ปัจจุบัน
@กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย
“หนิง เสร็จจากเบรกฟาสต์แล้วขึ้นไปหาคุณทิมด้วยนะ” เสียงของผู้จัดการชายคนเก่งบอกกับพนักงานสาวด้วยความสนิท นันนลินทร์กลับมาไทยหลังจากที่หางานในดูไบไม่สำเร็จ นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วที่หล่อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ไทยด้วยตัวคนเดียว
คุณทิม หรือ ธาฎา ชายหนุ่มเอเชียคนนั้นที่หล่อนเคยเจอเขาในลิฟท์ แท้ที่จริงพอกลับมาไทยหล่อนได้เข้ามาทำงานในโรงแรมแบรนด์เดียวกันกับที่เคยพักอาศัยในดูไบคืนนั้น
และเจ้าของแบรนด์ในเครือคือเขา...
“คุณทิมมาเหรอคะ? เห็นช่วงนี้พี่แหม่มบอกว่าเขายุ่งงานที่บริษัทนี่”
แม้ในใจจะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาดีกว่าใคร ทว่าก็ต้องแสร้งถาม ทำเป็นไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของโรงแรม
“ไม่รู้สินะ อ่อ! อย่าลืมกาแฟกับอาหารเช้าของคุณทิมด้วยล่ะ เขาโทรมาสั่งเมื่อกี้”
“ค่ะ”
หญิงสาวน้อมรับคำสั่งจาก F* Manager [1] คนเก่ง บ่อยครั้งที่หล่อนได้ขึ้นไปห้องทำงานของธาฎาด้วยสถานการณ์แอบแฝงแบบนี้
แต่ใครในโรงแรมจะรู้กันล่ะว่าแท้ที่จริงแล้วระหว่างหล่อนกับเขามีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งบางอย่าง
ภายในห้องทำงานชั้นบนเกือบถึงชั้นรูฟท็อปด้านบน หรือ Sky lounge มีแผนกต่างๆ ที่สำคัญอยู่บนนี้ รวมทั้งห้องทำงานห้องใหญ่ ในนั้นมีผู้บริหารระดับสูงหรืออีกตำแหน่งคือ owner เจ้าของโรงแรมแห่งนี้
ปกติแล้วธาฎาจะประจำการอยู่ที่บริษัทธนไทยเกษมซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ที่นั่นจะดูแลทุกอย่างภายใต้แบรนด์ 'SUKKASEM' สุขเกษม ธุรกิจของเขาครอบคลุมไปทั้งโรงแรม ร้านอาหาร บ้านจัดสรร รวมทั้งคอนโดมิเนียมอีกหลายโครง นี่ยังไม่นับรวมกันกับธุรกิจย่อยที่เขาถือหุ้นส่วนอยู่อย่างโรงบาลของแม่ตนเองอีก แต่นั่นไม่ได้อยู่ในส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบหลัก
รายละเอียดเรื่องงานของธาฎา หล่อนค่อนข้างรู้ดีในระดับหนึ่ง ทุกครั้งที่มีปัญหา เขามักจะบ่นกับหล่อน ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับฟัง
ร่างอรชรในชุดพนักงานห้องอาหารของโรงแรมหรู เดินเข้าไปยังห้องที่หมายพร้อมด้วยถาดอาหารที่เขาสั่ง
หล่อนเข้ามาในนี้บ่อยจนชิน และคนอื่นก็ไม่ได้เอะใจหรือสงสัย คงจะเป็นเพราะทุกครั้งที่มา ย่อมมีของกินติดไม้ติดมือมาด้วยแบบนี้
“เอ้าหนิง เอาอาหารเช้ามาให้คุณทิมเหรอจ๊ะ”
“ค่ะพี่แหม่ม” มาลิกาเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของที่นี่ โต๊ะหล่อนอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องของทิมภพ ทุกครั้งที่มีแขกมาหาเจ้าของโรงแรม ย่อมอยู่ในสายตาของหล่อนเสมอ
“ทั้งห้องอาหารนี่มีแค่หนิงคนเดียวสินะ พี่ไม่เห็นใครเอาอาหารมาเสิร์ฟแทนหนิงเลย” สาวใหญ่แอบแซวอย่างไม่จริงจังนัก ทว่าคนฟังก็ยังแอบสะอึกอยู่เงียบๆ
“น้อง ๆ ไม่กล้ามากันหรอกค่ะ พี่แหม่มก็รู้”
“แหมหนิงก็ ให้พวกนั้นมาสัมผัสเองซะบ้าง จะใช้แต่หนิงทุกวันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ แล้วแบบนี้ถ้าเจอลูกค้าที่เข้มงวดมากกว่าคุณทิมขึ้นมาจะทำไงกัน? แค่นี้ยังกลัวกันเลย เด็กสมัยนี้นะ”
มาลิกาอดตำหนิเด็กเสิร์ฟในห้องอาหารไม่ได้ แทบจะทุกครั้งที่หล่อนเห็นนันนลินทร์เป็นคนยกถาดอาหารมาเสิร์ฟ ส่วน F* [2] คนอื่นๆ หัวหดกันไปหมด ด้วยความเกรงกลัวเจ้าของโรงแรม
“หนิงขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
ก็อกๆๆ
“อาหารค่ะ” ว่าพร้อมกับประเปิดตูเข้ามาด้านใน ก่อนจะนำอาหารวางเอาไว้บนโต๊ะทานข้าวขนาดพอเหมาะสำหรับสองที่นั่ง ภายในห้องทำงานของเขา หล่อนรู้แทบทุกซอกทุกมุมแล้ว
ฟุ่บ!
ฟอด~
“อื้ม! ไม่เอาค่ะ ห้องของคุณไม่ได้ล็อค” ทันใดนั้นหลังจากที่วางถาดอาหารเสร็จ ก็มีแขนแกร่งเข้ามาโอบรอบตัวจากทางด้านหลัง พร้อมกับฝังปลายจมูกคมลงบนที่แก้มนวล
“ก็ตัวเธอหอมนี่”
“คุณทิม แต่คนข้างนอกยังอยู่เยอะค่ะ” แม้จะอยากห้ามธาฎา ทว่าก็รู้ดีว่าคงห้ามอะไรเขาไม่ได้
“บอกแล้วไงว่าไม่มีใครกล้าเข้ามา ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” จริงอย่างที่เขาบอก หากไม่ได้รับคำสั่ง ใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้ เว้นก็แต่... ใครบางคนที่สำคัญสำหรับเขา
“วันนี้คุณจะกลับไปนอนบ้านเหรอคะ?”
“อืม คุณแม่ไม่สบาย รบกวนน้องแพรบ่อยๆ ก็ไม่ดี”
“ค่ะ”
แพร หรือว่า แพรไหมที่เขากำลังพูดถึง เป็นคู่หมั้นของเขา และกำลังจะเป็นว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของเขา ส่วนหล่อน... เป็นได้แค่คู่นอน ที่ต้องคอยอ้าขาให้เขาเอาบนเตียงทุกคืนที่ต้องการ
‘กลับไปทำงานที่ไทยกับฉันไหม?’
‘ได้เหรอคะ?’
‘ได้สิ... ทำไมจะไม่ได้ ที่นั่นต้องการพนักงานหลายอัตรา’
‘หนิงจะเชื่อคุณได้ยังไง?’
‘ฉันเป็นเจ้าของโรงแรมแบรนด์นี้ และมีสาขาหลักที่ไทย นี่นามบัตร หากเธอตอบตกลง... ฉันมีอีกข้อเสนอให้เธอด้วย’
ข้อเสนอที่หล่อนยังทำจนถึงทุกวันนี้ก็คือการเป็นนางบำเรอลับๆ หล่อนเขา ที่ผ่านมาธาฎาให้ขอบเขตความสำพันธ์ของหล่อนกับเขาได้แค่เรื่องบนเตียง
หล่อนจะไม่มีสิทธิ์ประกาศเรื่องนี้ให้ใครรับรู้ หรือสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตเขาในทุกรูปแบบ
หล่อนจะได้เงินตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ ในทุกๆ เดือนจะมีเงินโอนเข้าบัญชีหล่อน 6 หลัก ยังไม่รวมข้าวของเครื่องใช้ หรือกระเป๋าราคาแพงที่เขาซื้อให้อีก นับว่าเดือนๆ หนึ่งหล่อนมีรายได้เยอะมากทีเดียว
และที่สำคัญเมื่อไหร่ที่เขาแต่งงานกับแพรไหมแล้ว เมื่อนั้นสัญญาระหว่างหล่อนกับเขาถือว่าเป็นอันจบสิ้น
F* Manager [1] คือ Food and Beverage restaurant Manger หรือผู้จัดการห้องอาหารและเครื่องดื่ม
F* [2] คือ Food and Beverage มักใช้เรียกแทนพนักงานในแผนกห้องอาหาร
ตอนที่ 1/2ภายหลังจากที่ส่งข้าวส่งน้ำให้กับเจ้าของโรงแรมเสร็จสิ้น ร่างอรชรกลับมาประจำที่ห้องอาหาร ตอนนี้ใกล้จะถึงรอบ Lunch แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็คงมีลูกค้าเข้ามาทานอาหารหล่อนทำงานที่นี่มาได้ปีกว่า หลังจากที่เจอธาฎาในวันนั้น แม้จะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตเพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ทว่าเพื่อนร่วมงานหลายคน หากมีเรื่องอะไรที่สงสัยหรือขอความช่วยเหลือ หล่อนก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึง ไม่ใช่เพียงเพราะหล่อนเก่ง แต่ยังเป็นเพราะหล่อนสามารถเข้าใจปัญหาของเพื่อนร่วมงานหลายคนได้อย่างตรงจุดโดยที่ใช้ทัศนคติที่ดีแก้ไขปัญหาร่วมกันกับเพื่อนพนักงานในองค์กร เพราะแบบนี้ถึงได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นแห่งปีไปครอบครอง“พี่หนิง เดี๋ยวสักบ่ายโมงมีโต๊ะจอง M20 นะ” เสียงใสจากสาวรุ่นน้องเทรนนีที่เพิ่งเข้ามาฝึกงานในแผนกนี้เอ่ยบอก“โอเคจ้ะปลา แล้วจองมากี่ที่ เขาพักที่โรงแรมเราไหม?”“ไม่ได้พักค่ะ พี่จุ๋มเป็นคนรับเรื่องมา เห็นบอกว่าเป็นแขกของคุณธาฎานะคะ” น้องเทรนนีในแผนกมีหน้าที่แค่เดินมาบอกอีกที ส่วนคนที่รับเรื่องนี้มาก็คือจุฑารัตน์ หรือ จุ๋ม สาวโฮสเตสประจำแผนก FBพอสาวรุ่นน้องพูดชื่อธาฎาขึ้นมา คนฟังเลยอด
ตอนที่ 1/3ตกเย็นภายในวันเดียวกัน วันนี้นันนลินทร์กลับถึงคอนโดมิเนียมหรูเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าของนั้นบอกหล่อนล่วงหน้าแล้วว่าจะกลับไปนอนที่บ้านของเขา แพทย์หญิง บุษบา รักษ์สุขเกษม เป็นแม่ของธาฎา และท่านก็มีชื่อเสียงทั้งในวงการธุรกิจและวงการแพทย์ ด้วยความสามารถของท่านเองท่านเคยเป็นหมอรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลของท่านเอง ทว่าตอนนี้เกษียรออกมาทำหน้าที่บริหารงานด้านโรงพยาบาลแทน แม้ว่าจะไม่ได้รับเคสรักษาคนไข้แล้ว แต่ท่านก็ยังเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ได้อย่างผู้มีองค์ความรู้อันที่จริงหล่อนไม่เคยพูดคุยกับท่านโดยตรงแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่รับรู้เรื่องราวจากลูกชายของท่านเอง รวมทั้งพนักงานหลายคนในโรงแรมที่มีอายุงานมากหลายปี คนเหล่านั้นเคยคุ้นชินกับท่านเมื่อครั้นที่คุณโสพล รักษ์สุขเกษม สามีของแพทย์บุษบานั้นยังมีชีวิตอยู่และดำรงตำแหน่งเดียวกันลูกชายท่าน ก่อนที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่านจะจากไป เนื่องด้วยโรคประจำตัวร่างอรชรเดินทางกลับถึงภายในห้องไปที่เรียบร้อย เย็นวันนี้คงต้องพึ่งพาอาหารแบบเดลิเวอรี่ไปก่อน อย่างไรเสียคืนนี้เขาก็นอนที่บ้านเขาแล้ว คนที่ต้องรับบทแม่ครัวอย่างหล่อนจึงพลอยได้พักมือ เปลี่ยนรสชาติ
ตอนที่ 2/1“ขอบคุณสำหรับของขวัญนะพ่อทิม”“ครับ คุณน้า” ชายหนุ่มรุ่นลูกโค้งตัวลงเล็กน้อยให้แก่เจ้าของวันเกิดเขากับแพรไหมเดินทางมาถึงเขาใหญ่ก็จวนจะมืดค่ำเสียแล้ว คืนนี้เห็นทีคงต้องกลับไปนอนบ้านคุณย่าของเขาเอง“ไม่ได้เจอหน้าพ่อทิมนานแล้ว น้าว่าพ่อทิมดูดีขึ้นนะ” เมื่อก่อนเขาผอมกว่านี้มาก เพราะยังอยู่ในช่วงที่ทำงานหนักหลังจากที่คุณพ่อเสียไปครอบครัวของธาฎาได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัวของแพรไหมไม่ห่างหาย มันจึงทำให้เขาเห็นว่าในขณะที่เขาและครอบครัวกำลังเศร้าโศกกับการจากไปของโสภณ ยังมีกัลยาณมิตรที่ดีอย่างเช่นครอบครัวนี้ที่ช่วยซับพอร์ตในการให้กำลังใจอยู่เรื่อยมา“คุณน้าก็เช่นกันครับ ดูยิ้มแย้มสดใสกว่าแต่ก่อน สงสัยคงเป็นเพราะช่วงนี้รีสอร์ตดาวเหนือกำลังกลับมานิยมอีกครั้งใช่ไหมครับ?”ครอบครัวของแพรไหมเองก็มีกิจการรีสอร์ตและโฮมสเตย์เช่นกันกับธุรกิจของเขาที่เติบโตมาพร้อมๆ กัน ทว่าคนละกลุ่มเป้าหมายลูกค้ารีสอร์ตดาวเหนือเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ทำกันเองในครอบครัวของแพรไหม ส่วนของเขามันคือธุรกิจโรงแรมห้าและหกดาวขนาดใหญ่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด“แหม รีสอร์ตน้าก็มีแค่นี้แหละพ่อทิม แค่มีคนเข้าพักห้องสองห้องน้าดีใจ
ตอนที่ 2/2ช่วงดึกภายในวันเดียวกัน หลังจากที่ธาฎาอยู่ร่วมงานฉลองวันเกิด 'นางพิมพ์มุก' แม่ของคู่หมั้นตัวเองเสร็จแล้ว เขาขับรถเพียงไม่นานก็ถึงบ้าน 'นางรจรินทร์' ผู้เป็นย่า ซึ่งท่านอาศัยอยู่บ้านตากอากาศในเขาใหญ่ไม่ห่างไกลจากบ้านของนางพิมพ์มุกมากนักหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รักษ์สุขเกษม’ เป็นหลานชายคนโปรดของหญิงชราวัย 70 กว่าปี มาโดยตลอด ทายาทเพียงคนเดียวที่ท่านหวังเพิ่งพา ไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว หากลูกชายของท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะได้เห็นกับตาไปแล้วว่าธาฎานั้นสืบทอดธุรกิจของตระกูลได้ดีแค่ไหน“อ้าว คุณทิม... กลับมาซะดึกเชียวค่ะ” ป้าชม แม่บ้านคนเก่าแก่ของที่นี่รีบวิ่งมาต้อนรับทายาทเจ้าของบ้านหลังใหญ่ด้วยความกระตือรือร้นส่วนคนมาใหม่หันซ้ายขวามองหาผู้เป็นประมุขของบ้านอยู่สักพัก ไร้วี่แววของหญิงวัยเจ็ดสิบในตอนเกือบจะเที่ยงคืน ถึงได้รู้ว่าท่านคงเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้ทักถามหาท่านจากแม่บ้านคนสนิท“สวัสดีครับป้าชม พอดีว่าผมมางานวันเกิดน้าพิมพ์น่ะครับ ก็เลยแวะมาค้างที่นี่”“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วจะอยู่ค้างที่นี่กี่วันดี หรือจะกลับเช้าวันจันทร์เลยคะ?”วันนี้เป็นคืนวัน
ตอนที่ 2/3ในช่วงดินเนอร์ค่ำคืนที่ลูกค้าแน่นหนาเกือบเต็มห้องอาหารของโรงแรม พนักงานสาวอย่างนันนลินทร์รับหน้าที่เป็นโฮสเตสคอยดูแลลูกค้าในห้องอาหารอย่างที่เจ้าตัวถนัดแม้ด้านนอกจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางวิวเมืองกรุงอันศิวิไลซ์ติดริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นสะพานที่เด่นหราเชื่อมไปทางฝั่งธนบุรี ทว่าด้านในครัวกลับช่างแตกต่างกัน มีเสียงคนในครัวคอยประสานงานกันเรื่องอาหารที่ออกแต่ละโต๊ะ ทั้งตัวโฮสเตสเองที่จะต้องคอยสอดส่องความถูกต้องของออเดอร์ที่ตนเองเป็นคนดูแล เพื่อความถูกต้องและแม่นยำ และไม่ให้เกิดการคอมเพลนจากลูกค้าขึ้น“พี่ช้าง ออเดอร์โต๊ะ S7 เน้นย้ำเรื่องพริกนะคะ ทุกเมนูมีเด็กทานด้วยค่ะ”“คร้าบบบ น้องหนิง” เสียงดังก้องจาก Sous Chef ตอบรับคนที่บอกย้ำเมื่อประสานงานจากฝั่งครัวเสร็จสิ้น สาวโฮสเตสคนสวยก็มีหน้าที่ไปดูแลแขกอีกโต๊ะที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทันที แขกคนนี้สำคัญมาก เขาเป็นหนึ่งในแขก VIP ของห้องอาหารเลยเชียวล่ะ แทบจะมาทานทุกสัปดาห์มาบ่อยกว่าเจ้าของโรงแรมที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงานเสียอีก“สวัสดีค่ะ คุณนนท์ วันนี้มาแต่หัวค่ำจังเลยนะคะ” สาวสวยโฮสเตสกล่าวต้อนรับอย่างสนิท เพราะเขาคื
ตอนที่ 3/1ท้ายที่สุดนันนลินทร์ก็ยอมจำนนต่อคำเล้าลื้อจากนนทวัฒน์ ด้วยการให้อีกฝ่ายขับโรลส์รอยซ์สุดหรูมาส่งถึงที่ นันนลินทร์ยอมรับว่ายังคงกลัวเรื่องความเป็นส่วนตัวของใครบางคนที่ยังอยู่ต่างจังหวัด ทว่าตอนนี้หล่อนไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว“คุณหนิงอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอครับ?” สายตาคู่คมกวาดมองไปยังตึกสูงตรงหน้าผ่านทางกระจกรถ ขณะที่ชะความเร็วเพื่อจอดเทียบด้านล่างของตึกเขาไม่ได้มีเจตนาอยากจะดูถูกใคร แต่เท่าที่รู้คือตึกนี้ราคาต่อยูนิตมันค่อนข้างสูงเอาเรื่อง จะว่ากันตามตรงก็เป็นคอนโดฯ ที่ขายให้เฉพาะคนมีฐานะเท่านั้น“ดูสีหน้าคุณนนท์ตอนนี้คงไม่เชื่อน่าเชื่อใช่ไหมล่ะคะว่าหนิงจะอยู่ที่นี่”“เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แต่คือว่าผม...”“พอดีหนิงถูกจ้างให้ดูแลห้องแทนเจ้าของเขาน่ะค่ะ ตอนนี้เขาไปอยู่เมืองนอก” หล่อนไม่อยากจะโกหก เพียงแต่หาใช่เรื่องไม่ที่จะต้องพูดความจริง ว่าที่จริงแล้วหล่อนเป็นแค่นางบำเรอบนเตียงของใครอยู่นนทวัฒน์ดูท่าทางทางจะเชื่อในสิ่งที่หล่อนพูดแบบนี้ด้วยซ้ำ เขาผ่อนลมหายใจเบาๆ ออกมา แต่กระนั้นมันก็ยังดังพอที่ทำให้อีกฝ่ายได้ยิน เขาคงโล่งใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่หล่อนเองก็ไม่ทราบถึงสาเห
ตอนที่ 3/2'คุณหนิงกลับมาแล้วนะครับ เพิ่งถึงคอนโดฯ ตอนสองทุ่ม เห็นว่าคุณยุทธให้อยู่ทำโอทีต่อครับ' 'เหรอ แล้วกลับยังไง?''มีโรลสลอยด์คันสีดำมาส่งครับ ผมไม่รู้ว่าเป็นของใคร' ธาฎาใช้เวลาขับรถกลับมาที่กรุงเทพฯ ภายในไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง วันนี้แม้จะเป็นวันอาทิตย์ก็จริงอยู่ ทว่าสำหรับคู่หมั้นสาวของเขาแล้วการรับบทบาทเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลนั้นแทบจะไม่มีเวลาหยุดอย่างชาวบ้านเขานักดังนั้นจึงต้องออกจากเขาใหญ่แต่เช้ามืดด้วยกันทั้งคู่ “ขับรถดีๆ นะคะทิม วันหยุดก็นอนเต็มที่ล่ะ อย่าออกไปเที่ยวไหนเชียว”คนสั่งว่าอย่างไม่จริงจังทั้งยังเตรียมท่าลงจากรถ อันที่จริงหากคู่หมั้นหล่อนจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ขอเพียงแค่ไม่นอกลู่นอกทางก็พอหน้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ แพทย์หญิง บุษบา รักษ์สุขเกษม รับหน้าที่เป็น ผอ. ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งยังเป็นเจ้าของมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถือหุ้นในโรงพยาบาลทั้งหมด นับว่าท่านมีสิทธิ์อำนาจในการตัดสินใจมากกว่าใครทั้งหมดว่าที่สะใภ้ในอนาคตก็เป็นศัลยแพทย์ทรวงอก คุยเรื่องเดียวกันรู้เรื่องเข้ากันกับนางบุษบาแทบหาที่ติไม่ได้ ส่วนว่าที่เขยของทางฝั่งนั้นก็ใช่ย่อย
ตอนที่ 3/3คนที่กลับมาถึงคอนโดฯ ก่อน เริ่มนั่งไม่ติดที่ จะเดินไปมุมไหนของห้องก็ดูเหมือนว่าอยู่ไม่เป็นสุขเกือบ 3 ชั่วโมงได้แล้วที่เขามาถึง จนป่านนี้นันนลินทร์ยังไม่ยอมกลับ โทรหา หรือส่งข้อความไป ก็ยังไม่มีการตอบใดๆ กลับมา ธุระที่ออกไปทำมันนานมากขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ยอมกลับมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ก็ปาไปแล้วเที่ยงวัน“จะไปไหนก็ไม่บอก”คนรอก็ได้แต่ชักสีหน้าหงุดหงิดไปคนเดียวอยู่แบบนั้น เขากลับมาจากเขาใหญ่จนถึงตอนนี้ ข้าวเม็ดเดียวยังไม่ตกถึงท้อง วันนี้เป็นหยุดแท้ๆ นันนลินทร์ควรจะรอเขาอยู่ที่นี่ ไม่ควรออกไปไหน หรือถ้าจะไปจริงๆ ก็ควรบอกให้เคลียร์และขออนุญาตก่อน ไม่ใช่ส่งข้อความมาสั้นๆ และหายจากการติดต่อไปเลยครึ่งวัน‘หนิงขอออกไปทำธุระข้างนอกครึ่งวันนะคะ’ครึ่งวันหมายถึงจะกลับมาตอนเที่ยงใช่หรือไม่ นี่เขาก้มมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองเป็นรอบที่ 3 แล้ว ตั้งแต่มาถึง เหลืออีกแค่สิบนาทีก็จะบ่ายโมงอยู่รอมร่อ เขาควรจะจัดการเช่นไรกับคนดื้อรั้นทำตามอำเภอใจตัวเองดีแล้วที่ผ่านมาตลอดเวลาที่เขามักกลับไปพักผ่อนที่บ้านคุณย่าที่เขาใหญ่บ่อยครั้ง หล่อนมักแอบทำเช่นนี้อย่างนั้นหรือไม่“หรือฉันตามใจเธอเกินไปแล
The end6 เดือนต่อมาบรรยากาศที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งของไทย ที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาวเต็มไปด้วยความงดงาม บ้านพักตากอากาศของคุณย่าของธาฎาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สดหลากสีสัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นและโรแมนติกสำหรับงานแต่งงานธาฎาในชุดสูทสีขาว เดินตรวจดูความเรียบร้อยของงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและความสุขทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่วันแต่งงานของเขา แต่เป็นวันที่เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่เขารักที่สุดนันนลินทร์ยืนอยู่ในห้องแต่งตัว สวมชุดเจ้าสาวสีขาวเรียบหรูที่มีลูกไม้ประดับอย่างประณีต หล่อนหันมองตัวเองในกระจก มือแตะท้องเบาๆ ราวกับย้ำกับตัวเองว่าทุกอย่างที่ผ่านมาคือเรื่องจริงนางนิรณียืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยจัดชายกระโปรงและให้กำลังใจลูกสาว “แม่ภูมิใจในตัวหนิงนะลูก วันนี้ลูกดูสวยที่สุดเลย”นันนลินทร์หันมายิ้ม “ขอบคุณนะคะแม่ ถ้าไม่มีแม่ หนิงคงไม่มีวันนี้”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คุณเยาว์และสุชาฎาจะเดินเข้ามา พร้อมกับหยุดมองหล่อนราวกับตกตะลึงในความงาม พวกเธอเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกไปจับมือหล่อนเบาๆ“คุณหนิง…สวยมากเลยค่ะ” นันน
ตอนที่ 32/31 สัปดาห์ถัดมา นางนิรณีมาอยู่ดูแลลูกสาวในช่วงเช้า สัปดาห์ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าธาฎาแวะเวียนมาทำคะแนนกับนันนลินทร์ลูกสาวเธอแบบไม่ว่างเว้นเธอเองก็ยอมเปิดทางให้ ถึงได้ไม่ค่อยแวะมาหาลูกสาวที่โรงพยาบาล จนกระทั่งวันนี้มีคำสั่งจากหมอเจ้าของไข้แล้วว่าอาการของนันนลินทร์นั้นดีขึ้นมากแล้ว และสามารถออกจากโรงพยาบาลไปได้ส่วนหลังจากนี้นันนลินทร์อาจจะยังต้องใช้ไม้เท้าเพื่อพยุงตัวไปก่อน จนกว่าอาการจะหายเป็นปกตินางนิรณีนั่งลงข้างเตียง มองสำรวจใบหน้าลูกสาวอย่างพิจารณา “ดูดีขึ้นเยอะเลยนะลูก ดีใจไหมจะได้ออกจากโรงบาลแล้วนะ”คำถามนั้นทำให้นันนลินทร์ชะงัก หล่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก “ดีใจสิคะแม่”“ดีแล้ว แม่อย่กจะให้หนิงดู ว่าบ้านที่แม่ซื้อไว้ที่นี่นั้นสวยมากแค่ไหน ถ้าหากเราฟ้องศาลชนะ...อัญญามาอยู่ที่นี่กับเรา แม่จะทำห้องสวยๆ ให้อัญญา”นางนิรณีพูดแฝงไปด้วยเลสนัย เธออยากรู้ตอนนี้ในใจของลูกสาวตนเองจะคิดเห็นเช่นไร กับเรื่องที่เคยอยากจะทำ “ธาฎาจะได้รับกรรม เหมือที่หนูเคยบอก” เธอพูดขยี้ให้ลูกสาวได้รู้สึกตัวไปอีก“แม่คะ...คือหนิง”“ว่าไงล่ะลูก? แม่น่ะคุยกับคุณนนท์เขาแล้วนะลูก”คำพูดของผู้เป็นแม่
ตอนที่ 32/2 หล่อนหลุบตามองพื้นอย่างครุ่นคิด ภายในใจมีทั้งความลังเลและความหวังที่แทรกเข้ามาในเสี้ยววินาที“ฉัน...ฉันยังตอบคุณไม่ได้ตอนนี้หรอก” นันนลินทร์พูดเสียงเบา “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา คุณเองก็ทำตัวดีๆ ก็แล้วกัน”ธาฎายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้า เขาดีใจไม่ใช่น้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น นันนลินทร์พูดราวกับว่าหล่อนกำลังบอกกลายๆ ว่าหล่อนให้โอกาสเขาแล้ว“เมื่อกี้เธอหมายความว่าไง?” ร่างสูงผละจากเปลนอนลูกน้อยเมื่อเห็นว่าลูกหลับสนิทแล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้คนป่วยบนเตียง นันนลินทร์แอบถอนหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่เขาวงกตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง“ก็ตามที่พูด...คุณเข้าใจยากตรงไหน?” “ไม่...หนิง ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม? เธอให้โอกาสฉันแล้ว” “ให้โอกาสแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำยังไงกับฉันเหมือนเดิมก็ได้”“ผมจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง...ทั้งเธอและลูก”แม้คำพูดของเขาจะดูมั่นคง แต่นันนลินทร์ยังไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองหวังมากเกินไป หล่อนเพียงมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะพยายามคว้าเอาไม้เท้าที่อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อหวังจะทาง ทว่าหล่อนกลับคว้ามันไม่ถึง จนทำให้เขาต้อง
ตอนที่ 32/1เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงวัน ธาฎาป้อนอาหารลูกอีกครั้งจนอิ่ม โชคดีจริงๆ ที่เตรียมทั้งของใช้และอาหารมาพร้อมทุกอย่าง อัญญาจึงไม่งอแง คุณพ่อมือใหม่จัดการประกอบเปลนอนแบบพกพาสำหรับเด็กขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วย เขามุ่งมั่นทำมันด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันที่เจ้าของเปลนอนตัวจริงก็เริ่มตาเยิ้มลงมาก เป็นสัญญาณว่าอัญญานั้นง่วงเต็มที่แล้ว การกระทำของธาฎานั้นอยู่ในสายตาของคนที่กำลังกล่อมลูกนอนบนตัก หล่อนไม่คาดคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่พ่อของลูกมีความใส่ใจและทำทุกอย่างให้ลูกได้มากมาย ทั้งที่หน้าที่แบบนี้ส่วนมากจะเป็นแม่ของลูกทำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวไหนก็ตามแต่ สายตาคู่สวยมองเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังจำภาพในอดีตของผู้ชายคนนี้ได้ดี ภาพของเขาที่เย็นชา ดื้อรั้น และไม่เคยแยแสต่อคำขอร้องใดๆ ของหล่อน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากจนขนลุก“คุณทำเองเป็นหมดเลยเหรอ?” หล่อนถามขึ้นในขณะที่ลูบหัวลูกสาวเบาๆ ที่หลับคาตักธาฎาที่กำลังจัดหมอนในเปลให้เรียบร้อย หยุดมือชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแม่ของลูก“ฉันเคยเสียหลักครั้งหนึ่งตอนที่เธอจากไป วันๆ ไม่ยอมไปทำงาน กินแค่เหล้า เสเพไปวันๆ เพียงแค่อย
ตอนที่ 31/3เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาล ธาฎาก้าวลงจากรถพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขน เขาสะพายเป้เล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้ของอัญญาไว้เต็มแน่น หลังจากวันนี้อนุญาตให้เรืองฤทธิ์ สุชาฎา และคุณเยาว์ได้ออกไปใช้ชีวิต เที่ยวชมเมืองทะเลทรายแห่งนี้เขาใช้เวลาไม่นานนักก็เดินเข้าไปยังตึกพักฟื้นผู้ป่วยทันที อัญญาในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนยิ้มแย้มแจ่มใส มือเล็ก ๆ จับไหล่ของพ่อแน่น สายตาซุกซนของเธอชำเลืองมองรอบข้างด้วยความตื่นเต้น ธาฎาหันไปมองลูกสาว ยิ้มบาง ๆ ออกมา ถึงแม้ในใจเขาจะเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของนันนลินทร์ เขาหยุดยืนชั่วครู่ สูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือนันนลินทร์ที่เพิ่งตื่นและกำลังพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียงหันไปมองอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา“คุณมาทำไมอีก...” หล่อนถามเสียงแผ่ว แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่ได้ตอบในทันที แต่วางอัญญาลงบนเตียงข้าง ๆ หล่อนลูกสาวตัวน้อยแม้จะไม่เจอหน้าแม่มานาน แต่กลับมีความรู้สึกถึงสายใยผูกพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างเหนือความคาดหมายอัญญาโผเข้ากอดนันนลินทร์ หลังจากที่พ่อของเขาปล่อยลงใส่เตียง ใบ
ตอนที่ 31/2 น้ำตาของนันนลินทร์ไหลออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็แตกออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “คุณกลับไปเถอะ...” นันนลินทร์พูดเสียงสั่น พยายามสะกดอารมณ์ให้ตัวเองสงบลง แต่ก็ยากเกินไป หล่อนมองดูสภาพตนเองในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเหลิอเกิน ไม่อยากให้อัญญาจะต้องมาเห็นสภาพแม่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย “ทำไม?” “ก็ฉันบอกให้กลับก็คือกลับไง! พูดไม่รู้เรื่องเหรอ!?” หล่อนพูดทั้งน้ำตา พลางมองไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือใครสักคนที่อยู่แถวนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจมาทำให้เธอรู้สึกแย่นะ ฉันพาลูกมาให้กำลังใจเธอ ขอแค่ฉันกับลูกได้...” “ฮึกกก! กลับไป! อย่าพาลูกมาลำบากที่นี่” “ไม่...หนิง คือฉัน” “คุณพยาบาลคะ! ช่วยด้วยค่ะ!” เสียงเรียกของนันนลินทร์ดึงความสนใจจากพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงและรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นห่วง “มีอะไรให้ช่วยคะ คุณหนิง?” พยาบาลสาวต่างชาติถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาแสดงความกังวลกับกลุ่มคนไทยตรงหน้าที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนไข้ แม้ว่าจะฟังภาษาไทยไม่ออก ทว่าตามความรู้สึกของพยาบาลแล้ว พวกเขาน่าจะพูดยางอย่างให้กระทบกระเท
ตอนที่ 31/1เมื่อเครื่องบินลงจอดถึงปลายทาง ธาฎาก็รีบออกจากสนามบินพร้อมกับลูกน้อยและผู้ติดตาม เขาเอื้อมมือไปรับเจ้าตัวน้อยมาจากอ้อมกอดของพี่เลี้ยง ก่อนจะพากันเดินเข้ายังตัวสนามบินหลังจากที่มาถึงโรงพยาบาล ธาฎาก้าวออกจากรถด้วยท่าทางที่สงบ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขามองไปที่ตัวอาคารที่คุ้นเคย ซึ่งยังคงดูสงบเงียบเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยมาเยือน ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ซับซ้อน และเขาต้องการความเข้าใจจากนันนลินทร์มากมี่สุดสุชาฎาหันมามองเขาก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเบา “ว่านตื่นเต้นจังเลยค่ะ เราจะได้เจอคุณหนิงแล้ว” เมื่อเข้าไปถึงแผนกกายภาพบำบัด ธาฎาก็พบนันนลินทร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้วิลแชร์ ขณะที่ข้างกายยังมีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างใบหน้าของเธอยังดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่ ที่เขากำลังอุ้มลูกเดินเข้าไปใกล้ เหมือนหล่อนจะรู้ตัว ก่อนจะชะเง้อชายตามาหาเขานันนลินทร์เงยหน้าขึ้นมองธาฎา ดวงตาของหล่อน ดูเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อมองเห็นเจ้าตัวน้อย ที่ธาดากำลังอุ้มอยู่“คุณหนิง//คุณหนิง...” เสียงของสุชาดาและคุณเยาว์เอ่ยขึ้นพร้อมกันขณะที่เดินมาตามหลังธาฎา พวกเธอมองเห็นนันนลินทร
ตอนที่ 30/3 เสียงเครื่องบินส่วนตัวที่แตะพื้นรันเวย์นำธาฎา ชายหนุ่มไฮโซนักธุรกิจหมื่นล้านกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขณะก้าวลงจากเครื่อง เรืองฤทธิ์ยืนรออยู่ด้านล่าง ขณะที่เขาก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ“รถพร้อมแล้วครับ” เรืองฤทธิ์รายงานธาฎาเพียงพยักหน้า สายตาเหยียดตรงไปยังเป้าหมายในใจ ก่อนที่เขาจะถามน้ำเสียงเย็นเยียบ“ถ้าไม่ติดว่าคู่ค้าอยากจะเซ็นสัญฐาเลยนะ จ้างให้ฉันก็ไม่กลับมาง่ายๆ หรอก”“ใจเย็นๆ ก่อนครับนาย คุณนันนลินทน์เธอคงไม่หายไปไหนหรอกครับ กลับไทยมาก็ดีนะครับผมว่า ป่านนี้คุณหนูอัญญาคงเหงาแย่แล้ว” “จริงสินะ ลูกสาวของฉันคงจะคิดถึงฉันมากแน่เลย” หลังเสร็จสิ้นธุระสำคัญในบริษัท ธาฎากลับมาที่บ้านทันทีเพื่อพบลูกสาว เสียงเล็ก ๆ ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น อัญญากำลังคลานไปมาตามพรม เล่นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่พี่เลี้ยงคอยดูแลร่างสูงเดินเข้าไปหาลูกสาว มือหนาเอื้อมช้อนร่างเล็กขึ้นมาเบา ๆ “อัญญา...”เด็กน้อยช้อนสายตามองพ่อ ก่อนจะยิ้มแฉ่งอย่างไร้เดียงสา พร้อมเอื้อมมือแตะใบหน้าของเขา“ป๊ะๆ...” อัญญาออกเสียงได้ไม่ชัด แต่เพียงคำเดียวก็ทำให้หัวใจของธาฎาพองโต“ป๊าคิดถึงลูกที่สุดเลยรู
ตอนที่ 30/2เรืองฤทธิ์นั่งมองหลักฐาน ที่หมอนพดลนำมาให้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความสงสัยที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ“นี่คือหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าแพรไหมเคยติดต่อผมก่อนการผ่าตัดคุณนันนลินทร์”หมอนพดลพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มั่นคง“เธอขอให้ผมทำสิ่งที่ขัดต่อจรรยาบรรณของแพทย์ โดยแลกกับเงินจำนวนมหาศาลและตำแหน่งที่สูงขึ้นในโรงพยาบาล ทั้งสองขู่เข็ญเรื่องจะปล่อยคลิปหลุดของลูกสาวผมด้วย”“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำ?” เรืองฤทธิ์ถาม น้ำเสียงแฝงความกังวล“เพราะผมยังมีจิตสำนึกอยู่ และโชคดีที่ผมมีหลานชายของคน ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าเขารู้จักกับคุณนันนลินทร์ แต่พอเขาโทรมาถาม เรื่องอาการ ป่วยต่างๆ ของคุณนันนลินทร์ ผมก็เลยตัดสินใจ ปรึกษาหลานชายของผม เพราะเห็นว่ายังไงเราสองคนก็ลงเรือเดียวกันแล้ว”หมอนพดลถอนหายใจยาวก่อนเล่าต่อ“นนทวัฒน์คือคนที่ช่วยผมวางแผนตลบหลังหมอแพร พวกเราจัดฉากว่าการผ่าตัดนั้นล้มเหลว และนันนลินทร์เสียชีวิตระหว่างการรักษา ทั้งที่จริง ๆ แล้วผมกับนนทวัฒน์ช่วยกันพาหล่อนออกจากโรงพยาบาลไปยังที่ปลอดภัย”เรืองฤทธิ์พยายามเก็บสีหน้าตัวเองเมื่อได้ยินความจริงอันน่าตกตะลึง ใจเขาเต็มไปด้วยคำถ