16:00น.
คาเฟ่A ไอริส อันฤดี….. “คุณแม่….สวัสดีค่ะ…”ฉันยกมือไหว้สวัสดีคุณแม่ของลูกหว้าด้วยท่าทางเคารพท่านที่ท่านยืนประจำตำแหน่งเคาน์เตอร์ของร้านแทนที่ของยัยลูกหว้าที่เธอจะต้องยืนประจำอยู่ทุกวัน “อ้าว…หนูไอสวัสดีจ้า^_^”คุณแม่ของลูกหว้ารับไหว้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้ท่าน ฉันสนิทกับท่านเพราะฉันจะมาหายัยลูกหว้าเป็นประจำแต่วันนี้กลับแปลกไปที่เธอหายไปไหนไม่ได้มาทำงานหน้าเคาน์เตอร์ของเธอเหมือนทุกที “ยัยลูกหว้านอนอยู่บนห้องน่ะจ้ะ…หนูจะขึ้นไปหาไหม?” “ลูกหว้าไม่สบายเหรอคะ?” “น่าจะทำนองนั้นจ้ะ…หนูไอเดินขึ้นไปหาเลย…” “ได้ค่ะแม่…ขอบคุณนะคะ…” “จ้า^_^”ฉันยกมือไหว้ลาคุณแม่ของลูกหว้าและเดินหมุนทิศทางไปยังบันไดที่อยู้ด้านหลังของห้องครัวเพื่อจะขึ้นไปหายัยลูกหว้า บ้านของเธอด้านล่างถูกเปิดเป็นคาเฟ่ส่วนด้านบนเป็นที่พักอาศัยของลูกหว้าและแม่ของเธอ ฉันที่มาบ้านของเธอบ่อยจึงรู้ว่าห้องของลูกหว้าอยู่ตรงไหนจึงรีบมุ่งเดินไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง ก๊อกกกกก “ลูกหว้า”ฉันเคาะประตูและเอ่ยเรียกชื่อของเจ้าห้องไปด้วย แต่ก็ไร้การตอบกลับได้ยินแต่เสียงของโทรทัศน์ดังแว่วออกมา “เราเข้าไปนะ…”ฉันเอ่ยบอกเธอและเอื้อมมือไปหมุดประตูลูกบิดและเปิดเข้าไปเลย ก็เห็นยัยลูกหว้ากำลังนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่บนเตียงนอนสีขาวของเธอ สายตาของเธอจับจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์จอแบนขนาดสามสิบเมตรที่กำลังฉายภาพการแสดงคอนเสิร์ตของวงอะไรสักวงและก็มีคนกำลังพูดว่าลาออกจากวงนั้นยิ่งทำให้ยัยลูกหว้าร้องไห้หนักมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก มันเศร้าตั้งแต่เมื่อคืนที่ฉันโทรให้มันไปรับฉันที่สวนสาธารณะแล้ว และนี่วันใหม่แล้ว ยังไม่เลิกเศร้าโศกเสียใจอีกเหรอ “ฮืฮๆๆๆๆๆๆ” “แกเป็นอะไรยัยลูกหว้า?”ฉันเอ่ยถามลูกหว้าไปอย่างตกใจและรีบร้อนไปจับร่างของเธอ พรึบ “ยัยไอ….ก็ท่านไดร์ฟของฉันน่ะสิ…อยู่ดีๆก็ประกาศลาออกจากวง…” “ฮืฮๆๆๆๆเพราะอะไร….ใครทำอะไรไดร์ฟของฉัน!!”เธอเอ่ยออกมาเสียงเข้มแววตาดุดันอย่างไม่พอใจ ฉันก็มองไปยังในจอโทรทัศน์และมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเวทีด้วย หน้าตาของเขาหล่อเหลาผิวขาวเปล่งออร่าแต่แววตาเศร้าสร้อยและการแต่งตัวที่เหมือนกันกับผู้ชายคนเมื่อคืนนี้ “เขาลบบัญชีไอจีของเขาทิ้ง…” “ลบบัญชีทวิตเตอร์” “ลบทุกอย่างที่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเขาได้….” “ฮืฮๆๆๆๆ”ยัยลูกหว้าพร่ำเพ้อพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง หน้าตาของเธอบวมแดงขอบตาแดงช้ำจนน่าสงสารฉันก็ทำได้เพียงแค่กอดปลอบโยนเธอและลูบแผ่นหลังของเธอไปอย่างทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไดร์ฟแห่งTHE PRINCEคือผู้ชายคนเมื่อคืนเหรอ เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ใช่ไหมคือคนที่วิ่งชนฉันและทำโทรศัพท์ของฉันแตก ดูจากอาการของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นโรคซึมเศร้านะ “ไดร์ฟ…เปลี่ยนไปจากเดิมใช่ไหม?”ฉันเอ่ยถามลูกหว้าไป เธอก็ค่อยๆดันร่างของเธอออกไปจากอ้อมกอดฉัน “สูดดด…ใช่…หลังๆมาไดร์ฟออกสื่อน้อยมาก…พูดก็น้อยลง…”ลูกหว้าสูดขี้มูกเอามือเช็ดน้ำตาของเธอก่อนจะเอ่ยตอบฉันมา ฉันก็มองหน้าเธออย่างรอฟังคำพูดของเธอต่ออย่างตั้งใจฟัง “ไม่โพสต์เพลง…หรืออะไรเลย…ซึ่งมันผิดแปลกไปจากเดิมของเขามาก” “เขาอาจจะกำลังป่วยอยู่ก็ได้….”ฉันโผงออกไป ลูกหว้าก็จ้องฉันตาเขม่นอย่างไม่เชื่อในคำพูดของฉัน “ไม่จริงหรอก….ถ้าไดร์ฟป่วย…ทางต้นสังกัดคงจะแจ้งข่าวไปแล้ว…”เธอเถียงฉันกลับอย่างมีเหตุผล นั่นน่ะสิ ถ้าเขาป่วยจริง ก็คงจะเป็นข่าวไปแล้วสิ แต่ฉันมั่นใจว่าอาการของเขา เป็นอาการของคนที่ป่วยเป็นซึมเศร้าแน่ๆ “เมื่อกี้ฉันฟัง…เขาบอกว่ามันเป็นแค่คอนเท้นต์และเดี๋ยวเขาจะจัดคอนเสิร์ตให้กับผู้ที่ซื้อบัตรเมื่อวานนี้ได้เข้าชมอีกครั้ง…แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่….”เสียงของลูกหว้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลงปะปนไปกับอาการโล่งใจ บางทีฉันไม่ควรจะพูดในสิ่งที่ฉันรู้ไม่จริงจะดีกว่า เดี๋ยวจะทำให้ไดร์ฟเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ เพราะทางต้นสังกัดเขาแถลงข่าวแบบนั้น ก็คงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างแหละ ฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งดีกว่าเพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉันหนิเนอะ “แกชอบไดร์ฟมากเลยเหรอ?”ฉันเอ่ยถามลูกหว้าไปพลางมองไปรอบๆห้องนอนของเธอที่มีรูปภาพของไดร์ฟติดอยู่ทั่วทุกมุมผนังของห้อง รวมไปถึงกรอบรูปที่มีแต่รูปภาพของไดร์ฟวางอยู่ทั่วทุกมุมของห้องอีกด้วย ฉันก็ว่าแล้วว่าทำไมหน้าเขาดูคุ้นๆเหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนก็จะไม่ให้ฉันเห็นบ่อยได้ไงก็ยัยลูกหว้าคลั่งไคล้ไดร์ฟมากขนาดไหนน่ะ ถ้าฉันบอกเธอว่าเบอร์ที่ฉันใช่โทรหาเธอเมื่อคืน คือเบอร์โทรศัพท์ของไดร์ฟราชาแห่ง THE PRINCEน่ะมีหวังยัยลูกหว้าช็อคตายคาบ้านเธอแน่ “ใช่….” “เขาหล่อหนิเนอะ…”ฉันว่าต่อ “ความหล่อของไดร์ฟก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ฉันชอบเขามาก….แต่ที่ตกหลุมรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น…” “คือไดร์ฟมีความสามารถและความขยันความอดทนมากเขาแข่งขันและทุ่มเทกับเพลงแร็พและเพลงร็อคจนสามารถชนะและได้เดบิวต์มาเป็นสมาชิกหนึ่งในวง THE PRINCE…ได้….”ลูกหว้าว่าไปพลางยิ้มกว้างไปด้วยแววตาที่เธอพูดถึงไดร์ฟดูเป็นประกายแวววาวเหมือนเด็กสาวที่ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง นี่ฉันได้พล็อตนิยายอีกแล้วเหรอเนี่ย ศิลปินกับแฟนคลับของเขาอิอิ^^ “แกยิ้มแบบมีเลศนัยแบบนี้?”ยัยลูกหว้าหรี่ตามองหน้าฉันอย่างจับผิด “อะไรยะ?”ฉันถามยัยลูกหว้ากลับทีี่เธอชี้หน้าฉันและจับทางฉันได้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ พรึบ “ฉันนึกขึ้นได้ว่าต้องเข้าไปที่สำนักพิมพ์…ฉันไปก่อนนะ…” “ไว้เจอกัน….”ฉันเอ่ยออกมาอย่างรีบร้อนและลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ของฉันเพื่อจะหนีจากแววตาจับผิดของยัยลูกหว้า มีหวังยัยลูกหว้ารู้ว่าฉันกำลังจะเอาเรื่องราวของเธอที่ตกหลุมเมนตัวเองไปเขียนเป็นนิยายน่ะมีหวังมันเอาฉันตายแน่ “บ๊ายยยยย”ฉันโบกมือลายัยลูกหว้าและรีบวิ่งออกจากห้องของเธอมาอย่างไว ฉันสวัสดีคุณแม่ของลูกหว้าและรีบวิ่งออกมาจากร้านคาเฟ่ของยัยลูกหว้าทันทีเพื่อจะไปหาสถานที่เงียบๆเพื่อนำจินตนาการของฉันเป็นตัวอักษร^_^พรึบตุ๊บ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ฉันมัวแต่วิ่งแล้วก็วิ่งจนฉันมาชนเข้ากับใครสักคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วนใหญ่โตจนร่างของฉันที่ตัวเล็กเหมือนหมากระเป๋ากระเด็นล้มก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง แผลเมื่อคืนก็ยังไม่หายดี ดีนะที่ไม่ได้แผลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกนะ“ชนแล้วยังไม่ขอโทษอีก!”ฉันโวยขึ้นอย่างไม่พอใจกับการปวดก้นของฉันในตอนนี้“มะไม่ต้องขอโทษก็ได้ค่ะ…ฉันโง่เองที่ชนคุณพี่…”ฉันว่าเสียงอ่อนลงทันทีที่เจอเข้ากับใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจของชายใส่ชุดดำรูปร่างสูงใหญ่ที่จับจ้องฉันตาเขม่นอยู่ในตอนนี้ เกือบแล้วไหมล่ะ เกือบซวยแล้วเชียวพรึบ“เอ่อ…คะคุณพี่จับน้องทำไมคะ?”ฉันถามเสียงสั่นเครือไปอย่างหวาดกลัวที่อยู่ๆชายชุดดำร่างใหญนี้ก็คว้าข้อมือของฉันไปจับไว้อย่างไว“มีคนอยากเจอ…”เสียงเรียบๆเอ่ยออกมาจากปากของชายชุดดำร่างใหญ่ทำให้ฉันถึงกับหน้าเหวอทันที ฉันเคยไปรู้จักกับพวกคนหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?พรึบ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาเสียงดังกับแรงกระชากร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืน ข้อมือฉันแทบหักแหนะ เจ็บก็เจ็บแต่กลัวตายมากกว่า“ขึ้นรถ!”“คะค่ะๆๆ”ฉันตอบเสียงสั่นอย่างกล้าๆกลัวๆแต่ก็ต้องยอมเดินขึ้นรถตู้คันสีดำท
“เธอ….เป็นแฟนคลับเขาใช่ไหม?”เขาถามฉันพลางมองสำรวจการแต่งกายของฉัน ที่แสนจะบ้านนอกๆก็ฉันชอบแบบนี้ กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดมันใส่สบายดี“หนู…ไม่ได้เป็นแฟนคลับเขาค่ะ…บังเอิญว่าเขาวิ่งชนหนู…และทำให้โทรศัพท์ของหนูพังหนูเลยวิ่งตามเขาเพื่อจะให้เขารับผิดชอบนะคะ”“แต่หนูเห็นเขามีท่าทางแปลกๆ”“ท่าทางแปลกๆ?”ชายคนนั้นว่าอย่างทวนคำพูดของฉันอย่างสงสัย ฉันก็มองหน้าเขาอย่างจริงจัง“ค่ะ…หนูเคยศึกษาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเพื่อจะเอามาเขียนนิยาย…และหนูเห็นว่าเขามีอาการแบบนั้น…”“เธอก็เลยกอดเขา?”ชายคนนั้นว่าอย่างพอเดาเรื่องราวได้“ค่ะ….”“เธอคงจะไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม?”“ค่ะ…หนูมีแฟนอยู่แล้วค่ะ…”“งั้นก็ดี…ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ….”“ช่วยทำให้เขาหายจากการเป็นโรคซึมเศร้าทีเถอะนะ…”“ช่วยเขาด้วย….”“ค่ะ….แต่หนูก็ไม่มั่นใจว่าหนูจะช่วยเขาได้ไหม…เพราะหนูไม่ใช่หมอที่รักษาเฉพาะทาง…”“หนูคิดว่าคุณควรจะพาไดร์ฟไปพบจิตแพทย์นะคะ…”ฉันเอ่ยอย่างแนะนำ ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด แววตาของเขาสั่นไหวสื่อว่าเขาเป็นห่วงไดร์ฟจริงๆ“ฉันก็อยากพาไป…แต่ทางเจ้าของค่ายเขาไม่ยินยอม…”“เขาจะรอให้ไดร์ฟตายก่อนอย่างงั้นเหรอคะ
พรึบ“ไม่เป็นไรนะไดร์ฟ…..”ฉันกอดปลอบไดร์ฟพลางก้มหน้าลงไปสูดดมกลุ่มผมของเขาอย่างนุ่มนวลมือก็คอยลูบแผ่นหลังเขาไปด้วยเพื่อทำให้เขารู้สึกสบายใจและคลายความเครียดในใจลงได้บ้างพรึบ“เธอ….คนเมื่อคืน…?”เสียงแหบเเห้งจากคนร่างสูงที่อยู่ในอ้อมกอดของฉันเอ่ยขึ้น ฉันก็ค่อยๆผละกอดออกมาจากเขา“ใช่…นายจำฉันได้ด้วยเหรอ?”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัย ที่เขายังไม่เห็นหน้าฉันแต่เขากลับจำฉันได้ สงสัยเสียงของฉันจะเป็นเอกลักษณ์ล่ะมั้ง“อืม…เธอมาได้ยังไง…?”เขาเอ่ยถามฉันมาอย่างสงสัย ฉันก็ค่อยๆถอยห่างออกมาจากเขาเพื่อจะเดินไปเปิดม่านที่หน้าต่างแควกกกกกก“เธอเปิดม่านทำไม?”เขาเอ่ยถามฉันมาอย่างสงสัยและเอามือไปปิดตาของเขาอย่างไว เขาคงจะรู้สึกแสบตาน่ะ เวลาไม่ได้เจอแสงนานๆทำให้ดวงตาไม่ชินกับการรับแสงจ้าของพระอาทิตย์“ให้อากาศถ่ายเทมันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดน่ะ…”ฉันบอกเขาพลางยิ้มให้เขาและเดินกลับไปนั่งลงข้างๆเขาและมองไปที่ข้อมือของเขาที่มีเชือกด้ายดิบสีขาวมัดข้อมือของเขาอยู่รวมไปถึงข้อเท้าของเขาอีกด้วย สงสัยเพื่อกันเขาหนีสินะและอีกอย่างเพื่อกันไว้ไม่ให้เขาฆ่าตัวตายได้สำเร็จด้วย“เจ็บไหม?”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างเสียงแผ่วเบาและนุ
“จนลิ้นจุกปาก…ขาดอากาศหายใจและตายลงในที่สุด”“อยากตาย…ก็ตายดิ….ตายเลย…”“ฉันจะนั่งดูนายตาย…ตั้งแต่วิธีแรกยันนายหมดลมหายใจ…เลย…นายจะได้รู้ว่านายไม่ได้ตายอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดายไง?”ฉันเอ่ยออกไปพลางทำสีหน้าให้เป็นธรรมดาที่สุด เพราะถ้าฉันไม่ยุยงส่งเสริมเขาแบบนี้แต่กลับห้ามเขา บางทีเขาอาจจะฆ่าตัวตายจริงๆก็ได้นะพรึบ“ทำไมล่ะ….เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”“ฉันไม่อยากตายต่อหน้าคนอื่น…”เขาตอบฉันมาเสียงเรียบๆก่อนจะทิ้งเชือกและเดินกระทืบเท้าหนักๆไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนคิงไซส์ขนาดใหญ่สีดำของเขาแทน ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมาที่เปลี่ยนใจเขาไปได้อีกครั้งหนึ่งแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจเขาไปได้แบบนี้ทุกครั้งไหมพรึบฉันก็เดินตามร่างเขาไปพลางค่อยๆขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนและค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆเขาและเอื้อมมือไปกอดเขาจากทางด้านหลังและเอาใบหน้าแนบไปกับแผ่นหลังที่ขาวเนียนของเขา“อย่าคิดฆ่าตัวตายเลยนะ….”ฉันเอ่ยบอกเขาไป“อะไรทำให้นายไม่สบายใจ….คุยกับฉันได้นะ…”“ฉันยินดีที่จะอยู่ข้างๆนายเสมอ….ไดร์ฟ…”“เธอเป็นแฟนคลับของฉันเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันสักเท่าไหร่ ก็เมื่อคืนฉันยังทำเป็นไม่รู้
เวลาต่อมา…19:30น.เซฟเฮาส์ของไดร์ฟห้องนอนไดร์ฟ….พรึบ “ชื่อเล่นไดร์ฟ…ชื่อจริงนายดรัณภพเดชชัชพงษ์อายุ27ปี……ชื่อในวงการท่านไดร์ฟแห่งเดอะปรินซ์ชื่นชอบการร้องเพลงมาก…และการCover Dance..และเบรกแดนซ์มากฝีมือ…”“เมื่อปี2015…เขาได้แต่งเพลงลงโซเชียลยอดวิวขึ้นทะลุหลักร้อยล้านในชั่วข้ามคืนและปี2018เขาได้สมัครเข้าแข่งขันรายการเฟ้นหานักร้องนักเต้นหน้าใหม่ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่TEจนสามารถคว้ารางวัลชัยชนะไปครอบครองได้”“และในปี2019เขาได้เดบิวต์เป็นหนึ่งในสมาชิกวง THE PRINCEจากค่ายเพลงTEและเขาได้เป็นหัวหน้าวง…”“โอ้โห….เก่งนะเนี่ย…”ฉันเอ่ยชมผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆฉันโดยที่เขาเอาศีรษะของเขาเอนซบลงมาบนไหล่ของฉันโดยมีฉันนั่งอ่านประวัติของเขาจากในแมคบุ๊คของฉันที่ทางการ์ดส่งคืนมาให้ฉันแล้ว และฉันก็จะอยู่ค้างที่นี้เพื่อดูแลไดร์ฟอย่างใกล้ชิดเช่นกัน“เหรอ?”เขาเอ่ยออกมาเสียงราบเรียบอย่างไม่ได้สื่อออกว่าดีใจที่มีคนกำลังชื่นชมเขาอยู่“แล้วเธอล่ะ….เริ่มเขียนนิยายตั้งแต่เมื่อไหร่?”“อยากรู้เรื่องของฉันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไปพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ที่อยู่ๆเขาก็ถามเรื่องของฉัน“เธอเป็นคนแรกที่ฉันอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบ
“มุขจีบหญิง….?”ฉันเอ่ยถามไดร์ฟไป เขาก็ยิ้มบางๆให้ฉัน มันทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาเพราะฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มแต่พอเขายิ้มแบบนี้มันช่างสดใสจัง ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนคลับของไดร์ฟได้เยอะอย่างถล่มทลายแบบนี้ ก็เพราะเขายิ้มทีหัวใจแทบจะละลายยังไงล่ะ“ทำไมทำหน้าแบบนั้น…?”ไดร์ฟเอ่ยถามฉันอย่างสงสัยพลางขยับใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาใบหน้าของฉันจนปลายจมูกของเราแตะกันอย่างแผ่วเบา“ไดร์ฟ….นายจะใช้ข้ออ้างว่านายป่วยซึมเศร้าแล้วจะมาจูบฉันบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะ…”ฉันว่าอย่างเหนื่อยใจ ที่ไดร์ฟกำลังใช้ริมฝีปากของเขาคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากของฉัน เขาจ้องแต่จะจูบปากฉันอีกแล้ว“ทำไมอ่ะ…ก็ฉันอยากจูบเธอ….”ไดร์ฟเอ่ยออกมาพลางทำสีหน้าอย่างเอาแต่ใจ ฉันก็กระพริบตาปริบๆเมื่อมองไปที่ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มของไดร์ฟที่มันเผยอขึ้นเล็กน้อย“ฉัน…เคยอ่านนิยายของเธอด้วยนะ…”“มันมีฉากสยิวด้วย….เธอเคยทำกับแฟนเหรอ?ถึงได้เขียนจนเห็นภาพนึกว่าไปแอบอยู่ใต้เตียงขนาดนั้น..”“ไดร์ฟ…คนป่วยซึมเศร้าเขาไม่มีอารมณ์อย่างว่ากันหรอกนะ”ฉันเอ่ยเสียงเข้มเถียงเขาไป เขาก็พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจนะแต่ก็ไม่ยอมผละใบหน้าให้ถอยห่างออกไปจากฉันอยู่ดี “ว่าแ
พรึบ“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะไดร์ฟ…”“อื้อ”เสียงเรียบๆถูกเปล่งออกมาจากคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห้ม ฉันก็อมยิ้มขึ้นมาและหันไปมองกุ้งล็อบสเตอร์ที่ฉันกินไปสองตัวเหลืออีกสามตัวที่ฉันจะต้องไปอาบน้ำหลังกินเสร็จก็เพื่อจะเปิดโอกาสให้ไดร์ฟได้มากินน่ะสิ พรึบฉันเดินไปหยิบถุงเสื้อผ้าของฉันที่การ์ดนำมาให้ฉันใส่เปลี่ยนในของวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านและจะเข้าไปที่สำนักพิมพ์และที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น คือฉันจะไปหาพี่โรมด้วยยังไงล่ะ พี่โรมคือแฟนของฉัน^_^ซ่าาาาาาาฉันยืนฮัมเพลงอยู่ใต้ฝักบัวภายในห้องน้ำสุดหรูหราแห่งนี้ด้วยเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า คุณลุงมิตรบอกว่าที่นี้มีแค่ฉันกับไดร์ฟและป้าแม่บ้านหนึ่งคนส่วนด้านนอกจะมีการ์ดชุดดำคอยเฝ้าอยู่เป็นจุดๆเพื่อกันเหตุด่วนเกิดขึ้น นั่นคือไดร์ฟอาจจะคิดฆ่าตัวตายยังไงล่ะจะได้ช่วยเหลือกันทัน ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้และฉันก็เสร็จสิ้นภารกิจการอาบน้ำเป็นเวลาสามสิบนาที ฉันจึงแต่งตัวและเอาผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าไดร์ฟยังคงนอนอยู่ที่เดิมแต่กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่สามตัวในจานเปลได้หายไปแล้วหลงเหลือไว้เพียงแค่เศษเป
“คนรักนายเยอะมากขนาดนี้….แต่ทำไมนายไม่รักตัวเองบ้างล่ะ….”“รักตัวเอง?”ไดร์ฟขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยและเขาก็เอ่ยทวนคำพูดของฉันมา ฉันก็ยิ้มบางๆให้เขาและหันกลับไปมองจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตรงหน้าต่อและชี้นิ้วไปที่ร่างของไดร์ฟในจอโทรทัศน์ที่เขากำลังร้องเพลงและเต้นอยู่ตรงกลางของเพื่อนร่วมวง เขาดูโดดเด่นที่สุดในนั้นแล้ว“นายดูสิ….ว่านายน่ะทั้งหล่อและเท่ห์ขนาดไหน….”ฉันพูดพลางทำหน้าเพ้อฝันและกำลังฟินและเคลิ้มในความหล่อละลายของไดร์ฟ ที่ฉันไม่ได้แกล้งทำ แต่ฉันทำออกมาจากใจจริงๆ “ฉันอยากจะกรี๊ดดดด…”“และเรียกท่านไดร์ฟขา^_^”“ฉันขอสมัครเป็นแฟนคลับนายอีกคนนะ^_^”ฉันหันไปยิ้มและเอ่ยบอกไดร์ฟก็พบว่าเขาเองก็มองฉันอยู่ก่อนแล้ว“อยากเป็นแค่แฟนคลับเหรอ?”เขาถามฉันพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูงข้างหนึ่งแววตาของเขาดูอ่อนโยนและลึกซึ้งแบบแปลกๆชอบกลแหะพรึบ“เธอ….อยากเป็นแค่แฟนคลับฉันจริงๆเหรอ?”ไดร์ฟขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นและเอ่ยถามฉันเสียงแหบแห้งแอบกระเส่านิดๆอีกครั้ง ฉันก็อ้ำๆอึ้งๆเพราะแอบตกใจและตั้งตัวไม่ทันกับคำถามของเขา หัวใจของฉันมันเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะแล้วพรึบไดร์ฟกดรีโมทเพื่อเปลี่ยนจากคอนเสิร์ตเป็น
มีผู้คนอยู่มากมายแต่หัวใจมันกลับเหงาขึ้นทุกทีแต่เมื่อฉันได้พบกับเธอสิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไรโลกใบใหญ่ใบเดิมกลับไม่เคยต้องเหงาใจแค่ฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้เธอเป็นมากกว่ารักเพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิตฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนานและสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจจากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ….ไดร์ฟหันมายิ้มและมองหน้าฉันตลอดเวลาเสียงของเขาที่ขับร้องเพลงนี้ มันช่างเต็มไปด้วยความละมุนนุ่มนวลและความรักที่เขาต้องการจะสื่อความหมายและความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของเขาเพื่อขับร้องออกมาเป็นเนื้อเพลงจริงๆหากว่าเธอนั้นคือความรักก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยายฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอเดินข้างกายชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายเสียงของเพลงได้เงียบลงไปแต่ไดร์ฟกลับยิ้มให้ฉันและร้องเพลงด้วยเสียงที่ไร้ดนตรีและท่วงทำนองให้ฉันฟังแบบสดๆ“เธอเป็นมากกว่า…เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต…”“ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรอ…เพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน”“และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่างที่เติมเต็มหัวใจ”“จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ….”ไดร์ฟร้องจบก็ขยับใบหน้าของเขาเข้ามาหาฉันจ
“อื้อออออไดร์ฟ…”“ฉันยังไม่พร้อมนะ…”“ฉันมีประจำเดือน!!!”ฉันพูดบอกไดร์ฟไปเสียงเข้มพลางหดคออย่างรู้สึกจั๊กจี้เพื่อหนีสัมผัสที่รุกล้ำของไดร์ฟ“ฮึฮ่าๆๆๆๆๆ”เสียงหัวเราะของไดร์ฟที่มันดูอร่อยซะเหลือเกินทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง“ขำอะไร?”ฉันกดเสียงต่ำถามไดร์ฟไป เขาก็พยายามกลั้นขำจนน้ำตาของเขาเอ่อคลอรอบตัวตาคู่สวยทั้งสองข้าง“ก็ขำเธอไง…เธอนี่ก็ช่างจินตนาการนะ…แถมยังลามกอีกตั้งหาก….”“ไดร์ฟ!”ฉันเรียกเขาเสียงเข้มหน้าตาบึ้งตึง ไดร์ฟก็ส่ายศีรษะไปมากับความคิดของฉันที่มันชวนให้ฉันจินตนาการ“นายนั้นแหละ…ลามกให้ฉันจับอะไรของนายก็ไม่รู้!!”ฉันว่าเสียงห้วนพร้อมกับทำไม่พอใจ“ลองมองดูดิ…ว่าที่ฉันให้เธอจับกับสิ่งที่เธอคิดจินตนาการไปไกลแล้วน่ะ…มันใช่อย่างเดียวกันหรือเปล่า…”ไดร์ฟเอ่ยบอกฉันเสียงขำขัน ฉันก็ย่นจมูกใส่เขาและยังไม่ยอมก้มไปมองว่าสิ่งที่ฉันกำลังจับอยู่ในตอนนี้กับสิ่งที่ฉันคิดจินตนาการมันใช่อย่างเดียวกันหรือเปล่า“มองดูสิ….”“หรือเธออยากจะเห็นไอ้สิ่งที่เธอจินตนาการจริงๆ…เธอไม่อยากรู้หรือว่าสิ่งที่เธอคิดกับสิ่งที่เป็นจริง…”“มันจะมีรูปร่างลักษณะเหมือนกันหรือเปล่า….”ไดร์ฟกระซิบเสีย
“ทีนี้…บอกได้ยังครับ…ว่าไองอนไดรฤ์ฟเรื่องอะไร?”ไดร์ฟเอ่ยขึ้นด้วยเสียงละมุน ฉันก็ย่นจมูกใส่เขา “ขี้งอน….”เขากดเสียงต่ำว่าฉัน“เรื่องของฉัน!”ฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาและเถียงเขากลับไป“แหนะ….จะให้ฉันง้อ…ฉันง้อด้วยวิธีของฉันนะ…”ไดร์ฟว่าพลางทำแววตามีเลศนัยและยังมองต่ำลงไปที่หน้าอกของฉันอย่างสื่อให้ฉันรู้ว่าวิธีการง้อของเขาคืออะไร เห้ยไอ้หื่นเอ้ย!!!“ตกลงจะบอกได้หรือยัง…ว่าเธองอนฉันเรื่องอะไร?”ไดร์ฟเอ่ยถามฉันใหม่อีกครั้ง ฉันก็มองหน้าเขาและหรี่ตามองหน้าเขาอย่างจับผิด“นายมีอะไรจะสารภาพกับฉันไหมล่ะ?”ฉันกดเสียงต่ำเอ่ยถามไดร์ฟกลับไป เขาก็ขมวดคิ้วหนาเข้มเข้าหากันอย่างงุนงงและสงสัยกับคำพูดของฉันที่ถามเขา “สารภาพ…?”ไดร์ฟทวนคำถามของฉันใหม่ ฉันก็พยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบให้เขาไป“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วหนิ…ว่าฉันชอบเธอ…”“และอยากคบกับเธอ….”“แต่เธอก็ปฏิเสธฉัน….”ไดร์ฟว่าเสียงอ่อนลงแววตาของเขาสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ใช่ฉันยังไม่ได้บอกเขาว่าฉันโสดแล้วหนิ แต่ก็ไดร์ฟไม่ยอมขอฉันคบใหม่อีกครั้งหนิแล้วจะให้ฉันไปตอบตกลงเขาได้ยังไงล่ะ“ไม่ใช่เรื่องนี้….”ฉันเถียงเขากลับ เขาก็ขมวดคิ้วงงหนักเข้าไปกว่าเดิมอีก ฉันก็ทำหน้าเข้
22:40น.บ้านไอริสไอริส อันฤดี….“เฮ้อ….”ฉันทิ้งตัวลงนอนบนโซฟากลางบ้านอย่างคนหมดแรงและอิดโรยกับความเหนื่อยล้าทั้งวันของฉันในวันนี้ ยัยลูกหว้าเจ้าแม่นักช้อปช้อปจนห้างปิดไปเลยจ้า ไปตั้งแต่ห้างเปิดยันห้างปิด!สุดจริงนางคนนี้“เที่ยวจนลืมฉันไปเลยนะ…”เสียงเรียบๆของผู้ชายที่คุ้นหูของฉันเอ่ยขึ้นดังมาจากทางด้านหลังของฉันตรงบริเวณศีรษะของฉันที่เอนพิงพนักโซฟาอยู่ ฉันจึงรีบลืมตาขึ้นอย่างตกใจกับใบหน้าหล่อของไดร์ฟที่เขายืนอยู่ด้านหลังโซฟาและก้มหน้าลงมามองหน้าฉันทำให้ปลายจมูกของเราสองคนแตะกัน“โอ้ย!”ไดร์ฟร้องเสียงหลงเมื่อฉันใช้มือทั้งสองข้างผลักหน้าหล่อๆของเขาให้ถอยห่างออกไปจากฉันพร้อมกับยันตัวลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“นาย…เข้าบ้านฉันมาได้ยังไง?”ฉันถามไดร์ฟไปอย่างสงสัย ฉันว่าฉันล็อคบ้านแล้วนะ แต่ทำไมไดร์ฟเข้ามาในบ้านของฉันได้ล่ะ “ฉันมานั่งรอเธอตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด…”“จนตอนนี้…จะห้าทุ่มแล้ว…”ไดร์ฟว่าเสียงอ่อนพลางทำสีหน้างอแงใส่ฉัน“แล้วไง…ไม่ได้ใช้ให้รอ…”ฉันพูดเสียงห้วนอย่างคนที่ไม่ค่อยพอใจเขาสักเท่าไหร่ ที่เขาโกหกฉันว่าเขาไม่เคยจูบกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากฉัน!!!“แหนะ….ทำไมหน้างอจัง….”“ฉันอุตส่า
ห้างสรรพสินค้าQ15:30น.ไอริส อันฤดี…..“เฮ้อ….”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยท่อนขาของฉันทั้งสองข้างไปหมดที่เดินตามยัยลูกหว้าเข้าร้านนู้นทีร้านนี้ที จนสองมือของฉันเต็มไปด้วยถุงเสื้อผ้าของเธอหมดแล้วจ้าพรึบ“ยัยไอ!!!”เสียงเรียกชื่อฉันอย่างดังกังวานมาจากยัยลูกหว้าที่ฉันเลิกเดินตามเธอและเปลี่ยนมานั่งพักตรงกลางของห้างชั้นล่างเเทนด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเต็มทน“ฉันไม่ไหวแล้ว…ยัยลูกหว้า…”ฉันตอบเสียงอ่อนไป ลูกหว้าก็ทำหน้าเบ้ก่อนจะเดินกระทืบเท้ามาหาฉันอย่างเอาเรื่อง“เธอเล่นเดินตั้งสามชั่วโมงเต็มแบบนี้….”ฉันบ่นอุบพลางทำหน้าออดอ้อนยัยลูกหว้าไป เธอก็ผ่อนลมหายใจใส่ฉันก่อนจะเดินมาทิ้งตัวกระแทกนั่งลงข้างตัวฉัน“ก็มันเพลิน…”เธอว่าเสียงอ้อมแอ้มตอบฉันกลับมา“นี่ดีนะ…ที่วันนี้ไม่มีของSaleน่ะ….ไม่งั้นฉันจะต้องเหนื่อยกว่านี้แน่ๆ…”ฉันบอกยัยลูกหว้าไปพลางนึกถึงตอนช่วงที่เสื้อผ้าแบรนด์เนมลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ยัยลูกหว้าลากฉันมาด้วยเพื่อให้ฉันมาช่วยเธอยื้อแย่งน่ะฉันเกือบจะโดนเหยียบตายต้องคลานเข่าออกมาจากโซนที่เขาจัดลดราคาแหนะ เพราะฉันไม่ใช่เจ้าแม่สายนักช้อปอย่างยัยลูกหว้าหนิ เลยไม่ค่อยอินกับ
“ไม่ให้มีก็ไม่ให้มีจ้ะ…จะตะโกนทำไมเนี่ย…”ฉันว่าเสียงอ่อยพลางยื่นมือไปลูบต้นแขนของลูกหว้าให้เธอใจเย็นๆลง “เธอรู้ป่ะ…ว่าทางค่ายของไดร์ฟเคยจับให้ไดร์ฟจิ้นกับศิลปินเดี่ยวหญิงในค่าย…”“จะรู้ได้ไง…ฉันเพิ่งจะรู้จักไดร์ฟได้ไม่ถึงสองเดือนเองนะ…”ฉันว่าเสียงอ่อนพลางหลบสายตาดุดันของลูกหว้าอย่างส่อพิรุธสุดๆ“หึ…งั้นฉันจะเล่าให้เธอฟัง…”ลูกหว้าว่าพลางแสยะยิ้มชั่วร้ายอย่างนางร้ายในละครหลังข่าวก่อนจะกรีดตามองหน้าฉันทำให้ฉันรู้สึกแอบเสียวสันหลังวาบขึ้นมา“ศิลปินหญิงคนนั้นชื่อเทียนไข…”“เธอเป็นศิลปินน้องใหม่ของค่ายTE…”“พอเข้ามาปุบ…ทางค่ายก็จัดให้ถ่ายทำMVเพลงให้ของเดอะปรินซ์เลยเพื่อให้เธอเป็นที่รู้จักน่ะ…ซึ่งในMVเพลงนั้นไดร์ฟของฉันโชคร้ายจับฉลากได้เป็นพระเอกMV”“จับฉลากเป็นพระเอกMV?”ฉันทวนคำพูดของลูกหว้าใหม่เพื่อความแน่ใจว่าฉันไม่ได้ฟังผิดแน่ๆใช่ไหม ทำไมต้องจับฉลากด้วยล่ะ“ใช่…จับฉลากเพราะไดร์ฟของฉันไม่ชอบเล่นฉากเลิฟซีนค่ะ…”ลูกหว้าว่าเสียงเข้มแววตาเป็นประกายพร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกได้ว่าเธอกำลังปลื้มปริ่มกับไดร์ฟมาก แต่จะบอกอะไรให้รู้นะ ว่าไอ้คนที่เธอบอกว่าเขาไม่ชอบเล่นฉากเลิฟซีนเนี่ย จูบเก่งและหื่นสุดๆจ้
“ใช่^_^”ลูกหว้ายืดอกและทำหน้าเชิดอย่างคนที่มั่นอกมั่นใจ ฉันก็ยิ้มแหยๆให้เธอไป เพราะฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไดร์ฟข่าวของเขาจะได้ไม่หลุดอีกหึๆๆ^_^“เธออยากรู้เรื่องของไดร์ฟไม่ใช่เหรอไง?”“ใช่…”“ตั้งแต่เขาเข้ามาประกวดเลยไหมล่ะ?”“ได้…^_^”ฉันพยักหน้าอย่างตื่นเต้น เพราะฉันเองก็พอจะรู้เรื่องของไดร์ฟมาพอคร่าวๆบ้างแล้วแต่ฉันอยากรู้ให้ลึกกว่านี้น่ะ “งั้นเริ่มเลย…”ลูกหว้าว่าพร้อมกับยิ้มกว้างให้ฉันแววตาของเธอเป็นประกาย เธอคงจะชอบไดร์ฟมากจริงๆและถ้าเธอรู้ว่าฉันเองก็ชอบไดร์ฟมาก เธอจะโกรธฉันไหมนะ?“นี่….สมาชิกของวงเดอะปรินซ์…”ลูกหว้าว่าพร้อมใช้มือกางแผ่นรูปขนาดใหญ่ที่ใหญ่พอๆกับที่นอนหกฟุตของเธอลงตรงหน้าฉัน“นี่…ไดร์ฟ…ไดร์ฟเป็นหัวหน้าของวงหรือลีดเดอร์ของวงนั่นเอง….”“ไดร์ฟมีความสามารถครบถ้วนตามที่ท่านประธานค่ายต้องการ….และก็บราๆๆๆ”ลูกหว้าก็เล่าเรื่องราวของไดร์ฟให้ฉันฟังทุกอย่างเท่าที่เธอและแฟนคลับคนอื่นๆรู้ แต่ที่เธอไม่รู้คือ คือเรื่องที่ไดร์ฟป่วยเป็นซึมเศร้า และถ้าจะถามหาสาเหตุจากลูกหว้า เธอก็คงไม่รู้อยู่ดี บางทีฉันควรจะเลิกสงสัยได้แล้ว ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไดร์ฟป่วยเป็นซึมเศร้าเพราะตอนนี้เขาก็
สองวันต่อมา… 07:00น.คาเฟ่Aบ้านของลูกหว้า ห้องนอนลูกหว้า…“ลูกหว้า….”“อื้ออออ!”เสียงอื้ออึงในลำคอที่แสดงถึงความไม่พอใจจากคนใต้ผ้าห่มที่โดนฉันปลุกเธอแต่เช้าแบบนี้ดังออกมาพรึบ“ตื่นได้แล้วลูกหว้า!”ฉันเรียกลูกหว้าพร้อมกับยื่นมือไปดึงผ้าห่มออกมาจากเรือนร่างของยัยลูกหว้าที่นอนตื่นสายกินบ้านกินเมืองแบบนี้“โอ้ย…นี้มันวันหยุดฉัน!!”ลูกหว้าโวยเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะอาทิตย์หนึ่งเธอมีวันหยุดเพียงแค่วันเดียวยังไงล่ะ“ยัยไอ!!”ลูกหว้าพูดออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งพรวดมองหน้าฉันอย่างไม่พอใจที่ฉันปลุกเธอและสร้างความรำคาญให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะนี่มันวันหยุดของเธอแท้ๆ แต่ฉันอยากรู้เรื่องของไดร์ฟมากและคนคนเดียวที่จะบอกฉันทุกเรื่องเกี่ยวกับไดร์ฟได้นั่นก็คือยัยลูกหว้าเพื่อนสุดเลิฟของฉันคนนี้ยังไงล่ะ^_^“ลูกหว้าจ๋าาาาาาา”“ลูกหว้าจ๊ะ^_^”ฉันทำตาปิ๊งๆและเรียกลูกหว้าเสียงออดอ้อนออเซาะจนยัยลูกหว้าเบะปากและกลอกตามองบนอย่างคนที่หมั่นไส้ฉันมากๆ“มีอะไรยะ!”“มาหาฉันแต่เช้า?”ลูกหว้าว่าพลางเอามือของเธอไปสางผมที่ยุ่งเหยิงของเธอให้เป็นทรง ฉันก็อมยิ้มและมองหน้าเธออย่างมีเลศนัย“ฉันอยากรู้เรื่องของได
เร็วเท่าความคิดฉันผลักหน้าอกไดร์ฟอย่างไวและเเรงด้วยจนทำให้ร่างของไดร์ฟเกือบหงายหลังน่ะ ดีนะที่เขาตั้งตัวทันน่ะ ไม่งั้นไดร์ฟได้เลือดแน่วันนี้พรึบ“ทะลึ่ง!”ฉันว่าเสียงเข้มหน้าตาบึ้งตึง ไดร์ฟที่กำลังยันตัวขึ้นมาก็ทำสายตากรุ้มกริ่มให้ฉัน“เธอเอง..ก็ทะลึ่งเหมือนกันแหละ^_^”“กินไปเลยไดร์ฟ!!”ฉันเสียงดังกลบเกลื่อนเพราะความเขินอายที่ฉันทำเรื่องหน้าอายที่สุดไป ฉันเลิกสนใจไดร์ฟและหันมาก้มหน้าก้มตากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในชามของฉันโดยไม่สนใจไดร์ฟที่เขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเรียบร้อยมาก มากซะจนผู้หญิงอย่างฉันดูกินมูมมามไปเลยอ่ะ20นาทีต่อมา….“ไอริส….”ไดร์ฟเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบา“หืม?”ฉันที่เอาชามไปเก็บแล้วก็กลับมานั่งลงข้างๆไดร์ฟที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมก็เอ่ยขานรับเขาไปพลางมองหน้าเขาด้วยความสงสัย“เธอ….”“อะไร?”“ขอไลน์หน่อยดิ^//^”“ขอไปทำไม?”ฉันมองหน้าไดร์ฟที่ยิ้มร่าด้วยความสงสัย “เผื่อเอาไว้โทรหาเธอ..เวลาที่คิดถึงไง…”“เพราะอีกหลายวันแหนะ…กว่าฉันจะมาหาเธอได้อีก…”ไดร์ฟว่าเสียงแผ่วเบาพร้อมกับทำหน้าเศร้าสลดลง ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ“ฉันต้องเข้าห้องอัดเสียงน่ะ…จะปล่อยเพลงใหม่”“อืม…”“ไม่ถามในฐ