พั่ก! พั่ก! พั่ก!"อึกอ๊า อ๊า อะ ออสติน เบาแรงหน่อย มันจุก! ฮึกอ๊า!" ช่องทางแคบของเธอถูกกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วง โดยที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะเบาแรงลงเลย "อืม...มันหงุดหงิดทุกครั้ง อ่า...ที่ได้เห็นชุดนี้ของพี่!" "อึก...ขอร้องออสติน ทำเบากว่านี้หน่อย" เพี๊ยะ! "อ๊า!" ก้นสวยถูกฟาดด้วยมือของเขาอย่างแรง แน่นอนว่ามันทำให้เธอรู้สึกแสบไปพร้อมๆ กับตรงจุดเชื่อมต่อที่กำลังถูกกระแทกเข้าออกอย่างหนักหน่วง ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยที่ถูกเขาทำเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและไม่ต้องการให้ใครได้เห็นเรือนร่างที่เขาเป็นเจ้าของ "แฮ่ก...พี่ครับอึก..." "ออสตินฉันจะเสร็จแล้ว อ๊ะอ๊า!" "เสร็จพร้อมกันนะครับพี่ อ่า.." เอวหนาสาวกระแทกหนักๆ ก่อนที่ช่องท่อนเอ็นอวบจะกระตุกถี่ๆ พร้อมกับปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในถุงยางที่สวมใส่อยู่ และทิ้งตัวหนักๆ ลงไปบนร่างของเธอ "อืม...พอได้หรือยัง" "ทำไมรีบพอขนาดนั้นล่ะครับ หืม..." "นายทำแรงเกินไปแล้วนะออสติน" "ก็ผมหวงพี่นี่นา" "อือ ลุกออกไปได้แล้ว""อืม..." ร่างหนายอมลุกออกไปจากตัวของหญิงสาว ก่อนที่เขาจะดึงถุงยางออกไปจากแก่นกายของตัวเองพร้อมกับชักรูดให้มันแข็งตัวขึ้
เวลาต่อมา ขณะที่ออสตินกำลังขับรถพาน้ำผึ้งไปยังบ้านของพ่อและแม่เพราะถูกเรียกตัวด่วน โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้สาเหตุการถูกเรียกตัวไป แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก "มันจะมีอะไรหรือเปล่านะออสติน""ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลยครับ แม่ของผมชอบพี่ซะขนาดนั้น" "แต่มันก็น่าแปลกนี่ อยู่ดีๆ แม่ของนายก็มาเรียกตัวกะทันหันแบบนี้ เป็นใครก็ต้องตกใจหรือเปล่าล่ะ" "ไม่มีอะไรหรอก ต่อให้จะมีผมก็จะปกป้องพี่เอง" น้ำผึ้งเก็บความสงสัยให้มันคลุมเครืออยู่ในใจของตัวเองจนกระทั่งออสตินขับรถมาถึงยังบ้านของพ่อแม่เขา "แม่ครับพ่อครับเราสองคนมาแล้วครับ" "มาแล้วหรอนั่งลงกันก่อนสิ" "มีอะไรหรือเปล่าครับทำไมถึงเรียกมาด่วนขนาดนี้ล่ะครับ""แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับเราสองคน" "???" ออสตินและน้ำผึ้งหันมองหน้ากันด้วยความงงและสงสัย เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ของออสตินพูดเลย "ยังไงก็มาถึงขั้นนี้แล้วนะ แม่อยากให้เราสองคนหมั้นหมายกัน" "มะ แม่พูดจริงหรอครับ?""หน้าฉันมันดูเหมือนคนพูดเล่นขนาดนั้นเลยหรือไง?""ปะ เปล่าครับ แค่ตกใจน่ะครับ ที่จู่ๆ แม่ก็อยากให้เราสองคนหมั้นหมายกัน" "หรือว่าแกไม่อยากหมั้นกับหนูน้ำผึ้งเขาล่ะ?" "อยะ อ
กลางดึกวันงานหมั้น "ออสตินอย่าเพิ่งสินายยังไม่ได้ใส่ถุงยางเลยนะ!" ฉันรีบเอ่ยค้านขึ้นมา เมื่อเห็นว่าออสตินยังไม่ได้ใส่ถุงยางแต่จะใส่ท่อนเอ็นของตัวเองเข้ามาในตัวของฉันแล้ว "แต่เราหมั้นกันแล้วนะครับไม่ต้องใส่ไม่ได้หรอ" ออสตินทำหน้าออดอ้อนใส่ฉัน แต่ฉันยังไม่อยากมีลูกตอนนี้ ครั้งก่อนฉันเคยท้องแล้วแท้งฉันเลยไม่กล้าที่จะมีลูกอีก "ไม่ได้นะออสติน" "....." เขาทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเลื่อนเปิดลิ้นชักแล้วหยิบถุงยางออกมากล่องนึง สวบ!"อึกอ๊ะ!" "อึก...ข้างในแน่นเป็นบ้าเลยพี่""อืม...เบาหน่อยสิ ฉันจุกนะ!" "....." ออสตินไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเขากำลังทำหน้าเหยเก "เอาไว้ให้ถึงวันที่เราแต่งงานกันก่อนนะออสติน" "ครับ แต่ทำไมพี่ถึงยังกลัวล่ะ""ฉันเคยแท้งมาครั้งนึงฉันก็เลยกลัวน่ะ" "ถ้าอย่างนั้นผมจะนัดอาจารย์หมอแล้วเราไปพบหมอด้วยกันนะครับจะได้ปรึกษาเรื่องร่างกาย" "อื้ม..." สิ้นสุดคำพูดของเราสองคนบทรักก็เกิดขึ้นต่อหลังจากนั้น ฉันพยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้เพราะกลัวว่าเสียงครางมันจะดังไปเกินแล้วทำให้คนข้างนอกได้ยิน ถึงออสตินจะบอกว่าห้องนี้เก็บเสียงแต่ใครจะไปกล้าเสียงดังไปล่ะนี่มันบ้านของพ่อแม่เขานะ "อึก
สายๆ ของวันหนึ่ง ตู๊ด~ ตู๊ด~ ( ครับพี่โทรมาหาผมแบบนี้คิดถึงผมใช่ไหมล้า ทนคิดถึงผมอีกสักนิดนึงนะครับ เดี๋ยวผมก็เลิกงานแล้วจะกลับไปหอมไปฟัดให้ชื่นใจเลย )"ฮ่วย! ฉันแค่จะโทรมาบอกนายว่าฉันจะออกไปข้างนอกสักครึ่งวันนะ ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาทำกับข้าวตอนเย็นให้นายทันหรือเปล่า เดี๋ยวยังไงฉันจะโทรบอกอีกทีก็แล้วกัน"( อ่าว พี่จะไปไหนหรอครับ )"จะไปที่บ้านหลังเก่าน่ะ พอดีนายหน้าที่ฉันเอาที่บ้านไปฝากขายเขาโทรมาให้ไปตกลงกันเรื่องเงินค่าที่น่ะ เห็นว่ามีนายทุนมารับซื้อแล้วแต่ต้องไปตกลงราคากับเขาอีกทีนึง"( ให้ผมพาไปไหม )"ไม่เป็นอะไรหรอกแค่นี้เองฉันไปได้อยู่แล้ว นายทำงานของนายไปเถอะไม่ต้องลำบากพาฉันไปหรอก" ( เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่อย่าไปอยู่นานนะครับ เดี๋ยวผมคิดถึง ) "นายก็นี่นะ เดี๋ยวกลับมาก็ได้เจอกันแล้ว แค่นี้ก่อนล่ะฉันจะรีบออกไปแล้วเดี๋ยวมันจะสาย" ( ค้าบ ) ที่ต้องโทรบอกออสตินก่อนเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงหากเธอออกไปไหนแล้วไม่ได้บอกกับเขาล่วงหน้า เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องออกไปจัดการเรื่องนี้นานหรือเปล่า อย่างน้อยเขาก็จะได้รับรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ที่คอนโดแต่ออกไปทำธุระข้างนอก .........
ปัก! ปึก! เพี๊ยะ! เสียงนี้คือเสียงที่ฉันกำลังโดนใครก็ไม่รู้ทำร้ายร่างกายอยู่โดยที่ฉันถูกจับมัดและปิดตาเอาไว้ แต่เท่าที่ดูจากแรงและฝ่ามือที่ไม่ได้หยาบกร้านมันทำให้ฉันรู้ว่านี่เป็นฝ่ามือของผู้หญิง แต่ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงมันก็ทำเอาฉันทั้งจุกทั้งเจ็บหน้าไปหมด เพราะฉันไม่ได้โดนตบหน้าเพียงอย่างเดียวฉันโดนเตะที่ท้องไปตั้งหลายครั้งจนจุกแทบจะลุกไม่ขึ้น "อึก...แค่กๆๆๆ" พรึ่บ! ทันทีที่ผ้าสีดำถูกเปิดออกฉันก็พยายามมองคนตรงหน้าให้ชัด แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามมองเท่าไรฉันก็เหมือนจะไม่รู้จักคนคนนี้เลย "เป็นยังไงบ้างล่ะรู้รสมือของฉันบ้างหรือยัง" "เธอเป็นใคร..." ฉันถามออกไปเสียงแหบเพราะจุกท้องจนพูดแทบไม่ออก "ยังไม่รู้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะตบจนกว่าเธอจะรู้ก็แล้วกัน" เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ฉันถูกตบอีกหลายครั้งโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะโต้ตอบหรือต่อสู้เลยเนื่องจากถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา จึงทำได้เพียงยอมปล่อยให้เธอคนนั้นทำแบบนั้นต่อไป "นึกให้ออกสิว่าเธอไปทำอะไรให้คนอื่นเขาต้องเดือดร้อนบ้าง!" "อึก...ฉันไม่รู้" "เฮอะ! งั้นก็โดนตบจนกว่าจะรู้ก็แล้วกันนะ" "พอได้แล้ว!" เสียงของผู้ชายมันดังขึ้นมาก่อนที่เจ้าของเส
แกร๊ก~ "อือ..." เพราะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามามันจึงทำให้ฉันสะดุ้ง ไม่ว่าจะเสียงอะไรในตอนนี้มันก็ทำเอาฉันผวาไปหมดแล้ว เมื่อไหร่ฉันจะหลุดออกไปจากขุมนรกบ้าๆ นี่สักที หรือถ้าหลุดออกไปไม่ได้ฉันก็ขอตายดีกว่าต้องมาทรมานอยู่แบบนี้ "ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วอย่าทำตัวสำออย!""....." คำถามของผู้หญิงคนนี้ถ้าฉันมีแรงมากพอที่จะหัวเราะฉันก็คงหัวเราะไปนานแล้ว สภาพของฉันถูกมัดมือไขว้หลังเท้าทั้งสองข้างก็ถูกมัดติดกันได้แต่นอนหายใจโรยรินอยู่กับพื้น หมับ!"อ๊ะ!" ฉันถูกจิกหัวขึ้นแล้วถูกลากไปนั่งพิงกับกำแพงเพราะไม่สามารถประคองตัวเองให้อยู่ได้ "เมื่อไหร่ผัวแกมันจะเอาเงินมาให้สักทีนะ หรือว่าแกมันไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาจริงๆ ส่งข่าวไปบอกตั้งแต่ตอนไหนละนี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อกลับมา" "....." "กินข้าวกินปลาซะก่อนที่จะตาย ฉันยังอยากได้เงินก่อนหลังจากที่ฉันได้เงินแล้วแกจะตายหรือจะอยู่ฉันก็จะไม่สน!" "อึก...ถามจริงนะผู้หญิงด้วยกันต้องทำกันขนาดนี้เลยหรอ" ฉันพยายามกลั้นใจพูดออกไปถึงแม้ตัวเองจะยังเจ็บมากก็ตาม "ก็มันเพราะแกไงที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้!" "ไม่คิดบ้างหรอว่าที่ต้องเป็นแบบนี้มันก็เป็นผลมาจากการกระทำ
ตกดึก...พอตกดึกอากาศมันก็เย็นยะเยือกเข้ามาจนฉันรู้สึกเหน็บหนาวเข้ากระดูก ฉันพยายามอดทนเพื่อที่จะไม่เรียกร้องอะไรจากคนพวกนั้น ฉันถูกขังเอาไว้ในห้องเพียงลำพังแต่การไม่อยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นแต่ฉันกลับรู้สึกเคว้งคว้างและทรมานมากกว่า ยิ่งในหัวมีคำพูดของอดีตสามีลอยเข้ามาตลอด มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกทรมานกับตัวเอง ทั้งที่ตอนนั้นฉันเสียใจและโทษตัวเองมาโดยตลอดเพราะคิดว่าตัวเองคิดแต่พอได้มารู้ความจริงแบบนี้แล้วมันกลับทำให้ฉันเจ็บยิ่งขึ้นกว่าเดิม รู้สึกทรมานสิ้นดี ทำไมต้องทำกับฉันขนาดนี้ด้วย ไม่อยากมีลูกบอกกันมาตรงๆ เพราะฉันก็จะเป็นคนเลี้ยงลูกเองไม่ไปรบกวนหรือวุ่นวายกับเขา "ฮึก...ฉันอยากให้เขาได้รับผลกรรมที่เขาทำจริงๆ ฉันสงสารลูกที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับพ่อแบบนี้" ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ใช่คนผิดแต่ทำไมฉันต้องมานั่งรู้สึกผิดต้องมานั่งจมทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนตัวคนที่ทำผิดคนที่เป็นต้นเหตุของความสูญเสียนี้กลับไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าเขาเย็นชาขนาดนี้ได้ยังไงกัน ................"เฮ้ย เฮ้ย ตื่นดิวะตายไปแล้วหรือไง!" "เฮือก!" ฉันผวาตื่นเพราะเสียงเรีย
"เฮอะๆ ฮ่าๆ ยอมมาจริงๆ ด้วยว่ะไหนล่ะเงิน?" ชาญชัยหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อได้เห็นออสตินลงมาจากรถ "ฉันต้องได้เห็นพี่น้ำผึ้งก่อน" "เฮ้ย...มึงอย่าคิดจะมาเล่นตุกติกกับกูนะ ผู้หญิงของมึงอยู่กับกู" "ก็ไม่ได้เล่นตุกติกเห็นไหมว่าไม่ได้พาใครมาด้วย เงินอยู่ในรถ..." พอสิ้นคำพูดของออสตินลูกน้องสองคนก็เดินอ้อมไปเพื่อที่จะเปิดประตูรถแต่ออสตินรู้ตัวจึงรีบกดรีโมทล็อคประตูเอาไว้ก่อน "เงินจะถึงมือก็ต่อเมื่อฉันได้เห็นพี่น้ำผึ้งแล้วเท่านั้น" "อยู่ข้างในโน่น""....." ออสตินรีบเข้าไปด้านในเพื่อตามหาแฟนสาวของเขา จนได้เจอกับห้องห้องนึงที่ถูกล็อคจากด้านนอก เขารู้ในทันทีว่าน้ำผึ้งต้องอยู่ในห้องนี้แน่ "เปิดประตู""......" เด็กวัยรุ่นสองคนมองหน้ากันแบบลังเล เพราะหากเขาได้เห็นสภาพของหญิงสาวในตอนนี้คงได้ตกใจแน่เพราะเธอทั้งตัวเขียวช้ำไปหมดแถมยังมีไข้อีกต่างหาก "ก็บอกให้มาเปิดประตูไงจะไม่เอาใช่ไหมเงินน่ะ?""อะ เอาดิ มึงไปเปิดเลย""เอากุญแจรถมาก่อนดิ" "ก็เปิดประตูให้ฉันได้เห็นพี่น้ำผึ้งก่อนสิ" "เออๆ ก็ได้วะ" ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกจนได้เห็นร่างของหญิงสาวนอนอยู่บนพื้น ร่างกายสะบักสะบอมเนื้อตัวเขียวช้ำไม
สามปีต่อมาในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาฉันกับออสตินคอยช่วยกันเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี มันก็มีบ้างที่คนเราจะต้องเหนื่อย และมันก็มีบ้างที่เราจะมีปากเสียงกันแต่สุดท้ายแล้วเราก็เลือกที่จะปรับความเข้าใจกันเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะอยู่ด้วยกันแล้วจะมีความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกันและมีปากเสียงกันบ้าง แต่พอเราลองถอยกันคนละก้าวและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมามันก็ทำให้เราสองคนเข้าใจกันปรับความเข้าใจกันมันเลยไม่มีการทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนี้ฉันกำลังท้องลูกคนที่สองได้ห้าเดือนแล้วเป็นผู้หญิง ตอนแรกออสตินก็ไม่กล้าที่จะให้ฉันท้องอีกเพราะกลัวว่าฉันจะต้องเจ็บ รายนั้นกลัวฉันเจ็บมากๆ ถึงขั้นมีความคิดที่จะไปทำหมันตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีลูกอีกฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บอีกทั้งที่ตัวเองคิดเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะมีลูกอีกหลายๆ คนลูกจะได้ไม่เหงา สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องปลอบใจและอธิบายให้เขาเข้าใจจนเขาล้มเลิกความคิดที่จะไปทำหมัน และตอนนี้ออสก้ากำลังเข้าเรียนในชั้นเตรียมอนุบาล ออสตินจะขับรถไปส่งทุกๆวันพอเลิกงานก็จะแวะรับลูกชายกลับมาด้วยเพราะงั้นฉันเลยไม่ได้ต้องวุ่นวายตรงนี้ ตอนเช้าตื่นมาออสตินก็จะเป็นคนจัดแจงอาบน้ำแต่งตัว
เวลาต่อมา ตอนนี้ฉันคลอดลูกแล้วและก็กลับมาอยูที่บ้านแล้วด้วย ลูกตัวใหญ่แต่ก็คลอดออกมาเองได้เพราะร่างกายของฉันแข็งแรงพอที่จะคลอดเองได้ ก่อนหน้านั้นออสตินเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เพราะก่อนจะคลอดฉันมีอาการปวดที่เรียกว่าปวดสุดๆ ปวดจนหน้าซีดไปหมด ปวดจนตัวบิดงอ มันเหมือนร่างกายมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เขาว่ากันว่าการคลอดลูกของผู้หญิงมันเจ็บปวดที่สุดแล้วเพิ่งจะเข้าใจก็วันนี้นี่แหละ “เฮ้อ…”“เจ็บแผลหรือเปล่าครับพี่”“ไม่หรอก ไม่เจ็บแล้ว” ฉันตอบ พอคลอดเสร็จแล้วพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลสองวันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ เพราะร่างกายมันฟื้นตัวได้เร็วกกว่า ลูกของฉันเองก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีเลยกลับบ้านได้พร้อมกับฉันเลย ตอนนี้ก็ได้แม่บ้านกับออสตินคอยดูแลอยู่ฉันเลยได้มีเวลาพักฟื้นตัวเอง เขาไม่ยอมให้ฉันได้หยิบจับอะไรเลยนอกจากนอนดูพวกเขาช่วยกันเลี้ยงลูกนิ่งๆ “คุณหนูน้อยเลี้ยงง่ายจังเลยค่ะ ไม่ร้องงอแงเลย” “ดีแล้วค่ะที่เลี้ยงง่าย ถ้าแกเลี้ยงยากทุกคนคงต้องเหนื่อยเพิ่มกันแน่ๆ เลยค่ะ” “พี่ครับ..ผมพาขึ้นไปพักไหมครับ”“ไม่เป็นอะไรหรอก ให้ฉันได้นั่งรับลมอยู่ข้างล่างนี่แหละ ตอนเย็นๆ ว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย เหมือนจ
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
ออสติน Talk "จะเข้ามากอดอะไรขนาดนั้น""....." พอพี่น้ำผึ้งพูดผมก็รีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ตอนนี้ผมกำลังเอาหูแนบฟังลูกที่กำลังดิ้นอยู่ในท้อง ถึงแม้ตอนที่ผมเข้ามาสัมผัสแกจะไม่ดิ้นเลยก็เถอะ แต่ผมก็จะรออยู่แบบนี้จนกว่าจะได้เห็นว่าลูกดิ้นเป็นแบบไหน พี่น้ำผึ้งบอกเสมอว่าลูกชอบดิ้นตอนกลางคืนจนทำให้พี่แกนอนไม่ค่อยหลับบวกกับท้องที่ใหญ่ขึ้นด้วย ผมมักจะรอดูว่าลูกจะดิ้นตอนไหนแต่ทุกครั้งก็ต้องเผลอหลับไปเพราะเหนื่อยจากการทำงานมาแล้ว "พี่หนักท้องไหม?""ก็มีบ้าง ท้องฉันมันโตขึ้นตั้งเยอะ จะบอกไม่หนักเลยก็แปลกสิ" "อืม..." ท้องใหญ่ๆ ของพี่น้ำผึ้งเริ่มมีรอยแตกลาย คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องบางคนที่พอหน้าท้องขยายแล้วก็จะมีรอยแตกแบบนี้ ผมไม่ได้มองว่ามันน่าเกลียดเลย กลับกันผมรู้สึกสงสารพี่น้ำผึ้งด้วยซ้ำที่ต้องยอมเสียสละร่างกายยอมตัวแตกลายเพื่ออุ้มท้อง ที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงมักจะเสียเปรียบผู้ชายมันคงจะจริงสินะเพราะผู้ชายไม่สามารถท้องได้ ไม่สามารถเป็นประจำเดือนได้ "ทำไมนายชอบจูบท้องฉันนักล่ะ""จูบเพราะแสดงความรักกับลูกแล้วก็จูบเพราะผมอยากจูบ" ".....""พี่ครับ...ถ้าคลอดลูกคนนี้แล้ว พี่ไม่อยากม
เวลาต่อมา ออสตินคอยดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะลุกจะเดินหรือจะทำอะไรเขาจะเป็นคนจัดการให้ทุกครั้ง ออสตินดูแลฉันอยู่เป็นอาทิตย์หลังจากนั้นเขาก็กลับไปทำงานต่อเพราะเขามั่นใจแล้วว่าอาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไรและที่บ้านก็ยังมีแม่บ้านคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วย แต่ออสตินก็ยังจะกลับบ้านเร็วกว่าปกติ บางครั้งก็จะกลับมาในช่วงเที่ยงๆ ไม่ได้กลับไปทำงานต่อ ออสตินทั้งทำงานไปด้วยดูแลฉันไปด้วย จนบางครั้งฉันก็แอบห่วงสุขภาพของเขาเหมือนกัน อาการแพ้ท้องของฉันมันไม่ได้หนักหนาอะไร ฉันไม่ได้อาเจียนจนกินอะไรไม่ได้ จะมีก็แค่รู้สึกเวียนหัวบ้างเป็นบางครั้ง ออสตินสั่งห้ามฉันทำงานทุกอย่างไม่ว่าจะงานเล็กงานน้อย และเขาก็สั่งกำชับกับแม่บ้านเอาไว้อย่างดีเลยด้วย ฉันแอบไม่ได้หรอกเพราะเรื่องนี้แม่บ้านก็เห็นด้วยกับออสตินไม่มีใครเห็นด้วยกับฉันเลย "ผมกลับมาแล้วครับ" "วันนี้กลับเร็วอีกแล้วนะ" "ก็กลับมาดูแลพี่ไงครับ" "นายเองก็พักบ้างสิดูแลแต่ฉัน แต่ตัวนายไม่ได้พักเลยแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ" "พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดเลยครับ ภรรยาของผมกำลังท้องลูกของผมอยู่สามีอย่างผมก็ต้องดูแลภรรยาอย่างเต็มที่สิครับ""แต่นายก็
ออสติน Talk ตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมขับรถกลับมาที่บ้านตามปกติเหมือนอย่างเคย บางวันผมก็ขับรถเอง วันไหนเหนื่อยขี้เกียจขับรถก็จะมีคนขับรถค่อยขับรถไปส่งที่บริษัท แต่วันนี้ผมขับรถกลับมาเอง "พี่ค้าบ..." พอกลับมาถึงสิ่งที่ผมทำอย่างแรกเลยคือการได้อ้อนพี่น้ำผึ้ง ผมชอบเข้าไปกอดเธอหอมแก้มเธอ การได้ทำแบบนี้มันทำให้ผมหายเหนื่อยจากที่ทำงานมาเป็นปลิดทิ้งเลย "วันนี้เหนื่อยไหม""เหนื่อยครับ แต่พอเห็นหน้าพี่แล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ""อ้อนเก่งนักนะนายเนี่ย" "ผมขอชาร์จแบตหน่อย" "หิวหรือยัง กินข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำก็ได้จะได้พักทีเดียวเลย""ครับ" ทุกๆ อย่างมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย ผมกลับมาจากที่ทำงานกินข้าวพร้อมกับพี่น้ำผึ้งแล้วก็ขึ้นไปนอนด้วยกัน เราสองคนไม่ได้เที่ยวที่ไหน กลับกันเราใช้ชีวิตดั่งเช่นสามีภรรยาทั่วไปมากกว่า พี่น้ำผึ้งเธอจะคอยทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ทำอาหารไว้รอผมในทุกๆ วัน มันอาจจะไม่ได้พิเศษอะไรในสายตาของคนอื่นแต่ในสายตาของผมการได้เห็นหน้าพี่น้ำผึ้งในทุกๆ วันได้พูดคุยกับเธอได้บอกรักเธอมันเป็นวันที่แสนพิเศษสำหรับผมมากที่สุดเลย เพราะงั้นผมถึงได้คิดว่าทุกๆ วันที่ผมตื่นมาแล้ว
ตอนเช้าวันถัดมา “ผมไปก่อนนะครับพี่ เลิกงานแล้วจะรีบกลับมานะครับ”“อื้ม อย่าหักโหมล่ะ พักเที่ยงก็กินข้าวด้วยห้ามอดนะ เข้าใจไหม”“เข้าใจแล้วค้าบ” “ไปเถอะ” ฉันยืนมองออสตินเดินออกไปขึ้นรถ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านใน รีบขึ้นไปด้านบนทันทีเพราะฉันมีสิ่งที่ต้องทำ นั่นก็คือตรวจครรภ์ว่าตัวเองกำลังท้องจริงๆ หรือเปล่า ฉันรีบหยิบซองยาที่แอบให้แม่บ้านไปซื้อมาให้เมื่อเช้าเข้าห้องน้ำไป ก่อนจะรีบจัดการตรวจตามที่ตัวเองพอจะรู้ และก็นั่งรอผลตรวจอยู่ห้านาที ในที่สุด…ผลตรวจก็ออกมา ปรากฏว่าฉันกำลังท้องจริงๆ แม้ที่ตรวจครรภ์จะขึ้นสองขีดจางๆ แต่ฉันก็มั่นใจ เพราะอาการที่ฉันกำลังเป็นอยู่มันก็คล้ายกับคนท้องมากจริงๆ ฉันคงต้องรีบไปฝากท้องสินะ เพื่อที่จะได้เอาสมุดตรวจครรภ์มายืนยันความจริงว่าฉันกำลังท้องจริงๆ ไม่ใช่แค่ลมปาก “คุณน้ำผึ้งจะออกไปไหนคะ?”“จะไปโรงพยาบาลน่ะ บ่ายๆ ถึงจะกลับมานะ ห้ามใครบอกออสตินล่ะว่าฉันไปไหน”“ผลตรวจเป็นยังไงคะ ใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า”“…..” แม่บ้านทุกคนต่างยืนมองฉันด้วยสีหน้าที่รอลุ้นคำตอบจากฉัน พวกเขาดูตื่นเต้นกันมากเลยนะเนี่ย “ค่ะ มันขึ้นสองขีด แต่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกทีน่ะค่ะเพ
ผ่านมาได้เดือนกว่าๆ “อืม…” ฉันนั่งกุมขมับตัวเองเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ มันรู้สึกมึนๆ จะเวียนหัวก็ไม่เชิง อาการพวกนี้ฉันเป็นมาได้สองสามวันแล้ว แต่ก็คิดว่าเพราะนอนไม่ค่อยหลับด้วยหรือเปล่าเลยเป็นแบบนี้ แต่มันก็เป็นค่อนข้างหนักเพราะมันทำให้ฉันทำงานบ้านอะไรไม่ได้เลยจึงต้องทิ้งงานบ้านทุกอย่างให้แม่บ้านทำทั้งหมด "คุณน้ำผึ้งคะ รับน้ำหวานเย็นๆ สักแก้วไหมคะเผื่อจะดีขึ้น" "อ่า ก็ดีเหมือนกันค่ะ" "ถ้างั้นรอสักครู่นะคะ" ฉันนั่งรออยู่ได้ไม่นานแม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำหวาน "ถ้าอาการไม่ดีขึ้นคุณน้ำผึ้งไปหาหมอดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวดิฉันโทรหาคุณออสตินให้" "ไม่ต้องๆ ห้ามบอกเรื่องนี้กับออสตินเด็ดขาด" "....." "ฉันไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง แค่งานที่บริษัทของเขาที่ต้องทำมันก็เยอะมากแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคงเพราะนอนดึกตื่นเช้าด้วยก็เลยเพลียๆ""งั้นก็ขึ้นไปนอนพักเถอะค่ะไม่ต้องห่วงงานบ้านหรอก เดี๋ยวดิฉันกับพวกแม่บ้านจะช่วยกันทำให้เสร็จเองค่ะ""ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง" ฉันกลับขึ้นไปนอนบนห้องตามที่แม่บ้านบอกจริงๆ แต่สุดท้ายก็ยังนอนไม่หลับเหมือนเดิม ฉันพยายามข่มตาให้นอนหลับแล้ว แต่ดูเ
พั่ก! พั่ก! พั่ก!แก่นกายใหญ่กระแทกเข้าออกช่องทางรักอย่างหนักหน่วง ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านไปตามแรงกระแทก พร้อมกับเปล่งเสียงร้องครางออกมาไม่ยอมหยุด สายตาของเธอพร่ามัวแทบมองสิ่งตรงหน้าไม่ชัดแล้ว ยิ่งถูกกระแทกแรงขึ้นก็ยิ่งทำให้เธอร้องครางออกมาเสียงดังมากขึ้น ทว่าเธอต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่อยู่นอกระเบียงด้านนอกซึ่งเสียงครางที่ดังออกมามันอาจจะทำให้คนได้ยินได้ “อึก..อ๊ะอ๊ะ อึ๊อื้ม…” มือเรียวปิดปากของตัวเองไว้แน่น เพราะหากมือหลุดไปเสียงอาจจะเล็ดลอดออกมาได้ “อืม…มันดีมากเลยนะครับพี่ อึก..ผมจะคลั่งให้ได้อยู่แล้วครับ” ออสตินพูดกระซิบเสียงแผ่วข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ ที่ถูกพ่นออกมาพร้อมกับคำพูดเสียงกระเส่ามันทำเอาเธอขนลุกซู่จนเบิกตาโพลง “ละ ลึกไป ออสติน…เฮือก!!” หญิงสาวตาเบิกโพลงเมื่อช่องทางรักมันคับแน่นจนรู้สึกได้ตรงท้องน้อย เขากดท่อนเอ็นเข้ามาลึกมากและปลดปล่อยน้ำกามเข้ามาในท้องของเธอจนรู้สึกอุ่นวาบในทันที ร่างหนาทิ้งตัวลงนอนทับร่างของภรรยาสาวพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่ ในขณะที่เธอเองก็เหนื่อยและหมดแรงไม่ต่างกัน แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาคงไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่