เมื่อเดินมาที่หน้าห้อง ไม่รอช้าพ่อรีบเอื้อมมือไปจับลูกบิดทันดี แต่ประตูมันล็อกมาจากด้านในทำให้เปิดเข้าไปไม่ได้ “ทำไมห้องถึงล็อก ?” “คือว่า….อลิชเผลอล็อกไว้ตอนออกมาจากห้องน่ะค่ะ” “ไม่ใช่ว่าแอบซ่อนใครไว้ใช่ไหม” “มะ ไม่ใช่…” ฉันก้มหน้าลง แบบนี้พ่อต้องจับพิรุธได้แน่ๆ ยิ่งโกหกไม่เก่งด้วย พอถูกจี้ถามแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ไปไม่เป็น “ทำไมพ่อจะดูไม่ออกว่าลูกสาวตัวเองกำลังโกหก” เฮือก! ฉันว่าแล้วไงพ่อต้องจับได้แน่ๆ ปังๆ เสียงเพราะทุบประตูห้องดังลั่น พร้อมกับเรียกให้คนด้านในมาเปิดประตู “เปิดสิวะ ถ้าไม่เปิดฉันจะไม่ให้แกเจอหน้าลูกสาวฉันอีกแน่!!”“พ่อใจเย็นๆ….”“พ่อจะใจเย็นกว่านี้ถ้าลูกไม่โกหก” “อลิชไม่ได้โกหกนะคะ…..”แกร็ก! เมื่อสิ้นสุดคำพูดของฉันประตูห้องก็ถูกเปิดออก คุณคานส์ยืนนิ่งมองมาที่พ่อกับฉัน ทั้งที่เมื่อกี้ฉันเป็นคนพูดกับพ่อเองแท้ๆ ว่าไม่ได้โกหก คุณคานส์เปิดประตูห้องออกมาได้จังหวะจริงๆ พ่อไม่ได้โวยวายอะไร ไม่ได้ควักเอาปืนมายิงคุณคานส์อย่างที่ฉันคิด เพียงแต่ยืนนิ่งๆ มองเขา “ผม….” “ครั้งนี้แกจะมาหลอกอะไรลูกสาวฉันอีก ที่ผ่านมาแกยังไม่พอใจอีกหรือไง พวกฉันมันโง่ขนาดนั้นเลยใช่ไหม ฉัน
คุณคานส์มองหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วเข้มครู่ใหญ่จากนั้นก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “แต่งกับฉัน ? เธอหมายถึงเราจะแต่งงานกัน” ฉันพยักหน้าตอบ คุณคานส์ก็ถามต่อ “แบบว่าเธอ ให้อภัยฉันแล้ว ?”คุณคานส์กระโดดลงจากเตียง เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “เมียให้อภัยแล้วโว้ย!!!!” พอตะโกนเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ แล้วเอามาแนบไว้ที่หูเหมือนกำลังโทรหาใครสักคน “พ่อครับอลิชให้อภัยผมแล้วนะครับ พ่อได้ยินไหมเธอให้อภัยผมแล้ว” คุณคานส์พูดคำว่าฉันให้อภัยเขาแล้ววนไปมาจนนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นก็กดวางสาย “เอ๊ะ หรือจะยังไม่ให้อภัยดีคะ” ฉันแกล้งถาม คุณคานส์คว้าตัวฉันมาสวมกอดแน่น “พูดแล้วอย่ากลับคำ รู้ไหมว่าฉันดีใจมากขนาดไหน”คุณคานส์ถามด้วยน้ำเสียงที่คลายว่าเขากำลังจะร้องไห้“ร้องไห้หรอคะ” “เปล่าฉันไม่ได้ร้อง” คุณคานส์รีบปฏิเสธ แต่ฉันไม่เชื่อจึงดันกอดออก “ไหนดูสิว่าไม่ได้ร้องจริงๆ หรือเปล่า”พอผละกอดออกแล้วคุณคานส์ก็ก้มหน้าลง เขาไม่อยากให้ฉันเห็น “บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้อง”“ไม่ร้องก็เงยหน้าขึ้นมาสิคะ ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นอลิชจะโกรธนะ” สิ้นสุดคำสั่งของฉันคุณคานส์ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นแดงกล่ำ “ไหนบอกว่าไม่ อื้อ~” ยังไม่
นิ้วใหญ่ค่อยๆ ถูขึ้นลง เพียงสัมผัสแค่นี้ก็ทำให้สะโพกของฉันลอยขึ้นเหนือที่นอนได้ คุณคานส์ค่อยๆ ดันนิ้วสอดใส่เข้ามาภายในร่องแคบช้าๆ ข้างในมันคับแน่นและบีบรัด ทว่ามันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร มันรู้สึกเสียวมากกว่าคุณคานส์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดแฟรช จากนั้นก็เอาวางไว้ จากบรรยากาศภายในห้องที่มืดสนิทตอนนี้มองเห็นอะไรๆ ได้ชัดขึ้น “อ๊ะ ซี๊ด~” ฉันกำผ้าปูที่นอนแน่นพร้อมกับกัดริมฝีปากเพื่อระบายความเสียวซ่าน ในขณะที่นิ้วใหญ่ของคุณคานส์ค่อยๆ ชักเข้าออกภายในช่องแคบช้าๆ “คลอดเมื่อไหร่ฉันจะจับเธอกระแทกแรงๆ คอยดู” คำพูดนี้ที่คุณคานส์บอกราวกับว่าเขาเก็บกดมากๆ “ทะ ทำแบบนั้นอลิชก็เจ็บสิ อ๊า~”“ถ้าถูกกระแทกแรงๆ นอกจากจะไม่เจ็บแล้วเธอจะรู้สึกดีอีกต่างหาก” คุณคานส์บอกอย่างกับรู้ดีกว่าตัวฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าการถูกกระทำแรงๆ มันจะเป็นยังไง เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน จากที่นิ้วใหญ่ชักเข้าออกช้าๆ ตอนนี้เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ ความเสียวซ่านมันทำให้ฉันบิดเร้าตัวเองไปมาจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ไปหมด “ขอใช้ลิ้นนะ”“มะ ไม่ต้องค่ะ แค่นิ้วก็พอ อ๊าง~” ฉันร้องครางออกมาเสียงหลงเมื่อคุณคานส์ก้มใบหน้าคมคายลงมาใช้ลิ้น
เช้าวันใหม่ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าคุณคานส์กำลังเอามือลูบคลำแล้วพูดพึมพำคนเดียวตรงท้องของฉันอยู่ “ตื่นนานแล้วหรอคะ” “อืม ตื่นนานจนทำอาหารเช้าเตรียมไว้ให้เมียขี้เซาเสร็จแล้ว” ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาจะได้เถียงถูกว่าตัวเองไม่ได้ตื่นสาย แต่เมื่อเห็นเวลาที่จอโทรศัพท์แล้วก็ต้องตาโตขึ้น เพราะตอนนี้มันสิบโมงเช้าแล้ว ปกติฉันตื่นเช้ากว่านี้ “เมื่อคืนฉันคงกวนเธอมากไปหน่อย คืนนี้จะเบาๆ ลงนะ ^_^” สายตาของคุณคานส์นั้นไม่ธรรมดา เขามักจะแสดงอารมณ์และความต้องการออกมาชัดเจนผ่านแววตาคู่นั้น “ค…คืนนี้อะไร ไม่เอาแล้วค่ะอย่าหมกมุ่นเกินไปสิคะ” ฉันเบี่ยงตัวหนีคุณคานส์เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลำจะไม่ปลอดภัย “อะไรกัน แค่ครั้งเดียวมันพอที่ไหน” “แต่เมื่อคืนคุณคานส์ทำตั้งสามครั้งเลยนะคะ” ฉันเถียงกลับ มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าทำครั้งเดียวฉันจำได้ว่าคุณคานส์ทำมากกว่านั้น “คืนนี้ต่อแขนต่อขาให้ลูกไง ^_^” คุณคานส์ขยับตัวขึ้นมากอดรัดฉัน“ไม่ต้องแล้วค่ะ ลูกมีแขนมีขาครบแล้ว” ฉันดันคุณคานส์ออกแล้วลุกขึ้น “เดี๋ยวอลิชไปอาบน้ำก่อนนะคะ” “พอคุยเรื่องนี้ทีไรเธอชอบทำเมินตลอด” คุณคานส์ทำหน้างอตุบป่องอยู่บนเตียง ทำให้ฉันฉีกยิ้
“ลุกมาทำไม บอกให้นอนรอไง” คุณคานส์หันหน้ามาถาม “อลิชเห็นว่าลูกค้าเยอะเลยอยากจะช่วยน่ะค่ะ” ฉันหันมองพวกผู้หญิงที่ตั้งใจจะมาอ่อยคุณคานส์แล้วถาม “เอาเสื้อตัวไหนดีคะ หรือสนใจรองเท้า ?”“ขะ ขอเดินดูก่อนแล้วกันนะคะ” “ส่วนเบอร์พ่อค้าคงให้ไปไม่ได้ จะเอาเบอร์แม่ค้าไปแทนหรือเปล่าคะ ^_^”“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”ผู้หญิงบางกลุ่มเดินออกไปจากร้าน บางกลุ่มก็รีบเลือกเสื้อผ้ามาคิดเงินแล้วก็รีบไป ไม่มีใครกล้าสบตากับฉันเลยสักคนเดียว แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ “หึงฉัน ^_^”พอผู้หญิงออกไปจากร้านหมดแล้วคุณคานส์ถามแล้วก็ยิ้ม แต่สิ่งที่ฉันทำคือหยิกหลังเขาแรงๆ อย่างหมั่นไส้ “โอ้ยๆๆ อลิชเธอมาหยิกฉันทำไม โอ้ยๆ เจ็บพอได้แล้ว” คุณคานส์เบี่ยงตัวหนีพร้อมกับร้องออกมาเสียงหลง “ใครใช้ให้อ่อยผู้หญิงคนอื่นล่ะคะ” “อ่อยอะไรฉันแค่ยืนเฉยๆ นะ ไม่ได้ทำอะไรเลย” “ยืนเฉยๆ ให้ผู้หญิงลุมล้อมแบบนั้นชอบใช่ไหมล่ะ!!” “ก็ขายของไงอลิช ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ” “ไม่คิดแล้วทำไมไม่ถอยออกห่างสักนิดล่ะคะ ยืนใกล้จนนมแทบจะชนแขนอยู่แล้ว!!” “นมผู้หญิงพวกนั้นสู้นมเธอไม่ได้หรอก นมเธอใหญ่กว่าตั้งเยอะ” คุณคานส์กำลังพูดเอาอกเอ
“นอนลงไปค่ะทำไมพูดมากจัง ไหนบอกว่าจะยอมให้อลิชทำโทษไงคะ” ฉันออกคำสั่งแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ทำให้คุณคานส์ขมวดคิ้วยุ่งเหยิงอย่างคิดไม่ตก “เมียจ๋า” คุณคานส์เรียกฉันเสียงหวาน แต่น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นไม่สามารถทำให้ฉันใจอ่อนได้“จะนอนลงไปดีๆ ไหมคะ” ฉันพูดเสียงแข็งในเชิงข่มขู่ ทำให้ถูกคุณคานส์พูดค้อน “ซาดิสม์หรือไง”“เด็กดีของอลิชหายไปไหนแล้วนะ” ฉันหยิบเชือกขึ้นมาด้วยท่าทางที่ยั่วยวนคุณคานส์ถอนหายใจอย่างจำนนจากนั้นเขาก็นอนราบลงไป แก่นกายที่มันผงาดขึ้นนอนนี้ห่อเหี่ยวเหมือนต้นไม้ที่ขาดการรดน้ำเป็นเวลานาน “นอนคว่ำหน้าสิคะ” ฉันออกคำสั่งอีกครั้ง“เธอมีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเริ่มกลัวเมียตัวเองแล้วนะ” คุณคานส์บ่นพร้อมกับพลิกตัวนอนควำหน้าตามคำสั่งของฉันอย่างว่าง่ายฉันจับเอามือทั้งสองข้างของคุณคานส์มาไคว้หลังไว้แล้วเอาเชือกมัด ไม่ได้มัดแน่นมากหรอกเพราะฉันก็แค่อยากจะแกล้งเขา อยากจะแก้เผ็ดแค่นั้น อยากถูกทำโทษดีนักจะเอาให้เข็ด “คุณคานส์มีไฟแช็กไหมคะ” ฉันหยิบเทียนขึ้นมาแล้วถามคุณคานส์แต่เขาไม่ยอมตอบ คงจะรู้สินะว่าต้องเจอกับอะไร อย่างคุณคานส์เขาสูบบุหรี่ยังไงก็ต้องมีไฟแช็กติดตัวอยู่แล
หลายวันผ่านไป….ในขณะที่ฉันกำลังเก็บของเตรียมจะกลับบ้าน สายของแพรก็โทรเข้ามาฉันจึงหยุดพับผ้าแล้วหยิบโทรศัพท์มารับสายเพื่อน ( ว่าไงแก ขอโทษนะช่วงนี้ฉันยุ่งๆ เลยไม่ได้โทรถามแกเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ) ฉันพูดกรอกเสียงผ่านปลายสายไปด้วยความรู้สึกผิดที่พักหลังมานี้ไม่ได้โทรไปถามไถ่อาการของเพื่อนเลย ( ฉันดีขึ้นแล้วแหละมันก็เจ็บอยู่บ้างนิดหน่อย ที่โทรหาก็จะถามแกว่ากับคุณคานส์เขาดีกับแกดูแลแกดีใช่ไหม )( อื้อดีมาก ครั้งนี้ฉันคงไม่ตัดสินใจพลาดแล้วแหละ ) ( เห็นว่าแกมีความสุขฉันก็ดีใจด้วย อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ จัง )( อีกไม่กี่เดือนก็คลอดแล้ว ฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ) ฉับบอกพลางลูบที่ท้องของตัวเองไปด้วย ตัวเล็กในท้องเริ่มมีปฏิกิริยาดิ้นสู้แล้วเดี๋ยวนี้บ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อน ( แล้วที่ฉันให้แกไปดูอลันที่ห้องได้ไปหรือเปล่า ทำไมน้องชายตัวดีของฉันถึงเงียบไม่ติดต่อมาเลย โทรไปก็ไม่รับสาย) ฉันบ่นยาวเหยียด พอคิดถึงอลันมันก็รู้สึกเป็นห่วง ที่เป็นห่วงก็เพราะว่าเขาโลกส่วนตัวสูงเกินไป ฉันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องชายตัวเองเลยด้วยซ้ำ ( อะ อื้อฉันไปบอกแล้ว น้องแกไม่ติดต่อไปบ้างหรอ ) ( เงียบไปเลย เดี๋ยวฉัน
ฉันทำหน้ามุ้ยใส่พ่อ ก่อนจะพาคุณคานส์เอาของเข้ามาเก็บในห้อง “ดูไม่ออกหรอคะว่าพ่อกำลังแกล้งคุณคานส์อยู่” เมื่อประตูห้องนอนปิดสนิทฉันก็รีบถามคุณคานส์ทันที “ดูออกสิ” “แล้วจะตกลงทำไมล่ะคะ กระท่อมท้ายสวนไม่มีไฟนะ แถมยุงก็เยอะ” “แล้วมีคนเคยไปนอนที่นั่นหรือเปล่า ?”“มีค่ะ เขาจะใช้เครื่องปั่นไฟเอาแต่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูเก็บผลไม้เลยไม่มีใครไปนอนเฝ้า เครื่องปั่นไฟก็เอามาเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้” “คนอื่นอยู่ได้ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้” คุณคานส์ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ “ถ้าคุณคานส์ไปนอนที่แบบนั้นอลิชจะนอนหลับได้ยังไง” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจากนั้นก็สวมกอดเขา “ไปอาบน้ำด้วยกันไหม ?” คุณคานส์ก้มหน้าลงมาถามทำให้คนฟังอย่างฉันถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว “แค่อาบน้ำหรือเปล่าคะ” ที่ถามย้ำก็เพราะว่ากลัวว่าถ้าตอบตกลงไปแล้วมันจะไม่ใช่แค่การอาบน้ำเฉยๆ นะสิคุณคานส์เอาฝ่ามือใหญ่มาวางทาบบนหน้าท้องของฉันแล้วพูดเสียงหวาน “แค่อาบน้ำครับ” “งั้นคุณคานส์เข้าไปรออลิชในห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวอลิชตามเข้าไป ^_^” ริมฝีปากหนากดจูบลงมาบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา “รีบๆ ตามเข้ามานะ” ฉันผละกอดออกปล่อยให้คุณคานส์เ