั้งสองเป็นผู้นำในการเล่าเรียนเกี่ยวกับตัวอักษรขอรับ”“เช่นนั้นหรือ แล้วคนอื่นๆ เล่าเป็นอย่างไรกันบ้าง”“ทุกคนก็ไม่ต่างจากค่าเลยขอรับ คุณหนูทั้งใจดี และใจเย็นกับพวกเรามากๆ
บทที่ 39 ใจกลางความมืดมิด(2)“...”เสียงนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา จางเว่ยที่อยู่อยู่ก็รู้สึกว่างเปล่า ขึ้นมาในช่วงขณะหนึ่ง ก็ได้ลุกออกจากบ้านไปยังบ้านของมารดา ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังรับประทานมื้อเย็นกันอย่างสนุกสนานมองเหล่าบรรดาญาติพี่น้องพ่อแม่ลูกหลาน ทุกคนที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากที่นานแล้วก็เข้าไม่ได้ฉลองกันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ ความรู้สึกหลากหลายมากมายตีกันอยู่ในอก จนจางเหว่ยไม่รู้แล้วว่าในตอนนี้ขอกำลังคิดอะไรอยู่ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เขาที่มองอยู่อย่างนั้นก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผ่านเวลาไปค่อนข้างนานมากแล้ว ทุกคนที่ดื่มกินกันจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เริ่มแยกย้ายออกจากวงสนทนา...“...”จางเหว่ยเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สองขาของเขา กำลังพาเขาไปยังสถานที่ใด...
บทที่ 40 ใจกลางความมืดมิด(3)“คุณหนูมาถึงแล้วหรือขอรับ” เสียงเรียกขานด้วยความยินดี ที่ดังมาจากปากของจางหลง โดยที่ด้านหลังของเขามีผู้คนเกือบทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันอยู่ “พวกเรากำลังรอกันอยู่พอดีเลยขอรับ”“...”เย่หัวถึงกับไปไม่เป็น เมื่อเห็นผู้คนคอยต้อนรับนางด้วยความยินดีแบบนี้ นางรีบลงจากหลังของเจ้าสัง มายืนเก้ๆ กังๆต่อหน้าของผู้คนจำนวนมากถึงก่อนหน้านี้จะเคยแอบลงมาพร้อมกับเด็กๆอยู่ครั้ง 2 ครั้ง ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้มีผู้คนมากมายขนาดนี้ เพราะนางแอบมาดูเด็กเด็กที่ได้เล่นกันอย่างมีความสุขในหมู่บ้านก็เท่านั้น แต่เมื่อต้องมาอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว นางเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน“เจ้าหรือคือคุณหนูที่ผู้คนต่างนับถือ เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้เนี่ยนะ มีอะไรวิเศษนักหนากัน...”ฮุมมมมจางหู่ที่แต่เด
ณ ห้วงแห่งความว่างเปล่า ดวงจิตดวงหนึ่งกำลังล่องลอยอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย ราวกับว่ามันได้ถูกพรากออกมาจากเส้นทางที่ควรจะมุ่งไป แล้วกำลังล่องลอยอยู่อย่างนั้นมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว...“อีปลวก อีปลวก มึงได้ยินกูไหมเนี่ย” น้ำเสียงที่คุ้นหูคับคล้ายคับคลา ที่ส่งมาจากห้วงอากาศโดยรอบ ทำให้ดวงจิตดวงนั้นเริ่มก่อร่างกลายมาเป็นดวงจิตรูปร่างคล้ายมนุษย์เพศหญิง “เสียงใครเนี่ย...”“ก็กูไง!” เสียงนั้นตอบกลับมาดังลั่น จนสามารถบอกได้เพียงแค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายนั้นดีใจมากแค่ไหน “นี่มึงจำเสียงกูไม่ได้จริงๆ หรอ”“ห๊ะ...”“ถ้าหน้ากูมึงจะไม่คุ้นเคยก็ไม่แปลกหรอก แต่เสียงกูมึงต้องคุ้นสิ ก็กูเป็นเพื่อนคนเดียวของมึงที่ด่ามึงยิ่งกว่าพ่อยิ่งกว่าแม่มึงอีก มึงจำกูไม่ได้จริงๆ อะ”“...”หลังจากที่นึกไปนึกมาอยู่ครู่หนึ่ง เสียงที่แสนคุ้นเคยกับสำเนียงเสียงพูดเล่นหัวไม่สนใจเพศและอายุที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้ดวงจิตดวงนั้นค่อยๆ กระจ่างแจ้งว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร...แต่นั่นแหละที่มันไม่ควรที่จะเป็นไปได้แม้แต่น้อย เพราะเจ้าของเสียงมันตายไปตั้งแต่ปีที่แล้ว!‘เป็นไปไม่ได้!’“เป็นไปได้สิทำไมจะเป็นไปได้ ก็กูพูดอยู่เนี่ย”“...” “ถ้าอ
บทที่ 40 ใจกลางความมืดมิด(3)“คุณหนูมาถึงแล้วหรือขอรับ” เสียงเรียกขานด้วยความยินดี ที่ดังมาจากปากของจางหลง โดยที่ด้านหลังของเขามีผู้คนเกือบทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันอยู่ “พวกเรากำลังรอกันอยู่พอดีเลยขอรับ”“...”เย่หัวถึงกับไปไม่เป็น เมื่อเห็นผู้คนคอยต้อนรับนางด้วยความยินดีแบบนี้ นางรีบลงจากหลังของเจ้าสัง มายืนเก้ๆ กังๆต่อหน้าของผู้คนจำนวนมากถึงก่อนหน้านี้จะเคยแอบลงมาพร้อมกับเด็กๆอยู่ครั้ง 2 ครั้ง ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้มีผู้คนมากมายขนาดนี้ เพราะนางแอบมาดูเด็กเด็กที่ได้เล่นกันอย่างมีความสุขในหมู่บ้านก็เท่านั้น แต่เมื่อต้องมาอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว นางเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน“เจ้าหรือคือคุณหนูที่ผู้คนต่างนับถือ เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้เนี่ยนะ มีอะไรวิเศษนักหนากัน...”ฮุมมมมจางหู่ที่แต่เด
บทที่ 39 ใจกลางความมืดมิด(2)“...”เสียงนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา จางเว่ยที่อยู่อยู่ก็รู้สึกว่างเปล่า ขึ้นมาในช่วงขณะหนึ่ง ก็ได้ลุกออกจากบ้านไปยังบ้านของมารดา ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังรับประทานมื้อเย็นกันอย่างสนุกสนานมองเหล่าบรรดาญาติพี่น้องพ่อแม่ลูกหลาน ทุกคนที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลังจากที่นานแล้วก็เข้าไม่ได้ฉลองกันพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ ความรู้สึกหลากหลายมากมายตีกันอยู่ในอก จนจางเหว่ยไม่รู้แล้วว่าในตอนนี้ขอกำลังคิดอะไรอยู่ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เขาที่มองอยู่อย่างนั้นก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผ่านเวลาไปค่อนข้างนานมากแล้ว ทุกคนที่ดื่มกินกันจนอิ่มหนำสำราญ ก็ได้เริ่มแยกย้ายออกจากวงสนทนา...“...”จางเหว่ยเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สองขาของเขา กำลังพาเขาไปยังสถานที่ใด...
บทที่ 38 ใจกลางความมืดมิด(1)“ต้าพัง วันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปเล่นกับคุณหนูสนุกไหม”ในทันทีที่จางต้าพังกลับมาถึงบ้าน เสียงที่ดูใจดีเป็นพิเศษของจางเหว่ยก็ลอยเข้ามา เมื่อเด็กชายหันไปเห็นบิดาที่กำลังนั่งเอนหลับตานิ่งอยู่บนเก้าอี้ ก็รีบตอบรับด้วยความตื่นเต้น เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินน้ำเสียงใจดีของบิดา วันนี้จึงเป็นวันที่เด็กชายมีความสุขเป็นพิเศษ“สนุกมากเลยขอรับ วันนี้ในช่วงเช้าคุณหนูได้เริ่มสอนเรื่องตัวอักษร ให้พวกเราทุกคนในเรื่องเรียนกันบ้างแล้ว เห็นว่าพี่จางหลัว พี่จางซิ่ว นั้นมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้สูงมาก คุณหนูก็เลยอยากจะสอนให้ทั้งสองเป็นผู้นำในการเล่าเรียนเกี่ยวกับตัวอักษรขอรับ”“เช่นนั้นหรือ แล้วคนอื่นๆ เล่าเป็นอย่างไรกันบ้าง”“ทุกคนก็ไม่ต่างจากค่าเลยขอรับ คุณหนูทั้งใจดี และใจเย็นกับพวกเรามากๆ
บทที่ 37 ม้วนตำรา“ในที่สุดก็เสร็จสิ้นสักที นึกว่าข้าจะตายก่อนเสียแล้ว” หลังจากที่เขียนตัวอักษรสุดท้ายลงบนม้วนตำราเรียบร้อยแล้ว นางก็ถึงกับถอนหายใจยาวแล้วนอนแผ่กายลงบนฟูกหนังสัตว์ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา นางลงมือลงแรงไปกับสิ่งที่เรียกว่าม้วนตำรานี้มากที่สุด เพราะหลังจากที่นางคิดใคร่ครวญมาพักใหญ่ และทบทวนความทรงจำที่มีอยู่ในตอนนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมตัวนางถึงสามารถจำมันได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเข้าใจ อ่านออก เขียนได้ ทั้งๆที่ก่อนนางจะตายนั้นนางไม่เห็นจะจำได้เลยว่านางเคยเรียนรู้ภาษาจีนไปตั้งแต่เมื่อไหร่และตอนไหนแต่ในที่สุดนางก็สามารถสร้างม้วนตำรา ที่จะเอาไว้ใช้สอนเด็กๆได้สำเร็จย้อนความกลับไปก่อนหน้า ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าทำไมนางถึงสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่นางก็พอจะจดจำได้ว่านางได้เรียนรู้วิธีการสร้างม้วนตำรานี้มาจากอินเทอร์เน็ต
บทที่ 36 พี่น้อง“เสี่ยวเฉินคุณหนูยังไม่มาหรือ”พวกเขาเดินทางเร็วกว่ากำหนดนิดหน่อย จนสามารถเดินทางมาถึงหมู่บ้านก่อนเวลาพรบค่ำ จางหลงที่สอดส่ายสายตาไปมาก็ไม่พบเห็นเด็กหญิงเลย จึงได้เอ่ยถามเด็กๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่“คุณหนูยังไม่มาขอรับ เห็นพี่ต้าพังบอกว่าคุณกำลังยุ่งอยู่กับการเขียนตำรา น่าจะยังไม่ลงมาวันนี้ขอรับ” เด็กชายตัวน้อยกล่าว “ท่านลุงหลงมีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าไปเล่นก่อนเถอะ แต่ว่าเจ้าอย่าลืมกลับไปที่บ้านก่อนค่ำล่ะ เพราะว่าอีกเดี๋ยวมันก็จะค่ำแล้ว”“ทราบแล้วขอรับ” เด็กชายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะวิ่งแจ้นหายลับไปเล่นกับเพื่อนๆ“จางหู่พี่ ขอให้เจ้าช่วยเก็บของทั้งหมดเอาไว้เปิดพรุ่งนี้ได้หรือไม่ ในเมื่อเจ้าเป็นคนที่หาสิ่งของทั้งหมดนี้มา แต่
บทที่ 35 สัตว์อสูร“...”จางหู่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี รู้สึกเขินอายจนแทบจะไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเช่นไรดีในเวลาแบบนี้ จึงพยายามอธิบายแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง “ก็ข้าไม่รู้นี่ ใครจะไปคิดว่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะไม่อยู่ในหมู่บ้านของเรา”ฮุม...เจ้าสังที่เพิ่งมาถึงครางฮูมในลำคอเบาๆ พลางบ่ายหน้าไปทางหมู่บ้าน ส่งสัญญาณให้ทุกคนเป็นเชิงบอกว่าต้องรีบกลับแล้ว“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเอาไว้คุยรายละเอียดกันทีหลัง ในตอนนี้เราทุกคนรีบกลับหมู่บ้านกันก่อน ก่อนที่จะมืดค่ำเถิดพวกเรามีเวลาอีกราวครึ่งชั่วยาม...” จางหลงกล่าวพลางหันไปหาเจ้าสังที่มองมาที่เขาอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน “ข้าขอให้ท่านช่วยปิดท้ายขบวนหน่อยนะครับ”“...”เจ
บทที่ 34 หา!!“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอาจารย์ของเจ้า จะใจดีถึงขนาดซื้อของมากมายขนาดนี้ มอบให้แก่เจ้าเป็นของขวัญกลับบ้าน มันจะต้องใช้อีแปะมากมายเท่าไหร่กัน...”มองเห็นสิ่งของที่อัดแน่นเต็มจนล้นทั้งห้าสิบเล่มเกวียน จางหลงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมากับน้องชาย หากเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขายังไม่เจอกับนางเซียนน้อย เขาก็คงจะดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปแล้ว...“เรื่องนั้นท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ถึงแม้อาจารย์ของข้าจะไม่ใช่คนที่ร่ำรวยที่สุดในสำนัก แต่ถึงอย่างนั้นการซื้อของเพียงแค่นี้ เขาสามารถจ่ายออกได้อย่างสบายๆ” จางหู่ตอบยิ้มยิ้ม “แล้วที่สำคัญก็คืออาจารย์ของข้ามิได้ใช้ตำลึงหรือเงินอีแปะ แบบที่พวกเราใช้แต่อย่างใด แต่ท่านตายออกด้วยหินวิญญาณก้อนเล็กที่สุดเพียงแค่หนึ่งก่อน ก็สามารถซื้อสิ่งของมากมายที่ท่านเห็นได้เลย”“หินวิญญาณอย่างนั้นหรือ... เจ้าไปอยู่ในสำน
บทที่ 33 หญิงงามบ้านน้องสาวเจ้าสิ!“ข้าดีใจยิ่งขึ้นที่เจ้ากลับมา นานมากแล้วน้องชายที่เราไม่ได้เจอกัน” เพียงแค่ไม่นานนักจางหลงกับคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึง ก่อนที่สองพี่น้องจะสวมกอดกันเบาๆ ตามประสาพี่น้องที่สนิทกันมาก “ว่าแต่เจ้าดูตัวโตขึ้นมากเลยนะ เมื่อก่อนก็ว่าโตมากแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต่างจากหมีป่าเลยทีเดียว”ฮ่า ฮ่า ฮ่า“ท่านไม่ต้องมาล้อข้าหรอกน่า ข้าเพียงแค่โชคดีนิดหน่อย ทำให้ได้ฝึกฝนวรยุทธ์มาบ้าง ร่างกายของข้าที่เคยโตมากอยู่แล้ว มันก็เลยเติบโตขึ้นตามไปด้วยมันก็เท่านั้นแหละ”“จริงหรือ!” อีกคนหนึ่งที่ตามมาด้วยก็ถึงกับตาเบิกกว้าง สำหรับคนธรรมดาๆ อย่างพวกเขาแล้ว การที่จะโชคดีได้รับเลือกเข้าสำนักยุทธนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ“สมแล้วกับที่ได้รับฉายาพญาเสือ”“...&rdqu
บทที่ 32 จางหู่“นี่มันเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!!”เสียงร้องอันดังลั่นในทันทีที่เดินทางเข้ามาถึงประตูหมู่บ้านของ “จางหู่” ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์มีกล้ามเป็นมากๆ หมดเคราหงเผาตั้งชี้โด่ชี้เด่ ยิ่งตัดผมสั้นแล้วด้วยก็ยิ่งสามารถมองเห็นถึงความชี้ตรงของเส้นผมได้อย่างชัดเจน ดวงตาเองก็เป็นประกายคมกล้าราวพญาเสือ คิ้วตั้งเป็นสันดาบร่วมกับสันจมูกคมโด่งเป็นสง่า เมื่อรวมเข้ากับหนวดเคราและจอนผมที่เชื่อมต่อด้วยกันแล้ว หากจะอธิบายให้เข้าใจถึงรูปร่างหน้าตาของจางหู่ได้ง่ายที่สุดแล้ว ตัวเขานั้นแทบไม่ต่างไปจากเตียวหุยในหนังสือเรื่องสามก๊กเลยทีเดียวด้วยอุปนิสัยแต่เดิมที่โผงผางและผ่าเผย ไม่เคยเก็บเร้นสิ่งใดเอาไว้ในใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในทันทีที่เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน หลังจากที่เขาพยายามอยู่ข้างนอกมากว่าสามปีแล้ว มันก็ทำให้เขาอดที่จะตก