แสงแดดสว่างแยงทะลุม่านตาที่กะพริบ ไล่ความแสบร้อนที่เปลือกตา อะไรกันเมื่อคืนรู้สึกเหมือนเพิ่งขับรถกลับบ้าน ทำไมวันนี้ถึงตื่นสายได้ขนาดนี้นี่นอนไปนานขนาดนั้นเลยหรือ เฮ้ย ขยับตัวเบาๆ เปิดปากหาวเปิดเปลือกตา“จูเจี่ยแอบมานอน หลับใหลที่นี่อีกแล้วงานในไร่รอเจ้าอยู่ แล้วยังมานอนสบาย”ใครวะมาเสียงดังข้างหู“ตื่นได้แล้วจูเจี่ย”ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ“ฮาวววว”บิดขี้เกียจไปรอบตัว“จูเจี่ย วันนี้ต้องส่งผักเข้าวังหลวง ยังไม่ได้ตามที่กำหนดเจ้ายังกล้ามานอน”เถียงนาน้อย เอ้ย ...ไม่ใช่ ที่นี่มันที่ไหน สวนผักกว้างใหญ่ แล้วยังมีเพิง ไม่สิแถวบ้านเรียกเถียงนา เคยสงสัยไหมไปเถียงทำไมนา“เจ้านี่แย่จริงๆ นอนจนน้ำลายไหลแล้วยังหลับสนิทจนงุนงง”“เอ่อๆๆ คือๆๆๆ ”“ไปโกยขี้หมูใส่ผักเดี๋ยวนี้เลย” หญิงวัยกลางคนมองอย่างไงอย่างไงก็น่าจะเป็นคนที่มีพาวเวอร์ที่สุดในที่นี้ ชี้มือไปที่กองขี้หมูกองมหึมาข้างเถียงนา“ต้องไปใช่ไหม”“หญิงบ้านป่าเกียจคร้านเช่นเจ้า ใครกันจะรับเป็นภรรยา ไร้คนสู่ขอข้ามิต้องเลี้ยงเจ้าจนตายหรือไร” ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของแป๋ม ขยับตัวอืดอาด วันๆเคยทำอะไรกันนอกจากนั่งกดแป้นพิมพ์พิมพ์นิยายกับขนมและของว่างข้างโต๊ะคอม
“ผอมขนาดนี้ ข้าจะกล้าใช้งานเขาหรือ นายท่าน”นายท่านที่ว่าเป็นพ่อค้าคนกลางที่ส่งผักเข้าไปขายในวังหลวง หัวเราะจนพุงกระเพื่อม“น่า นึกว่าเอาบุญ ใช้งานหนักงานเบาได้ทั้งหมด ทีแรกข้าตั้งใจจะให้เขาทำงานกับข้า แต่ท่านเจ้าบ้านโปรดเห็นใจ ที่พักอาหารข้าก็มีจำกัดท่านพ่อบ้านมีไร่กว้างขวางโรงเก็บพืชพันธุ์มากมาย ให้เขาได้อาศัยหลบหนาวยามค่ำคืน ผักหญ้าท่านก็เยอะแยะพอได้เป็นอาหาร นึกว่าเอาบุญ” พ่อในโลกนี้ของแป๋มยิ้มอย่างคนที่ใจดี พยักหน้าน้อยๆ แต่ยายป้านี่สิ“โอ๊ย มาอยู่น่ะมาอยู่ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานให้มาก ข้าไม่มีปัญญาจะเลี้ยงใครฟรีๆ หรอกนะ”“ขอรับนายหญิง จะใช้งานข้าล้วนทำได้ทุกอย่าง”แป๋มเบ้ปาก ตัวผอมบางหุ่นสะโอดสะอง แป๋มตัวใหญ่เหมือนช้างน้ำยังไม่อยากทำเลยงาน“จูเจี่ย มายืนยิ้มทำไม ไม่กินก็ไปโกยขี้หมูได้แล้ว”ท้องร้องจ๊อกๆ กระโดดขึ้นไปบนกระท่อมหรือเถียงนาน้อย ตักข้าวใส่ถ้วยใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวกับผักใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ“เสี่ยวซง อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจทำงาน”“ขอรับนายท่าน”นายท่านพ่อค้าผักหันไปเจรจากับท่านพ่อ ไม่สนใจเสี่ยวซงผู้นั้นอีกต่อไป เขาเดินไปที่กองขี้หมู โกยมันใส่ตะกร้าสาน แบกไว้บนหลังก้าวเดินไปยังแปลงผัก
ในไร่ที่แสนจะอบอุ่นแสงแดดสีส้ม แม้จะส่องสว่างแต่ไม่ทำให้รู้สึกร้อน วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว“จูเจี่ย เก็บไข่เป็ดกับไข่ไก่ในเล้าให้แม่ด้วย”แป๋มยังไม่ทันจะขยับตัว จูจิ้นวิ่งไปหยิบตะกร้าออกไปก่อนแป๋มเสียอีกเสี่ยวซงมองสองคนพี่น้อง ทำท่าจะขยับตัวตามไปช่วย“เสี่ยวซง มาช่วยข้าหอบฟืนมาเก็บไว้ใกล้เตาผิง อากาศค่อนข้างหนาวไม่แน่คืนนี้อาจมีหิมะแรก ดีที่เราเก็บผักบางส่วนส่งวังหลวงเสียเกือบหมด หิมะตกได้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่”เจ้าบ้านเฉินเดินนำเสี่ยวซงที่ช่วยหอบฟืนมาเก็บไว้ในห้องครัว ใกล้เตาผิงและเตาทำกับข้าวข้างเล้าไก่ แป๋มนึกภาพขี้ไก่และความสกปรกทว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยายป้ากวาดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พื้นแห้งสะอาดตา มีเศษหางจากข้าวสาลีกองบนพื้นเป็นกระจุกบ้างก็ปุไปบนพื้นเล้าไก่ ไข่ไก่วางเรี่ยราดเหมือนถูกนำมาวางไว้ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นเก็บไข่ไก่ใส่ไปในตะกร้าหลายสิบลูกไก่ไข่ตัวอ้วนขนสีน้ำตาลแดง ไม่ได้ตื่นตกใจแต่กลับเดินเข้าหาย่อตัวลงนอนหมอบเหมือนอยากจะออกไข่อยู่ตลอดเวลา แป๋มยิ้ม“จูเจี่ยไข่วันนี้เยอะกว่าทุกวัน คงเป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อเก็บเศษผักในสวนมาให้มันจิกกินเป็นอาหารว่าง”“ไก่
ห้องเครื่องในวังหลวง“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวยอาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”“ผักส่วนมากรับมาจากบ้านเฉิน ที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้“ปีนี้ข้าวปลาอาหารขาดแคลนชาวบ้านลำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะเรียนรู้วิธีปลูกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร”“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิมหม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้อง เจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นที่จะไม่ได้ผล”“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหม ลูกคนนี้แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”“องค์หญิงแ
“ไม่นาน หากกินตามที่ข้าแนะนำ จูเจี่ยของเราจะต้องกลายเป็นหญิงงาม”แป๋มเขินจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเสี่ยวซงอมยิ้ม มองๆไปเสี่ยวซงเวลาอมยิ้มก็หล่อเป็นบ้าเลย“จูเจี่ยจะเขินทำไม”จูจิ้นน้องนรกสมองอัจฉริยะ พูดขึ้นดังๆ“ดีแล้ว พักนี้ทำตัวสมกับเป็นหญิงสาวไม่กระโดกกระเดก เหมือนเมื่อก่อนอย่างนี้ มีหวัง ได้ออกเรือนแน่555”เจ้าบ้านเฉินพูดไปหัวเราะไปด้วยความเอ็นดูแป๋ม“ท่านพ่อว่าแต่สูตรหัวใช้เท้าดองเค็ม...”แป๋มเปลี่ยนเรื่องคุยแก้เขิน”“ดอกเกลือ น้ำผึ้ง น้ำสะอาดนั่นล่ะคือสิ่งที่ต้องใส่ลงไปในหัวไช้เท้าที่เก็บสดๆ หัวไช้เท้าจึงแสนอร่อยแบบนี้ สูตรนี้พ่อเจ้าคิดขึ้นมาเอง หลายปีมานี้กินของบ้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า” เสี่ยวซงวางถ้วยข้าว ประสานมือตรงหน้า“ขอบคุณท่านลุงที่ ไม่หวงวิชา”“เสี่ยวซง ถึงจะบอกว่าสูตรลับแต่เจ้าบัดนี้ก็เป็นคนในครอบครัวกินข้าวหม้อเดียวกับเราแล้วยังช่วยเราทำงาน ข้าจึงไม่จำเป็นต้องหวงสูตรในเมื่อเป็นของดี ล้วนยิ่งต้องแบ่งปัน”แป๋มอึ้งกับความคิดและคำพูดของเจ้าบ้านเฉินคนอะไรจะดีขนาดนั้นหากเป็นสมัยนี้ต้องลงทุนซื้อสูตรในราคาหลายบาท แม้จะมีให้ดูในอินเทอร์เน็ต แต่มักจะไม่บอกสูตรลับเฉพาะ“ท่านพ่อใจดีจัง”
“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่ จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูดไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ็บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของแป๋มดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่า
“ก้อนหินก้อนใหญ่แบบนี้บางทีก็สามสีตัว อยู่ที่ว่ามีโพรงใต้หิน พวกกุ้งมักจะ ทำโพรงไว้ เพื่อซุกตัวอยู่นนั้นหากลูบไปใต้พื้นหินแล้วรู้สึกว่ามีโพรงนั่นล่ะที่อยู่ของพวกมัน เสี่ยวซงเจ้ามาลองช่วยลุง งมกุ้งกัน”แป๋มนึกสนุก เดินลงไปรวมกลุ่ม จูจิ้น เดินกลับขึ้นมาเอากุ้งมาเก็บโดยเอาถังใส่น้ำแล้วปล่อยกุ้งที่จับได้ลงไปนอนแช่น้ำเพื่อความสดไม่ให้มันตายเสี่ยวซงกับเจ้าบ้านเฉิน ล้วงมือเข้าไป จับกุ้งมาง่ายดาย คนละตัวสองตัว แป๋มอยากลองบ้าง จึงเข้าไปช่วยต้อนกุ้งในโพรงหิน ล้วงมือเข้าไปรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรดิ้นตุบตับ ชนเอามือทั้งสองข้าง“ท่านพ่อ.. ท่านพ่อ..มันอยู่ตรงนี้”เสี่ยวซงลาเข้ารวบกุ้งตัวโตที่ชนมือของแป่มไปมาใบหน้าหล่อเหลาเกือบจะโดนแก้มอวบของแป๋ม เสี่ยวซง ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่แป๋มกับอายม้วน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“ฉับ”กุ้งตัวใหญ่ที่ถูกต้อนจนมุมใช้กล้ามใหญ่หนีบฉับเข้าที่นิ้วนางของแป๋มระดับความเจ็บประมาณ ลูกหมาฟันคมงับมือ“อืออออออเจ็บ”ส่ายหน้าไปมาหลับตาพริ้ม ดึงตัวกุ้งที่ไม่ยอมปล่อยกล้ามขึ้นมาด้วยมืออีกข้างคว้าตัวกุ้งไว้แน่นเสี่ยวซงกับจูจิ้นหัวเราะ ขำกับท่าทีของแป๋ม“เห็นไหมเล่า ในที่สุดแกก็เสร็จฉัน กุ้งนี่จับไ
“จูเจี่ย ท่านคงอยากจะสวยอวดพี่เสี่ยวซงแน่เลย”เจ้าเด็กบ้านี่เอาอีกแล้ว“ข้าอยากจะพัฒนาตัวเองสียบ้าง”“อาหารที่แม่เจ้าปรุงสองสามวันมานี้ ล้วนแต่เป็นของที่กินแล้วไม่อ้วนเจ้าพูดเองว่าอยากจะผอมข้าคุยกับแม่ของเจ้าแล้วว่าเราจะปรุงแต่อาหารที่จูเจี่ยกินแล้วไม่อ้วน เพียงแต่เจ้าไม่ปฏิเสธมันรับรองเห็นผลอย่างแน่นอน”แป๋มยิ้มซาบซึ้งน้ำใจอย่างที่สุดย้อนเวลามาไม่เสียที อย่างน้อยก็มีคนใส่ใจจูจิ้นกับจูเจี่ยนั่งย่างกุ้งบนเตา ดิน เสี่ยวซงยกเอาหินลาวาที่มีเก็บไว้หลายขนาดมาวางบนเตาดินกองไฟด้านล่างเอากุ้งตัวใหญ่ขึ้นไปวาง แป๋มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วันนี้ฮูหยินเฉินมาดึงสายรัดเอวให้เพราะแป๋มทำอยู่นานก็ไม่เป็นผลไม่เหมือนอย่างที่เขาภทำกัน“เจ้าผอมลงไปจริงๆ รู้สึกตัวบ้างไหม”แป่มพยักหน้าผอมลงไปจริงๆ มีองค์มีเอวกับเขาด้วยคงลงไปไม่ต่ำสามกิโลหากเป็นที่บ้านคงลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว เสี่ยวซงมองอาภรณ์สีพื้นๆ ของแป๋มที่สวมใส่เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เงียบเสีย จูจิ้นนั่งอยู่บนตักของเสี่ยวซง พลิกกุ้งไปมาเอามืออังเตาไฟไล่ความหนาวเหน็บลมแรงกรรโชก ท่านเฉิน ขยับเข้าใกล้เตาดินอีกคน“พรุ่งนี้หิมะคงตกแน่ๆ หากอากาศจะหนาวลงเรื่อยๆแบ
“ท่านลุงข้าช่วย”เสี่ยวต้าแย่งไม้แย่งมือเมื่อเห็นว่าท่านเฉินกำลังจะแบกหลัวเกาลัดขึ้นบ่าไปส่งให้กับพ่อค้าผัก“มาพอดีข้ากำลังอยากถามพอดี แต่ติดที่อยู่กันหลายคน”“เชิญท่านลุง”“เจ้าเข้ามามีจุดประสงค์ใดกันแน่”“ท่านลงกังวลไปแล้วเสี่ยวต้ารอนแรมแค่เพียงอยากจะเรียนรู้วิธีปลูกผักทำสวนที่ถือว่าเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งทีเดียว ในแคว้นฉินมักล่ำลือว่าไร่บ้านเฉินส่งผักเข้าวังหลวงมากมายกว่าบ้านอื่นข้าจึงตั้งใจมาที่นี่”“เฮ้อ ข้าอาจคิดมากหากเป็นเรื่องนั้นตอนนี้ คนที่ให้คำตอบได้ดีก็เป็นจูเจียข้าวางมือไปแล้ว จูเจียนางหลังๆมานี้ ปลูกเองเก็บเกี่ยวเองเสียจนคล่องแคล่วอีกทั้งบางอย่างนางยังทำได้ดีกว่าข้าด้วยซ้ำไป จูเจียตอนนี้ยิ่งนางมุ่งมั่นยิ่งทำได้ดี เรื่องส่งผักให้กับแคว้นเหนือก็เป็นความคิดของจูเจียที่ไม่ยอมยึดติดกับการค้าขายเฉพาะภายในแคว้น นางตกลงกับพ่อค้าผักจากแคว้นเหนือจนได้ค่าตอบแทนที่สูงลิบ”“นางช่างเก่งกาจเกินหญิง”“เจ้าอยากได้เคล็ดวิชาคงต้องไปขอจากจูเจีย”เสี่ยวต้าอมยิ้ม ท่านเฉินส่ายหน้าไปมา เสี่ยวต้าหล่อเหลาองอาจเพียงนี้ จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าเพียงรอนแรมเสาะหาเคล็ดวิชาอย่างที่เขาบอก เมื่อคราวเสี่ยวซ
ก่อนหน้านั้นซงยี่เจ้าพร้อมที่จะแต่งกับองค์หญิงอิงเผยหรือไม่”อิงเผยใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินความว่าซงยี่“แคว้นฉินของเรามิได้ ดูแคลนองค์หญิงจากแคว้นใต้บัดนี้ซงยี่รั้งตำแหน่งต้าหวัง เพื่อสืบสันติวงค์เช่นเดียวกับ ซงหยวน อยู่ที่ซงหยวนว่าวสามารถ ปกครองแคว้นฉินได้ดีเพียงใดหัวเมืองทางเหนือข้ายกให้ซงยี่ปกครอง”“เสด็จพ่อลูกๆๆ”ซงยี่อ้ำอึ้งอิงเผยทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ซงยี่เจ้าไม่อยากแต่งกับองค์หญิงใต้อีกคนหรือไร ในเมื่อซงหยวนคุกเข่าต่อหน้าข้าว่าเขาเขอเวลาพิสูจน์ตัวเองสองปีเพื่อให้ข้าเห้นว่าเขาทำได้เพียงลำพัง เพื่อหญิงนางนั้น เจ้าก็ยังเป็นอีกคนที่ไม่อยากแต่งองค์หญิงใต้หรือไร“แม้แต่ท่านก็ไม่อยากแต่งกับข้าอย่างนั้นใช่ไหม”อิงเผยตัดพ้อเบาๆ“ข้า ข้าแค่เพียงคิดว่าเจ้า ไม่สิข้าไม่อยากทำให้เจ้าเสียใจข้าๆๆแค่คิดว่าเจ้ามีใจให้พี่ใหญ่เอ๊ยไท่จือจนไม่มีสายตาเหลือบแลใคร ไม่รู้ว่าเจ้าจะแต่งกับองค์ชายสามเช่นข้าไหมในเมื่อข้าไม่ใช่ไท่จือ”“ช่างน่าไม่อายข้ารั้งอยู่ที่วังหลวงเสียนานป่านนี้ยังไม่ได้แต่งกับใครเป็น จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”“ซงยี่ เจ้ากล้าฝืนบัญชาข้าหรือไร”“เสด็จพ่อลูกไม่อาจ ไม่ทำตามกระแสรับสั่งที่เสด็จพ่
“แม่นาง เอ่ออจูเจียให้ข้า ช่วยแบกจะดีกว่า”เสี่ยวต้า แบกหลัวที่ใส่เกาลัดไว้บนบ่าจูจิ้นกำมือแป๋มไว้กระตุกเบาๆ ยิ่งกว่าคำปลอบใจ“รีบกลับ ไปที่บ้านกันเถิดอากาศค่อนข้างหนาวแล้ววันนี้ท่านแม่ต้องทำของอร่อยไว้ให้คลายหนาวอย่างแน่นอน”เมื่อกลับถึงบ้านฮูหยินเฉินกำลังอยู่หน้าเตาไฟ แป่มหยิบ กระทะมาเพื่อจะแบ่งเกาลัดที่เก็บมาใหม่ๆ คั่วไว้กิน หลังอาหารเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว อาหารเย็น ยังอยู่บนเตาไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“ท่านแม่”“วันนี้มีโจ๊กงาดำ ข้ากับพ่อของเจ้าเพิ่งจะร่อนงาดำมาเก็บไว้ คั่วเสียหน่อยต้มพร้อมกับข้าวสาลีหิวหรือยังจูเจีย”ฮูหยินเฉินสองปีมานี้สงสารแป๋มอย่างที่สุด อาจเพราะแป๋มไม่ได้เกียจคร้าน อย่างแต่ก่อนแล้วยังปรับปรุงตัว ยอมทำตามที่ฮูหยินแนะนำแทบทุกอย่าง เสี่ยวต้านั่งมองท่านเฉินที่กำลังสานหลัวและตะกร้าใบใหม่สำหรับใส่ของ“ข้ากำลังจะคั่วเกาลัด”จูจิ้น ขยับตัวลุกขึ้นมาถือทัพพี เตรียมไว้เมื่อแป๋มวางกระทะเกาลัดลงบนเตาอีกฝั่ง“ปีนี้คาดว่าจะหนาวกว่าปีที่แล้ว ไก่จึงไม่ค่อยจะออกไข่ ข้าหลายวันมานี้จับปลามาทำปลาเค็มไว้ แทนไข่ ไข่ปลาอูอร่อยที่สุด หายได้ยากต้องเมืองชายฝั่งปีนี้ขายผักได้เงินมากหน่อย หลายอย
“ท่านเฉิน ข้านำคนงานมาฝากให้ช่วยทำงานในสวน”“สวนของเราไม่รับคนงานอีกต่อไป”“เสี่ยวต้า คารวะท่านเฉินเสีย”“เสี่ยวต้าคารวะท่านเฉิน”“เห็นทีข้าไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้วใช่ไหม”“ท่านพ่องานในสวนกำลังเร่ง มีคนมาช่วยงานจึงดี”แป๋มช่วยพูดเพราะเห็นว่าลำพังเขากับจูจิ้นบัดนี้งานล้นมือเสี่ยวต้าพยักหน้าขึ้นลงยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าแป๋มช่างมีใบหน้างดงามเกินกว่า หญิงบ้านป่าธรรดา“ขอบคุณแม่นางอย่างยิ่ง”แป๋มเบือนหน้าหนีจากตรงนั้นเสีย ยกเอาหลัวเตรียมไปขุดมันในสวนส่งเขาวังหลวงตามที่ตกลงกันไว้“มันเทศที่สั่งไว้ บัดนี้พร้อมส่งเข้าไปบางส่วนอีกส่วนหนึ่งให้ มารับในวันพรุ่งนี้ตอนนี้งานในสวนยุ่งมากอีกทั้งพ่อค้าจากแคว้นเหนือสั่งผักเป็นจำนวนมากเช่นกันการเร่งปลูกและเก็บเกี่ยวทำให้ ต้องใช้แรงงานแต่ตอนนี้บ้านเฉินมีแค่จูเจียกับจูจิ้นเพียงสองคน”“ไม่ได้เร่งรีบอะไรฝ่าบาทโปรดปรานอาหารที่ปรุงขึ้นจากมันเทศ และมีพระกระแสรับสั่งว่าอยากกินเกาลัดเปรยๆ ว่าเกาลัดคงจะแก่และร่วงจากต้นแล้ว เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้ามารับเกาลัดไปพร้อมกันเลย ข้าก็เห็นใจท่านเฉินไม่น้อย สองวันมานี้ฝ่าบาทสั่งให้เพิ่มงบในคลังสำหรับซื้อผักข้าก็แบ่งมาเพิ่มให้ท่าน แต่เร
“หมายความว่าทุกอย่างที่เราเห็นเป็นเพียงเรื่องโกหกของเสี่ยวซง เขาอาจไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง ทว่าแต่ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงเรื่องที่เขาสร้างขึ้น”“เสี่ยวซงไม่มีทางหลอกข้า แม้เขาจะไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีทางหลอกข้า”“เจ้าเห็นท่านซง กับตะเกียบเงินในมือหรือไม่ ทุกครั้งที่ข้าส่งตะเกียบให้เขา เขากลับวางมันไว้ข้างกาย หยิบตะเกียบเงินขึ้นมาลิ้มรสอาหารของเรา เจ้าคิดว่า เขาเป็นใครถึงกลัวว่าจะต้องพิษ”“จูเจีย ..ข้าข้าไม่รู้จริงๆ ”“ตัดใจเสีย เจ้าไม่คู่ควรกับเขา ป้ายหยกที่ข้างเอวของเขาบ่งบอกฐานะชัดเจน ล้วนเป็นของล้ำค่าจากวังหลวง คนธรรมดาล้วนไม่มีสิทธิ์ครอบครอง”ฮูหยินเฉินยกขนมผักกาดวางตรงหน้าแป๋มก่อนจะนั่งลงข้างๆ“ขนมผักกาดกินเสียหน่อยจะได้หายหิว ท่านพี่ให้นางกินอะไรก่อนเรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลัง”แป่มน้ำตารื้นขอบตานึกขอบคุณฮูหยินที่เข้าใจว่าบัดนี้หัวใจของแป๋มแหลกสลายส่งตะเกียบในมือให้แป๋ม คีบขนมผักกาดขึ้นใส่ปากเคี้ยว รสชาติอร่อยลิ้น รู้ได้ในทันทีว่ามีส่วนผสมของถั่วงอก ที่หวานกรอบ และ หัวไช้เท้าใบกุ้ยซ่าย“ท่านแม่”ฮูหยินเฉินยิ้ม“ขนมผักกาด เป็นขนมที่ทำหลังเทศกาลตรุษจีน แต่วันนี้ข้าเห็นว่ามีหั
“ท่านพ่อ”“เสี่ยวซง ดูสิ่งที่เจ้าทำ”ท่าทีฉุนเฉียว แม้แต่คนตาบอดยังมองออก“กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้” เสี่ยวซงหันหน้าหันหลัง“จูเจีย ลุกขึ้นแล้วกลับบ้านเสีย”ท่านเฉินเองก็ไม่น้อยหน้า จูจิ้นรีบไปดึงมือแป๋ม มากำไว้ เมื่อเห็นว่าแป๋มทำสีหน้างงงัน“พี่สาวกลับบ้านกลับเราเสีย ท่านพ่อโมโหใหญ่แล้ว”“ข้ากับเสี่ยวซงเราไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย”แป๋มเถียงเพราะออกจะไม่มีเหตุผล ทำไม่ซงหยางต้องโมโหขนาดนั้น ไหนเมื่อลูกตัวเองเป็นผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไรเสียหน่อย ท่านเฉินเองก็คงไม่พอใจท่าทีของซงหยาง“จงต้าหมิงคลุมตัวเสี่ยวซง กลับได้แล้ว”ซงหยางออกคำสั่งดังลั่นจงต้าหมิงรีบเดินเข้าไปหาเสี่ยวซงพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ กระซิบบอกว่า“ไท่จือท่านต้องไปแล้ว”เสี่ยวซงหันมองหน้าแป๋มด้วยหัวใจที่แหลกสลาย คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะจบลงเพียงแค่นี้จูจิ้นกำมือของแป๋มไว้แน่น“พี่ชายเสี่ยวซงท่านไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน พี่สาวจูเจียข้าดูแลแทนท่านเอง” ท่านเฉินถลึงตาใส่จูจิ้น อับอายเหล่าชาวสวนข้างเคียงที่มาช่วยค้นหาทั้งสองคนไม่น้อยวังหลวง“เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง”มือใหญ่ฟาดลงบนแก้มของซงหยวนเสียงสนั่น ซงหลี่ยิ้มด้วยความสาใจ ฮองเฮาตรงเข้า
เสียงนกหู๋ผีอิงอู๋ขับขานเจื้อยเแจ๊ว กลิ่นหอมจากผัดมะเขือยาวตากแห้ง (เสียเสี่ยง) ฮูหยินเฉิน เริ่มด้วยการนำมะเขือยาวตากแห้งมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แช่น้ำ บีบเอาน้ำออกพักไว้ใส่น้ำมันในเตาผัดใส่ขิงกระเทียมและต้นหอมลงไปผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูเม็ดสน ลูกเกด ปลาเค็ม เห็ดหอมหน่อไม้ พุทราจีน ที่หั่นสี่เหลี่ยมเช่นกันลงไปผัดใส่น้ำสต๊อกไก่ปรุงรสเป็นอันเสร็จสิ้นแต่กลิ่นหอมในตอนผัดช่างหอมยวนใจเสียจริงซงหยางลืมตาตื่น สูดดมกลิ่นหอมจากฝีมือทำอาหารของฮูหยินเฉิน จูจิ้นยกอ่างล้างหน้ามาเตรียมไว้ให้ไม่บกพร่อง ข้าวสาลีหุงร้อนๆ มีไอร้อนลอยระอุ ท้องร้องโครกคราก“พร้อมหน้ากันแล้ว วันนี้มีเพียงอาหารง่ายๆ เพราะว่าเราจะต้องออกค้นหา เสี่ยวซงและจูเจีย”ท่านเฉินกล่าว ซงหยวน เกือบจะเผลอกลืนน้ำลาย อาหารง่ายๆ แต่มองแล้วไม่ธรรมดา ความหอมที่ปลุกในยามเช้าหากเป็นกลิ่นการปรุงอาหารมักจะทำให้เจริญอาหารได้ดีไม่น้อย ถ้วยข้าวถูกวางตรงหน้าท่านเฉินผายมืออย่างรู้ใจ“เสียเสี่ยงบ้านป่า ท่านซงลองลิ้มรสดู” จงต้าหมิงรับถ้วยข้าวจากฮูหยินเฉินอีกคนซงหยางใช้ตระเกียบในมือคีบผัดมะเขือยาว ที่ใส่ชามสีแดงจากดินเผา เข้าปากเคี้ยวเบาๆ มะเขือยาวเ
แสงไฟสะท้อนดวงตาเศร้าสร้อย“ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่เคยกลัวว่าจะต้องเผชิญเรื่องราวร้ายๆ หากว่าท่านลำบากหรือถูกตามล่ามาอยู่ที่ไร่ของเรา ข้ารับรองข้าจะปกป้องท่านเอง”เสี่ยวซงขำกับคำพูดซื่อๆ ของแป๋ม เขาไม่เคยจะบอกอะไรนางก็ไม่เคยถาม แล้วยังเต็มใจจะช่วยเหลือ หากแป๋มรู้ว่าเขาไม่ใช่เสี่ยวซงเล่านางจะยังดีกับเขาไหม“ท่านไม่ต้องกลัวไม่ว่าท่านจะเป็นใครหรือเคยทำอะไรมาก่อนข้าพร้อมจะให้อภัยคนเรากลับตัวกลับใจเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ”เสี่ยวซงกอดรวบร่างบาง (คราวนี้บางจริงๆ ถึงเวลาต้องบางแล้วล่ะ) มาแนบอก กดจมูกโด่งลงบนไหล่บาง“ขอบใจเจ้าจูเจียข้าไม่เคยได้รับคำปลอบใจเช่นนี้จากใครมาก่อน แม้ว่าข้าจะไม่บอกสิ่งใดกับเจ้า แต่เจ้ากับให้ความจริงใจกับข้าเพียงนี้”“มืดค่ำเพียงนี้ยังไม่พบ พี่สาวท่านพ่อเราจะทำอย่างไรดี” ท่านเฉินถอนหายใจ“เห็นจะต้องกลับไปที่บ้านก่อน พรุ่งนี้จึงเกณฑ์คนจากบ้านอื่นให้ช่วยหาพี่สาวเจ้ากับเสี่ยวซง”“แล้วพี่สาวจะเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่พบศพ ก็แปลว่าพี่เจ้ายังปลอดภัย”ซงหยางพูดขึ้นบ้าง“หาจนทั่วไปพบจริงอย่างท่านซงว่า ทั้งสองคนคงปลอดภัยดีพรุ่งนี้จึงจะค้นหาให้กว้างกว่านี้ข้าเชื่อว่า เสี่ยวซงจะต้องดูแลจูเ
“ท่านพ่อช่วยด้วยมีคนต้องการทำร้ายพวกเรา”จูจิ้นตะโกนขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าบิดา ท่านเฉินแบกจอม แบกคราดวิ่งตรงมายังซงหยางและจูจิ้น“ใครกัน ช่างบังอาจ ในไร่ของข้า จะมีใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้”“ท่านพ่อพวกมันมากันมาหลายคน ดีที่ข้าพาท่านลุงหนีมาได้พี่สาวจูเจียกับพี่ชายเสี่ยวซง ช่วยกันขว้างพวกมันไว้”“ท่านซงบาดเจ็บที่ไหนหรือไม่”“จูจิ้นพาข้าหนีออกมาได้ เสี่ยวซงกับบุตรีของท่านไม่รู้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง”“ฮูหยินตามคนมาช่วยออกตามหาจูเจียกัน จูจิ้นนำไป”คนทั้งหมดพากันเดินกลับไปยัง ที่พบมือสังหารอีกครั้งส่วนฮูหยินกำลังตามคนมาช่วย“ท่านพี่ระวังตัวด้วย จูจิ้นเจ้าดูแลท่านลุงดีดี”จูจิ้นยืดอกกลางป่า“เราสองคน ไม่มีใครเก่งเรื่องเดินป่าเลยใช่ไหม”แป๋มชักสงสัยทำไมเดินมาไกลขนาดนี้ ทั้งที่อุตส่าห์เดินกลับมาทางเดิมทำไมยังไม่เจอไร่เสียที ตอนวิ่งก็วิ่ง มาอย่างไม่คิดชีวิต“คงจะไม่อาจปฏิเสธว่าข้า ไร้ความสามารถเรื่องหาทางออกไม่ว่าจะเป็นออกจากปัญหาหรือออกจากป่า”“เราต้องออกไปได้น่า ไม่ต้องกลัวแป๋มเสียอย่าง”“แป๋ม”“อะเปล่า จูเจียเสียอย่าง”“เจ้ากลัวไหม”กุมมือสบตาหวานซึ้งแป๋มเบ้ปากเห็นว่าอยู่สองต่อสอง แบบนี้ตั้งใจจะ