"พี่จัดการตามที่เห็นสมควรได้เลยครับ" "แกไม่ติดใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแน่นะ"ปลายสายถามอย่างต้องการความแน่ใจ "หึ ไม่แล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนั้นผมคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้วล่ะครับ"นัยน์ตาอ่อนแสงมองแผ่นหลังขาวนวลของผู้เป็นภรรยา ริมฝีปากหยักหนาขยับพูดกับคนในที่อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "แกใจเด็ดมากเลยรู้ไหมขุนเขา ฉันล่ะยอมรับในตัวของแกจริง ๆ " "อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้นครับ"ดวงตาคมกริบยังคงทอดมองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกชายวัยเจ็ดเดือนของเขาอยู่ ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อได้ออกมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากนอนอุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะด้วยอาการแพ้ท้องมาหลายเดือน สองเท้าเรียวเล็กถูกสวมด้วยรองเท้าแตะสีเดียวเข้ากับชุดคลุมสีขาวเดินก้าวไปตามหาดทายสีขาว ด้านหน้าของเธอนั้นคือท้องทะเลสีครามกับบรรยากาศในช่วงเย็น และอีกไม่กี่นาทีดวงตะวันก็คงจะลาลับขอบฟ้าก่อนจะเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นแสงจันทราแทน "ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงยังมีความรู้สึกดี ๆ หลงเหลือให้กับแฟนเก่าอยู่บ้าง" "ความรู้สึกพวกนั้นมันตายจากผมไปหมดแล้วครับ ตั้งแต่เรื่องที่เ
"ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาดครับคุณพ่อ" "นี่แกกล้าพูดคำคำนี้กับพ่ออย่างงั้นเหรอ'ขุนเขา'แกกล้าขัดคำสั่งของพ่อ แกอยากลองดีกับพ่อใช่ไหม"สีหน้าจริงจังของผู้เป็นพ่ออย่าง เจ้าสัวรังสิมันต์ ทำเอาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง'ขุนเขา'นั้นถึงกับต้องหลบสายตา ก่อนจะหันหน้าไปมองผู้เป็นแม่ที่นั่งจ้องมองมายังที่เขาด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง "คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อเรื่องนี้หน่อยสิครับ ผมยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน คุณแม่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมงานยุ่งมากแค่ไหน แล้วไหนจะรุ้งอีก ตอนนี้ความฝันของเธอกำลังไปได้ดีเลยนะครับ"คนเป็นแม่ที่ได้ยินคำพูดของลูกชายถึงกับต้องถอนหายใจออกมากับความโง่และไม่เอาไหนของลูกชายตัวเอง "ขุน ใครบอกลูก ว่าคุณที่พ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานด้วยคือนางม่านรุ้ง อะไรนั่น" "ถ้าไม่ใช้รุ้ง แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะให้ผมแต่งงานกับใครครับ แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะครับว่าผมจะไม่มีวันแต่งงานกับใคร ถ้าไม่ใช่รุ้งผู้หญิงที่ผมรัก" "เหอะ ผู้หญิงที่ฉันจะให้แกแต่งงานด้วย มีดีกว่าแม่นางแบบนั้นเป็นไหน ๆ แกจำใส่หัวสมองของแกเอาไว้ด้วยนะ ว่าฉันจะไม่มีวันรับแม่นางแบบนั้นเขามาเป็นลูกสะใภ้เด็ดขาด" "แม่ด้วย แม่จะไม่มีวันยอมร
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ โทรหามุกมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ""ต้องให้พ่อมีธุระก่อนใช่ไหม พ่อถึงจะโทรหาลูกได้""เปล่าหรอกค่ะ""น้ำเสียงตัดเพ้อของผู้เป็นพ่อทำให้เธอถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ"มุกลูก วันนี้เลิกงานแล้วลูกเข้ามาหาพ่อที่บ้านใหญ่ด้วยนะ""แค่นี่ใช้ไหมคะ""เอ่อคือว่า"เสียงของเจ้าสัวธนินท์เงียบหายไป ก่อนที่จะมีประโยคคำพูดหนึ่งของผู้เป็นพ่อดังเข้ามาในสาย"อย่าทำงานให้หนักมากนะลูก พักผ่อนบ้าง พ่อเป็นห่วง พ่อรักหนูนะลูกปิ่นมุก"ประโยคที่พูดออกมารัว ๆ จนแทนจะฟังไม่ทัน ก่อนที่ปลายสายจะวางสายไป แต่ประโยคเหล่านั้นกลับทำให้คนที่ได้ยินมันถึงกับต้องยิ้มออกมา"หนูก็รักพ่อค่ะ"ดวงตากลมโตมองรูปครอบครัวที่ตั้งอยู่บนหน้าจอวอลเปเปอร์ รอยยิ้มของเธอที่นาน ๆ ครั้งจะได้ยิ้มออกมาให้ใครได้เห็น กำลังยิ้มให้กับภาพครอบครัวที่อบอุ่นของตัวเอง ก่อนจะวางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิมแล้วหันหน้ามาสนใจกับงานของตัวเองที่ยังค้างเอาไว้หลังจากที่เลิกงานปิ่นมุกก็รีบเก็บกระเป๋าและข้าวของสำคัญของตัวเองไปใส่ใสรถก่อนที่เธอจะขับออกไป มุ่งหน้าสู้ถนน ตอนเย็นแบบนี้จราจรคงไม่ต้องพูดถึง รถหลายคันต่างจอดติดกันยาวเป้นหางว่าวกว่าจะขับรถมาถึงบ้านข
ท่ามกลางทรายหาดสีขาวสะอาดตา น้ำทะเลสีฟ้าใสสามาถเห็นตัวปลาที่แหวกว้ายด้วยตาเปล่า แรงลมที่พัดเข้าชายฟังไม่ใช่อุปสรรคของการทำงานอย่างมืออาชีพอของ'ม่านรุ้ง'นางแบบที่กำลังมาแรงในตอนนี้ หุ่นเพรียวบางที่มีเพียงชุดทูพีชสีแดงสดนั้น มันช่างดูเซ็กซี่ในสายตาของใครหลายต่อหลายคน ทรวดทรงองค์เอวบิดกายไปมายามเมื่อตากล้องสั่งให้เธอโพสต์ท่าตามคอนเซ็ปต์ที่วางเอาไว้ ร่างขาวนวลนอนลงไปบนหาดทราย ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะฉีกกว้าง เนินนางที่ถูกปิดเอาไว้ใต้ร่มผ้าแทบจะเผยอ้าออกมาให้ตากล้องหรือทุกคนที่ยืนอยู่ได้จ้องมอง เปลือกตาที่กรีดด้วยอายไลเนอร์สีเข้ม มันช่วยเพิ่มให้ดวงตาคู่สวยคมเข้มและสามารถสะกดชายทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ได้ "เสร็จแล้วครับ เชิญคุณรุ้งเปลี่ยนชุดของเซ็ตต่อไปได้เลย" "รุ้งขอดูรูปเซ็ตนี้ได้หรือเปล่าคะ รุ้งอยากรู้ว่ามันจะสวยหรือเปล่า"ตากล้องถึงกับยกยิ้มมุมปาก เมื่อเขาเห็นสายตาเชิญชวนที่นางแบบดังส่งมา กายหนาที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ากางเกงขาสามส่วน แผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาแม่นางแบบดังถึงกับน้ำลายสอจนต้องซี๊ดปาก "นี่ครับ รูปทั้งหมดของคุณรุ้ง"ภาพที่เธอโพสต์ท่าต่าง ๆ นา ๆอยู่ในกล้องคู่ใจของตากล้องสุด
"สนใจที่จะเก็บผมไว้เล่นในยามเหงาไหมครับ" "อยากจะเป็นคนในความลับรู้ใช่ไหมว่าต้องทำตัวยังไง"เพราะทุกคนในประเทศต่างก็รู้ว่าเธอกำลังคบหาอยู่กับ ขุนเขา ลูกชายของเจ้าสัวรังสิมันต์ ความเพรียบพร้อมในทุก ๆ ด้านของขุนเขานั้นมันจะทำให้เธอมีชีวิตที่สุขสบาย และมีงานวิ่งเข้ามาหาเธอมากมาย "รู้ตัวครับ แค่คุณไม่ลืมผมก็พอแล้ว" "นายเด็ดขนาดนี้ ฉันจะลืมลงได้ยังไงล่ะ จริงไหม"สายตาที่ทั้งสองสื่อสารกันไปมามันมีความหมายของความต้องการแอบแฝงอยู่ในนั้น ซึ่งไม่นานศึกรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งก่อนที่ม่านรุ้งจะหมดแรงและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องเข้ามาหลายสายทำให้ ม่านรุ้งที่นอนหมดสภาพลุกขึ้นจากที่นอนมากดรับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "จะโทรมาทำไมนักหนาเนี่ยคนจะหลับจะนอน" "แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนให้ยายรุ้ง คุณขุนเขา เขาโทรหาแกตั้งไม่รู้กี่สิบสายทำไมแกไม่รับสายเขาห้ะ"ดวงตาที่จะหลับแหล่มิหลับแหล่ในตอนแรกถึงกับเบิกโพลง เมื่อได้ยินในสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดออกมา ม่านรุ้งถึงกับรีบก้าวขาลงจากเตียงรีบเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาใส่อย่างรีบร้อนก่อนที่จะเปิดประต
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ "โทรตามไอ้ขุนได้หรือยังคุณหญิง""ยังเลยค่ะ ฉันโทรไปเท่าไหร่ลูกชายตัวดีของคุณพี่ก็ไม่รับ"ว่าแล้วก็กดต่อสายหาลูกชายอีกครั้ง และครั้งนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ไม่มีคนรับสาย"ชักจะเอาใหญ่ สงสัยไปหมกตัวอยู่กับแม่นางแบบนั้นอีกแน่นอน""เราจะทำยังไงดีคะคุณ ฉันล่ะไม่ชอบแม่นางแบบนั้นเอาเสียเลย""รอดูไปก่อน ถ้าหลังจากงานแต่งงานแล้วไอ้ขุนมันยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับแม่นางแบบคนนั้น เดี๋ยวผมจัดการเอง"เพราะเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมาทำลายชีวิตคู่ของลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาพัง ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรคงต้องข้ามศพของเขาไปก่อน"ฉันล่ะกังวลจริง ๆ ค่ะ กลัวว่าลูกชายตัวดีของเราจะดึงนางผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเสียเอง""ก็ให้มันรู้ไป ว่ามันจะเห็นกรวดทรายดีกว่าเพชรพลอย"ถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันรับผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ให้เสียชื่อวงศ์ตระกูลเด็ดขาด"คุณโทรไปบอกคุณโชคด้วยว่าพรุ่งนี้ให้เข้ามาพบผมที่นี่และให้พาเจ้าหน้าที่เขตมาด้วย ผมจะจับไอ้ขุนให้มันจดทะเบียนสมรสกับหนูปิ่นมุก"ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกเขาว่าผู้หญิงคนนั้นไม่คิดที่จะออกไปจากชีวิตของลูกชายเขาง่าย ๆ แน่ จึงทำให้เขาต
รถตู้สำหรับครอบครัวแล่นเข้ามาจอดในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่บริเวณโดยรอบตกแต่งได้อย่างหน้าอยู่และลงตัวกลมกลืนกับตัวคฤหาสน์หลังสีขาวสะอาดตา"ถึงแล้วลูก"นี่คือเสียงของผู้เป็นพ่อที่ดังขึ้นก่อนที่ประตูรถจะเปิดออก"ไม่ต้องกังวลอะไรนะลูก แม่จะคอยอยู่ข้าง ๆหนูเอง"ปิ่นมุกได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้พูดเป็นแม่ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถ ร่างบางของปิ่นมุกในวันนี้อยู่ในชุดเดรสสีขาวมุกซึ่งชุดนี้เป็นชุดแบรนด์ที่เธอออกแบบขึ้น ซึ่งชุดนี้สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายเรียกได้ว่าเพียงแค่สามวันเท่านั้นชุดที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ถูกขายจนหมดเรียบ นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอภาคภูมิใจไม่เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนด้านนี้มา"มากันแล้วเหรอวะ"ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมเข้มเดินออกมาต้อนรับ ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวรังสิมันต์นั้นเองที่เดินออกมาต้อนรับเพื่อนสนิท "ถ้ากูไม่มามึงก็คงไม่เห็น""มึงนี่ยังกวนตีนกูไม่เคยเปลี่ยน"สองเพื่อนรักโผเข้ากอดกัน มิตรภาพของทั้งสองยาวนานมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย"นี่น่ะเหรอ หนูปิ่นมุกตัวสวยได้คุณหญิงจริง ๆ เลยนะครับ""คุณรังสิมันต์ก็ชมเกินไปนะคะ"เพียงเพ็ญถึงกับดีใจที่ใคร ๆ ก็ชมว่าลูกสาวสวยเ
ทะเบียนสมรสที่มีชื่อของทั้งสองปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษถูกยื่นไปให้กับสามีภรรยาป้ายแดงที่นั่งอยู่บนโซฟา ขุนเขาเพียงแค่ปรายสายตามองแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหยิบใบทะเบียนสมรส "ขอบคุณนะคะ"มือเรียวเล็กยื่นไปรับใบทะเบียนสมรส แววตาเรียบนิ่งมองชื่อของตัวเองก่อนที่จะเก็บใส่ซองใว้อย่างเป็นระเบียบ "เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีหมดทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นเชิญทุกคนไปทานข้าวเช้ากันดีกว่า แม่บ้านคงจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว" "เชิญทางนี้เลยค่ะ"ทุกคนเดินตามคุณหญิงของบ้านออกไป เหลือไว้แค่เพียงลูกชายกับผู้เป็นพ่อที่ยังคงยืนจ้องหน้าไม่ไปไหน "พ่อทำแบบนี้ทำไม พ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น" "แล้วแกอยากแต่งงานกับใคร แม่นางแบบนั่นน่ะเหรอ หึ อย่าฝันให้มันมากนัก" "พ่อจงเกลียดจงชังอะไรรุ้งเธอนักหนา" "แกยังไม่รู้จักสันดานของนางนั่นดีพอ ถ้าแกรู้จักนางนั่นดีแกจะไม่ถามคำถามแบบนี้กับพ่อ ขุนเขา"บางทีคนเป็นพ่อก็นึกเกลียดตัวเองเหมือนกันที่ความฉลาดของเขามันไม่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกชายได้ มันถึงได้หลงไหลแม่นางแบบคนนั้นจนหน้ามืดตามัวจนไม่เห็นความเลวของแม่นางแบบคนนั้นเลย แววตาฉายถึงความสงสัยว่าผู้เป็นพ่อของ
"พี่จัดการตามที่เห็นสมควรได้เลยครับ" "แกไม่ติดใจอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแน่นะ"ปลายสายถามอย่างต้องการความแน่ใจ "หึ ไม่แล้วล่ะครับ ผู้หญิงแบบนั้นผมคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกแล้วล่ะครับ"นัยน์ตาอ่อนแสงมองแผ่นหลังขาวนวลของผู้เป็นภรรยา ริมฝีปากหยักหนาขยับพูดกับคนในที่อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "แกใจเด็ดมากเลยรู้ไหมขุนเขา ฉันล่ะยอมรับในตัวของแกจริง ๆ " "อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้นครับ"ดวงตาคมกริบยังคงทอดมองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาที่กำลังอุ้มท้องลูกชายวัยเจ็ดเดือนของเขาอยู่ ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อได้ออกมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากนอนอุดอู้อยู่แต่บ้านเพราะด้วยอาการแพ้ท้องมาหลายเดือน สองเท้าเรียวเล็กถูกสวมด้วยรองเท้าแตะสีเดียวเข้ากับชุดคลุมสีขาวเดินก้าวไปตามหาดทายสีขาว ด้านหน้าของเธอนั้นคือท้องทะเลสีครามกับบรรยากาศในช่วงเย็น และอีกไม่กี่นาทีดวงตะวันก็คงจะลาลับขอบฟ้าก่อนจะเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นแสงจันทราแทน "ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงยังมีความรู้สึกดี ๆ หลงเหลือให้กับแฟนเก่าอยู่บ้าง" "ความรู้สึกพวกนั้นมันตายจากผมไปหมดแล้วครับ ตั้งแต่เรื่องที่เ
ความเงียบยังคงปกคลุมภายในห้องรับแขกเมื่อทั้งสองครอบครัวต่างนั่งมองหน้าสบตากันด้วยความหนักใจ เห็นแต่จะมีเพียงขุนเขาคนเดียวที่นั่งกระสับกระส่ายอย่างคนร้อนรุ่มอยู่ในใจ "ทุกคนเงียบกันทำไมครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีความคิดที่จะหย่ากับปิ่นเลยสักนิด ทุกคนก็รู้ ปิ่นเองก็รู้ดีว่าผมรักปิ่น"แววตาของเขาฉายแววแน่วแน่ยามเมื่อลอบมองเธอ "ขุนเขา ใจเย็น ๆ แล้วฟังหนูปิ่นพูดก่อนนะลูก" "เมียกำลังจะขอหย่าจะให้ผมใจเย็นได้ยังไงครับแม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์ถึงกับมีสีหน้าหนักใจ ไม่รู้วันนี้ลูกชายของตัวเองไปกินอะไรผิดสำแดงมา ถึงค้านหัวชนฝาไม่ฟังความอะไรเลย "ไอ้ขุน พ่อว่าแกใจเย็น ๆ ตามที่แม่แกบอกก่อนนะ แกเงียบปากให้หนูปิ่นได้พูดอะไรบ้าง แกเอาแต่แหกปากโวยวายแล้วหนูปิ่นจะมีโอกาสพูดได้อย่างไร" "พ่อไม่เป็นผมพ่อไม่เข้าใจหรอกว่าการที่จะต้องถูกเมียทิ้งมันเจ็บปวดขนาดไหน" "เห้อ อาการหนักแล้วลูกกู"เจ้าสัวรังสิมันต์ถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับการคิดเองเออเองของเจ้าลูกชาย "ขุนเขาลูก นั่งลงก่อนนะคะเด็กดี"คำพูดเปรียบดั่งสายน้ำเย็นเฉียบของคุณหญิงเพียงเพ็ญทำเอาคนเจ้าอารมณ์เริ่มสงบนิ่งลง เธอรู้ดีว่าการ
คำบอกรักในคืนวันนั้นก่อเกิดเป็นความรักอันแสนเปี่ยมล้นในวันนี้ ช่วงเวลาชั่งพัดผ่านไปเร็วเสียจริง ๆ แต่ก็นั่นเถอะความรักของทั้งเขาและเธอก็ยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ความกังวลหายไปจากใจเมื่อความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายถูกเปิดเผยกันออกมาอย่างหมดเปลือก ความรู้สึกของทั้งคู่ที่คิดตรงต่อกันนั้นมันทำให้ทั้งสองเปิดใจศึกษาเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่มากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตมองแท่งสีขาวที่อยู่ในมือ ไออุ่นไร้รูปร่างที่ไม่อาจจะบรรยายได้เอ่อล้นขึ้นมาเติมหัวใจทีละเล็ก ขีดสีแดงสองขีดนั้นมันทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นแม่ถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ ฝ่ามือเรียวเล็กอันสั่นเทาค่อย ๆ ยกขึ้นมาวางนาบบนหน้าท้องแบบราบซึ่งตอนนี้กำลังมีเจ้าก้อนความรักของเธออยู่ในนั้น หลังจากความเลวร้ายผ่านพ้นไป ชีวิตเธอก็เปรียบเหมือนเจ้าหญิงในนิยายที่มีเจ้าชายคอยดูแลเป็นอย่างดี ใครเล่าจะคิดว่าผู้ชายไม่เอาไหนอย่างขุนเขา จะเข้าไปบริหารงานในบริษัทจนทำให้ตอนนี้ตนเองเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการและผู้บริหารคนอื่น ๆ เมื่อเขาสามารถทำให้มูลค่าของกำไรไตรมาสของปีนี้เพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัว นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง สร้างความภูมิใจให้กับเจ้าสัวรังสิมันต์แ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ห้ะ แล้วนี่พี่มาเมืองไทยเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกผม"ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเท้าสะเอว น้ำเสียงติดเข้มเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ยืนเก๊กหล่อจิบเหล้าอย่างสบายใจ "ก็แค่มาพักผ่อน อีกสองสามวันเดี๋ยวก็กลับ" "อย่ามาโกหก คนที่มีงานกองเป็นภูเขาจนท่วมหัวอย่างพี่น่ะหรือจะมีเวลามาพักผ่อน"ดวงตาคมกริบมองพี่ชายด้วยสายตาจับผิด คนอย่างเซบาสเตียนเจ้าพ่อมาเฟียนะหรือมีเวลาว่างมาพักผ่อนถึงเมืองไทย ใครจะไปเชื่อลง "ตั้งแต่มีเมียรู้สึกว่าแกฉลาดมากขึ้นเลยนะขุนเขา" "นี่พี่คงไม่กำลังหลอกด่าผมอยู่ใช่หรือเปล่า" "ก็แล้วแต่แกจะคิด"เซบาสเตียนยกไหล่ทั้งสองข้าง ฝ่าเท้าใหญ่ก้าวมายังโซฟาสีขาวตรงกลางห้อง ร่างกำยำกระแทกตัวนั่งลงจิบเหล้าในแก้วอย่างสบายใจ ต่างจากน้องชายอีกคนที่ยืนมองเขาหน้าตูม "พี่ใช่ไหมที่เป็นคนส่งข้อความบ้า ๆ นั่นไปหาผม" "ใช่ ฉันเป็นคนส่งไปเอง"คำตอบของเซบาสเตียนทำเอาอารมณ์ของขุนเขาเดือดพล่าน ขายาว ๆ ทั้งสองข้างก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างถึงขีดสุด มือที่ถือปืนถึงกับเกิดอาการสั่นจนทำเขาต้องควบคุมมันเอาไว้ "แล้วตอนนี้เมียผมอยู่ที่ไหน พี่ได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า" "แ
"พวกโง่ แค่เมียกูคนเดียวยังไม่มีปัญญาหาเจอ"ใบหน้าสง่างามของขุนเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย แววตาเกรี้ยวกราดกวาดมองลูกน้องของตัวเองที่เรียงแถวยืนก้มหน้าไม่กล้าสบสายตา ภายในห้องรับแขกชั่งร้อนระอุดังกับมีเปลวเพลิงสุมอยู่ เหล่าลูกน้องแทบจะก้มหน้าจนติดกับพื้น เมื่อเจ้านายตัวเองมองพวกเขาราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้น ๆ "พวกผมขอโทษครับนาย แต่แถวนั้นมืดมากเราไม่สามารถเห็นรถต้องสงสัยหรือว่าสิ่งที่น่าเป็นพิรุธได้เลยครับ" "ดึกแบบนั้นมันจะมีรถกี่คันวิ่งออกจากโรงแรมล่ะไอ้พวกโง่ ไปเลยนะพวกมึงไปตามหาตัวของเมียกูให้เจอ ถ้าพวกมึงไม่เจอก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก"สีหน้าดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเราลูกน้อง ทำเอาการ์ดนับสิบต้องรีบวิ่งออกไปจากห้องรับแขก "ไอ้พวกโง่"ร่างหนาใหญ่กระแทกตัวลงนั่งลงบนโซฟาอย่างกลัดกลุ้มใจ เพราะไม่รู้ว่าเมียของเขาหายตัวไปไหน เดินกลับมาที่รถก็เห็นข้าวของมากมายหล่นกระจายอยู่ข้างรถ ไร้วี่แววของคนเป็นภรรยา ในใจมันร้อนรุ่มกลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรหรือจะได้รับอันตราย จนต้องเกณฑ์ลูกน้องออกตามหา แต่มันก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะมุมจอดรถของเขากล้องวงจรปิดดันมาเสีย แถมลานจอดรถตอนนั้นยังไร้
ย้อนกลับไป ยามรุ่งเช้าของวันเดียวกัน ณ โกดังท่าเรือส่งสินค้า ของ ตระกูล สุริยะศิวา ซ่า น้ำสีขุนถังใหญ่ถูกสาดลงไปบนร่างเย้ายวนของคนหลับใหลอยู่บนพื้น ความเย็นบวกกับกลิ่นเหม็นทำให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ กรี๊ด "อ๊าย นี่มันอะไรกับเนี่ย ไอ้พวกบ้าพวกแกเล่นอะไรกัน"เสียงกรีดร้องโวยวายตามเมื่อได้ลืมตาตื่น ร่างเปียกปอนลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเพราะว่ามือทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังมัดติดกันเอาไว้ กรี๊ด "นี่มันอะไรกัน พวกแกมันฉันไว้ทำไม แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดใส่ชายชุดดำร่างใหญ่ ซึ่งเธอจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของเซบาสเตียน "เซบาสเตียน คุณอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"นี่เขาต้องการเล่นบ้าอะไรกันทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากได้ตัวของปิ่นมุกก็จะปล่อยเธอไป "จะเสียงดังไปทำไมกัน ไม่เจ็บคอหรือไง" "นี่คุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่ แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้เลยนะเซบาสเตียน"ดวงตาดุร้ายจ้องมองไปยังชายร่างกำยำที่เดินออกมาจากมุมมืด แววตาดุร้ายแฝงไปด้วยความอำมหิตโหดเหี้ยมมันทำให้คนแหกปากร้องในตอนแรกสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว แววตานี้มันเหมือนกับแววตาที่เขาให้มอ
เปลือกตาอันแสนหนักอึ้งค่อย ๆ เปิดขึ้นหลังจากหลับใหลมาร่วมหลายชั่วโมง ความเจ็บตรงบริเวณท้ายทอยทำให้เปลือกตาบางต้องปิดลงอีกครั้งก่อนจะเปิดขึ้น เพดานขาวสะอาดตา คือสิ่งแรกยามเมื่อเปิดเปลือกตาเห็น กลิ่นอายภายในห้องนอนของบุรุษเพศมันทำให้เธอต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ภายในห้องนอนตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตาแต่ยังคงแฝงไปด้วยความหรูหราชนิดที่ว่าเธอต้องอ้าปากค้าง ริมฝีปากเรียวเล็กขบเม้มเข้าหาสายตากวาดมองไปทั่วทั้งห้อง ที่นี่มันไม่ใช่ห้องของเธอ และมันก็ไม่ใช่ห้องของขุนเขา แล้วนี่มันเป็นห้องของใครกัน ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยอย่างปิดไม่มิด เธอจำได้ว่าหลังจากเสร็จงานเธอกำลังเอาของมาเก็บที่รถของขุนเขา แล้วก็โดนชายชุดดำพร้อมกับร่างของม่านรุ้งเข้ามากระชากแขนแล้วหลังจากนั้นก็ไม่สามารถจำอะไรได้อีกเลยทุกอย่างมันดับมืด รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในห้องนอนของใครก็ไม่รู้ แกร๊ก แอด "ตื่นแล้วเหรอคะคุณผู้หญิง"ผู้หญิงในชุดแม่บ้านเดินเข้ามาในห้องนอนอย่างที่ปิ่นมุกไม่ได้ทันตั้งตัว ความกลัวมันทำให้เธอต้องขยับตัวถอนหนีจนแผ่นหลังแนบชิดติดกับหัวเตียง ดวงตากลมโตมองแม่บ้านสาวด้วยความหวาดระแวง "ไม่ต้องกลัวดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันไม่มีวันคิ
สายตาฉ่ำหวานทอดมองไปยังชายหนุ่มรูปหล่อ ริมฝีปากกระตุกยิ้มใบหน้าหวานเชิดขึ้นเพราะคิดว่ายังไง ๆ ชายหนุ่มก็คงยังไม่หมดรักเธอ และเขาก็จะกลับมาหาเธอตามที่เคยได้สัญญาเอาไว้ ถึงจะมีข่าวในทางไม่ดีออกมาขุนเขาก็ต้องรับในตัวตนของเธอได้ ใช้มารยาหลอกล่อนิด ๆ หน่อยคนโง่งมงายก็เชื่อคำพูดหวาน ๆ ง่ายดายเหมือนกับอดีตที่แล้วมา 'แต่เธอคงจะลืมไปแล้วว่า กาลเวลาเปลี่ยนไปก็ทำให้ใจคนเปลี่ยนไปเหมือนกัน' "เราไปจากตรงนี้ดีกว่าครับปิ่น ผมได้กลิ่นไม่ค่อยจะดี"ฝ่ามือหนาเอื้อมไปคว้ามือเรียวเล็กกุมเอาไว้ นัยน์ตาสีดำสนิทสาดแววลุ่มลึกจ้องมองหน้าหญิงสาวอีกคนอย่างไร้ความรู้สึกอีกต่อไป "จะรีบไปไหนละคะขุน ไม่ดีใจหรือยังไงคะที่รุ้งกลับมา"สองเท้าบนส้นสูงขนาดห้านิ้วก้าวขายาวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาทอประกายวาววับราวกับไข่มุกกวาดมองไปทั่วทั้งร่างกายกำยำ ฝ่ามือเรียวเล็กหมายจะเอื้อมไปแตะแขนล่ำซำแต่ก็ถูกฝ่ามือใหญ่ปัดออกไป ใบหน้าหล่อเหลาแสดงท่าทีรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาม่านรุ้งถึงกับหน้าซีกเผือก แขกในงานเริ่มหันมามอง ทำเอาม่านรุ้งต้องรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าโดยทันที "ไม่เอาสิคะขุน อย่าทำกับรุ้งแบบนี้สิคะ ไม่น่ารักเ
ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ถูกออแกไนซ์ชื่อดังเนรมิตงานเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ออกมาได้ตามความต้องการของผู้จัดงาน ด้านหน้าของงานจะมีหุ่นจำลองโดยมีชุดเสื้อผ้าหลากหลายรูปสวมทับมันเอาไว้ เสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ของปีนี้ตอบโจทย์คุณผู้หญิงทุกช่วงวัย มีทั้งของวัยรุ่นทั่วไป วัยทำงาน และปีนี้เธอต้องการวางแผนพุ่งเป้าไปยังเหล่าคุณหญิงคุณนายที่มีอายุแค่ยังคงรักความสวยงาม ไลฟสไตล์เสื้อผ้าของปีนี้เธอจะมีทั้งแนวสาวหวาน และแนวผู้หญิงชอบแต่งตัวลุ๊คเซ็กซี่ยังคงมีความหรูหราแอบแฝง แขกทุกคนต่างมองชุดเหล่านั้นด้วยความสนใจ เพราะทุกครั้งเจ้าของแบรนด์จะออกแบบชุดออกมาอย่างไม่ซ้ำใคร และครั้งนี้เองก็เช่นกัน ปิ่นมุกถือว่าเป็นผู้นำด้านเสื้อผ้าคนหนึ่งของประเทศไทยในตอนนี้ ซึ่งกว่าเธอจะมายืนอยู่ถึง จุดจุดนี่มันไม่ได้ง่าย ต้องผ่านอะไรมามากมายจนบางครั้งเธอรู้สึกเหนื่อย แต่ด้วยใจรักจึงต้องฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นจนได้มามีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองดั่งทุกวันนี้ 'หนูปิ่นมุกนี่เก็งจังเลยนะ ออกแบบเสื้อผ้าได้สวยเชียว เห็นทีดิฉันต้องไปสมัครเป็นลูกค้าประจำเสียแล้วสิ' 'นั่นสิคะ ดิฉันเห็นแล้วอยากจะกวาดซื้อไปให้หมดเลยค่ะ สวยทุกชุดเลย